The First Order ปฐมภาคีมวลมนุษย์ – ตอนที่ 19 ทำไมไม่วิ่งให้ไวกว่านี้ล่ะวะ

อ่านนิยายจีนเรื่อง The First Order ปฐมภาคีมวลมนุษย์ ตอนที่ 19 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“แค่ผิดพลาดนิดหน่อยเอง” เหลินเสี่ยวซูอธิบายด้วยรอยยิ้ม “วันนี้นางพยาบาลของเรามาทำงานวันแรกน่ะ เธอเลยอาจจะยังไม่รู้ขั้นตอนวิธีการซักเท่าไร มาเถอะ เย็บแผลกันต่อ พี่เสี่ยวหยู เย็บเหมือนตอนเย็บผ้าเลยนะ”

เสี่ยวหยูไม่ได้กลัวเลือดแต่อย่างใด เอาเข้าจริง ทุกคนในเมืองเคยชินกับการเห็นคนตายต่อหน้าต่อตา เห็นเลือดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เพราะงั้น บาดแผลเล็กๆน้อยๆที่เกิดจากอุบัติเหตุพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกอย่าง เธอเองก็ดูมีความสุขกับอาชีพนี้ของเธอด้วยซ้ำ ไม่ใช่เพราะเธอชอบเห็นเลือด แต่เป็นเพราะเธอได้กลายเป็นคน “มีประโยชน์” ขึ้นมาตั่งหาก

มันเป็นเรื่องพื้นฐานของคนในเมืองที่จะพยายามทำตัวมีประโยชน์ให้ได้มากที่สุดในสภาวะแวดล้อมที่โหดร้ายแบบนี้ คนไร้ประโยชน์จะโดนทอดทิ้งไว้เบื้องหลังไม่เร็วก็ช้า มันเป็นตรรกะพื้นฐานที่จะตัดสินง่ายๆว่าใครจะอยู่ใครจะไป

เสี่ยวหยูก่อนหน้านี้ไม่มีความมั่นใจเลยว่าเหลินเสี่ยวซูกับหยานหลิวหยวนจะทิ้งเธอเข้าซักวันรึเปล่าหากเธอทำตัวไม่มีประโยชน์ แต่ที่แน่ๆ คือเธอจะไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่เฉยๆแล้วเป็นภาระกับพวกเขาแน่ๆ

ตอนที่เธอได้ยินเหลินเสี่ยวซูพูดว่าให้เธอเย็บแผลเหมือนเย็บเสื้อผ้า ความมั่นใจของเธอก็เพิ่มมากขึ้นและฝีเข็มของเธอก็นิ่งขึ้นมาก

ยิ่งกว่านั้น เหลินเสี่ยวซูยังคงจับแขนของชายคนนั้นให้อยู่นิ่งๆ ทำให้เธอสามารถเย็บแผลได้อย่างดีขึ้นด้วย

ตอนที่เย็บแผลใกล้จะเสร็จ เสี่ยวหยูก็พูดกับเหลินเสี่ยวซูขึ้นมา “เย็บแผลคนกับเย็บเสื้อผ้ามันจะต่างออกไปหน่อยนะ ตอนที่เย็บเสื้อผ้า ด้ายต้องซ้อนอยู่ในเสื้อให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้มองเห็น แต่ตอนเย็บแผล เราต้องห้ามเหลือด้ายในแผล เลยต้องเย็บแบบย้อนเข็ม เพราะงั้นมันอาจจะดูไม่ค่อยสวยหน่อยนะ”

คนเจ็บทั้ง 3 คนที่ฟังแบบนั้นก็กระอักกระอ่วนใจขึ้นมาทันที ยิ่งเสี่ยวหยูพูดมากเท่าไร ทั้ง 3 คนก็เหมือนเห็นอนาคตแผลตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

ตอนที่เสี่ยวหยูเย็บแผลคนแรกเสร็จ เหลินเสี่ยวซูก็นำขวดยาดำออกมา ก่อนจะทายานั่นให้กับคนเจ็บคนแรก “ยาของฉันมันล้ำค่ามากนะ แต่ฉันจะไม่เก็บนายแพงหรอก ฉันจะคิดราคานายเท่าๆกับราคาที่คลินิกเรียกละกัน 600 หยวน ฉันเชื่อว่าพวกนายคงจะจ่ายกันได้นะ”

เสื้อนอกบุใยฝ้ายนั้นก็ราคาประมาณ 600 หยวนเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้น เงินเดือนของพวกคนงานส่วนมากจะอยู่ที่ประมาณ 2200 – 2800 หยวน นั่นทำให้ของที่ขายในราคานี้แอบจะแพงไปหน่อยเมื่อเทียบกับค่าจ้างรายเดือนแล้ว แต่เพราะด้วยเหตุของปัญหาอุปสงค์อุปทานที่ไม่เคยตรงกัน พวกขุนนางที่อยู่ในป้อมปราการ จึงพยายามกดค่าแรงรายได้ของคนในเมืองให้ต่ำที่สุดที่ทำได้โดยที่ยังพอจะใช้ชีวิตอยู่รอดกัน เพราะยังไงพวกขุนนางก็ยังต้องหาประโยชน์จากชาวบ้านในเมือง

ในความคิดของพวกขุนนาง แค่พวกเขาไม่เรียกเก็บค่าคุ้มครองจากพวกชาวบ้านผู้ลี้ภัยมันก็ดีแค่ไหนแล้ว ในเมื่อพวกเขาอยู่ใต้อำนาจการปกครองของป้อมปราการ แต่ประเด็นก็คือ ชาวเมืองไม่ได้รู้สึกเลยว่าตัวเองได้รับการคุ้มครองแต่อย่างใด แต่อย่างน้อยพวกขุนนางก็ออกกฏหมายควบคุมราคาของสิ่งของไม่ให้เกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้

นั้นเป็นสาเหตุที่เหลินเสี่ยวซูสามารถเอาตัวรอดมาได้ตั้งแต่อดีต โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปทำงานในโรงงานเหมืองเหมือนคนอื่น เพราะว่าที่เขาต้องทำก็แค่ ล่านกกระนอกมาให้ได้ เดือนละ 3 ตัวเป็นอย่างต่ำ แค่นี้เขาก็จะมีรายได้มากกว่าคนงานเหมืองส่วนมากแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะล่าไม่ครบ 3 ตัวต่อเดือน แต่เขาก็ยังมีตังเพียงพอที่จะอดมื้อกินมื้อประหยัดจนอยู่รอดได้ทั้งเดือน

ในยุคสมัยวิปราศแบบนี้ ทุกคนต่างก็พยายามจะฝืนทนพยายามดิ้นรน แต่สุดท้าย ชีวิตก็จะหวนกลับมาเล่นงานเราอยู่ดี

เหลินเสี่ยวซูนั้นคิดถูกเรื่องราคาของยาที่ทั้ง 3 คนต้องจ่าย หลังจาที่ทายาดำลงไปบนบาดแผลของคนเจ็บแล้ว ความเจ็บปวดของเขาก็หายวับไปทันที เขาจ่ายเงินค่ารักษาอย่างเต็มใจมากเพราะยังไงราคามันก็เท่าๆกับที่คลินิก ที่เขาคิดจะไปรักษาตอนแรก

พอพวกเขารักษา จ่ายตังเสร็จแล้ว พวกเขาก็เตรียมจะจากไปทันที จนเหลินเสี่ยวซูต้องพูดทวงขึ้นมา “ไม่คิดจะขอบคุณที่รักษาให้กันหน่อยเลยเหรอ?”

คนไข้หันคนนั้นกลับมามอง ก่อนจะยักไหล่แล้วหันกลับไปพูด “ขอบคุณครับ!”

เหลินเสี่ยวซูพยักหน้าอย่างพอใจ แต่ถึงอย่างนั้น ตอนที่เขามองกลับไปในวังจิตใจ เขากลับพบว่า นั่นไม่ใช่คำขอบคุณที่จริงใจเลยแม้แต่น้อย

เหลินเสี่ยวซูคิด “ความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับคนไข้สมัยนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดวะเนี่ย นี่ฉันรักษาแผลให้เลยนะ ไม่คิดจะขอบคุณกันซักนิดเลยรึไงเนี่ย?!”

ทันใดนั้นเอง เหลินเสี่ยวซูก็ได้ยินเสียงมาจากภายใน วังจิตใจ แจ้งกับเขาว่า “ภารกิจสำเร็จ รางวัลความแข็งแกร่ง(จะเรียกค่านี้ว่าพลังแทน)เพิ่มขึ้น 1.0”

ภารกิจรักษาคนเจ็บ 1 รายสำเร็จไปได้ด้วยดี และเขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวังภายในจะให้รางวัลเป็นค่าพลังกับเขาอีกรอบ เอาเข้าจริง ค่าพลังนี่เป็นสิ่งที่เหลินเสี่ยวซูต้องการที่สุดตอนนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะในเมืองนี้ ยิ่งคนที่มีกำลังมาก โอกาสรอดก็ยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย

เสียงจากวังภายในจิตใจดังขึ้นอีกครั้ง “ภารกิจ รักษาผู้ป่วย 2 ราย”

เอ๊ะ มันเป็นภารกิจที่ทำซ้ำได้หรอกเหรอ พอภารกิจแรกสำเร็จไปแล้ว ภารกิจที่ยากกว่าก็ปรากฏขึ้นมาแทน

หรือว่ามันจะนับคนเจ็บ 2 คนนี้ไปด้วยเลยเหรอ

เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าเกิดได้ค่าพลังมาเพิ่มอีก 1 ตอนจบภารกิจ แบบนี้เขาไม่กลายไปเป็นไอ้บ้ากล้ามปูหรอกเหรอ

ถ้าเขาได้ค่าพลังมาเพิ่มอีกมันก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะเขาต้องเสียความเร็วไปเพราะมวลกล้ามเนื้อด้วยที่มากขึ้นทำให้เขาขยับตัวได้ช้าลงไปด้วย

นักวิ่งที่เร็วที่สุดในโลกส่วนมากเองก็เป็นคนที่มีมวลกล้ามเนื้อโดยรวมสมดุล ไม่ใช่พวกเพาะกายกล้ามปูแขนเป็นท่อนซุงแต่อย่างใด

ณ ตอนนี้ พลังกล้ามเนื้อของเหลินเสี่ยวซูนั้นมากกว่าผู้ใหญ่ธรรมดาทั่วไปแล้ว เขาลองสังเกตุร่างกายตนเองดูแล้วพบว่ากล้ามเนื้อของเขามันใหญ่ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเลย แต่โชคยังดีที่ไม่มีใครสังเกตุเห็นกล้ามเนื้อของเขาที่มันพองขึ้นมา เพราะเสื้อผ้าของเขามันปิดร่างกายของเขาไว้มิดทีเดียว

ในตอนที่เหลินเสี่ยวซูกำลังเหม่ออยู่นั้นเอง คนไข้คนนึงก็ฉวยโอกาสชักดาบเผ่นแน่บออกจากกระท่อมของเขาโดยที่ไม่จ่ายตัง เสี่ยวหยูเลยตะโกนเรียกเขา “คนไข้หนีไปแล้ว”

เหลินเสี่ยวซูยิ้มแล้วพูด “ไม่เป็นไรหรอก เขายังบาดเจ็บอยู่คงไปได้ไม่ไกล เดี๋ยวฉันไปตามเขากลับมาเอง”

เสี่ยวหยูกับคนอื่นๆยืนอ้ำอึ้งพูดไม่ออกกัน

ในขณะที่เหลินเสี่ยวซูออกไปตามจับคนไข้ที่หนีชิ้งไม่จ่ายเงินนั้นเอง เสี่ยวหยูก็มองหน้าคนไข้ที่เหลือเหมือนผู้คุมกับนักโทษแล้วพูดด้วยความอ่อนโยนแฝงรังสีอมหิต “พวกนายจะหนีกันไปด้วยรึเปล่า? ถ้าไม่คิดจะหนีฉันจะได้เย็บแผลให้ต่อ”

“ไม่ไป ไม่หนี ไม่แน่นอน” คนไข้ที่เหลือหลับตาปี๋พลางคิดว่านี่มันคลินิกแบบไหนกันเนี่ย “เย็บแผลต่อได้เลย”

ตอนที่เหลินเสี่ยวซูแบกคนไข้กลับมา เขาก็พบว่าเขาสามารถหิ้วคนไข้กลับมาได้ไม่ลำบากเหมือนก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาสามารถหิ้วคนไข้ได้ด้วยมือข้างเดียวด้วยซ้ำ

การไล่ตามจับคนเจ็บง่ายกว่าไล่ตามจับโจรมาก เหลินเสี่ยวซูลากตัวของคนหนีกลับมาแล้วใช้มือข้างเดียวกดเขาลงกับพื้นเพื่อไม่ให้เขาหนีได้อีก

คนไข้อีก 2 คนที่เหลือที่ไม่ได้คิดจะหนีอยู่แล้วไม่ตอบโต้หรือขันขืนอะไรเหลินเสี่ยวซู แต่พวกเขาแค่ตกใจในแรงกดที่เหลินเสี่ยวซูกดไหล่ของพวกเขาลง ทำไมเด็กอายุแค่ 17 ถึงได้มีเรี่ยวแรงมากถถึงขนาดนี้

ถึงพวกเขาจะยังบาดเจ็บอยู่แต่ก็ไม่ได้แปลว่าพวกเขาไม่มีแรงเลย แต่ตอนนี้พวกเขากลับรู้สึกว่าไม่ว่าจะออกแรงดิ้นแค่ไหน ก็ยังไม่อาจสู้แรงของเหลินเสี่ยวซูได้อยู่ดี

ที่สำคัญกว่านั้นคือ แล้วแบบนี้ถ้าเกิดมีใครเกิดบาดเจ็บขึ้นมาอีก จะหนีจากเหลินเสี่ยวซูยังไงดีล่ะ

“ภารกิจสำเร็จ รางวัล ความคล่องแคล่ว 1.0”

“ภารกิจ รักษาคนเจ็บ 10 ราย”

ตอนที่เหลินเสี่ยวซูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ากล้ามเนื้อที่เคยบวมขึ้นของเขามันแฟบลงไปนิดนึง

จะเรียกว่าแฟบก็คงไม่ถูก เพราะค่าความคล่องแคล่วนั้นมันคือการเพิ่มความแข็งแกร่งของใยกล้ามเนื้อ ซึ่งถ้ามันเพิ่มขึ้นจนถึงระดับเดียวกันกับค่าพลัง มันก็จะช่วยลดปริมาณมวลกล้ามเนื้อลงได้ทำให้เหลินเสี่ยวซูไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะกลายเป็นมนุษย์กล้ามปูไปซะก่ออน

ถ้าเส้นใยกล้ามเนื้อของเหลินเสี่ยวซูเมื่อก่อนเปรียบได้เหมือนกับคฑาไม้ ใยกล้ามเนื้อของเขาในตอนนี้ก็เปรียบได้เหมือนกับกระบองเหล็กเลย

ด้วยความที่กล้ามเนื้อของเขามันกระชับมัดตัวกันแน่นขึ้น ทำให้พูดได้ว่ามันเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งเชิงคุณภาพ ไม่ใช่เอาแต่กล้ามเนื้อปริมาณเข้าว่าเหมือนค่าพลัง

ยิ่งกว่านั้น ค่าความคล่องแคล่วมันยังทำให้เขาทนรับแรงปะทะได้มากขึ้นด้วย

เหลินเสี่ยวซูมองคนป่วยที่พยายามจะหนีเมื่อกี้แล้วถาม “ไม่เข้าใจผลของยาดำที่ฉันทาให้หรือไง? มันจะช่วยหยุดอาการเจ็บของนายทันทีเลยนะ แผลก็ไม่ติดเชื้อ สมานไวอีก ของดีราคาถูกแบบนี้จะหนีทำไมกันอีกล่ะ”

คนเจ็บคนนั้นพึมพัมอยู่พักใหญ่ก่อนจะพูดออกมาเต็มปาก “ก็ฉันมีเงินไม่พอจ่ายนี่…”

“แล้วทำไมเอ็งไม่วิ่งให้ไวกว่านี้ล่ะวะ!” เหลินเสี่ยวซูเศร้าจิตเศร้าใจ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด