The First Order ปฐมภาคีมวลมนุษย์ – ตอนที่16 ลดราคาลงได้อีก

อ่านนิยายจีนเรื่อง The First Order ปฐมภาคีมวลมนุษย์ ตอนที่ 16 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ในค่ำคืนที่เงียบสงัดนั้น เหลินเสี่ยวซูไล่ดูสิ่งที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้ ตลอด 2 วันที่ผ่านมา มี เสี่ยวหยู หยานหลิวหยวน และนักเรียนอีก 2 คน ที่ขอบคุณเขาจนได้เหรียญคำขอบคุณมา นั้นทำให้ตอนนี้เขาได้รับเหรียญขอบคุณมาทั้งหมด 4 เหรียญแล้ว

ถึงอย่างนั้น เขาก็ใช้เหรียญไปแล้ว 1 เหรียญ ทำให้ตอนนี้เขาเหลือเหรียญอีกแค่ 3 เหรียญ และขวดน้ำยารักษาแผลที่ยังใช้ได้อีกประมาณ 2 ครั้ง เหลินเสี่ยวซูตัดสินใจตั้งชื่อยานี้ว่าเป็น “ยาดำ” จากสีของตัวยาและตัวขวดเพื่อให้ง่ายต่อการเรียกและการจำ

ในความคิดของเหลินเสี่ยวซู เขาสามารถใช้เหรียญคำขอบคุณ 1 เหรียญแลกยาดำมาได้ 1 ขวด แต่ละขวดสามารถใช้รักษาคนได้ 3 คน เพราะงั้นถ้าคิดในแบบการค้า ขวดนึงก็จะได้เหรียญขอบคุณกลับมา 3 เหรียญ ซึ่งก็ถือว่าเป็นกำไรเห็นๆ

ถึงแม้ว่าการแลกเหรียญคำขอบคุณมาเป็นยาดำนั้นจะดูเหมือนเป็นการทำให้ความเร็วในการได้อาวุธใหม่ของเขาช้าลง แต่ถ้าเกิดเขายิ่งขายยาดำได้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งได้เหรียญคำขอบคุณกลับมามากขึ้นเท่านั้น เพราะงั้นแล้วมันก็เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่ามาก เรียกว่าเป็นการลงทุนเพื่อให้ได้อาวุธเร็วขึ้นก็ยังได้เลย!

ยิ่งกว่านั้น เขาเองก็ยังสามารถใช้มีดกระดูกของหยานหลิวหยวนได้ด้วย ในช่วงเวลานี้เขาไม่จำเป็นต้องออกไปล่าอะไรด้วย ถึงแม้ว่างานหลักของเขาจะเป็นการหาอาหารเข้าบ้านก็จริง แต่ตอนนี้ เขาต้องหาเงินเข้ามาให้ได้ก่อน

ในคืนนั้นเอง เหลินเสี่ยวซูฝันขึ้นมา เขาฝันว่าตัวเองยืนอยู่กลางป่าพร้อมด้วยมีดหรือดาบสีดำทมิฬในมือ มีดนั้นดูอันตรายและเต็มไปด้วยปริศนาดำมืดในยามราตรี

เช้าวันต่อมา เหลินเสี่ยวซูออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้ามืด วันนี้เขาไม่ได้เอากะละมังโลหะออกไปด้วย แต่เขาพกมีดกระดูกของหยานหลิวหยวนไปด้วยแทน

ตอนนี้พวกเขามีเสี่ยวหยูคอยเฝ้าอยู่บ้านแล้ว เพราะงั้นตอนนี้ก็ตัดปัญหาเรื่องการโดนโจรบุกเข้ามาหัววันแสกๆไปได้เปราะนึง อีกอย่าง คนในเมืองถึงแม้ว่าจะมีความคิดเลวทรามชั่วร้ายยังไง พวกเขาก็กล้าลงมือกับคนที่อ่อนแอกว่าเท่านั้น ทำไมพวกเขาต้องไปเสี่ยงหาเรื่องเหลินเสี่ยวซูที่สามารถฆ่าคนตายได้โดยไร้ความปราณีกันล่ะ?

