ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 749 ร่วมใจ! ตรวจดีเอ็นเอ (9) / ตอนที่ 750 ร่วมใจ! ตรวจดีเอ็นเอ (10)
ตอนที่ 749 ร่วมใจ! ตรวจดีเอ็นเอ (9)
อวี๋กานกานเอ่ยตอบ “เจ็บไม่เท่าที่คุณเจ็บตอนนี้หรอกค่ะ”
จางอี๋เสวี่ยถามอย่างสงสัยอีกครั้ง “หลังจากฝังเข็มแล้วมันจะมีรอยแผลเป็นไหม ตอนไปเที่ยวทะเลช่วงฤดูร้อน เราต้องสวมชุดบิกินีด้วย ถ้ามีรอยแผลเป็นขึ้นมาน่าเกลียดตาย”
หลิงนีเอ่ยขึ้นด้วยความใจเสีย “ฉันไม่อยากมีรอยแผลเป็นนะ ถ้ามีรอยแผลเป็นฉันไม่รักษาแล้ว ฉันยอมปวดจนตายยังจะดีกว่า!”
อวี๋กานกานเอ่ยตอบอย่างระงับอารมณ์ “ไม่เกิดรอยแผลเป็นหรอกค่ะ”
จางอี๋เสวี่ยกำลังจะถามต่อ “งั้นเดี๋ยว…”
อวี๋กานกานเอ่ยขัดจางอี๋เสวี่ยก่อนจะชี้ไปที่ด้านนอก “คุณสามารถออกไปได้แล้วค่ะ”
จางอี๋เสวี่ยเอ่ยขึ้นยิ้มๆ “ฉันอยากอยู่เป็นเพื่อนหลิงนี”
หลิงนีจับมือจางอี๋เสวี่ยเอาไว้ “ฉันอยากให้อี๋เสวี่ยอยู่เป็นเพื่อนฉัน”
อวี๋กานกานมองหลิงนีแล้วเอ่ยถามโดยที่รอยยิ้มไปไม่ถึงดวงตา “งั้นคุณก็ออกไปพร้อมกับเพื่อนคุณเลยค่ะ ให้ไปอยู่เป็นเพื่อนคุณข้างนอกดีไหมคะ”
จางอี๋เสวี่ยเบะปากมองอวี๋กานกานด้วยท่าทางน่าสงสาร “ฉันจะดูเฉยๆ ไม่รบกวนเธอหรอกนะ”
อวี๋กานกานยืนนิ่งมีสีหน้าเย็นชา ต่อให้จางอี๋เสวี่ยดื้อรั้นอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ เธอจึงปลอบหลิงนีสองสามคำก่อนจะก้าวขาออกไป
หลิงนีมองอวี๋กานกานอย่างกล้าๆ กลัวๆ “อี๋เสวี่ยไม่อยู่ เธอคงไม่ทำอะไรแผลงๆ หรอกมั้ง”
อวี๋กานกานยิ้มชั่วร้าย “กลัวฉันทำอะไรแผลงๆ แล้วคุณกล้ามาหาฉันทำไมคะ”
หลิงนีเบ้ปาก “เธออย่าแกล้งฉันนะ ไม่งั้นฉันจะตะโกนเสียงดัง อี๋เสวี่ยอยู่ข้างนอก หากเธอกล้าทำอะไรฉัน พวกเราจะ…”
ไม่ปล่อยไปใช่ไหม
เธอร้องไห้ฮือๆ แล้วพูดอย่างน่าสงสาร “เธอแกล้งฉันอีกแล้ว”
ผู้ป่วยที่เป็นผู้หญิงจะเปราะบางเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นคนเย่อหยิ่งมากแค่ไหน พอถึงตอนนี้ก็มักจะกลายเป็นสาวน้อยผู้อ่อนแอกันทั้งนั้น
“เงียบซะ นอนเหยียดแล้วเลิกเสื้อขึ้น”
อวี๋กานกานสั่งเสียงเย็นเยียบ
หลิงนีทำตามอย่างเชื่อฟังช้อนสายตามองอวี๋กานกานที่หยิบเข็มขึ้นมา เธอเบิกตาโตแทบจะส่งเสียงกรีดร้องออกมาจากในลำคอ
เธอรีบปิดปากทันที จึงทำได้เพียงเอ่ยพึมพำออกมา “เธอจะใช้เข็มยาวขนาดนี้แทงฉันเลยเหรอ”
อวี๋กานกานมองเธอแล้วเอ่ยขึ้น “อาการปวดประจำเดือนแบ่งออกเป็นสามระดับคืออ่อนปานกลางและรุนแรง ตอนนี้คุณอยู่ในขั้นรุนแรงแค่กินยาบางอย่างก็อาจจะไม่ได้ผล ฉันต้องให้คุณใช้การฝังเข็มกับยาผสมกันไม่เพียงแต่คุณจะลดความเจ็บปวดในตอนนี้ได้แล้วแต่คุณยังสามารถปรับสภาพประจำเดือนของคุณทั้งเดือนได้อีกด้วย”
เธอไม่ได้หมายถึงเรื่องฝังเข็ม เธอหมายถึงเข็มมันยาวเกินไปต่างหาก ในขณะที่หลิงนีกำลังจะเน้นย้ำอีกครั้งก็เห็นว่าจู่ๆ อวี๋กานกานโน้มตัวลงมาแล้วเอาเข็มในมือฝังทิ่มลงไป
หลิงนี้ร้อง “โอ้ย” โดยไม่ทันทั้งตัว
ตอนแรกคิดว่ามันจะเจ็บมากและกำลังจะแหกปากร้องเสียงดัง แต่กลับพบว่าตอนที่เข็มทิ่มเข้าไปแล้วมีความรู้สึกเจ็บจี๊ดเดียวแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่เจ็บ
เธอเอ่ยถามเสียงเบา “ต้องฝังกี่เข็ม”
อวี๋กานกานไม่ได้ตอบกลับเธอไปแต่หลังจากฝังเข็มอย่างรวดเร็ว ใช้วิธีปั่นเข็มวิธียกหรือวิธีบิดเพื่อรับชี่ จากนั้นเธอก็กดมือบริเวณถัดจากจุดฝังเข็มเพื่อป้องกันชี่…ค่อยๆ หลิงหนีรู้สึกอุ่นขึ้นที่ท้องน้อยและความเจ็บปวดก็ดูเหมือนจะบรรเทาลงบ้างแล้ว
“ร่างกายของคุณมีความเย็นค่อนข้างรุนแรง ฝ่าเท้าของคุณในช่วงฤดูร้อนน่าจะเย็นเป็นน้ำแข็ง หากคุณไม่ดูแลมันให้ดีจะเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ในอนาคตอย่างมาก” อวี๋กานกานพูดเสียงเบา
“งั้นต้องทำยังไง” หลิงนีถามอย่างตื่นตระหนก เธอตกใจจนหน้าซีด ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนบอกกับเธอเช่นนี้ แต่เธอกลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีเจตนาขู่ให้เธอตกใจมากกว่า แต่คำพูดเหล่านี้ที่ออกมาจากปากอวี๋กานกานเธอกลับเชื่อโดยไม่ทราบสาเหตุ
“ไม่ต้องไปผับบาร์อีกแล้วนะคะ ถ้าอยากระบายจริงๆ ไปออกกำลังกายดีกว่า นอกจากนี้คุณยังต้องรักษาร่างกายให้อบอุ่นและเร่งการไหลเวียนของเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนมีประจำเดือนการออกกำลังกายที่เหมาะสมจะทำให้คุณรู้สึกสบายตัวในช่วงที่มีประจำเดือนค่ะ”
ตอนที่ 750 ร่วมใจ! ตรวจดีเอ็นเอ (10)
ท้องเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ความอุ่นนี้ทำให้รู้สึกสบายจริงๆ หลิงนีนึกถึงตอนที่จางอี๋เสวี่ยลากเธอมาหาอวี๋กานกานเธอยังไม่ยอมมาเพราะรู้สึกเสียหน้า
ตอนนี้ไม่สนแล้วว่าจะเสียหน้ายังไง
เธอเอ่ยเสียงเบา “ฝังเข็มแล้วได้ผลขนาดนี้ ทำไมก่อนหน้านี้ที่ฉันไปหาหมอแผนจีนเขาถึงไม่ฝังเข็มให้ฉันล่ะ”
“บางคนที่เรียนแพทย์แผนจีนอาจเหมาะกับการจ่ายยา บางคนเหมาะกับการฝังเข็ม คนที่จ่ายยาได้ไม่จำเป็นต้องฝังเข็มได้ แล้วคนที่ฝังเข็มเป็นอาจไม่จำเป็นต้องจ่ายยาได้ พอดีฉันจ่ายยาก็เป็นฝังเข็มก็ได้ แล้วแน่นอนว่าฝังเข็มกับจ่ายยาได้ก็ไม่จำเป็นต้องเผาภูเขาเป็น…” เมื่อคิดว่าตัวเองบอกเธอไปทำไม อวี๋กานกานก็หัวเราะออกมา
“เผาภูเขา?”
“เอาล่ะ คุณไม่ต้องพูดกับฉันแล้ว ฉันไม่สามารถเผาภูเขาให้กลายเป็นทะลวงฟ้าให้เย็นได้หรอก”
หลิงนีเบะปาก ไม่บอกเธอแล้วคิดว่าเธอเสิร์ชไป๋ตู้ไม่เป็นรึไง
ผ่านไปราวยี่สิบนาทีหลังจากฝังเข็มเสร็จเรียบร้อยแล้วหลิงนีก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียงรู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง
จางอี๋เสวี่ยแอบมองจากข้างนอกตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าหลิงนีลุกขึ้นนั่งแล้วเธอจึงรีบเข้าไปหา “เป็นไงบ้างๆ”
“ดีขึ้นแล้ว” หลิงนีหัวเราะแล้วหันไปทางอวี๋กานกานที่ทำการฝังเข็มให้เธอโดยมีเม็ดเหงื่อเม็ดละเอียดผุดตามใบหน้าของเธอ หลิงนีจึงเอ่ยขอบคุณเสียงแผ่วเบา “ขอบคุณนะ”
อวี๋กานกานนั่งลงบนเก้าอี้ เธอพูดพลางเขียนใบสั่งยา “จำที่ฉันบอกคุณด้วยนะคะ ร่างกายเป็นของคุณ ถ้าคุณไม่ดูแลแล้วใครจะมาดูแลให้คุณ”
หลิงนีตอบ ‘อ้อ’ อย่างเชื่อฟัง จากนั้นจึงมองอวี๋กานกานด้วยสายตาแผดเผาก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉันรู้แล้ว แม้พี่หันจะไม่ได้แต่งงานกับฉัน แต่ฉันก็ยอมแพ้ให้กับเธอ ใครใช้ให้เธอรู้จักพี่หันตั้งแต่เด็กๆ กันล่ะ แล้วพี่หันก็ตามหาเธอมาตั้งหลายปี ฉันไม่ได้แพ้แค่ความดีของเธอแต่ฉันยังแพ้เรื่องระยะเวลาด้วย หากฉันโตมากับพี่หันตั้งแต่เด็กๆ เขาต้องแต่งงานกับฉันแน่นอน”
เพราะเห็นแก่หน้า อวี๋กานกานจึงขี้เกียจตอบเธอกลับไปแล้วเขียนใบสั่งยาต่อ
“พอถึงตอนนี้แล้วก็ช่างมันเถอะ” หลิงนีหยุดชะงักครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ถึงยังไงเธอก็วางใจได้ ฉันไม่ใช่กู้ซูหลิงฉันไม่ทำเรื่องน่ารังเกียจแบบนั้นหรอก ยิ่งไปกว่านั้นพี่หันได้พบคนที่เขาตามหามาตลอดและฉันก็ดีใจแทนพี่หันด้วย”
จางอี๋เสวี่ยที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย “ถ้างั้น ตอนเธอแต่งงานกับพี่หัน พวกเราขอเป็นเพื่อนเจ้าสาวได้ไหม”
หลิงนี้กระทุ้งศอกใส่แล้วสบถด่า “อย่าจุ้นจ้าน” แต่เธอกลับหัวเราะซะเอง
จางอี๋เสวี่ยเสนอความคิดเห็นเช่นเดิมแล้วเอ่ยว่า “เธอรู้รึเปล่า ตอนที่เธอฝังเข็มเมื่อกี้ ฉันเห็นคนในกลุ่มคุยกันว่ากู้ซูหลิงพากู้เนี่ยนไปทานข้าวกับประธานสวี”
หลิงนีตกใจ “เธอว่าไงนะ”
จากนั้นเธอก็หัวเราะอย่างไม่อยากเชื่อ “ฉันรับผู้หญิงแบบกู้ซูหลิงไม่ได้จริงๆ ให้แม่พึ่งพาคุณกู้เชินไม่ได้ก็อยากให้น้องชายไปพึ่งพาคนอื่นแทน น่ารังเกียจจริงๆ”
เมื่อได้ยินพวกเขาพูดถึงกู้เนี่ยน ตอนที่อวี๋กานกานเขียนใบสั่งยาเสร็จแล้วยื่นให้หลิงนี เธอจึงเอ่ยถาม “พวกคุณพูดว่าอะไรนะ”
หลิงนีรับใบสั่งยามาคลี่ดู “เพื่อเป็นการขอบคุณเธอ ฉันจะพูดเรื่องสนุกๆ ให้ฟัง กู้ซูหลิงพาน้องชายของเธอไปทานข้าวประธานสวีอะไรนั่น”
“ไปทานข้าวแล้วมีปัญหาอะไร”
“ทานข้าวด้วยกันไม่มีปัญหาหรอก ปัญหาอยู่ที่ตัวของประธานสวีคนนี้ มีใครในวงการไม่รู้บ้างว่าประธานสวีคนนี้ชอบเด็กผู้ชาย เขาเลี้ยงต้อยเด็กหนุ่มในวงการบันเทิงหลายคน กู้ซูหลิงพากู้เนี่ยนไปทานข้าวกับเขามันหมายความว่าไงล่ะ คนเขามองแวบเดียวก็รู้แล้ว”
คอมเม้นต์