หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 214 ปากประตูแห่งความสูญว่าง

อ่านนิยายจีนเรื่อง หัตถ์เทวะธิดาพญายม ตอนที่ 214 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“น้องเหลียนอิ่งช่างจิตใจอ่อนโยนนัก” ผู้ที่ยืนอยู่ข้างกายสตรีในชุดขาวคือบุรุษผู้สวมเสื้อคลุมสีม่วง ชายหนุ่มกล่าวเคล้าเสียงหัวเราะ “ตามความเห็นของข้า เมื่อเจ้าพวกฝูงมดเหล่านี้ไม่รู้จักประมาณความสามารถของตนก็ย่อมสมควรตายแล้ว ในทวีปหมีหลัวแห่งนี้ผู้อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้ที่เข้มแข็งเป็นธรรมดา  เมื่อพวกมันไร้คุณสมบัติกลับยังคิดหลงผิดหมายจะช่วงชิงสิ่งที่ไม่อาจตกเป็นสิทธิ์ตน ความผิดของพวกมันก็คือการประเมินตนเองไว้สูงส่งจนเกินไปนั่นเอง”

เฟิ่งเหลียนอิ่งหัวเราะออกมาเบา ๆ หากแต่ไม่ได้โต้ตอบคำใด กลับกัน นางหันไปทางบุรุษหนุ่มรูปงามผู้อยู่ข้างกาย “ท่านพี่ยวี่ เหตุใดท่านจึงคิดว่าอาณาจักรกำบังจะเผยปรากฏรวดเร็วเช่นนี้ ?”

หนานกงยวี่ส่ายหน้าสายตายังคงจับจ้องเขม็งอยู่ที่บานประตูแห่งความสูญว่างที่ฉาบทาไปด้วยสีทองอร่าม นัยน์ตาคู่นั้นฉายประกายขึ้นวูบหนึ่ง

ชายผู้อยู่ในชุดคลุมสีม่วงหัวเราะก้อง “ผู้ใดจะสนใจว่ามันจะเผยปรากฏเร็วเช่นนี้เล่า ! ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด พวกเราจะต้องเป็นพวกแรกที่ได้พบสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ด้านใน น้องเหลียนอิ่ง หากพบเจอสมบัติเมื่อไร เจ้าเข้ามาเลือกสิ่งที่ชอบใจไปก่อนได้เลย”

รอยยิ้มแสนสดใสงดงามพาดผ่านดวงหน้าของเฟิ่งเหลียนอิ่ง “ท่านเอออออยู่แต่เพียงผู้เดียวเช่นนี้ไม่อาจถือคำ หากท่านพี่ยวี่กับคนอื่นไม่เห็นพ้องเล่า”

“เจ้ากับหนานกงมีความสัมพันธ์เช่นใดต่อกันเล่า เขาจะไม่เห็นพ้องได้อย่างไร ?” บุรุษในอาภรณ์สีม่วงกล่าวเคล้าเสียงหัวเราะ หากทว่าในน้ำเสียงนั้นกลับแฝงความขมขื่น สายตาที่เหลือบมองเฟิ่งเหลียนอิ่งส่อความรู้สึกที่เกินเลยไปกว่าคำว่าสหาย “ส่วนพวกที่เหลือนั้นมีแค่เพียง เทียนหรุ่ยซึ่งเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเจ้า เขาจะไม่ยินยอมมอบสมบัติให้น้องน้อยของตนได้อย่างไรเล่า ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวแย้มยิ้มอย่างเอียงอายพลางแอบเหลือบมองไปทางหนานกงยวี่

ทว่าสายตาของเขากลับยังคงทอดไกลไปบนผืนนภาด้วยสีหน้าที่องอาจ

เฟิ่งเหลียนอิ่งยังหวั่นใจ ในแววตาหม่นมัว จื่อเหยียนที่อยู่ข้างกายย่อมสังเกตเห็นได้ว่าคุณหนูของตนกำลังหดหู่ใจ เช่นนั้นนางจึงรีบขยับเข้ามากระซิบข้างหูผู้เป็นนาย

“คุณหนูเจ้าคะ ข้าชักเริ่มสงสัย หรือจะเป็นไปได้ว่าคุณชายซีก็เตรียมจะบุกเข้าไปในบานประตูแห่งความสูญว่างนี้ด้วยเจ้าคะ ? พลังฝีมือของเขาอยู่แค่เพียงระดับพลังปราณขั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม  เช่นนั้นแล้วหากเขายังฝืนเข้าไปย่อมต้องได้สิ้นใจอยู่แถวขอบแดนอาณาจักรกำบังนี้เป็นแน่ อาจบางทีย่อมไม่สามารถทะลวงลึกเข้าไปถึงเขตแดนผนึกมังกรด้วยซ้ำ ! คนผู้นั้นคงได้สิ้นใจอยู่ในนี้ล่ะเจ้าค่ะ…..”

มุมปากของผู้เป็นนายขยายขึ้นเป็นแนวโค้งกว้างบนดวงหน้า และให้เผอิญเสียจริงที่ภาพนี้กลับปรากฏแก่สายตาที่นิ่งสงบประดุจน้ำในทะเลสาบที่สะท้อนต้องแสงอาทิตย์ ของบุรุษในอาภรณ์สีม่วงผู้กำลังจับจ้องนางก่อนที่ดวงหน้าของหญิงสาวจะกลับคืนสู่ความนิ่งเปล่าดังเดิม

ชั่วขณะนั้นเอง น้ำเสียงที่ล้ำลึกเย็นเยียบของคนผู้หนึ่งพลันดังก้องขึ้น “หนานกง ทุกอย่างเรียบร้อย เข้าไปได้แล้ว”

 

*****

ยามนี้เกอซีได้ย่างกรายเข้ามาถึงส่วนในสุดแห่งเขตแดนผนึกมังกร โดยไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า เพราะตัวนางเป็นเหตุโดยแท้ อาณาจักรกำบังแห่งนี้จึงถูกเผยปรากฏก่อนช่วงเวลาที่ถูกกำหนดไว้

เพียงได้แทรกตัวเข้ามาทางช่องแคบ ๆ ที่แง้มออกของบานประตู ตลอดทั่วทั้งเรือนกายประดุจจะถูกฉีกกระชาก ทั่วร่างราวถูกบิดรั้งอย่างรุนแรงคล้ายจิตวิญญาณจะถูกบีบคั้นให้หลุดลอยออกจากร่าง

กระทั่งที่สุดเกอซีก็พยายามกลับมาทรงตัวยืนหยัดอยู่ได้ด้วยความยากลำบาก หญิงสาวค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นช้า ๆ และต้องตกตะลึงงันกับภาพฉากที่ปรากฏเบื้องหน้าสายตา

ที่แห่งนี้คือ…… แนวป่าประหลาดที่ซุกซ่อนอยู่ในเทือกเขากระนั้นหรือ ? ฝ่าเท้าของนางเหยียบย่างลงบนปลายหญ้าสีเขียวเข้ม เบื้องหน้านั้นคือป่าไม้โบราณที่เขียวขจีชุ่มฉ่ำ ทอดสายตาไกลออกไป ย่อมสามารถเห็นยอดเขาตลอดถึงสายน้ำ ทั้งยังปรากฏหิมะบริสุทธิ์ที่ขาวโพลนปกคลุมเหนือยอดเขาแห่งนั้น

เกอซีสอดส่ายสายตาสำรวจตลอดรอบกายจึงพบว่า บานประตูเหล็กสีศิลาที่เบื้องหลังของตนไม่ได้ตั้งตระหง่านให้เห็นอีกต่อไป หากทว่ายามนี้กลับกลายเป็นผาสูงชันเข้าแทนที่ หมู่มวลบุปผาหลากสีสันส่งกลิ่นหอมฟุ้งกำจายเบ่งบานสะพรั่งครอบคลุมผืนผา

ที่นี่คือที่ใดกัน ? เหตุใดสภาพแห่งผืนดินที่หลากหลายทั้งปวงล้วนถูกรวบรวมไว้ในอาณาบริเวณนี้ทั้งสิ้น ? ยิ่งโดยเฉพาะผิวดิน ก้อนศิลาที่อยู่บนหน้าผานั้นหลากหลายรูปแบบหลากหลายสีสัน คล้ายดั่งพวกมันถูกเก็บรวบรวมมาจากขุนเขาน้อยใหญ่หลากที่หลายสถานเพื่อผสานรวมกันเป็นหนึ่งในที่นี้

หญิงสาวสืบฝีเท้าก้าวตรงเข้าสู่เขตชายป่า ต้นไม้โบราณในที่นี้ล้วนสูงใหญ่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิต แหงนมองสูงไกลจนลิบตาคือก้อนเมฆชั้นหมอกที่โอบล้อมรอบยอดไม้เป็นวงชั้นแต่งแต้มหลากสีสันมอบความสดใสประดุจภาพฝันอันวิจิตรในดินแดนแห่งเทพนิยาย

ต้านต้านกระโดดลงจากไหล่ของเกอซี เท้าสั้นตันน้อย ๆ ก้าวพรวด ๆ ตรงออกไป เจ้าตัวน้อยแหงนหน้าอัดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปจนเต็มปอด “ท่านแม่ ที่นี่หอมจังเลย—- สงสัยต้องมีของกินอร่อย ๆ แหง ๆ !”

 

***จบตอน ปากประตูแห่งความสูญว่าง***

“น้องเหลียนอิ่งช่างจิตใจอ่อนโยนนัก” ผู้ที่ยืนอยู่ข้างกายสตรีในชุดขาวคือบุรุษผู้สวมเสื้อคลุมสีม่วง ชายหนุ่มกล่าวเคล้าเสียงหัวเราะ “ตามความเห็นของข้า เมื่อเจ้าพวกฝูงมดเหล่านี้ไม่รู้จักประมาณความสามารถของตนก็ย่อมสมควรตายแล้ว ในทวีปหมีหลัวแห่งนี้ผู้อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้ที่เข้มแข็งเป็นธรรมดา  เมื่อพวกมันไร้คุณสมบัติกลับยังคิดหลงผิดหมายจะช่วงชิงสิ่งที่ไม่อาจตกเป็นสิทธิ์ตน ความผิดของพวกมันก็คือการประเมินตนเองไว้สูงส่งจนเกินไปนั่นเอง”

เฟิ่งเหลียนอิ่งหัวเราะออกมาเบา ๆ หากแต่ไม่ได้โต้ตอบคำใด กลับกัน นางหันไปทางบุรุษหนุ่มรูปงามผู้อยู่ข้างกาย “ท่านพี่ยวี่ เหตุใดท่านจึงคิดว่าอาณาจักรกำบังจะเผยปรากฏรวดเร็วเช่นนี้ ?”

หนานกงยวี่ส่ายหน้าสายตายังคงจับจ้องเขม็งอยู่ที่บานประตูแห่งความสูญว่างที่ฉาบทาไปด้วยสีทองอร่าม นัยน์ตาคู่นั้นฉายประกายขึ้นวูบหนึ่ง

ชายผู้อยู่ในชุดคลุมสีม่วงหัวเราะก้อง “ผู้ใดจะสนใจว่ามันจะเผยปรากฏเร็วเช่นนี้เล่า ! ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด พวกเราจะต้องเป็นพวกแรกที่ได้พบสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ด้านใน น้องเหลียนอิ่ง หากพบเจอสมบัติเมื่อไร เจ้าเข้ามาเลือกสิ่งที่ชอบใจไปก่อนได้เลย”

รอยยิ้มแสนสดใสงดงามพาดผ่านดวงหน้าของเฟิ่งเหลียนอิ่ง “ท่านเอออออยู่แต่เพียงผู้เดียวเช่นนี้ไม่อาจถือคำ หากท่านพี่ยวี่กับคนอื่นไม่เห็นพ้องเล่า”

“เจ้ากับหนานกงมีความสัมพันธ์เช่นใดต่อกันเล่า เขาจะไม่เห็นพ้องได้อย่างไร ?” บุรุษในอาภรณ์สีม่วงกล่าวเคล้าเสียงหัวเราะ หากทว่าในน้ำเสียงนั้นกลับแฝงความขมขื่น สายตาที่เหลือบมองเฟิ่งเหลียนอิ่งส่อความรู้สึกที่เกินเลยไปกว่าคำว่าสหาย “ส่วนพวกที่เหลือนั้นมีแค่เพียง เทียนหรุ่ยซึ่งเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเจ้า เขาจะไม่ยินยอมมอบสมบัติให้น้องน้อยของตนได้อย่างไรเล่า ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวแย้มยิ้มอย่างเอียงอายพลางแอบเหลือบมองไปทางหนานกงยวี่

ทว่าสายตาของเขากลับยังคงทอดไกลไปบนผืนนภาด้วยสีหน้าที่องอาจ

เฟิ่งเหลียนอิ่งยังหวั่นใจ ในแววตาหม่นมัว จื่อเหยียนที่อยู่ข้างกายย่อมสังเกตเห็นได้ว่าคุณหนูของตนกำลังหดหู่ใจ เช่นนั้นนางจึงรีบขยับเข้ามากระซิบข้างหูผู้เป็นนาย

“คุณหนูเจ้าคะ ข้าชักเริ่มสงสัย หรือจะเป็นไปได้ว่าคุณชายซีก็เตรียมจะบุกเข้าไปในบานประตูแห่งความสูญว่างนี้ด้วยเจ้าคะ ? พลังฝีมือของเขาอยู่แค่เพียงระดับพลังปราณขั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม  เช่นนั้นแล้วหากเขายังฝืนเข้าไปย่อมต้องได้สิ้นใจอยู่แถวขอบแดนอาณาจักรกำบังนี้เป็นแน่ อาจบางทีย่อมไม่สามารถทะลวงลึกเข้าไปถึงเขตแดนผนึกมังกรด้วยซ้ำ ! คนผู้นั้นคงได้สิ้นใจอยู่ในนี้ล่ะเจ้าค่ะ…..”

มุมปากของผู้เป็นนายขยายขึ้นเป็นแนวโค้งกว้างบนดวงหน้า และให้เผอิญเสียจริงที่ภาพนี้กลับปรากฏแก่สายตาที่นิ่งสงบประดุจน้ำในทะเลสาบที่สะท้อนต้องแสงอาทิตย์ ของบุรุษในอาภรณ์สีม่วงผู้กำลังจับจ้องนางก่อนที่ดวงหน้าของหญิงสาวจะกลับคืนสู่ความนิ่งเปล่าดังเดิม

ชั่วขณะนั้นเอง น้ำเสียงที่ล้ำลึกเย็นเยียบของคนผู้หนึ่งพลันดังก้องขึ้น “หนานกง ทุกอย่างเรียบร้อย เข้าไปได้แล้ว”

 

*****

ยามนี้เกอซีได้ย่างกรายเข้ามาถึงส่วนในสุดแห่งเขตแดนผนึกมังกร โดยไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า เพราะตัวนางเป็นเหตุโดยแท้ อาณาจักรกำบังแห่งนี้จึงถูกเผยปรากฏก่อนช่วงเวลาที่ถูกกำหนดไว้

เพียงได้แทรกตัวเข้ามาทางช่องแคบ ๆ ที่แง้มออกของบานประตู ตลอดทั่วทั้งเรือนกายประดุจจะถูกฉีกกระชาก ทั่วร่างราวถูกบิดรั้งอย่างรุนแรงคล้ายจิตวิญญาณจะถูกบีบคั้นให้หลุดลอยออกจากร่าง

กระทั่งที่สุดเกอซีก็พยายามกลับมาทรงตัวยืนหยัดอยู่ได้ด้วยความยากลำบาก หญิงสาวค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นช้า ๆ และต้องตกตะลึงงันกับภาพฉากที่ปรากฏเบื้องหน้าสายตา

ที่แห่งนี้คือ…… แนวป่าประหลาดที่ซุกซ่อนอยู่ในเทือกเขากระนั้นหรือ ? ฝ่าเท้าของนางเหยียบย่างลงบนปลายหญ้าสีเขียวเข้ม เบื้องหน้านั้นคือป่าไม้โบราณที่เขียวขจีชุ่มฉ่ำ ทอดสายตาไกลออกไป ย่อมสามารถเห็นยอดเขาตลอดถึงสายน้ำ ทั้งยังปรากฏหิมะบริสุทธิ์ที่ขาวโพลนปกคลุมเหนือยอดเขาแห่งนั้น

เกอซีสอดส่ายสายตาสำรวจตลอดรอบกายจึงพบว่า บานประตูเหล็กสีศิลาที่เบื้องหลังของตนไม่ได้ตั้งตระหง่านให้เห็นอีกต่อไป หากทว่ายามนี้กลับกลายเป็นผาสูงชันเข้าแทนที่ หมู่มวลบุปผาหลากสีสันส่งกลิ่นหอมฟุ้งกำจายเบ่งบานสะพรั่งครอบคลุมผืนผา

ที่นี่คือที่ใดกัน ? เหตุใดสภาพแห่งผืนดินที่หลากหลายทั้งปวงล้วนถูกรวบรวมไว้ในอาณาบริเวณนี้ทั้งสิ้น ? ยิ่งโดยเฉพาะผิวดิน ก้อนศิลาที่อยู่บนหน้าผานั้นหลากหลายรูปแบบหลากหลายสีสัน คล้ายดั่งพวกมันถูกเก็บรวบรวมมาจากขุนเขาน้อยใหญ่หลากที่หลายสถานเพื่อผสานรวมกันเป็นหนึ่งในที่นี้

หญิงสาวสืบฝีเท้าก้าวตรงเข้าสู่เขตชายป่า ต้นไม้โบราณในที่นี้ล้วนสูงใหญ่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิต แหงนมองสูงไกลจนลิบตาคือก้อนเมฆชั้นหมอกที่โอบล้อมรอบยอดไม้เป็นวงชั้นแต่งแต้มหลากสีสันมอบความสดใสประดุจภาพฝันอันวิจิตรในดินแดนแห่งเทพนิยาย

ต้านต้านกระโดดลงจากไหล่ของเกอซี เท้าสั้นตันน้อย ๆ ก้าวพรวด ๆ ตรงออกไป เจ้าตัวน้อยแหงนหน้าอัดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปจนเต็มปอด “ท่านแม่ ที่นี่หอมจังเลย—- สงสัยต้องมีของกินอร่อย ๆ แหง ๆ !”

 

***จบตอน ปากประตูแห่งความสูญว่าง***

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด