หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 75 หากเยียวยารักษาได้ ?
แม้ว่าภายในห้องจะอึดอัดไปด้วยบรรยากาศที่หดหู่อึมครึมอย่างสะท้านจิตหากแต่บนเตียงกลับกลายเป็นแหล่งรวมแห่งอารมณ์อันทุกข์ระทมอย่างเหลือแสนยิ่งกว่านับร้อยเท่า
กลิ่นโอสถที่ตลบอบคลุ้งไปทั่วนั้นคละเคล้าไปด้วยความอบโอ่เหม็นเปรี้ยวประดุจดั่งว่าทั้งหมดทั้งมวลนั้นพยายามกลั่นควบรวมกันเพื่อสร้างโลกแห่งความมืดมนอนธการหม่นหมองมัวอย่างไร้ขอบเขต
โอวหยางฮ่าวเซวียนต้องนอนอยู่ในห้องที่มืดหม่นเช่นนี้มานานปี กระทั่งมันได้หล่อหลอมให้ใบหน้าของชายหนุ่มกลับกลายเป็นเย็นชา ผิวพรรณกลับกลายซีดขาวราวกับเศษขี้เถ้าที่เผาไหม้แล้ว เส้นเลือดสีแดงปรากฏเด่นชัดในดวงตาที่เป็นเบ้าลึกลงไป
ยามนี้ ดวงตาคู่นั้นกำลังจับจ้องมองนางเขม็งไม่เคลื่อนไหว ภายในแววตาไม่ปรากฏร่องรอยแห่งชีวิต และความหวังให้ได้แลเห็นมันบรรจุไว้แค่เพียงความดำดิ่งมืดมิดด้านชาไร้ความรู้สึก และสิ้นหวัง
เห็นได้ชัดว่าหากนำอูชี่หนุ่มน้อยที่นางให้การรักษาไปก่อนหน้านี้มาเปรียบเทียบกับสภาพของบุรุษผู้นี้ ย่อมกล่าวได้แต่เพียงว่าอาการของผู้ที่กำลังอยู่เบื้องหน้าสายตานี้นับว่าสาหัสอย่างรุนแรงยิ่งไปกว่า ไม่ว่าจะด้วยสภาพทางกาย หรือสภาพทางใจล้วนย่ำแย่ถึงระดับต่ำสุด
เกอซีรวบรวมสมาธิยกข้อมือของบุรุษผู้นั้นขึ้นตรวจจับชีพจร
ทันทีที่เส้นชีพจรของเขาปรากฏชัดแก่นาง คิ้วทั้งสองของเกอซีต้องย่นเข้าหากันจนเกิดปรากฏเป็นร่องชัด
เป็นดังที่คาดไว้จริง อาการเจ็บป่วยของโอวหยางฮ่าวเซวียน หากจะเทียบกับอาการของอูชี่นับว่าสาหัสมากกว่ากันหลายเท่าตัวนัก
เส้นชีพจรตลอดทั่วทั้งร่างฉีกสะบั้น อีกทั้งชีพจรปราณสำคัญภายในที่ถูกทำลายกระทั่งตกอยู่ในสภาพวิกฤติขั้นรุนแรงยังปรากฏขึ้นอีกหลายจุด หากเมื่อใดที่ชีพจรปราณเหล่านั้นฉีกขาดแยกส่วนออกจากกันโดยสมบูรณ์ ย่อมไม่เพียงต้องสูญสิ้นพลังปราณทั้งหมดไป หากแต่แม้เพียงแค่การลุกนั่ง หรือการลุกยืนโดยปกติวิสัยก็ยังไม่อาจบรรลุความสำเร็จได้
สิ่งสำคัญอย่างยิ่งนั้นคือ ภายในร่างของโอวหยางฮ่าวเซวียนปรากฏร่องรอยแห่งโอสถพิษที่รุนแรงร้ายกาจร่วมด้วย โอสถพิษชนิดนี้นับเป็นเหตุมีนัยยะสำคัญที่ทำให้ชีพจรทั่วร่างของเขาต้องเสื่อมสภาพลงไปเรื่อย ๆ โอสถพิษที่สถิตแทรกซึมลงไปในร่างนั้นคือพิษที่พร้อมจะกำเริบ และแผ่ขยายวงกว้างออกไปทันทีเมื่อใดที่เขาพยายามใช้พลังภายใน
เช่นนั้นแล้ว แม้ว่าผู้ป่วยที่มีเส้นชีพจรปราณฉีกขาดจะไม่อาจฝึกฝนพลังฝีมือ และโคจรกระแสพลังปราณได้ หากแต่พวกเขาก็สามารถอาศัยการเดินพลังภายในเพื่อประคองชีวิตที่เหลืออยู่ พวกเขาจะอยู่นิ่งเฉยโดยไม่อาศัยพลังภายในเข้าช่วยฟื้นฟูสภาพภายในได้อย่างไร ? และด้วยเหตุนั้นเอง โอสถพิษชนิดนี้จึงฉวยโอกาสค่อย ๆ แทรกซึมแผ่กระจายออกไปเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ผู้รับพิษเดินพลังภายใน กระทั่งรอวันที่จะไหลรวมแพร่กระจายลงไปสู่จุดตันเถียนซึ่งเป็นจุดรวมพลังปราณในกาย
แม้เกอซีไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าพิษชนิดนี้ คือโอสถพิษชนิดใด หากแต่นางรับรู้ได้ว่าผู้ที่ลงมือวางยาพิษทำลายเส้นชีพจรปราณผู้นี้นับว่าจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งนัก