การที่ไม่ต้องแบกกะละมังเหล็กหนักๆไปมามันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก

ด้วยความที่เขายังหนุ่มยังแน่น เหลินเสี่ยวซูเองก็คงจะดูไม่ดีเท่าไรที่ต้องแบกกะละมังใบใหญ่เดินไปไหนมาไหนทุกวัน

วันนี้เขาเข้าไปป่าไปไม่ใช่เพราะเขามาล่าสัตว์ แต่เขาตั้งใจจะเข้าป่าทำเป็นเดินเก็บสมุนไพรตั่งหาก

เหลินเสี่ยวซูนั้นเป็นคนขี้ระแวงและระวังตัวมาก ในเมื่อเขาบอกว่าตัวเองมีสูตรยาสมุนไพรลับ เขาเองก็ต้องแกล้งทำเป็นเดินตามเก็บสมุนไพรด้วย เพื่อไม่ให้มีใครสงสัยเขาได้ในอนาคต

ถึงแม้ว่าเหลินเสี่ยวซูจะยังไม่เคยได้ยินเรื่อง”การล่าแม่มด” หรือการต่อต้านคนที่มีพลังพิเศษในเมือง แต่เหลินเสี่ยวซูก็เข้าใจหลักการข้อนึงดี นั่นก็คือ ถ้าหากอยากจะรอดในเมืองคนตาหลิ่ว สิ่งที่ควรจะทำก็คือต้องหลิ่วตาตาม กลมกลืนไปกับคนหมู่มากให้ได้มากที่สุด

ดอกฝิ่นสูงถูกตัดก่อน, ต้นไม้สูงถูกโค่นลงก่อน, อย่าทำตัวอวดรวย คำโบราณพวกนี้มีความหมายเพื่อเตือนไม่ให้คนเราระวังตัวอย่าให้ทำตัวเด่นมากเกินไป

ตอนที่เขากลับเข้าเมืองนั้นเอง มันยังเป็นช่วงกลางวัน เหลินเสี่ยวซูเดินกลับเข้าเมืองมาพร้อมกับสมุนไพรนานาชนิด จนมีใครคนนึงที่เขารู้จักถามขึ้นมา “เหลินเสี่ยวซู ทำไมนายต้องเดินแบกหญ้าพวกนั้นไปไหนมาไหนด้วยล่ะ?”

“หญ้าเหรอ?”เหลินเสี่ยวซูมองหน้าเขาแล้วพูด “พวกนี้คือสมุนไพรตั่งหากล่ะ!”

สมุนไพรงั้นเหรอ? คนๆนั้นถามขึ้นมาด้วยความงงงวย ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเกิดและโตในเมืองนี้ แต่พวกเขาก็ไม่รู้หรอกว่าต้นไม้ที่ขึ้นในป่านั้นเป็นต้นอะไรบ้าง ไม่เคยมีใครคิดมมาก่อนว่าพวกมันจะเป็นพืชสมุนไพรที่เป็นตัวยาได้

เหลินเสี่ยวซูพูดแบบแอบมีเล่ห์นัย “ถ้าใช้ส่วนผสมสมุนไพรพวกนี้ในสัดส่วนที่ถูกต้องล่ะก็ เราก็จะสามารถปรุงยาที่ใช้รักษาบาดแผลได้ คิดว่าก่อนหน้านี้ฉันรอดมาจากบาดแผลมากมายพวกนั้นมาได้ยังไงกันล่ะ?”

ชายคนนั้นคิดอยู่พักใหญ่ “ไม่ใช่ว่านายรอดมาด้วยพลังใจที่เต็มเปี่ยมหรอกเหรอ?”

“ไม่ใช่โว้ย” เหลินเสี่ยวซูตอบไปดินต่อไป เขารีบมุ่งหน้าตรงกลับไปยังกระท่อมของเขา

เสี่ยวหยูที่ตอนนี้กำลังเย็บเสื้อผ้าของเหลินเสี่ยวซูกับหยานหลิวหยวนอยู่ พอเธอเห็นว่าเหลินเสี่ยวซูเดินกลับมาพร้อมด้วยสมุนไพรจำนวนมาก เธอจึงรีบวางผ้าที่อยู่ในมือลงแล้วถาม “นี่มันอะไรกันเนี่ย”

“พวกนี้คือสมุนไพรที่เอาไว้ใช้ปรุงยาสูตรลับขอองฉันยังไงล่ะ” เหลินเสี่ยวซูอธิบาย

เหลินเสี่ยวซูตั้งหม้อแล้วจุดไฟ เขาเติมน้ำลงไปแล้วทำเป็นเริ่มกวนยาใส่สมุนไพรนู้นนิดนี่หน่อย ซึ่งในการปรุงยาครั้งนี้ สิ่งที่มีราคาแพงที่สุดดันกลายเป็นน้ำสะอาด เพราะน้ำในยุคสมัยนี้มีค่ามากกว่าทรัพยากรทุกอย่างที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็นฟืนหรือต้นหญ้าที่ใส่ลงไป

แถมเขายังตั้งใจเปิดประตูกระท่อมทิ้งเอาไว้เพื่อให้คนภายนอกเห็นว่าเขากำลังทำอะไรอยู่

หลายๆคนที่เดินผ่านไปมาเห็นว่าเหลินเสี่ยวซูเหมือนกับกำลังปรุงยาสมุนไพรอยู่แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปถามหาว่ามันคืออะไรกันแน่

ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เหลินเสี่ยวซูคิดเท่าไร เหตุผลที่เขาตั้งใจเปิดประตูทิ้งไว้นั้นก็เพื่อให้คนเข้ามาถามเขาว่าเขาทำอะไรอยู่เนี่ยแหล่ะ เพราะถ้าเป็นอย่างงั้นเขาจะได้หาเรื่องโปรโมทตัวยาสูตรของเขาได้

หลังจากที่เฝ้ารอมานานพอควรแล้วแต่ก็ยังไม่มีใครเข้ามาถามเขาซักที เหลินเสี่ยวซูก็หมดความอดทนแล้วดึงหน้าตึงหันไปมองชายรูปร่างผอมแห้งที่ทำตัวด่อมๆมองๆอยู่บริเวณทางเข้ากระท่อม “นายน่ะ!”

ชายผอมชี้ไปที่ตัวเอง “ฉันเหรอ?”

“ใช่ มานี่หน่อย” เหลินเสี่ยวซูรอให้ชายผอมคนนั้นค่อยๆเดินเข้ามาใกล้อย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะพูด “ถามฉันซิว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่!”

ชายผอมอึ้งจนพูดไม่ออก

เสี่ยวหยูที่เห็นเหตุการณ์เองก็เช่นกัน

“เอ้า ถามซิ!” เหลินเสี่ยวซูเร่ง

“น..นายทำอะไรอยู่เหรอ?” ชายผอมแห้งถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ

พอได้ตามที่ต้องการเหลินเสี่ยวซูก็ยิ้มออกมา เขาพูดด้วยท่าทางดีใจ “ฉันกำลังทำยาสมุนไพรอยู่ยังไงล่ะ ปรกติแล้วฉันจะต้มยาทำใช้เองเวลาบาดเจ็บ มันไม่เพียงแต่จะใช้แก้ปวดแก้ออักเสบได้แล้ว มันยังช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นด้วย! ก่อนหน้านี้ ฉันใช้ยานี้อย่างลับๆ แต่ตอนนี้ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะทำยาเพื่อให้ทุกคน นับจากวันนี้เป็นต้นไป ฉันจะเปิดกิจการคลินิกรักษาบาดแผลโดยเฉพาะ มีใครบาดเจ็บแล้วอยากหายไวๆบ้างไหม?”

คนที่ยืนอยู่ข้างนอกพอได้ยินแบบนั้นก็ตกใจที่เหลินเสี่ยวซูคนนั้นเป็นคนพูดออกมาเอง แต่หลังจากนั้น ทุกคนก็มองหน้ากันไปมาจากนั้นก็แยกย้ายกันออกไป ไม่มีใครเชื่อคำของเหมิงเหล่ยเลย

ล้อกันเล่นรึเปล่า เหลินเสี่ยวซู นายอาจจะเก่งนะ แต่จู่ๆจะมาบอกว่าตัวเองมีสูตรยาวิเศษที่รักษาบาดแผลคนได้จริงเนี่ยมันขี้โม้เกินไปหน่อยแล้ว ทุกคนที่อยู่แถวนี้เขารู้กันทั้งนั้นแหล่ะว่านายอดทนรับความเจ็บปวดเองไม่มียาอะไรช่วยทั้งนั้น

คิดว่าจะหลอกพวกเราได้เหรอ เหอะ!

