The First Order ปฐมภาคีมวลมนุษย์ – ตอนที่ 22 ปืน!

อ่านนิยายจีนเรื่อง The First Order ปฐมภาคีมวลมนุษย์ ตอนที่ 22 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

นิยาย อ่านนิยาย


ท่ามกลางป่าไม้ที่เงียบสงบ ตอนนี้กลับถูกแทนที่ด้วยเสียงปืนดังลั่น เสียงร้องของเหล่าทหาร พวกเขาไม่ทันคาดคิดเลยว่าพวกหมาป่าจะลอบโจมตีพวกเขาแบบนี้ พวกมันมีทั้งความเจ้าเล่ห์และสติปัญญาที่เฉียบแหลม เหมือนกับว่าพวกมันเฝ้ารอซุ่มโจมตีอยู่นานแล้ว

ตอนแรกพวกทหารก็คิดว่าพวกเขาจะสามารถไล่พวกมันไปได้ด้วยเสียงปืน แต่พวกเขาคิดผิดมหันต์ หมาป่าพวกนี้ไม่แตกตื่นกับเสียงปืนเลยแม้แต่น้อย

ในจังหวะที่พวกหมาป่าบุกเข้าถึงตรงหน้าพวกเขา ตอนนั้นเองที่พวกเขาก็ต้องตกใจในขนาดที่ใหญ่มหึมาของพวกหมาป่า พวกมันใหญ่โตกว่าที่พวกเขาเคยจินตนาการฝันถึง ตัวของพวกมันใหญ่ซะยิ่งกว่าควายไบซันซะอีก

รอเดี๋ยวก่อนซิ! ทำไมพวกหมาป่าพวกนี้ หลังจากที่เข้าโจมตีโรงงานที่เป็นแหล่งที่ตั้งของมนุษย์แล้ว ถึงได้แบ่งกำลังมาดักรอซุ้มโจมตีทางเข้าเดียวที่พวกกองทหารจะผ่านมาได้ล่ะ ทำไมมันดูเหมือนกับว่าพวกมันตั้งใจจะโจมตีกองทหารมาตั้งแต่แรกกัน?

แต่ถึงจะโดนลอบโจมตียังไง แต่กองทหารพวกนี้ก็คือทหารที่ถูกฝึกมาดีพอสมควร ก่อนที่จะมีคนตายเพิ่มขึ้นมากว่านี้ พวกเขาก็เริ่มตั้งสติและตอบโต้ป้องกันตัวเอง เมื่อเทียบปืนกลของมนุษย์กับคมเขี้ยวของหมาป่าแล้ว ยังไงปืนก็ยังเหนือกว่าอยู่ดี

กองทหารพวกนี้เองก็เคยรับมือกับพวกหมาป่ามาแล้วมากกว่า 1 ครั้ง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกทหารเริ่มวางแผนอย่างลับๆที่จะกวาดล้อมต้อนพวกหมาป่าให้มันรู้สำนึกซะบ้างว่าใครเหนือกว่าใครในเขตพื้นที่นี่ เพื่อให้พวกมันไม่กล้าเข้ามาแหยมกับมนุษย์อีก

แต่ด้วยสาเหตุบางประการ ตอนที่เหลินเสี่ยวซูได้ยินเสียงปืนนั้นเอง เขาก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่า กล้ามเนื้อร่างกาย และทุกอณูรูขุมขนกำลังพุ่งพล่าน อดรีนาลีนสูบฉีดแรงมาก เสียงปืนทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

เขาไม่ได้เข้าใกล้เสียงปืนที่ยิงโป้งปังเพื่อแอบดูการปะทะกันแต่อย่างใด เขารู้เพียงแค่พวกหมาป่ากับกองทัพกำลังปะทะกันอยู่ นั่นหมายความว่าทางไปที่โรงงานของเขานั้นตออนนี้ปลอดภัยขึ้นมากแล้ว

เหลินเสี่ยวซูวิ่งราวกับเสือชีตาร์ในป่าใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกทที่เขานำพลังกับความคล่องแคล้วที่ตัวเองได้รับมา มาลองใช้ในสถานการณ์จริง

เส้นใยกล้ามเนื้อของเขาแน่นตึง และผ่อนคลายราวกับเครื่องจักรที่ทำงานแบบมีน้ำมันหล่อลื่น มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายได้แค่คำว่ากระชุ่มกระชวยอย่างแท้จริง

ตอนที่เหลินเสี่ยวซูเข้าใกล้โรงงาน เขาก็ลดความเร็วลง ก่อนจะซ่อนตัวในความมืดอย่างเงียบเชียบ เหลินเสี่ยวซูตกใจเมื่อเห็นศพของคนงานในโรงงานนอนตายเป็นซากศพเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด เหมือนกับว่าพวกเขาจะพยายามหนีกลับไปที่เมือง แต่โดนหมาป่าจับได้ระหว่างทางซะก่อน

มีน้อยคนมากที่โชคดีหนีรอดออกมาได้ แต่ก็ต้องแลกมากับชีวิตของเพื่อนร่วมงานเหล่านี้

เหลินเสี่ยวซูตรวจสอบศพของพวกเขา แล้วพบว่าศพของพวกเขานั้น โดนหมาป่างับเข้าที่เส้นเลือดใหญ่บริเวณคอ และตายคาที่ทันที แต่ถึงอย่างนั้น พวกหมาป่าก็ยังไม่คิดจะกินศพแต่อย่างใดแล้วดูเหมือนจะทิ้งศพไปอย่างเร่งรีบ

เหลินเสี่ยวซูคิดซักพัก เขาไม่ได้เข้าทางเข้าหลัก แต่เขาปีนท่อที่อยู่นอกโรงงานขึ้นไปบนตัวตึกแทน แต่ละครั้งที่เขาปีนผ่านหน้าต่าง เขาก็จะเช็กแบบลวกๆว่าภายในตัวอาคารนั้นยังมีผู้รอดชีวิตอยู่ข้างในบ้างไหม

และเมื่อเขาปีนขึ้นมาถึงยอดตึก ใจของเขาก็ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ในอาคารไม่มีผู้รอดชีวิตอยู่เลยซักคนเดียว พวกหมาป่ากวาดต้อนคนทั้งโรงงาน และฆ่าทิ้งเหี้ยนไม่เหลือผู้รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว

“แล้วปืนมันไปอยู่ที่ไหนละเนี่ย?” เหลินเสี่ยวซูสงสัย ผู้จัดการโรงงานนั้นคงไม่เก็บปืนไว้ในที่ๆคนอื่นสามารถเขาถึงได้ง่ายแน่ๆ

เหลินเสี่ยวซูพังกระจกชั้นบนสุดก่อนจะโดดเข้ามาในอาคาร เขามองไปรอบๆ แล้วเห็นแต่ทางเดินที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและซากศพ โรงงานขนาดใหญ่แห่งนี้ดูกลายเป็นเหมือนโรงเชือดขึ้นมาเลย

และทันใดนั้นเอง เหลินเสี่ยวซูก็เริ่มรู้สึกได้ถึงอะไรแปลกๆ ศพที่นอนเกลื่อนกลาดกันอยู่บนพื้นนั้นเหมือนกับกำลังวิ่งไปทางเดียวกันตอนที่พวกเขามีชีวิตอยู่ เหมือนกับว่ามีอะไรซักอย่าง นำทางให้พวกเขาไปทางนั้น

แล้วอะไรกันล่ะที่ล่อให้ผู้คนวิ่งไปในทิศทางเดียวกันได้ในช่วงเวลาเสียดเป็นเสียดตาย

เหลินเสี่ยวซูสรุปได้ทันที ว่าที่นั่นน่าจะเป็นทิศทางไปหาคลังเก็บอาวุธ ไม่ก็ที่หลบซ่อนตัวแน่นอน

เขาเดินย่องไปตามทิศทางที่พวกศพเคยจะมุ่งหน้าไป มันพาเขาลงไปยังชั้นใต้ดิน เหมือนกับเป็นหลุมหลบภัยฉุกเฉินซะมากกว่า

