หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 33 : ต้านต้านต้องการพลังจิตวิญญาณ
ต้านต้านปล่อยเสียงหัวเราะออกมา น้ำเสียงของเด็กน้อยอ่อนต่อโลกผู้นี้เปี่ยมไปด้วยความสุขจนล้นปรี่
“ท่านแม่ใจดีที่สุดเลย ข้ารักท่านแม่ที่สุด”
ความรู้สึกที่ใสซื่อจริงใจของสิ่งมีชีวิตที่ดูราวกับเด็กน้อยตรงหน้านี้ถูกส่งผ่านเข้ามาหาเกอซี ทำให้นางเริ่มรู้สึกถึงความผูกพันใกล้ชิดกับเจ้าสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดตนนี้
เกอซีสัมผัสลงไปบนเปลือกไข่ที่ยังคงมีไออุ่นพลางเอ่ยถาม “ต้านต้าน เจ้าจะอยู่ในนี้ไปตลอดหรือ…..ในไข่ใบยักษ์นี้ ? เจ้ากระเทาะเปลือกออกมาได้ไหม ?”
ต้านต้านเอ่ยตอบ “ข้า…… โอ… ต้านต้านออกไปได้สิ ! ทว่า การจะออกไปนั้นค่อนข้างจะยากไปเสียหน่อย”
“ยากอย่างไร ?”
“ต้านต้านต้องใช้กระแสพลังแห่งจิตวิญญาณ อย่างมาก ๆ และมาก ๆ เลย”
ในใจเกอซีกระตุกนึกถึงสมบัติในมือจูจงป้าที่นางปล้นมาได้กับมือ
ตอนที่นางยืนอยู่ข้างน้ำพุทิพย์ธารา นางหยิบยกธำมรงค์ที่ยึดมาจากจูจงป้าออกดูและพบว่าไม่อาจเปิดมันได้ หากแต่เมื่อร่างของนางได้ดูดซับพลังชีวิตอันเหลือล้นที่มีอย่างท่วมท้นในมิติเวทนี้แล้วนางจึงสามารถเปิดธำมรงมิติเวทได้
แม้นางจะไม่สามารถกักเก็บพลังงานแห่งจิตวิญญาณไว้ภายในจุดตันเถียนของตนได้ หากแค่ขับเคลื่อนโคจรให้มันวิ่งแล่นเข้าสู่เส้นชีพจรในกายเพียงไม่นานย่อมเพียงพอที่จะเปิดธำมรงมิติเวทออกได้
เกอซียกแขนขึ้นเทสิ่งที่เก็บรักษาอยู่ในธำมรงมิติเวทออกมาครึ่งหนึ่งตรงหน้าเจ้าไข่ใบยักษ์ “ต้านต้าน สิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าบ้างหรือไม่ ?”
แทบจะยังไม่ทันสิ้นสุดคำกล่าว แสงสว่างเรืองรองสีทองรอบไข่ใบยักษ์ก็ทอประกายวูบวาบด้วยความตื่นเต้นยินดี ฉับพลันข้าวของทุกสิ่งที่กองอยู่กับพื้นเมื่อครู่พลันหายไปต่อหน้าต่อตา
นิ้วของเกอซียังชี้ค้างอยู่กับกองข้าวของที่เคยมีด้วยความตะลึงงัน สมบัติที่ทรงพลังทางจิตวิญญาณพวกนี้…… กระบี่เหินเวหาที่เคยส่งแสงแวววาวจับสายตา อีกทั้งศิลาเวท กลับกลายเป็นเถ้าถ่าน ก่อนจะร่วงหล่นสู่พื้นธรณีแล้วแปรเปลี่ยนเป็นฝุ่นพงเพียงชั่วพริบตาทันทีที่เรียวนิ้วของนางจับต้องสัมผัส
เจ้าไข่ใบยักษ์อารมณ์ดียิ่ง “ท่านแม่ อร่อยจังเลย แต่ต้านต้านยังกินไม่อิ่มเลย ต้านต้านอยากกินอีก”
เกอซีนิ่งเงียบไปวูบหนึ่งช่วงขณะที่นางยืนจ้องค้างอยู่กับกองสมบัติที่กลับกลายเป็นเพียงฝุ่นผงด้วยความโศกสลด
นางแทบสิ้นเนื้อประดาตัวหากแต่นับว่ายังโชคดีที่สามารถปล้นสมบัติพวกนี้มาจากเจ้าสุกรจูได้ สิ่งของต่าง ๆ เหล่านั้นนับเป็นเครื่องต่อลมหายใจให้แก่นาง หากแต่ต้านต้านกลับกินไปเสียกว่าครึ่ง มันช่าง…….ช่างเจ็บปวดเสียนี่กระไร
ยิ่งเมื่อได้เห็นแสงเรืองรองสีทองนั้นกำลังสาดกระจายส่องประกายเตรียมจัดการล้างบางสิ่งของทั้งหมดในธำมรงค์มิติเวทที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในมือ เกอซีรีบฉวยเอาธำมรงค์นั้นซุกซ่อนเข้าไปใต้แขนเสื้อพร้อมหันมาเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ต้านต้าน หากเจ้าไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามเจ้าตระกรุมตระกรามกินสมบัติเวทใด ๆ ทั้งสิ้น หากเจ้ายังดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง ข้าจะไม่ให้อะไรเจ้ากินอีก ได้ยินไหม ?”
ลำแสงสีทองบิดเป็นเกลียวม้วนไปกลิ้งมาในอากาศ ต้านต้านไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เขากระทำตนเป็นหนูน้อยที่เชื่อฟังและยินยอมพร้อมรับทุกข้อเสนอ
เมื่อต้านต้านเชื่อฟังเช่นนี้ เกอซีจึงรู้สึกคลายใจและนำสมบัติที่เหลือออกมาจากธำมรงค์มิติเวท
สมบัติที่เห็นอยู่นั้นคือเตาอุ่นร้อนรูปทรงหกเหลี่ยมขนาดเพียงเท่าฝ่ามือ เม็ดโอสถที่ส่งกลิ่นหอมหวานอีกหลายเม็ด หินผลึกหนึ่งกอง และกล่องหยกหน้าตาธรรมดา ๆ อีกสองชิ้น
ไม่เหลือกระบี่เหินเวหาหรือสมบัติที่เปี่ยมอาคมมนตราใดอีก ไม่มีกระทั่งศิลาเวทสักก้อน ยิ่งเมื่อเกอซีหวนรำลึกถึงกองสมบัติขนาดมหึมาที่ต้านต้านสวาปามไปเรียบต่อหน้าต่อตา นางยิ่งรู้สึกรันทดใจ
โชคร้ายจริง ! นึกเสียใจยามนี้ก็สายไปเสียแล้ว !
เกอซีทอดถอนใจขณะยกมือขึ้นเปิดกล่องหยกใบหนึ่ง ภายในกล่องบรรจุพรรณพืชสีเขียว ใบของมันมีสีเขียวเข้มที่แลดูเหี่ยวเฉา หากแต่กลับยังคงปลดปล่อยกระแสพลังชีวิตที่หนาแน่นออกมา
“นี่คืออะไร ?” เหมือนจะเป็นพฤกษาเวท หากแต่นางไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“ต้านต้านรู้ ! ต้านต้านรู้ !” ต้านต้านรีบละล่ำละลักพ่นออกมา “สิ่งนั้นคือบุปผาโพธิ์ ดอกไม้ชนิดนี้จะผลิบานทุกรอบหนึ่งพันปี แตกผลออกมาทุกล้านปี เมล็ดผลจากต้นโพธิ์สามารถช่วยฟื้นฟูพลังวิญญาณพลังชีวิตอีกทั้งยังมีกลิ่นที่หอมยิ่งนัก ทว่าตอนนี้มันยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีเลย ตอนนี้ยังกินไม่ได้ หากแต่ท่านแม่ถ่ายปลูกพฤกษาโอสถนี้ไว้ในมิติเวท ต้านต้านจะมีพลังวิญญาณให้ได้กินมากมายเลย”
***จบตอน ต้านต้านต้องการพลังจิตวิญญาณ***
คอมเม้นต์