The First Order ปฐมภาคีมวลมนุษย์ – ตอนที่ 11 ถึงล้านได้ง่าย ๆ
แค่การได้ตำราลอกเลียนทักษะมา 2 เล่มมันมีประโยชน์กับเหลินเสี่ยวซูอย่างมาก เขามักจะเป็นคนที่กระหายในความรู้ตลอดเวลา ตำราลอกเลียนทักษะ 1 เล่มนั้นสามารถทำให้เขาเรียนรู้ทักษะที่คนอื่นมีอยู่แล้วได้ เหลินเสี่ยวซูจึงคิดว่ามันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าอย่างนึงเลย
ถึงแม้ว่าทักษะที่เขาจะได้รับมานั้นจะเป็นแบบสุ่ม และเขาอาจจะมีโอกาสได้สกิลไร้สาระที่ใช้งานอะไรไม่ได้เลย แต่ทักษะความเชียวชาญอาวุธปืนขั้นสูงที่เขาพึ่งได้เรียนรู้มามันทำให้เขารับรู้ถึงความหอมหวานของความรู้ที่เขาได้รับมา
แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่ดึงดูดให้เหลินเสี่ยวซูมาสำรวจวังในจิตใจของเขาในครั้งนี้ ไม่ใช่ตำราลอกเลียนทักษะแต่อย่างใด หากแต่เป็นสิ่งที่วังได้บอกในตออนท้าย ที่พูดถึง ภารกิจเสริมต่างหาก!
ด้วยความที่ว่ามันเป็นภารกิจเสริม ทำให้มันดูไม่ได้สำคัญอะไร มันอาจจะเป็นงานที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะเสร็จได้
แต่ถึงอย่างนั้น เหลินเสี่ยวซูก็ได้ยินชัดเจนจากในวังเลยว่า “เหตุเพราะสูญเสียอาวุธ ภารกิจเสริมพิเศษเริ่มทำงาน”
เพราะงั้นหมายความว่าภารกิจนี้ต้องเกี่ยวข้องกับอาวุธแน่เลย
ตลอดเวลาที่เหลินเสี่ยวซูต้องใช้ชีวิตเอาตัวรอดในป่าใหญ่ เขาเข้าใจดีถึงความสำคัญของการมีอาวุธที่ดีไว้ข้างกาย ครั้งนึงตาแก่หวางเคยซื้อมีดเหล็กมาได้ แล้วอยากจะขายต่อให้กับเหลินเสี่ยวซู แต่เหลินเสี่ยวซูก็ไม่มีตังพอซื้อมันถึงจะใช้ตังเก็บที่ดองมา ครึ่งปีเต็มก็ตาม
สุดท้ายตาแก่หวางก็ขายมีดนั้นให้กับผู้จัดการของโรงงานเคมี ผู้จัดการโรงงานนั้นเป็นตำแหน่งที่ทางป้อมปราการเลือกสรรค์จากหมู่ผู้ลี้ภัยให้มารับหน้าที่ในตำแหน่งผู้นำ เพราะงั้น พวกเขาเลยถือได้ว่าเป็นอภิสิทธิ์ชนที่ได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากการเป็นผู้ติดตามที่จงรักษ์ภักดีขึ้นตรงกับป้อมปราการ
ในตอนนั้น เหลินเสี่ยวซูได้แต่คิดว่า มันคงจะยอดเยี่ยมน่าดูเลยถ้ามีอาวุธดีๆอยู่ในมือของเขา เพราะว่าเขาจะได้ไม่ต้องเข้าไปนอนแอ่งแม้งในป่าทั้งวันเฝ้าคอยจับนกกระจอก ทุกวันนี้นกกระจอกจับยากขึ้นมาก มันทำให้การรอคอยของเขาเป็นไปอย่างทรมาณ
ถ้าเขามีมีดดีๆอยู่ในมือละก็ เขาก็จะสามารถออกไปล่าสัตว์ป่าอย่างอื่นได้เช่น กระต่าย หนูนา หนูไผ่ และอื่นๆ
ใช่แล้ว ยุคสมัยนี้แม้แต่กระต่ายก็ถือเป็นสัตว์ป่าเหมือนกัน