ยิ่งเขาเดินเข้าไปใกล้มากเทท่าไร ซากศพที่เขาเห็นก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น เหลินเสี่ยวซูทำได้แค่จินตนาการถถึงภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าทุกคนจะพยายามหนีจากหมาป่ากันจ้าละหวั่น พวกเขาพยายามจะหนีไปยังที่ปลอดภัย แต่ติดตรงที่ว่าพวกเขาไม่เร็วพอที่จะหนีหมาป่าเท่านั้นเอง

เหลินเสี่ยวซูเดินตรงมาจนถึงประตูเหล็ก แน่นอนว่าซากศพที่จุดนี่เยอะกว่าที่อื่นเป็นพิเศษ เพราะดูเหมือนว่าทุกคนจะพยายามหนีมายังที่นี่ พวกเขาอยากที่จะเข้าไปข้างในนั้น เพราะไม่ว่าหมาป่าจะพัฒนาการไปมากน้อยแค่ไหน แต่พวกมันก็ยังเป็นร่างเลือดร่างเนื้อ ยากที่พวกมันจะเจาะเข้ามาในประตูโลหะที่หนาหลายนิ้วได้

เหลินเสี่ยวซูสงสัยว่าจะมีใครอยู่หลังประตูเหล็กนี่ไหม เขาลังเลอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปเคาะประตูเหล็กนิรภัย 3 ครั้ง

ใครบางคนด้านหลังประตูตะโกนออกมาอย่างดีใจทันที “นั่นพวกทหารใช่ไหม? พวกคุณมาช่วยฉันแล้วซินะ เดี๋ยวฉันจะเปิดประตูเดี๋ยวนี้แหล่ะ!”

จังหวะการเคาะประตู 3 ครั้งนั้น ไม่ใช่สิ่งที่สัตว์ป่าดุร้ายอย่างหมาป่าจะทำได้แน่นอน เพราะแบบนั้น คนในประตูเหล็กเลยเข้าใจผิดคิดว่าเหลินเสี่ยวซูเป็นทหารจากกองทัพส่วนตัวที่ถูกส่งเข้ามาเพื่อช่วยเขาออกไป

เสียงกรุกกรักดังออกมา ประตูเหล็กหนาขนาดใหญ่ถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างของชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านใน ขาของเขาบาดเจ็บเป็นแผล กางเกงของเขาเปื้อนไปด้วยรอยเลือดสีแดง ตอนที่เขาเดินมาเปิดประตู เห็นได้ชัดเลยว่าเขายืนอยู่ด้วยขาข้างเดียว

แต่ทันใดนั้นเอง ณ จังหวะที่ประตูเปิดออก ทั้ง 2 ฝ่ายก็ตอบสนองต่อกันทันที เหลินเสี่ยวซูก้มตัวลงเตรียมพุ่งเข้าใส่เขา ส่วนชายวัยกลางคนพอเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ทหารที่มาช่วยเขา เขาก็รีบยกปืนพกขึ้นจ่อทันที!

บรรยากาศรอบข้างดูตึงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เหลินเสี่ยวซูหยุดตรงหน้าชายวัยกลางคน เพราะปากกระบอกปืนสีดำทมิฬ ตอนนี้มันจ่อในระยะประชิดอยู่ตรงหัวเขาแล้ว

“หึหึ”ชายวัยกลางคนหัวเราะ “นึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็ไอ้โจรกระจอกที่คิดจะฉวยโอกาสหากินนี่เอง หืม ฉันจำแกได้นะ แกคือเหลินเสี่ยวซูจากในเมืองใช่ไหมละ”

เหลินเสี่ยวซูเองก็จำเขาได้เหมือนกัน ชายวัยกลางคนคนนี้ คือหวางตงหยาง ผู้จัดการโรงงานคนเดียวของโรงงานนี้

“ฉันก็จำนายได้เหมือนกัน” เหลินเสี่ยวซูพูดแล้วยืนตัวตรงขึ้นทำเหมือนกับว่าไม่มีปืนมาจ่อที่หัวเขาอยู่ “ทำไมนายถึงเป็นคนเดียวที่อยู่ในนั้นล่ะ? ไม่ซิ…. แกเป็นคนแรกที่หนีเข้ามาในนี้ จากนั้นแกก็ปิดประตูขังทุกคนเอาไว้ข้างนอกนั่น!”

เหลินเสี่ยวซูรู้สึกหนาวไปถึงไขสันหลัง มันคือความโหดร้ายที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกัน ไม่แปลกใจเลยที่ว่าทำไมนอกประตูนั้นถึงมีรอยฝ่ามือเปื้อนเลือดติดอยู่เต็มไปหมด รอยฝ่ามือพวกนั้นคือรอยมือของเหล่าผู้ลี้ภัยที่พยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดแต่ประตูเหล็กนิรภัยนั่นกลับปิดจากด้านใน และไม่มีทางเปิดจากด้านนอกได้

หวางตงหยางหัวเราะแล้วพูด “แกไม่จำเป็นต้องไปสนใจเรื่องงแบบนั้นหรอก รีบแบกฉันกลับไปที่เมืองเดี๋ยวนี้ แล้วฉันจะไว้ชีวิตแก”

“แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ?” เหลินเสี่ยวซูหัวเราะออกมา

“ก็ถ้าปฏิเสธ ฉันก็จะยิงหัวแกทิ้งซะ จากนั้นฉันก็จะปิดประตูนี่รอให้พวกทหารมาช่วยฉันแทน ยังไงฉันก็เป็นคนของป้อมปราการ ยังไงพวกเขาก็ต้องมาช่วยฉันแน่นอน” หวางตงหยางพูดอย่างหยิ่งยะโส

“แกคงจะกลัวว่าฉันจะบอกทุกคนว่า แกมันเป็นไอ้คนเห็นแก่ตัวที่ทิ้งพวกเขาไว้ให้ตายข้างนอกส่วนตัวเองนั่งสบายอยู่ในห้องนี่ใช่ไหมล่ะ?” เหลินเสี่ยวซูหัวเราะแล้วพูด

หวางตงหยางยิ้มสวน ปืนในมือของเขาทำให้เขากล้าหาญ ไร้ซึ่งความกลัวแม้แต่น้อย “เหรอ รู้ได้ไงล่ะ?”

เหลินเสี่ยวซูคิดซักพัก “ผีมันเห็นผีด้วยกันยังไงล่ะ”

หวางตงหยางงงนิดหน่อย ก่อนที่จะเริ่มขู่ขึ้นมา “คิดว่าฉันไม่กล้าฆ่าแกรึไงวะ?”

“อ้อ แล้วฉันก็เห็นอีกอย่างนึงด้วย” เหลินเสี่ยวซูพูดอย่างใจเย็น

“อะไร?” หวางตงหยางเริ่มรู้สึกแปลกๆขึ้นมา

“ฉันเห็นว่าแกไม่ได้ปลดล๊อกเซฟปืนยังไงละ แล้วถ้าจะปลดตอนนี้มันก็สายไปแล้วโว้ย!”

หวางตงฉางหลี่ตาลงในทันทที ตอนแรกเขาคิดว่าคนที่มานั่นเป็นพวกทหาร เขาเลยไม่ได้ระแวดระวังตัวมากนัก แต่พอเขาเห็นว่าเป็นเหลินเสี่ยวซู แถมเหลินเสี่ยวซูยังพุ่งเข้าใส่เขาทันทีที่ประตูเปิดด้วย เขาจึงไม่มีเวลามากพอจะปลดเซฟปืนตั้งแต่แรก

ตอนแรกเขาคิดว่าจะใช้ปืนที่ยิงไม่ออกนั่นขู่เหลินเสี่ยวซูได้ เพราะเขารู้สึกว่า พวกผู้ลี้ภัยไร้ปัญญาอย่างเขาไม่มีทางเคยเห็นหรือรู้วิธีการใช้ปืนมาก่อนแน่นอน เขาเลยคิดว่าแค่จ่อปืนแล้วขู่ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้น เหลินเสี่ยวซูกลับเป็นคนที่รู้เรื่องปืนซะยิ่งกว่าคนส่วนมากในป้อมปราการ 113 ซะอีก!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด