หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 68 สองพี่น้อง
เพียงปราดสายตามองเกอซีสามารถจดจำเด็กทั้งสองได้ทันที ด้วยนั่นคือสองพี่น้องที่นางให้การช่วยเหลือไว้ที่หน้าโรงโอสถจีเชิงเมื่อวันวาน หากเทียบกับสภาพอนาถาเมื่อวันก่อนแล้ว ในวันนี้เด็กน้อยทั้งคู่กลับแลดูเรียบร้อยสะอาดสะอ้านกว่าเดิมด้วยปอยผมถูกสางขึ้นจนเผยให้เห็นดวงหน้าที่หมดจดของเด็กทั้งคู่
หนุ่มน้อยผู้นี้รูปร่างผอมเพรียว แผงคิ้วคมเข้มประดุจปลายกระบี่ ดวงตาทั้งคู่สุกใสสกาวดั่งหมู่ดวงดารา ขณะที่ใบหน้าของเด็กสาวนวลเนียนราวถูกสลักเสลาเมื่อประสานเข้ากับอาภรณ์สีหยกที่นางสวมใส่ให้ความรู้สึกที่น่ารักน่านิยมยิ่งนัก เด็กทั้งสองลุกขึ้นทันทีที่เกอซีย่างกรายใกล้เข้ามา ดวงตาที่สุกใสเปล่งปลั่งของคนทั้งคู่จับจ้องหญิงสาวอย่างเอาจริงเอาจัง
หนุ่มน้อยเป็นฝ่ายก้าวขึ้นมาพร้อมโค้งศีรษะลงด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณน้ำใจความเมตตาที่นายน้อยช่วยชีวิตข้าไว้เมื่อวันก่อน ข้าชื่อ อูชี่ และนี่คือ เซี่ยวหลี น้องสาวของข้า”
วันนี้ใบหน้าของเด็กสาวแจ่มใสด้อยเดียงสาไร้สิ้นร่องรอยแห่งความโศกดังเช่นวันวาน เด็กน้อยคอยหลบอยู่หลังพี่ชายด้วยท่าทีเหนียมอายก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างขวยเขิน “ขอบคุณน้ำใจท่านมากที่ช่วยพี่ชายข้าไว้เมื่อวันก่อน”
หากแต่เกอซีกลับขมวดคิ้วเข้มขึ้นทันทีขณะที่สายตายังคงจับจ้องมองคนทั้งคู่อย่างระแวดระวัง “พวกเจ้าตามข้ามาถึงสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร ?”
นางสามารถสลัดตนเองออกจากกลุ่มคนที่สะกดรอยตามจากโรงโอสถจีเชิงและโรงโอสถเซิงเต๋อได้ แม้กระทั่งชิงหลงที่ตามสะกดรอยมายังถูกนางจับเข้าจนได้ ทว่านางกลับถูกเด็กทั้งสองคนนี้ติดตามมาถึงประตูเรือนได้อย่างไร ?
ดูเหมือนหนุ่มน้อยอูชี่จะรับรู้ได้ถึงความไม่ไว้วางใจของเกอซี เด็กหนุ่มรีบรั้งร่างของสาวน้อยผู้ยืนเอียงอายหลบสายตาอยู่ด้านหลังออกมาเอ่ยอธิบาย “นายน้อย โปรดอย่าได้ระแวงพวกเราเลย เราหาได้มีเจตนาร้ายไม่ อีกทั้งพวกเราก็มิได้สะกดรอยตามท่านมา นี่เป็นด้วยพรสวรรค์อันมีมาแต่กำเนิดของเซี่ยวหลีน้องสาวข้า นางสามารถสื่อสารกับหมู่สัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายได้ นาง…..นางเอ่ยปากไถ่ถามหมู่แมลงและวิหกที่ซุกซ่อนตัวอยู่ตามเหลือบมุมในตัวเมืองจึงทราบได้ว่าท่านพำนักอยู่ในสถานที่แห่งนี้”
ได้ยินเช่นนั้นเกอซีกลับต้องตกตะลึง นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าใต้หล้านี้จะมีผู้สามารถสื่อสารกับหมู่สัตว์ได้จริง
ยามเมื่อสายตาของนางส่งตรงไปยังสองพี่น้องจึงได้เห็นใบหน้าแดงระเรื่อของเด็กหญิงผู้มีนามว่าเซี่ยวหลี ท่าทีของนางยังคงหวาดกลัวหากแต่มันกลับมิอาจปิดกั้นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณ และความชื่นชมนิยมที่มีอย่างมากล้นยามเมื่อนางจับจ้องกลับมายังเกอซี
เกอซีย่อมเข้าใจความคิดอ่านของเด็กน้อยผู้ด้อยเดียวสาได้อย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าผู้ใด ธำมรงค์หยกล้ำค่าย่อมนำพามาซึ่งหายนะ มากมายเท่าไรที่ผู้คนทั้งหลายต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายด้วยเหตุคือสมบัติอันทรงคุณค่า พรสวรรค์ล้ำเลิศแห่งผู้คนย่อมปลุกเร้าแรงริษยาหมายปองของมวลชน หากแต่หนุ่มน้อยผู้นี้กลับกล้าเผยความลับแก่นางอย่างไม่มีความลังเลแม้เพียงน้อย เขาเพียงหมายจะลดทอนความเคลือบแคลงสงสัยของนางเท่านั้นล่ะหรือ ?
ราวกับสามารถหยั่งรู้ความคิดอ่านภายในจิตใจของเกอซีได้ อูชี่รีบเอ่ยขึ้นทันใด “นายน้อยได้โปรดรับเซี่ยวหลีไว้ด้วยเถิด ชีวิตของนางจะได้อยู่รอดปลอดภัย”
ความสามารถของเซี่ยวหลีย่อมต้องนับว่าทรงพลังอำนาจอย่างแท้จริง นางสามารถสื่อสารได้กับทั้งหมู่มัจฉา เหล่าวิหก มวลสัตว์ป่า หมู่สัตว์น้อยใหญ่ทั่วพิภพ หากมือสังหารได้ฉกฉวยใช้ประโยชน์จากความสามารถนี้ในการค้นข้อมูลสืบเรื่องราวหาความจริงในแง่มุมต่าง ๆ ย่อมต้องนับว่านี่คืออาวุธชั้นยอดที่สมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง
เพียงทว่าโอกาสนั้นหรือจะร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า เกอซีหาได้เชื่อว่าในโลกนี้จะมีผลประโยชน์มหาศาลที่ไร้ค่าตอบแทน
หญิงสาวยังคงสงบท่าทีด้วยความสุขุมลุ่มลึก “พวกเจ้าย่อมรู้แก่ใจว่าข้าเป็นเพียงมนุษย์สามัญผู้ไร้สิ้นพลังยุทธ พลังฝีมือของข้านั้นย่อมไม่อาจเปรียบเทียบกับเจ้าได้ด้วยซ้ำ เหตุใดเจ้าจึงคิดว่าข้าจะสามารถปกป้องน้องสาวเจ้าได้เล่า ? ยังอีกประการ เหตุใดข้าจึงต้องช่วยพวกเจ้า ?”
ครั้งที่นางช่วยชีวิตหนุ่มน้อยผู้นี้ก็ด้วยเพราะนางหวนนึกถึงความหลังอันขมขื่นของตนเอง อีกทั้งประการสำคัญอย่างยิ่งนั้นคือนางใคร่อยากรู้ถึงกระบวนการรักษา และทักษะการเยียวยาของคนในโลกที่นางมาอยู่นี้ ทั้งหมดนั้นหาได้มีความเห็นอกเห็นใจหรือเพื่อมนุษยธรรมแต่ประการใด เกอซีหาได้ต้องการความลึกซึ้งในบุญคุณของผู้ใดไม่
อูชี่สะดุ้งด้วยความตกใจ สายตาคู่นั้นว่างเปล่าทันทีที่คำกล่าวหลุดออกมา ทว่าร่องรอยแห่งความท้อแท้สิ้นหวังหรือขุ่นเคืองหาได้ปรากฏขึ้นบนดวงหน้านั้นแม้เพียงน้อย กลับกันเด็กหนุ่มคุกเข่าลงกับพื้นทันที “นายน้อย ข้าอูชี่ขอให้คำสัตย์สาบานด้วยหยาดโลหิตที่กลั่นในกาย หลังจากข้าคิดบัญชีแค้นกับศัตรูคู่แค้นของตระกูลแล้ว ข้าจะกลับมารับใช้ท่านในฐานะนายน้อยแห่งข้า จากนี้ไป ทั้งเซี่ยวหลีและข้าจะขอเชื่อฟังขอปฏิบัติตามเฉพาะแต่คำสั่งของนายน้อยแต่เพียงผู้เดียว”
คิ้วเรียวงามของเกอซียกสูงขึ้น “เจ้าจะมาเป็นทาสรับใช้ข้ารึ ?”
“หาใช่ !” อูชี่ส่ายศีรษะทันควัน “พวกเราขอเป็นบ่าวรับใช้ ไม่ขอเป็นทาสรับใช้”
ในดินแดนแถบทวีหมีหลัว ทาสรับใช้คือชนชั้นไร้อิสระภาพแม้กระทั่งความคิดอ่าน พวกเค้าไม่ได้รับอนุญาตให้ฝึกฝนพลังฝีมือ ย่อมกล่าวได้ว่าเป็นชนชั้นที่ต่ำต้อยอย่างถึงที่สุด ส่วนบ่าวรับใช้นั้นแม้อาจดูจะคล้ายคลึงกันหากแต่แท้จริงย่อมมีสถานะแห่งความสัมพันธ์ในฐานะนายบ่าว ซึ่งบ่าวรับใช้ย่อมมีความเต็มใจและยินดีรับใช้ผู้เป็นนายของตน ดังเช่นความสัมพันธ์ระหว่างชิงหลงและหนานกงยวี่
***จบตอน สองพี่น้อง***
คอมเม้นต์