หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 216 ยามมังกรร้องก้องคำราม
พลังปราณทั่วร่างเกอซีแทบหมดสิ้น นางย่อมตระหนักดีว่างูหลามทองคำตัวนี้ต้องการจับตัวนาง หญิงสาวตัดสินใจกระทำในสิ่งเกินความคาดหมาย นางดีดขาซ้ายกระโดดเตะต้นไม้ใหญ่พลิกตัวกลับกระโจนเข้าหางูหลามทองคำอย่างรวดเร็ว
เจ้างูหลามทองคำไม่คิดเลยว่ามนุษย์สิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยด้อยค่าเช่นนี้จะคิดมาฉกชิงต้นโพธิ์ทองคำของตน ช่างกล้าทำให้มันต้องมาสิ้นเปลืองเวลา ทั้งยังกล้าตอบโต้มันกลับด้วยเช่นนี้ทำให้มันตกตะลึงนิ่งค้างไปในทันที
ช่วงจังหวะที่งูหลามทองคำกำลังตะลึงค้างอยู่นั้น เกอซีรีบฉวยโอกาสกระโจนใส่หัวจ้วงแทงนัยน์ตาที่แดงก่ำดุจหยาดโลหิตของมันอย่างสุดแรง
ทว่าเจ้างูหลามทองคำรวดเร็วกว่าที่เกอซีจินตนาการไว้มากนัก เพราะเพียงเมื่อกริชกำลังจะจ้วงลงสู่เป้าหมาย มันก็ปิดเปลือกตาลงได้ทันการ
ปลายกริชที่สามารถตัดเหล็กกล้าได้อย่างง่ายดายประดุจผ่าดินเหนียวทะลวงลงสู่เปลือกตาของงูหลามทองคำในทันที เสียดายยิ่งนักที่พลาดเป้ากระซวกทะลวงดวงตา หญิงสาวจึงทำได้เพียงทิ้งรอยบาดตื้น ๆ ไว้บนเปลือกตาของมันเท่านั้น
งูหลามทองคำสะบัดหัวส่งเสียงคำรามฟ่อลั่น มันสลัดร่างที่บอบบางของเกอซีกระเด็นออกไป พลางพ่นอายพิษฤทธิ์กร่อนศิลาออกมาอย่างน่าหวาดหวั่น
ตลอดช่วงชีวิตของมันไม่เคยเห็นเจ้ามนุษย์ตัวน้อยที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน ! ขณะที่มันกำลังอยู่กระหว่างการฝึกฝนพลังเวท เจ้ามนุษย์ผู้นี้กล้าเข้ามาฉกฉวยผลโพธิ์ทองคำจนเกลี้ยงต้น ! มันสมควรตายเป็นหมื่นครั้ง ! มันคิดว่ามันสามารถต่อกรกับราชางูหลามได้ด้วยกริชน้อยเพียงเล่มเดียวกระนั้นหรือ ? จะตลกเกินไปแล้ว !
เจ้างูหลามทองคำหยุดสะบัดหัวในทันทีที่ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเริ่มลุกลามไปทั่วทั้งลูกนัยน์ตา
รอยข่วนน้อย ๆ ของเกอซีบากไว้ด้วยความเร็วที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าพลันเริ่มเน่าเปลี่ยนสภาพเป็นสีเทา ก่อนจะค่อย ๆ แปรสภาพเป็นดำคล้ำฝ่อเหี่ยวกระทั่งที่สุดก็กลับกลายเป็นเพียงเบ้าตาที่กลวงโบ๋
เจ้างูหลามทองคำทิ้งตัวลงกลิ้งเกลือกกับพื้นด้วยความเจ็บปวด ขุมพลังมหาศาลระเบิดออกจากร่างของมันอย่างสุดจะคาดเดา และช่วงจังหวะนั้นเอง ปลายหางของมันก็ตวัดกวาดผ่านมายังร่างของเกอซี
หญิงสาวยังอยู่ในอาการงุนงงที่ถูกเขวี้ยงออกมาอย่างแรงเมื่อครู่ เช่นนั้นจึงกระโจนหลบหางของอีกฝ่ายไม่ทัน เมื่อปลายหางที่อัดแน่นไปด้วยขุมพลังกระแทกใส่ร่าง ตัวของนางจึงปลิวลอยละลิ่วกลางอากาศก่อนจะตกกระแทกใส่ต้นไม้โบราณอย่างแรง
อวัยวะภายในได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงกระทั่งแทบหายใจได้ไม่ทั่วท้อง โลหิตไหลหยดเป็นทางจากมุมปากก่อนจะค่อย ๆ ร่วงหล่นใส่ธำมรงค์หยก
ธำมรงค์วงนี้คือสิ่งที่ต้านต้านได้รับมาจากขอทานเฒ่าผู้นั้น ครั้นเมื่อหยาดโลหิตของนางหยดใส่ลงไปประกายแสงอันเจิดจ้าพลันระเบิดท่วมออกจากร่างของหญิงสาว
คล้ายหัวที่กำลังสบัดเหวี่ยงของงูหลามทองกำกระแทกใส่ม่านพลังบางอย่างที่โปรงใสเกิดเป็นเสียงสะท้อนก้องดังไปทั่ว ขณะที่ร่างของมันกระเด็นกระถดถอยกลับไปอย่างแรง
ผืนดินสั่นสะท้านแตกแยก เสียงร้องของมังกรดังก้องสะท้อนไปทั่วทั้งอาณาจักรกำบัง ประดุจจะดำเนินรอยตามตำนานโบราณที่เล่าขานกันในอดีตอีกครา
*****
เกอซีรับรู้ได้ถึงของเหลวบางอย่างที่หอมหวานกำลังไหลลงผ่านลำคอ และทันทีที่มันเข้าสู่ภายในกาย ของเหลวนั้นพลันแปรเปลี่ยนเป็นขุมพลังที่เข้มข้นมหาศาล และโคจรโลดแล่นไปตลอดทั่วทั้งร่าง ช่วยบรรเทาความร้อนที่เผาไหม้ภายในกายให้เย็นระงับคลายความทรมานลงไปได้
“ท่านแม่ ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง ? ท่านแม่อย่าทำให้ต้านต้านกลัวสิ”
นางค่อย ๆ เผยอเปลือกตาขึ้น สิ่งแรกที่ปรากฏเบื้องหน้าสายตาคือดวงหน้าน้อย ๆที่ยับย่นยู่ยี่เคล้าหยาดน้ำตาของเจ้าตัวน้อย
ในมือซ้ายของเขาคือผลโพธิ์ฝานเป็นชิ้น ส่วนมือขวาคือทิพย์วารี จากที่ปรากฏอยู่นี้ย่อมเพียงพอจะคาดเดาได้ว่า เจ้าตัวน้อยพยายามป้อนของวิเศษทั้งสองให้นางเพื่อหมายว่าจะมีสักชิ้นที่สามารถช่วยท่านแม่ของเขาได้
หญิงสาวค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้น และพบว่าในยามนี้ นางกำลังอยู่ในมิติเวท ทั้งต้นโพธิ์ทองคำก็ถูกย้ายเข้ามาปลูกในผืนธรณีศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลทั้งผลโพธิ์ทองนั้นอวบอิ่มอ้วนเต็มด้วยเพราะขุมพลังอันมหาศาลที่มีอยู่ในสถานที่นี้
ครั้นเมื่อตรวจดูสภาพร่างกายของตนจึงพบว่าอาการบาดเจ็บที่ได้รับจากงูหลามทองคำในยามนี้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ เสียดายที่มิอาจรู้ได้ว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากทิพย์วารีหรือผลโพธิ์ทองคำเท่านั้น
ประสบการณ์ในอาณาจักรกำบังครานี้ทำให้หญิงสาวขวัญเสีย หากนางเผลอเดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปหาสัตว์เวทซึ่งมีพลังเวทขั้น 6 ไปแล้ว นางควรตระหนักได้ว่า ผู้ที่มีพลังฝีมือระดับนี้ แม้จะพกอาวุธมาเต็มอัตราก็ยังไม่อาจเทียบกับเจ้าสัตว์เวทระดับนี้ได้
***จบตอน ยามมังกรร้องก้องคำราม***
คอมเม้นต์