กระต่ายในป่านั้นจะไม่โจมตีมนุษย์ก่อน แต่พวกมันก็มีความแข็งแรงมากและสามารถกระโดดได้สูงถึงประมาณคางของผู้ใหญ่ ครั้งนึง เหลินเสี่ยวซูเคยขุดหลุมกับดักลึกประมาณ 2 เมตรแล้วมีกระต่ายมาติดกับตกลงไปในนั้น แต่ถึงอย่างนั้นตอนที่เหลินเสี่ยวซูเข้าไปจับมัน จู่ๆกระต่ายนั้นก็กระโดดออกมาจากหลุมหน้าตาเฉยแถมยังถีบเขาเข้าเต็มหัวกลางอากาศ ทำให้เหลินเสี่ยวซูหัวโนไปหลายวัน
เหลินเสี่ยวซูมองดูแผ่นหนังในเครื่องพิมพ์ดีด “เหตุเพราะสูญเสียอาวุธ ภารกิจเสริมพิเศษเริ่มทำงาน : สะสมคำขอบคุณจากใจจริงให้ครบ 100 เพื่อปลดล๊อกอาวุธใหม่ สามารถนำคำขอบคุณไปแลกสิ่งของอื่นได้ด้วย”
เหลินเสี่ยวซูงงแตก ทำไมภารกิจเสริมถึงแปลกได้ขนาดนี้
สะสมคำขอบคุณเนี่ยนะ? แถมยังต้องเป็นคำขอบคุณจากใจจริงอีกเหรอ?
การได้รับคำขอบคุณน่ะ มันง่าย แต่การได้รับคำขอบคุณจากใจจริงที่จริงใจนั้น มันยากมาก
แถมยังใช้คำขอบคุณเป็นค่าเงินแลกเปลี่ยนได้อีก จะว่าไปแล้ว คำขอบคุณมันจะเอาไปแลกสิ่งของแบบไหนได้กันนะ
เขาอ่านข้อความในแผ่นหนังต่อ แล้วเขาก็พบคำต่อจากนั้นอีก
“ได้รับคำขอบคุณจากหลี่เสี่ยวหยู +1”
เหลินเสี่ยวซูดีใจที่อย่างน้อยการทำความดีของเขาก็ไม่สูญเปล่า แถมวังในใจของเขายังตรวจจับไม่พลาดไปอีกด้วย
แล้วเขาก็เห็นคำต่อลงมาอีกบรรทัดนึง เขียนไว้ว่า – ปลดล๊อคอาวุธ 1/100
เหลินเสี่ยวซูรู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะถ้าเปลี่ยนเป็นเขาต้องเก็บอารมณ์ในแง่ลบแทนละก็ มันคงจะดีกว่านี้ เพราะว่าทั้งเมืองมันเต็มไปด้วยอารมณ์แง่ลบเต็มไปหมด เขาสามารถทำให้ 1-100 เต็มได้อย่างง่ายดาย
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่วังในจิตใจของเขาต้องการให้ทำ ตอนนี้เหลินเสี่ยวซูเองก็เริ่มคิดแล้วว่าอาวุธใหม่ของเขาจะเป็นยังไงกัน
อาวุธที่ได้มาจากวังในจิตใจ มันต้องไม่ใช่ของธรรมดาๆแน่นอน
เหลินเสี่ยวซูลืมตาขึ้นมาก่อนจะหันไปมองหยานหลิวหยวน “หลิวหยวน ขอบคุณฉันทีซิ”
หยานหลิวหยวนงงแตก “พี่ เป็นอะไรของพี่เนี่ย พี่ทำให้ฉันกลัวนะ”
“กลัวบ้ากลัวบออะไรล่ะ” เหลินเสี่ยวซูพูด “เร็วเข้า พูดมาเร็ว”
หยานหลิวหยวนคิดซักพักก่อนจะพูดออกมา “ขอบคุณนะพี่ ที่ดูแลฉันมาตลอดเลย”
“ได้รับคำขอบคุณจากหยานหลิวหยวน +1”
เหลินเสี่ยวซูอารมณ์ดี ก็ง่ายๆนี่หว่า
“เยี่ยมเลย เอาล่ะ ทีนี้ ลองขอบคุณฉันอีกหลายๆรอบซิ” เหลินเสี่ยวซูพูด
หยานหลิวงงแตกมากกว่าเดิม “เออ … ขอบคุณครับ?…”
เหลินเสี่ยวซูรอบนี้กลับต้องผิดหวัง มันดูเหมือนว่าการขอบคุณจะได้รับต่อเนื่องได้ แต่ประเด็นสำคัญของการขอบคุณก็คือความรู้สึกที่มาจากใจจริง เขาเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วพูด “ไม่ นายไม่จริงใจมากพอ!
“ไม่ ไม่ซิ มันต้องไม่ใช่แบบนี้ นายยังใส่อารมณ์ไม่ถูก เอาใหม่อีกทีซิ
“ไม่ ยังไม่ถูก นายต้องใส่อารมณ์มากกว่านี้อีก เรียกมัน เรียกมันออกมา ใช่ ใช่ ใช่แล้ว แบบนั้นแหละ งัดมันออกมา
“เอาอีกรอบซิ เอาความจริงใจออกมาเลย
“เอาอีกที ใส่อารมณ์ในทุกคำที่พูดด้วย…”
หยานหลิวหยวนแทบจะกองลงกับพื้น ตอนนี้เขาพูดเยอะจนปากแห้งหมดแล้ว “พี่ นี่มันทักษะของพี่เหรอ? ทำไมทักษะขอองพี่มันดูไร้สาระแบบนี้อะ”
ทั้งคืนนั้นเหลินเสี่ยวซูดื้อด้านทำการทดลองกับระบบคำขอบคุณกับหยานหลิวหยวนทั้งคืน แต่สุดท้าย เขาได้รับค่าคำขอบคุณแค่ 1 เดียวเท่านั้น
แต่ด้วยคำขอบคุณที่ว่าทำให้ตอนนี้เขามีเหรียญไว้แลกถึง 2 เหรียญแล้ว เหรียญที่ว่าเป็นตัวแทนของคำขอบคุณสลักไว้ด้วยรูปหัวใจพร้อมคำที่สลักไว้ว่า “ด้วยจิตใจที่ยินดี ขอขอบคุณที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขในชีวิต มอบความกล้าให้ และด้วยหัวใจที่ปลื้มปิติ ขอขอบคุณดวงชะตา แม้บุพผาจะเบิกบานหรือร่วงเลย คำขอบคุณจะอยู่ตลอดไป”
เหลินเสี่ยวซูเดาะลิ้นแล้วคิดว่าที่สลักในเหรียญมันคือคำกลอนบางอย่าง
ในตอนนี้ ตู้โชว์ทั้งหลายในวังที่ถูกบดบังไปด้วยหมอกทมิฬนั้นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ทางด้านซ้ายของเครื่องพิมพ์ดีด หมอกททใฬที่ปกปิดตู้โชว์อันหนึ่ง สลายจางออกไปเผยให้เห็นบางสิ่งที่อยู่ด้านใน มันคือตู้ขายของอัตโนมัติ
เหลินเสี่ยวซูตะลึงไปอยู่ซักพัก เขาสงสัยในวิธีการทำงานของเครื่องนี้เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นมัน เขาไม่เคยเห็นตู้ขายของแบบนี้มาก่อนเลยตอนที่เขาอยู่ในโลกภายนอก เครื่องแบบนี้มันไม่มีอยู่ในโลกปัจจุบันอีกแล้ส
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังพออ่านตัวหนังสือบนตู้ขายของออก มันเขียนไว้ว่า “ช่องใส่เหรียญ”
รอบข้างนั้นมันไม่อะไรอย่างอื่นเลยนอกจากช่องใส่เหรียญ เขาเลยเลิกคิดมากแล้วหยอดเหรียญลงไปในเครื่อง
แกร๊ง เหรียญที่สลักรูปหัวใจถูกหยอดลงไปในเครื่อง จากนั้นเครื่องก็เริ่มสั่นทำงานเสียงดังกรุ๊กกรัก หลังจากนั้นไม่นาน ขวดแก้วเล็กมาก ๆ ก็กลิ้งออกมาจากเครื่องนั่น
เหลินเสี่ยวซูหยิบมันขึ้นมาดู ขวดนั้นมีคำเขียนแปะไว้แค่ว่า “ยา” คำเดียว
“ไม่เอาหน่า อย่างน้อยก็บอกหน่อยไม่ได้เหรอว่ามันเป็นยารักษาอะไรน่ะ” เหลินเสี่ยวซูลังเลอยู่ซักพัก หลังจากที่เขาคิดซักพักแล้ว เขาก็กำขวดยาแน่นก่อนจะหลับตา พอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกความจริง ขวดยานั้นก็ตามเขามาด้วย
หยานหลิวหยวนพอเห็นขวดยาก็ตะลึงเล็กน้อย “พี่ เล่นมายากลเหรอ?”
