หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 131 หลุมดำสูบกลืนพลังจิตวิญญาณ
นัยน์ตาอันเย็นเยียบของหวูซินส่งสัญญาณแห่งจิตสังหารอันเข้มข้น เขาเหยียดฝ่าเท้าก้าวยาวมุ่งตรงสู่ห้องนอนของหนานกงยวี่
ทว่าชิงหลงกลับตรงเข้าขวางหน้า “นายท่านมีคำสั่ง หากไม่ได้รับอนุญาต ห้ามผู้ใดเข้าไปโดยเด็ดขาด”
สายตาคมกริบประดุจใบมีดของหวูซินปราดเข้าหาชิงหลง น้ำเสียงที่เย็นชาของเขาดังขึ้น “ชิงหลง เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถหยุดข้าได้งั้นรึ ? จงอย่าได้หลงลืมว่าหน้าที่หลักสำคัญของพวกเราคือเฝ้าคอยคุ้มครองนายท่านให้ปลอดภัย !”
ทันทีที่วาจาถูกเอ่ยออกไปพร้อมประกายตาอันเย็นยะเยือกด้านชา ขุมพลังอันหนักหน่วงรุนแรงร้ายกาจก็ถูกปลดปล่อยออกมาตลอดทั่วสรรพางค์กายของผู้เปล่งถ้อยคำ
แม้คิดจะหลบหลีกกลับยังไม่ทันการ แรงอัดกระแทกจากขุมพลังเข้มข้นกดอัดร่างของชิงหลงให้กระถดถอยออกไปหลายก้าว สีหน้าของเขาซีดขาวใบหน้ามึนตึง
ชิงหลง ไป๋หู่ จูเฉวี่ยและซวนหวู่ ล้วนเป็นฉายาของสัตว์เทพอสูตรตามตำนาน ผู้คนทั้งหลายต่างล่วงรู้ว่าพวกเขาคืออารักขาส่วนตัวของหนานกงยวี่
น้อยคนนักที่จะล่วงรู้ว่า นอกเสียจากอารักขาทั้งสี่แล้ว หนานกงยวี่ยังมีสี่ยอดอารักขาที่เขาซุ่มฝึกซ้อมไว้อย่างเงียบ ๆ โดยมอบฉายาไว้ตามชื่อสัตว์ปีศาจอสูรทั้งสี่นั่นคือ หวูซิน หวูอวี้ หวูเหนียน หวูโก้ว พวกเขาถูกฝึกฝนมาเพื่อพลีชีพให้แก่นายของตนโดยไม่หวั่นเกรงต่อภยันตรายทั้งปวงแม้ต้องแลกด้วยชีวิต
อารักขาทั้งแปดล้วนเป็นผู้ล้ำเลิศในแขนงวิชาต่าง ๆ แต่ละคนล้วนเป็นผู้นำหน่วยเฉพาะของตนเอง ขณะที่ชิงหลงคือผู้นำกลุ่มเทพอสูรทั้งสี่ หวูซินก็คือผู้นำกลุ่มปีศาจอสูรทั้งสี่เช่นกัน อีกทั้งกองกำลังของหวูซินนับได้ว่ามีพลังแข็งแกร่งยิ่งกว่ากองกำลังของชิงหลงอยู่เล็กน้อย
หลังจากเขี่ยชิงหลงให้พ้นทางได้แล้ว หวูซินใช้ฝ่ามือรวบรวมกระแสพลังแล้วผลักพุ่งมันตรงเข้าหาบานประตูเหล็กที่กั้นขวางทางเข้าสู่อาณาเขตส่วนตัวของหนานกงยวี่
ทันทีที่บานประตูเหล็กถูกผลักออกสิ่งที่วาบสะท้อนเข้าม่านตาทุกผู้คนคือแสงสว่างเจิดจ้าที่สามารถทำให้ดวงตาของผู้คนมืดบอดลงได้
คล้ายลมพายุกำลังเริ่มก่อตัวขึ้นภายในเขตสวนซึ่งอยู่ด้านใน เศษใบไม้ปลิดปลิวฟุ้งตลบ เมฆหมอกพายุก่อตัวรุนแรงคล้ายพวกมันกำลังบ่งบอกร้องเตือนถึงภัยหายนะ
สีหน้าของหวูซินแปรเปลี่ยน เขารีบตรงปรี่เข้าผลักบานประตูห้องนอนของหนานกงยวี่ด้วยความร้อนใจ
ทว่าทันทีที่ฝ่าเท้าของทุกคนเหยียบย่างเข้าไป ใบหน้าของพวกเขากลับแข็งค้างไปทันที สายตาทุกคู่เพ่งมองผ่านทะลุไปในม่านคลุมเตียงเบื้องหน้า
ผืนม่านทิ้งตัวพริ้วลงจากหัวเตียงโบกปลิวไสวอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกอันเหน็บหนาว สายพู่และผืนผ้าประดับที่รายล้อมคล้อยลิ่วลู่ไหลไปตามแรงลมที่โหมกระพือ
