หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 69 อุทิศชีวิต
ยามเมื่อกล่าวขึ้นอูชี่ควักเอาป้ายหยกโปร่งแสงสีเขียวเข้มซึ่งมีริ้วรายเส้นสีแดงคมคล้ำสองอันออกมา พร้อมหยิบยื่นมันออกไปตรงหน้าเกอซี “นี่คือแผ่นป้ายหยกปราณชีพของข้าและเซี่ยวหลี หยกชิ้นนี้สกัดกลั่นขึ้นจากหยาดโลหิตของพวกเรา หากป้ายหยกแตกหักลงจิตของพวกเราจะตกอยู่ในสภาวะแห่งความอาดูรอย่างเหลือแสนกระทั่งต้องตายลงไปในท้ายที่สุด”
เกอซีรับแผ่นป้ายหยกทั้งสองชิ้น ปลายนิ้วของนางแตะต้องสัมผัสลงไปบนผิวสัมผัสที่อุ่นร้อน เมื่อใช้จิตสัมผัสหยั่งรู้เข้าตรวจสอบนางจึงเชื่อถือในวาจาของหนุ่มน้อยผู้นี้
ป้ายหยกทั้งสองอุดมไปด้วยพลังชีวิตอย่างมหาศาลอีกทั้งกรุ่นอายพลังที่เอิบอาบนั้นยังมีส่วนคล้ายคลึงกลับกระแสพลังที่เปล่งออกมาจากกายของเด็กน้อยทั้งสอง
ทว่าภายในใจของเกอซียังคงฉงน “เหตุใดพวกเจ้าจึงมาหาข้า ? ด้วยพรสวรรค์อันแสนวิเศษของเซี่ยวหลีย่อมต้องมีคนใต้หล้ามากมายที่ยินดีให้พวกเจ้าได้พักพิงอาศัย ข้าไร้ซึ่งความสามารถในการปกป้องคุ้มครองผู้ใด เหตุใดพวกเจ้าจึงมาหาข้า ?”
“ทั่วหล้าล้วนเกลื่อนไปด้วยผู้มากความโลภโมโทสันหมายแสวงประโยชน์กระทั่งสามารถลอกเนื้อเฉือนหนังเลาะลงไปถึงชั้นกระดูกเพื่อหมายครอบครองพลังอำนาจของพวกเรา”
รอยยิ้มเยาะอันเฝื่อนขมเผยขึ้นบนใบหน้าของอูชี่ หากเมื่อหนุ่มน้อยแหงนเงยศีรษะขึ้นจับจ้องเกอซี ดวงตาคู่นั้นกลับโชนประกาย “เซี่ยวหลีกล่าวว่านายน้อยเป็นคนดี ข้าเชื่อในการตัดสินใจของเซี่ยวหลี”
เกอซีขยับป้ายหยกในมือเล่นไปมาพร้อมเสียงหัวเราะเยาะหยันที่ดังขึ้น “โอ ! คนดี ? นับเป็นครั้งแรกทีมีผู้ประเมินข้าเยี่ยงนี้ นั่นเพราะข้าช่วยเจ้าไว้งั้นสิ ?”
เซี่ยวหลีผู้ยืนซ่อนอยู่หลังพี่ชายมาโดยตลอดแอบยื่นหน้าขึ้นเมียงมองด้วยท่าทีเอียงอาย น้ำเสียงงุ้งงิ้งราวกับเสียงยุงดังขึ้น “ท่านเป็นคนดี หมู่สัตว์ทั้งหลายรวมถึงพวกวิหกล้วนบอกแก่เซี่ยวหลีเช่นนั้น อีกทั้งพี่ชายยังเคยกล่าวว่า บุญคุณที่ช่วยชีวิตย่อมต้องพลีกายมอบทั้งชีวิต เช่นนั้นแล้วเซี่ยวหลีกับพี่ชายหมายมั่นจะได้ติดตามรับใช้ท่าน”
เพียงเมื่ออูชี่ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาพลันแดงก่ำน้ำเสียงดังขึ้นอย่างเขินอาย “เซี่ยวหลี อย่างพูดจาซี้ซั้ว พลีกายมอบทั้งชีวิต* ไม่ได้ใช้เช่นนี้”
*以身相許 พลีกายมอบทั้งชีวิต หมายถึงการยกชีวิตให้อีกฝ่ายหนึ่งเป็นความหมายของการแต่งงาน
เซี่ยวหลีกระพริบตาปริบ ๆ ด้วยความงุนงง ดวงตาใสกระจ่างดั่งแก้วบางจับจ้องอยู่ที่พี่ชายก่อนจะถูกขยับย้ายกลับไปมองเกอซี
เกอซีเก็บป้ายหยกทั้งคู่ไปพลางหัวเราะออกมาเบา ๆ “เมื่อเป็นเช่นนี้ก็แล้วแต่เจ้าทั้งสองเถิด หากแต่ข้าขอเตือนพวกเจ้าไว้ก่อนว่าหากต้องการรั้งอยู่ข้างกายข้า พวกเจ้าจำต้องมีใจภักดีและเก็บงำทุกสิ่งที่ได้ยินได้ฟังไว้เฉพาะตนเท่านั้น ตราบเท่าที่ข้ายังมีลมหายใจอยู่ข้าจะคอยปกป้องคุ้มครองพวกเจ้าอย่างแน่นอน แต่หากเจ้ากล้าทรยศหักหลังหรือตบตาข้า ฮึ่ม ! ข้ากล้ารับรองได้เลยว่าพวกเจ้าจะได้รับความเจ็บปวดทรมานประหนึ่งเนื้อหัวใจถูกเสียดแทงทะลุด้วยลูกศรนับพันเล่ม”
คำกล่าวของเกอซีทำให้เซี่ยวหลีกระโดดโหยงกลับไปซ่อนที่แผ่นหลังของพี่ชายอีกคราด้วยความตื่นตกใจ
หากแต่อูชี่กลับถ่ายถอนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก รักและชังชัดเจนที่บ่งบอกถึงคำมั่นและคำเตือนเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกคลายใจ คลายใจที่ได้ส่งมอบแผ่นป้ายหยกปราณชีพออกไป คลายใจที่ได้เอ่ยสัตย์สาบานแห่งความภักดีและความทุ่มเท โล่งใจที่ได้ฝากฝังน้องสาวของตนไว้
อูชี่จับเซี่ยวหลีเข้ามาหาเกอซีพลางลูบศีรษะของนางเบา ๆ ในแววตาคือความเศร้าสร้อย ฝืนจิตใจของตนเองอย่างรุนแรงขณะที่น้ำเสียงนั้นยังคงหนักแน่น “เซี่ยวหลีเด็กดี เจ้าต้องเชื่อฟังนายน้อยเข้าใจไหม ? พี่จะรีบกลับมาหาเจ้า”
“ท่านพี่—— !” เซี่ยวหลีฉุดดึงชายเสื้อของอูชี่แน่น หยาดน้ำตาไหลพรากร่วงอาบสองแก้ม ในแววตามีเพียงความไม่ยินยอม
หญิงสาวย่อมตระหนักดีว่าพี่ชายกำลังจะจากไปเพื่อสุ่มเสี่ยงกับภัยอันตรายที่กำลังรออยู่เบื้องหน้า เพียงทว่าสิ่งที่เกินจะหยั่งรู้ได้นั้นคือ พี่ชายจะกลับมาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ ย่อมเป็นธรรมดาที่นางจะทั้งฉุดกระชากรั้งด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ! หากแต่เด็กน้อยย่อมรู้ดีว่าเมื่อพี่ชายของนางมุ่งมั่นกระทำสิ่งใดแล้วเขาย่อมลงมือทำให้สำเร็จลุล่วงให้จงได้ นางไม่ควรร่ำไห้ มิเช่นนั้นพี่ชายของนางจะพลอยเศร้าโศกไปด้วย
เซี่ยวหลีเกาะกุมแขนเสื้ออูชี่แน่นทั้งน้ำตา “ท่านพี่ เซี่ยวหลีจะเป็นเด็กดี ข้าจะรอให้ท่านพี่กลับมา ท่านพี่ต้องกลับมาเร็ว ๆ !”
กระทั่งในที่สุดอูชี่ก็สาวเท้าก้าวจากไป เซี่ยวหลีปาดน้ำตาที่ไหลอาบสองข้างแก้มหากทว่าสายน้ำหยาดใหม่กลับหลั่งรินลงมาแทนที่
เกอซีผู้ยืนอยู่ข้าง ๆ แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ใกล้เวลานัดหมายของหนานกงยวี่แล้ว หญิงสาวทำได้เพียงทอดถอนใจก่อนจะสืบเท้าตรงเข้ามาลูบศีรษะน้อย ๆ ของเซี่ยวหลี “เจ้าจะร้องไห้ไปไย ? ใช่ว่าพวกเจ้าจะต้องแยกจากกันตลอดไป พี่ชายของเจ้านั้นเก่งกาจ เขาย่อมต้องกลับมาหาเจ้าอย่างแน่นอน”
***จบบท อุทิศชีวิต***
คอมเม้นต์