หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 145 พิษเหมันต์
ผู้ที่ยืนถัดไปจากซวนหวู่นั้นคือบุรุษหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหล่าสดใสกระจ่างในอาภรณ์สีจันทร์นวล ชายผู้ให้ความรู้สึกที่เยียบเย็นประดุจรูปสลักเสลาจากแท่งน้ำแข็ง เพียงท่าทางการยืนที่แสดงออก ล้วนสามารถทำให้ผู้ได้พบเห็นต้องหลีกกายให้ไกลห่าง
สัญชาตญาณบอกกับเกอซีว่าบุรุษผู้นี้ทรงพลังอย่างแข็งแกร่งยิ่งกว่าชิงหลง ทั้งยังมีจิตใจเย็นยะเยือกหมางเมินไร้ความรู้สึก เพียงไม่อาจคาดเดาได้ว่าคนผู้นี้คือใคร
เมื่อสายตาของนางเบี่ยงไปถึงบุรุษคนที่สาม หญิงสาวกลับต้องชะงักค้างไปเล็กน้อยเนื่องเพราะนางย่อมเคยประสบพบเจอชายผู้นี้มาก่อน แม้ในห้วงแห่งความทรงจำจะไม่มีสิ่งน่าประทับใจชื่นชมใด ทว่าเขาผู้นี้ย่อมต้องเป็น หวูอวี้ผู้ดำเนินการขายสินค้าออกทอดตลาดภายในหอรื่นรมย์ผู้นั้น
ชายหนุ่มย่อมสังเกตเห็นสีหน้าแปลกประหลาดใจของเกอซีที่เผยผ่านเมื่อสายตาของนางชะงักหยุดที่ตน มุมปากของเขาขยักยกยิ้ม ภายใต้แววตาที่นิ่งสงบนั้นซุกซ่อนความล้ำลึกอย่างมิอาจมีผู้ใดคาดเดาล่วงรู้ความนึกคิดจิตใจของชายผู้นี้
ชิงหลงปรี่ตรงเข้าหาหญิงสาวทันทีที่นางมาถึงโดยไม่แม้เพียงกล่าวเอ่ยต้อนรับ “เชิญท่านตามข้ามา”
ชั่ววูบบานประตูถูกผลักออก หญิงสาวก้าวฝีเท้าตามอีกฝ่ายเข้าไปด้านใน แค่เพียงเหยียบยย่างเข้าสู่อาณาเขตห้อง ความร้อนระอุพลันระเบิดจู่โจมถาโถมเข้าหา
หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นพร่างพรายกระจายทั่วผืนหน้าผาก หว่างคิ้วของนางจิกเข้าหากันเกิดเป็นร่องลึก เกอซีรีบรวมรวมพลังปราณวารีเพื่อต้านทานแรงความร้อนที่กลั่นควบแน่นอัดระอุอยู่ภายในห้อง ความรู้สึกอึดอัดที่พลุ่งพลานภายในกายจึงค่อยคลายลงไปได้
เมื่อชิงหลงรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังอันบริสุทธิ์ที่เปล่งรัศมีออกรอบกายของหญิงสาว ในแววตาของเขาฉายประกายแห่งความประหลาดใจขึ้นเล็กน้อยก่อนคำเอื้อนเอ่ยจะเปล่งออกมา “พิษเหมันต์ในร่างของนายท่านคล้ายเริ่มคืบคลานเข้าสู่หัวใจ แม้พวกเราจะพยายามกระทำทุกหนทางเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของพิษ ทว่ากลับสามารถบรรเทาลงได้แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
เพียงครู่ คนทั้งสองก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเตียงนอนขนาดใหญ่ กลุ่มควันกระจายกลบไปทั่วทุกมุมห้อง อุณหภูมิภายในเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ที่นอนอยู่บนเตียงท่ามกลางกลุ่มหมอกควันที่ล่องลอยไปทั่วทั้งชั้นบรรยากาศนั้นคือ หนานกงยวี่
เพียงคราแรกที่ได้เห็นชายหนุ่ม นัยน์ตาของเกอซีพลันหรี่เล็กลง
บุรุษผู้หลับใหลอยู่กลางเตียงสวมใส่เพียงเสื้อคลุมเส้นไหมสีขาวละเอียด ปลายผมของเขาปล่อยสยายอย่างเป็นธรรมชาติ ดวงตาทั้งคู่ปิดสนิท ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นประดุจดั่งรูปหยกสลักเสลาจากแดนสรวง แม้ภายในห้องจะร้อนรุ่มแผดเผาราวเพลิงไหม้ ทว่าดวงหน้าของเขากลับไร้สีเลือด ใบหน้านั้นซีดขาวคล้ายถูกแช่แข็งด้วยความเย็นยะเยือกจนโปร่งใส
เกอซีไม่เคยพบเห็นหนานกงยวี่ในสภาพเยี่ยงนี้มาก่อน
ในความทรงจำที่ประทับอยู่ในห้วงใจ หนานกงยวี่คือบุรุษสูงศักดิ์งามสง่าผู้เปี่ยมล้นไปด้วยแรงดึงดูดจิตใจปานประดุจมารปีศาจ บุรุษบ้ากามที่หน้าหนาอย่างเหลือทน ทว่าเขาในยามนี้กลับดูอ่อนแอเปราะบางปานประหนึ่งสามารถแตกสลายไปกับมือแค่เพียงได้รับการจับต้องสัมผัส
เย็นเฉียบ ! ฝ่ามือของเกอซีสั่นสะท้านทันทีที่นางหยิบยกข้อมือของอีกฝ่ายขึ้น ความรู้สึกปานประดุจนางกำลังสัมผัสกับชิ้นหยกที่เพิ่งนำออกมาจากจุดเยือกแข็ง เยียบเย็นถึงเพียงนี้ แค่เพียงปลายนิ้วสัมผัสล้วนสามารถจินตนาการได้ว่ามันสามารถสร้างความหนาวสั่นสะท้านไปถึงชั้นกระดูกได้มากเพียงไร
จิตใจของเกอซีจดจ่ออยู่กับการถ่ายทอดกระแสพลังตรงเข้าสำรวจตรวจตราลักษณะการเต้นของเส้นชีพจรก่อนจะค่อย ๆ แทรกกระแสพลังถ่ายเทลงสำรวจตลอดทั่วทั้งร่างของอีกฝ่าย
หลังจากนางนิ่งค้างอยู่ในท่าการตรวจรักษาเช่นนี้นานกว่าชั่วเผาก้านธูป คิ้วทั้งสองของนางกลับยิ่งขมวดมุ่นเข้าหากันแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
ชิงหลงผู้เฝ้าคอยสังเกตการณ์อย่างไม่วางตาย่อมเห็นอาการกระวนกระวายร้อนใจของผู้ที่ให้การตรวจรักษา สีหน้าของเขาค่อย ๆ แปรเปลี่ยนไปทีละน้อยคล้ายความร้อนไหม้กำลังค่อย ๆ แผดเผาตัวเขายิ่งขึ้นเรื่อย ๆ แม้หลายครั้งที่ความรุ่มร้อนภายในใจเรียกร้องให้เขาเอ่ยแทรกถามเกอซีถึงอาการเจ็บป่วยของนายท่าน ทว่าด้วยเกรงว่าการรบกวนกระบวนการรักษาอาจส่งผลร้ายต่ออาการของนายท่าน ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงกล้ำกลืนวาจา และเฝ้ารอเพียงเท่านั้น
ทว่าเมื่อความอดทนของเขาเกือบจะพ้นขีดจำกัด เกอซีพลันคลายฝ่ามือของตนออก หากแต่ริ้วรอยอาการยับย่นในหว่างคิ้วกลับมิได้ลดคลาย
ชิงหลงรีบเอ่ยถามด้วยความร้อนรน “นายท่านเป็นอย่างไรบ้าง ? ยังสามารถเยียวยารักษาได้หรือไม่ ?”
แม้หากท่านหมอซียอดอัจฉริยะผู้สามารถให้การรักษาโอวหยางฮ่าวเซวียนยังถึงความสิ้นหวัง เช่นนั้นพวกเขาคงไม่เหลือทางเลือกอื่นใดนอกไปเสียจากต้องร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสแห่งสหพันธ์แพทย์ และคนผู้นั้นย่อมต้องเป็นท่านอาจารย์ของจูเฉวี่ย
ทว่าหากเรื่องต้องดำเนินไปเช่นนั้นจริง สภาพร่างกายของนายท่านย่อมถูกเปิดเผยสู่ภายนอก และหากเป็นเช่นนั้น เกรงว่าตำหนักราชันมัจจุราชคงมิอาจรักษาสถานภาพอันสูงส่งเหนือโลกหล้าได้อีกต่อไป อีกทั้งผลพวงจากสิ่งนี้ย่อมกลายเป็นการเชื้อเชิญหายนะมาสู่นายท่านอย่างแน่นอน
แค่เพียงคิด ฝ่ามือของชิงหลงก็จับกำกระบี่แน่น แววตาคู่นั้นจับจ้องไปยังเกอซีด้วยความคาดหวังอย่างแรงกล้าโดยที่แม้กระทั่งเขาเองก็ยังมิทันรู้ตัว
***จบตอน พิษเหมันต์***
คอมเม้นต์