มันผู้นั้นไม่เพียงต้องการให้โอวหยางฮ่าวเซวียนต้องสิ้นชีพลง หากแต่ต้องการให้เขาตกอยู่ในสภาพอันทุกข์ทรมานเจ็บปวดแสนสาหัสอย่างยาวนานไร้หนทางสิ้นสุดกระทั่งสิ้นลมไปในท้ายสุด
ยามนี้เส้นชีพจรปราณทั้งหมดในกายของโอวหยางฮ่าวเซวียนอยู่ในอาการฝ่อหมดสภาพจนเกือบจะเรียกได้ว่ามันกำลังเข้าสู่ขอบเขตแห่งการปิดกั้นเส้นทางการไหลเวียนพลังปราณโดยสมบูรณ์แบบ หากเนิ่นช้าไปกว่านี้อีกเพียงแค่สองสามวัน อาจบางทีแม้กระทั่งตัวนางเองก็ไร้สามารถที่จะกระทำการเยียวยารักษาได้อีก
เมื่อโอวหยางฮ่าวเซวียนผู้นอนนิ่งอยู่บนเตียงได้เห็นสภาพสีหน้าราวกับได้เห็นหลุมฝังศพของหนุ่มน้อยด้านข้าง ฝ่ามือทั้งคู่ของเขาแข็งค้างอย่างไม่อาจปล่อยคลายมันออกได้อยู่ครู่ใหญ่ ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเย้ยเยาะออกมาด้วยน้ำเสียงขู่ฟ่อ “อย่าสิ้นเปลืองแรงพลังของเจ้าเลย หากเจ้าไม่สามารถให้การรักษาข้าได้ เจ้าก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสียอย่าได้ย่างกรายเข้ามาปลิ้นปล้อนหลอกลวงถึงจวนโอวหยางแห่งนี้อีก”
ยามนี้กระบวนการตรวจอาการของเกอซีสำเร็จสิ้นลงแล้ว หญิงสาวปล่อยฝ่ามือของตนออกมา หากแต่สายตายังคงจับจ้องมองใบหน้าของบุรุษหนุ่มที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว นางปล่อยเสียงหัวร่อออกมาอย่างเยียบเย็น “โอ ? เช่นนั้นหากข้าสามารถให้การรักษาเจ้าได้เล่า ?”
โอวหยางฮ่าวเซวียนถึงกับกล่าวคำใดไม่ออก ความรู้สึกพลันกลับกลายเป็นงุนงงซึมเซา ยามเมื่อเขารู้สึกได้ว่ากำลังถูกสายตาที่เย็นเยียบคู่นั้นจับจ้อง ทั่วทั้งร่างพลันนิ่งค้างราวกับถูกแช่แข็ง
โอวหยางจื้อโซวงโพล่งขึ้นมาทันใด “ท่านหมอซีผู้เปี่ยมพรสวรรค์ หากท่านสามารถให้การรักษาอาการของบุตรชายข้าพเจ้าได้ ตระกูลโอวหยางของข้ายินดีน้อมรับทุกเงื่อนไขข้อเสนอของท่าน”
เกอซีใช้ปลายนิ้วเคาะลงไปบนโต๊ะก่อนจะหมุนศีรษะมองไปตลอดทั่วทุกมุมห้อง ฉับพลันน้ำเสียงที่หนักแน่นเอ่ยขึ้น
“เปิดบานหน้าต่างทุกบานให้หมด เอาฟูกนอนหนานี้ออกไปแล้วดับเทียนทุกแท่ง ข้าต้องการให้ห้องนี้ได้รับความสว่างจากแสงตะวัน”
ทั้งฮูหยินโอวหยาง และโอวหยางจื้อโซวงต่างแตกตื่นในใจด้วยความประหวั่น
ฮูหยินโอวหยางร้องก้องออกมาทันทีด้วยความหวั่นเกรง “ไม่ได้เด็ดขาด ตั้งแต่ฮ่าวเซวียนล้มป่วยลง แค่เพียงต้องสายลมบางเบา หรือรับแสงตะวันสาดส่องเล็กน้อยเท่านั้น ทั่วร่างของเขาจะเจ็บปวดทรมานอย่างเหลือแสน กล้ามเนื้อทั่วทั้งกายกระตุกสั่น ร่องรอยจุดด่างสีดำปรากฏขึ้นบนผิวกายทันที ท่าน…ท่านคือท่านหมออัจฉริยะจริงกระนั้นหรือ นี่ท่านจะสังหารเซวียนเอ๋อของข้าใช่หรือไม่ ?”
ยามนี้กระทั่งโอวหยางจื้อโซวงยังต้องอยู่ในความสับสนงงงวย หากแต่เขากลับมิกล้าเอื้อนเอ่ยคำใด
เกอซีเพียงยิ้มเยาะขึ้นก่อนจะหยิบโอสถเม็ดยัดใส่เข้าไปถึงในปากของโอวหยางฮ่าวเซวียนที่นอนอยู่ด้านข้าง “ข้ารับประกันได้ว่า แม้กระทั่งร่างของเขาถูกสายลมใหญ่หอบพัดพาไป หรือต้องนอนค้างอาบแดดอยู่ท่ามกลางแสงตะวันเขาก็จะไม่มีอาการผิดปกติแต่ประการใด เจ้าสามารถเลือกได้ว่าจะยอมเชื่อมั่นในสิ่งที่ข้ากำลังกระทำ หรือไม่เช่นนั้นก็จงไปหาผู้อื่นที่มีคุณสมบัติล้ำเลิศกว่าข้ามาให้การรักษาที่นี่แทน”
***จบบท หากเยียวยารักษาได้ ?***
คอมเม้นต์