เบื้องหลังสายผ้าม่านโปร่งบางปลิวไสวที่ปัดป่ายบิดปลิวบดบังภาพฉากเบื้องหน้าอยู่เป็นระยะคือภาพของหนานกงยวี่ และเกอซีกำลังกอดรัดกันอย่างแนบชิดสนิทแน่น ริมฝีปากของทั้งคู่ทาบทับประกบโอบเอื้อกันและกันอย่างแน่นเหนียว ยากยิ่งนักที่จะเข้าไปขัดขวางอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขาทั้งคู่ในยามนี้
มุมปากของหวูซินกระตุกกึก ซึ่งมิต่างอันใดกับความรู้สึกของทุกคนในยามนี้ แต่ละคนล้วนรู้สึกแขนขาเปะปะเก้งก้าง มิรู้ว่าจะเอาท่อนแขนท่อนขาหรือลูกตาไปแปะป่ายไว้ที่ใดดี
นับเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นนายท่านผู้เย็นชาไร้หัวใจปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึกอันดูดดื่มของตนออกมาเช่นนี้ เขาผู้มีปกติกระด้างเย็นชาไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก มาบัดนี้กลับดูราวกับกำลังดื่มด่ำมัวเมาไปกับความรู้สึกอันน่าภิรมย์
หากทว่ายังไม่ทันที่พวกหวูซินจะรู้สึกตัว กลุ่มพลังงานหลุมดำแปลกประหลาดที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่ากำลังค่อยก่อรวมตัวขึ้นกลางอากาศเหนือพวกเขาทั้งคู่
กลุ่มพลังงานหลุมดำนั้นหมุนวนและเริ่มดูดกลืนพลังแห่งจิตวิญญาณทุกชนิดภายในห้อง ทั้งมันยังหมุนวนเหวี่ยงแรงขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมค่อย ๆ คืบคลานขยายวงกว้างออกไปทีละน้อย มันแผ่กระจายคลอบคลุมมาถึงกลุ่มพวกหวูซินก่อนจะค่อย ๆ คืบขยายออกไปถึงด้านนอก
ขณะที่หวูซินยังคงยืนทึ่มทื่อด้วยอาการใจลอย มิคาดคิดเลยว่าแรงพลังดูดกลืนบางอย่างที่ไร้ตัวตนกำลังค่อย ๆ แอบสูบกลืนพลังปราณในร่างของเขาไปทีละน้อย
“นี่มันอะไรกัน ? เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ? ! !”
เครื่องหมายตกใจถูกขีดเขียนไปทั่วใบหน้าของทุกคน พวกเขารีบก่อพลังม่านปราการขึ้นโอบล้อมปกป้องร่างเพื่อต้านทานแรงสูบกลืนของพลังงานที่ไม่อาจมองเห็น
นับว่ายังโชคดีที่เมื่อม่านปราการพลังถูกสร้างขึ้นโอบล้อมรอบกาย บางสิ่งที่กำลังพยายามสูบกลืนนั้นกลับสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย … ไม่ใช่…..ที่ถูกต้องสมควรกล่าวว่า ขุมพลังที่สูบกลืนนั้นเลยผ่านกลุ่มของพวกเขาไป ก่อนที่มันจะค่อย ๆ ติดตามแรงพลังของหลุมดำที่กำลังคืบคลานแผ่กว้างโอบล้อมไปทั่วอาณาบริเวณ
หวูซินจ้องมองสาวน้อยร่างบางผู้งดงามอย่างเหลือเชื่อที่กลางเตียง ด้วยแววตาอัดล้นไปด้วยความฉงนสนเท่ห์
สตรีผู้นี้คือผู้สร้างพลังงานหลุมดำแปลกประหลาดนี้ ? นี่คือเหตุผลที่นายท่านยืนกรานยอมเสี่ยงชีวิตตนช่วยเหลือนางกระนั้นหรือ ? ที่สุดแล้ว นางคือผู้ใด ? ?
“แพศยา เหตุใดนายท่าน……ออกมาจากนายท่านเดี๋ยวนี้ ! ไปตายซะ !” เสียงแผดร้องก้องเสียดประสาททุกผู้คน
ทันที่ที่พวกหวูซินหันกลับมา สิ่งที่เห็นคือจูเฉวี่ยผู้ดูราวกับคนเสียสติพุ่งร่างปรี่เข้าไปขวางคนทั้งสองที่กำลังพันพัวกันอย่างแนบชิดที่กลางเตียง
***จบตอน หลุมดำสูบกลืนพลังจิตวิญญาณ***
คอมเม้นต์