เหลินเสี่ยวซูพอเห้นแบบนั้นก็หงุดหงิด เขาต้องทำให้ทุกคนรู้ว่ายาของเขานั้นเป็นของดีจริงๆ ซึ่งก็ง่ายมากเพราะเขาเองก็เคยลองมาก่อนหน้านี้แล้ว ในตอนที่เขาทายาลงไปที่แผล ความเจ็บปวดและแสบร้อนค่อยๆหายไปแบบสังเกตุได้ จากนั้นวันต่อมาแผลก็จะเริ่มตกสะเก็ด

ถ้าเกิดเขาสามารถทำให้ทุกคนรู้ถึงสรรพคุณของยาเขาได้ละก็ ธุรกิจของเขาก็จะดังขึ้นมา!

เหลินเสี่ยวซูหยิบขวดยาก่อนจะออกจากกระท่อม เดินไปรอบเมืองเพื่อตามหาคนเจ็บ เขาไปยังสถานที่ ที่คนบาดเจ็บทุกคนมักจะไปกัน นั่นคือที่คลินิกนั้นเอง!

แต่พอเขาไปถึงที่คลินิก เขาก็พบว่าวันนี้ไม่มีคนเจ็บอยู่เลย เพราะค่ารักษาพยาบาลของหมอเก๊มันแพงมากเกินไปซะจนไม่มีใครมีปัญญาจ่าย

เหลินเสี่ยวซูจ้องเขม็งไปที่หมอเก๊ก่อนที่จะหันหลังกลับแล้วจากไป หมอที่นั่งจิบชาอยู่หน้าคลินิกรู้สึกได้ถึงแรงอาฆาตบางอย่างจนขนลุกหนาวสั่นขึ้นมา

เหลินเสี่ยวซูไม่มีทางเลือกอื่น เขาเลยต้องออกเดินทางตามหาโอกาสอื่นในเมืองด้วยตัวเอง เขาเดินหาไปทั่ว ไปทุกโรงงานที่ไปได้ จนกระทั้งโรงงานพักเบรกช่วงเที่ยง ตอนนั้นเองที่เหลินเสี่ยวซูสังเกตเห็นชายคนหนึ่งที่มีบาดแผลมีดบาดที่มือ

เหลินเสี่ยวซูปรี่เข้าไปหาด้วยความดีใจ “นี่พี่ชาย ที่มือนั้นบาดเจ็บมาระหว่างงานเหรอ? ฉันมียาวิเศษติดมาด้วยนะ อยากจะลองทาดูไหม?”

ชายผอมคนนั้นมองหน้าเหลินเสี่ยวซู เขาระแวงในน้ำเสียงท่าทางของเหลินเสี่ยวซูอย่างมาก ไม่ไว้วางใจสุดๆ “ไม่จำเป็นหรอก”

“เอาหน่า มาลองเถอะ” เหลินเสี่ยวซูรุกหน้าเข้าไปหาชายผอมคนนั้น เขาอยากที่จะโปรโมทยาดำของเขามากๆซะจนเขาต้องยอมหักหลักการดั้งเดิมที่จะหาเงินของเขา “ฉันจะลดราคาให้พิเศษเลยนะ!”

แต่ชายคนนั้นก็ยังขัดขืนไม่ยอม เพราะดูยังไง ของเหลวสีดำในขวดนั้นก็ดูไม่ใช่ยาชัดๆ

เหลินเสี่ยวซูกัดฟันแน่นแล้วพูด “ถือซะว่าเอาบุญ เดี๋ยวฉันจะรักษาแผลนั้นให้ฟรีๆเลยก็ได้!”

“ก็ได้ ก็ได้ ใจเย็นๆแล้ววางมีดลงก่อน”

ตอนที่เหลินเสี่ยวซูกำลังพยายามขอร้องแกมบังคับคนเจ็บให้มารักษากับเขานั่นเอง เขาก็ถือมีดเพื่อเป็น “อุปกรณ์โน้มนาวใจ”ด้วย

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด