หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 152 ปลดอาภรณ์หนานกงยวี่
ผู้ที่ลงมือกับนางในครานี้คือหวูซินผู้เงียบขรึม บุรุษผู้มีใบหน้านิ่งสนิทราวผืนศิลา ชายผู้ยืนดูอยู่ด้านข้างด้วยความเงียบงันมาโดยตลอด
บานประตูตรงหน้าจูเฉวี่ยถูกปิดลงเสียงกระแทก ‘ปัง’ ดังสนั่น และแม้ว่านางจะพยายามทุบบานประตูเพื่อจะขอเข้าไปในห้องสักเพียงไร กลับไม่มีผู้ใดเปิดบานประตูนั้นให้แก่นางอีก
เกอซีตระเตรียมสมุนไพรทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย ทั้งยังเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการต้มน้ำคล้ายการต้มยาจีนแผนโบราณ หญิงสาวมีท่าทีลังเลเล็กน้อยก่อนจะแอบหยดทิพย์ธาราแห่งความสันโดษชั้นเก้าลงไปในหม้อปรุงโอสถ
ทั้งยังหย่อนแท่งเข็มเงินที่นางใช้รักษาโรคเข้าไปในหม้อปรุงโอสถพร้อมส่วนประสานตัวยาอื่น ๆ ก่อนจะให้ส่วนประสมทั้งหมดถูกต้มในหม้อน้ำร้อนร่วมกัน
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม*ยาหม้อจีนแผนโบราณก็เคี่ยวจนได้คุณสมบัติตามความต้องการ ทั่วทั้งห้องตลบฟุ้งไปด้วยกลิ่นโอสถอย่างรุนแรง
*ครึ่งชั่วยามคือ หนึ่งชั่วโมง
กลิ่นโอสถเยี่ยงนี้ช่างแตกต่างจากกลิ่นที่ได้จากการปรุงโอสถซึ่งมีอยู่ทั่วไปในทวีปหมีหลัว เนื่องเพราะมันปราศจากขุมพลังแห่งจิตวิญญาณหรือแม้กระทั่งอายหอมกรุ่นจากนานาพรรณพืช ทั้งกลับกลายเป็นกลิ่นที่ส่งผ่านความรู้สึกที่เฝื่อนขมปนเปื้อนแฝงไว้อย่างรุนแรงร้ายกาจ
พวกชิงหลงทั้งหมดต่างพากันจ้องน้ำโอสถสีเข้มในหม้อเคี่ยวใบยักษ์ด้วยสีหน้าที่แปรเปลี่ยนเป็นหวั่นเกรง
ไป๋หู่ส่งเสียงอุบอิบออกมาอย่างอดมิได้ “พระชายา ไอ้….ไอ้ที่อยู่ในหม้อนี่ จะให้นายท่านดื่มจริงหรือ ?”
หากนายท่านดื่มไอ้สิ่งที่เคี่ยวอยู่ในหม้อใบนี้ลงไปจริง จะเหลือรอดชีวิตกลับมาได้จริงล่ะหรือ ?
เกอซีหาได้แยแสเขาไม่ นางยังคงตั้งหน้าตั้งตารินตัวยาที่เคี่ยวจนได้ที่ลงไปในอ่างไม้ใบใหญ่ซึ่งรองน้ำร้อนไว้จนเต็ม หลังจากครุ่นคิดอยู่อีกชั่วครู่ เกอซีแอบหยดทิพย์ธาราลงไปอีกคราก่อนจะเอ่ยปากร้องสั่ง
“ปลดอาภรณ์หนานกงยวี่ออกแล้วพาลงนั่งในถังโอสถ”
เพียงได้ยินพวกชิงหลงล้วนพากันสะดุ้ง บนใบหน้าบ่งบอกถึงความไม่แน่ใจในการสื่อความหมายของอีกฝ่าย
ตั้งแต่ต้นกระทั่งยามนี้ คุณหนูน่าหลานก็ไม่เคยยอมรับว่านางคือพระชายา ทั้งยังปฏิเสธความสัมพันธ์ในแบบชายหญิงระหว่างนางกับนายท่าน
การที่สตรีผู้ยังมิได้ออกเรือนจะได้เห็นนายท่านในสภาพที่เปลือยเปล่าปราศจากอาภรณ์นั้นจะเหมาะสมอย่างไรได้ ? !
สิ่งที่พวกเขาทั้งหมดยังมิได้ตระหนักนั้นคือ ยามใดที่เกอซีสวมจิตวิญญาณแห่งผู้ประกอบการเยียวยารักษานางจะหลงลืมทั้งสถานภาพทางฐานะทั้งลักษณะทางเพศของคนผู้นั้น ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นบุรุษหรือสตรี จะสวมอาภรณ์หรืออยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่า ในสายตาของนางล้วนมิต่างอันใด
ชิงหลงรับคำสั่งพร้อมรีบนำตัวหนานกงยวี่หย่อนลงในอ่างน้ำ ของเหลวสีดำขยับเคลื่อนขึ้นสูงถึงยอดอกของหนานกงยวี่ ทันทีที่โอสถสัมผัสกับร่างของหนานกงยวี่มันก็เริ่มถึงจุดเดือด
และช่วงขณะนี้เองที่สีหน้าของเกอซีแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
โดยแท้ที่จริงแล้วหญิงสาวย่อมตระหนักรู้ดีว่าการใช้หญ้าหยินยะเยือกนั้นล้วนอยู่ในความสุ่มเสี่ยงเนื่องเพราะอายพลังอันเย็นยะเยือกของสมุนไพรพลังหยิน ทว่าอายเย็นในร่างของหนานกงยวี่นั้นรุนแรงอย่างหนักหนา โดยสภาพเยี่ยงนี้หากนางเลือกใช้สมุนไพรอันมีคุณสมบัติหยางทั้งหมดเพื่อพลิกสภาวะสมดุลย์ภายในกายซึ่งมีสภาวะเย็นอย่างถึงที่สุดให้แปรเปลี่ยนเป็นสภาพอันร้อนรุ่มอย่างหนักหนา ย่อมบังเกิดความเสียหายต่อสภาพร่างกายได้ เสมือนการที่ร่างกายของเขาได้รับความบอบช้ำจากการเข้าไปรักษาตัวในถ้ำเพลิง แม้จะสามารถระงับพิษเหมันต์ที่สะสมอยู่ ทว่าก็เพียงชั่วคราว แต่มันกลับทำลายเส้นชีพจรปราณในกายของเขามากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
สืบเนื่องจากนางตระหนักถึงข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านั้นดี เกอซีจึงเลือกที่จะใช้ต้นหญ้าหยินยะเยือกเป็นตัวนำทางโดยให้มันทำงานประสมประสานกับสมุนไพรชนิดอื่นที่สามารถชะลออาการของพิษเหมันต์ที่กำเริบในยามนี้
ทว่าต้นหญ้าหยินยะเยือกที่กล่าวมานั้น ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็คือสมุนไพรซึ่งมีฤทธิ์ยะเยียบเย็นอย่างร้ายกาจ เช่นนั้นทันทีที่มันผ่านเข้าสู่ร่างของหนานกงยวี่ และตรงเข้าหลอมร่วมกับพิษเหมันต์ย่อมจะทำให้อาการพิษกำเริบหนักอย่างถึงที่สุด และนั่นย่อมสุ่มเสี่ยงถึงชีวิต หนทางการป้องกันเพียงประการเดียวนั้นคือ นางต้องรีบฝังแท่งเข็มเงินลงเพื่อสกัดจุดสำคัญทั่วร่างให้ทันก่อนที่อายเย็นจากต้นหญ้าหยินยะเยือกจะซึมแทรกผ่านหลอดเลือดตรงเข้าสู่หัวใจ ทั้งยังต้องรีบส่งผ่านตัวยาโอสถซึ่งเป็นส่วนประสานที่เหลือให้สามารถแทรกซึมเข้าไปแทนที่อย่างรวดเร็วให้ทันการ มีเพียงวิธีการเช่นนี้เท่านั้น การรักษาครานี้จึงจะสัมฤทธิ์ผล และสามารถต้านอายเย็นจากต้นหยินยะเยือกได้
ด้วยเหตุดังกล่าว ตลอดช่วงระยะกระบวนการรักษานี้จึงมิอาจให้ผู้ใดรบกวนสมาธิของนางได้
พวกชิงหลงต่างพากันหลีกออกไปอย่างเงียบเชียบ เพื่อเฝ้ารักษาประตูด้านนอก ทว่าแม้กระทั่งหวูซินผู้นิ่งเงียบมาโดยตลอดยังอดมิได้ที่จะขมวดคิ้ว “คุณหนูน่าหลานผู้นี้ หากข้าจำไม่ผิด นางคือบุตรีแห่งอนุที่แม้กระทั่งตระกูลน่าหลานยังไม่ไยดีมิใช่หรือ นางผู้ขลาดกลัวซึ่งแม้จะถูกรังแกหรือเหยียดหยามสักเพียงใดกลับยังไม่กล้าแม้เพียงปริปาก ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้ไร้สิ้นพลังฝีมือ เหตุใดตัวตนที่แท้จริงกับข่าวลือที่เล่าขานเกี่ยวกับตัวนางจึงแตกต่างกันถึงเพียงนี้ ?”
ก่อนที่ชิงหลงจะขยับตอบ หวูอวี้เดาะลิ้นขึ้นมาสองคราพลางปล่อยเสียงหัวร่อ“หากสาวน้อยผู้นี้เป็นสตรีที่ขลาดเขลา เช่นนั้นคงไม่มีสตรีผู้อาจหาญในใต้หล้าอีกแล้ว มีผู้นำนางมาส่งขายให้เป็นสินค้าประมูลในหอรื่นรมย์ ทว่าทันทีที่นางลืมตาขึ้น นางกลับสังหารแขกเหรื่อผู้มาเลือกสินค้าในหอรื่นรมย์ตายราบหมดทั้งห้อง นายท่านกับข้าเป็นพยานรู้เห็นในเรื่องนี้ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเราทั้งคู่”
***จบตอน ปลดอาภรณ์หนานกงยวี่***
คอมเม้นต์