เหลินเสี่ยวซูไม่สนใจเขา เขาตัดสินใจดึงผ้าพันแผลที่มือของเขาออก เผยให้เห็นแผลที่เริ่มจะติดเชื้อบวมเป่งแล้ว
เลือดคั่งอยู่บริเวณแผลทำให้แผลบวมขึ้นมาได้พักใหญ่ ในขณะที่น้ำหนองน้ำเหลืองเริ่มไหลออกมาจากบาดแผล เหลินเสี่ยวซูรู้ดีว่าถ้าเขาไม่ได้ยามาล่ะก็ แผลนี้ก็คงจะเริ่มติดเชื้อหนักแล้วไข้ก็จะเริ่มเข้าจู่โจมเขาต่อ
ตอนที่หยานหลิวหยวนเห็นแบบนั้น เขาก็รีบยืนขึ้นแล้วเดินจ้ำอ้าวออกไปข้างนอกทันที เหลินเสี่ยวซูดึงเขาเอาไว้แล้วพูด “จะทำอะไรของนายเนี่ย”
“ไปซื้อยาให้พี่ไง” หยานหลิวหยวนพูดแบบดื้อรั้น
“ไม่ต้องหรอก” เหลินเสี่ยวซูหยิบขวดยาในมือออกมาเปิดฝาออกแล้วเทน้ำมันตัวยาลงบนนิ้วชี้เล็กน้อย ก่อนที่เขาจะค่อยๆทาลงบนแผล ขวดยานั้นมันไม่ได้ใหญ่อะไรมากแถมยังตื้นมากด้วย ถ้าหากจะใช้จริงๆ คงสามารถใช้ได้เพียงแค่ 3 หยดเท่านั้น
หลังจากทาลงไปแล้ว เหลินเสี่ยวซูก็เริ่มรู้สึกคิดผิดขึ้นมา หลอดยานั้นเขียนไว้แค่คำว่า “ยา” เท่านั้น ถ้ามันดันเป็นยาพิษขึ้นมาล่ะจะทำยังไง?
แต่แล้วความกังวลของเขาก็หายไป เพราะหลังจากที่เขาทาน้ำมันยาไปที่แผลแล้ว อาการปวดแสบร้อนที่แผลของเขาก็เริ่มหายไป
ยาแก้อักเสบทที่เสี่ยวหยูให้มาเขาก็ยังเก็บเอาไว้เพราะเขาไม่จำเป็นต้องใช้มันแล้ว ยาแก้อักเสบแบบกินนั้นต้องกินติดต่อกัน 3 วัน ในขณะที่น้ำยาที่เขาได้มานั้น มันได้ผลทันทีดั่งมนตร์วิเศษ ยาแก้อักเสบสมัยนี้ราคาอยู่ที่ เม็ดละ 200 หยวน เหลินเสี่ยวซูลองคิดเล่นๆว่า ถ้าเกิดเขาสามารถเอาหลอดยานี่มาขายแทนยาแก้อักเสบได้ละก็ มูลค่าของมัน…ก็อาจถึงล้านได้ง่ายๆเลย!
เหลินเสี่ยวซูหันควับกลับมาแล้วจ้องหน้าหยานหลิวหยวน แล้วพูดอย่างเอาจริงเอาจัง “ช่วยฉันคิดหน่อย ทำยังไงฉันถึงจะได้คำขอบคุณของคนอื่นมาเร็วๆได้บ้าง?”
คอมเม้นต์