หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 130 พันธสัญญาโลหิต
เพลิงร้อนระอุพลุ่งพล่านลงไปตลอดทั่วถึงชั้นกระดูก มันแผดเผาไหม้เกรียมไปทุกส่วน คล้ายมันกำลังลุกไหม้ร่างของนางให้ถูกย่อยสลายกลายเป็นถ่านเถ้าอยู่ตลอดเวลา
เสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดดังออกมาจากปากของเกอซี คิ้วทั้งสองจิกเข้าหากัน ความทรมานเกินกว่าจะทานทนทำให้เนื้อกายเริ่มกระตุกแสดงอาการดิ้นรน จนแทบมิอาจยับยั้งการปลดปล่อยเสียงกรีดร้องแห่งความทรมานไว้ได้อีกต่อไป
ทว่าเพียงทันทีที่หญิงสาวกำลังจะถึงระดับที่มิอาจยับยั้งอดกลั้นไว้ได้อีกต่อไป ของเหลวบางสิ่งที่เย็นยะเยียบไหลหลั่งผ่านริมฝีปากล่วงเลยผ่านลำคอ แทรกซึมลงสู่อวัยวะน้อยใหญ่ กระจายไหลอาบไปทั่วผิวกายเรื่อยตลอดไปทั่วทั้งเรือนร่าง
สบายยิ่งนัก สดชื่นยิ่งนัก……ยังต้องการมากกว่านี้ !
เกอซีส่งเสียงครางแห่งความพึงพอใจผ่านมากับเสียงทอดหายใจยาว สองมือของนางเหยียดยื่นออกไปตวัดรัดกอดบางสิ่งด้วยสัญชาตญาณ ปากของนางส่งเสียงร้องครวญครางแหบพร่า ขณะมันกำลังออกแรงดูดดื่มอย่างเต็มกำลังความสามารถ คล้ายดั่งว่าด้วยวิธีการเช่นนี้มันจะสามารถดูดกลืนของเหลวที่ให้ความรู้สึกเย็นสบายได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
สิ่งที่เกอซีสามารถรับรู้ได้ในเสี้ยวนาทีถัดมาคืออ้อมกอดที่รัดกระชับแน่นปานประหนึ่งมันต้องการจะหลอมรวมร่างของนางให้เป็นหนึ่งเดียว ริมฝีปากนิ่มละมุนถูกประทับกดลงมาอย่างหนักหน่วงแรงปรารถนาอันเร่าร้อนรุนแรงระอุขึ้นคล้ายดั่งพวกมันกำลังพยายามครอบครองทั่วทั้งช่องปากของนาง
อายพลังเย็นยังคงไหลระเรื่อยแทรกซึมผ่านลงไปตลอดทั่วทั้งร่าง เพิ่มความร้อนแรงให้เส้นโลหิตทุกส่วนทว่าขุมพลังแห่งความร้อนในครานี้กลับไม่ทำให้นางต้องรู้สึกเจ็บปวด กลับกัน มันทำให้นางยิ่งพยายามไข่วคว้ายึดเอาเพื่อแสวงหาความรู้สึกอันแสนผ่อนคลายที่ได้รับอย่างหลงลืมตัว
ขณะที่ทั้งคู่กำลังดำดิ่งอยู่ภายใต้เพลิงอารมณ์ปรารถนาอันร้อนแรง ทั้งเกอซีและหนานกงยวี่ไม่ทันรับรู้เลยว่าช่วงขณะที่พลังหยางกำลังถูกปรับสภาวะสมดุลย์โดยอาศัยโลหิตหยินอยู่นั้น แก่นขุมพลังงานของผลหยวนหยางก็เริ่มถูกจุดตันเถียนของเกอซีดูดซับกลืนเข้าไปเรื่อย ๆ
จุดตันเถียนฝ่อไร้สภาพที่ถูกผนึกไว้อย่างแปลกประหลาดแปรเปลี่ยนสภาพเป็นกระแสคลื่นพลังหลุมดำขนาดมหึมา ซึ่งค่อย ๆขยายตัวกว้างใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว แสงสว่างเจิดจ้าพวยพุ่งออกมาจากร่างของเกอซี แค่ช่วงระยะเพียงไม่นาน หลุมดำนั้นก็แผ่ขยายตัวกระจายคลอบคลุมไปทั่วผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่
****
ขณะที่ชิงหลงยังคงยืนทำหน้าที่อารักขาประตูทางเข้าหลักซึ่งประกอบขึ้นจากเหล็กกล้าโดยมีจูเฉวี่ย และไป๋หู่ยืนประจันอยู่ด้านหน้า กลุ่มคนทั้งหมดล้วนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายโลหิตที่แทรกซึมหลุดรอดผ่านร่องบานประตู ทันที่ที่ปลายจมูกสามารถรับรู้ถึงสิ่งที่กำลังดำเนินและเป็นไป สีหน้าของพวกเขาทั้งสิ้นพลันแปรเปลี่ยน
ขุมพลังภายในกายของพวกเขาทั้งสามพลันระเบิดปะทุอย่างแรงกล้า แก่นโลหิตที่อัดแน่นภายในทรวงอกสูบฉีดขึ้นอย่างรุนแรงปานประหนึ่งพวกมันกำลังพยายามดิ้นรนพลุ่งพล่านทะลุทะลวงให้ผ่านพ้นเพื่อจะสาดเทเข้าไปให้ถึงด้านในห้องนอนหลังประตูเหล็กบานนี้
ใบหน้าของจูเฉวี่ยบิดเบ้อย่างน่าเกลียดน่ากลัวอีกครา นางขึ้นเสียงด้วยความขุ่นเคืองอารมณ์ “เป็นนายท่าน นายท่านถึงขนาดใช้แก่นโลหิตช่วยรักษาหญิงน่ารังเกียจผู้นั้น !”
พวกเขาทั้งหมดล้วนมีพันธสัญญาชนิดถาวรในการเป็นผู้ดูแลรับใช้องค์ราชันมัจจุราช เช่นนั้นแม้ว่าพลังปราณในร่างนายท่านของพวกเขาจะอยู่ในสภาพที่อ่อนแอหรือแข็งแกร่ง แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ไกลห่างออกไปถึงพันลี้ พวกเขาทั้งหมดล้วนสามารถรับรู้ถึงสถานการณ์ความเป็นไปของนายท่านได้เสมอ
แก่นโลหิตของผู้ฝึกยุทธ นั่นก็คือโลหิตจากเนื้อหัวใจซึ่งทำหน้าที่หล่อเลี้ยงชีวิต หากนายท่านมอบแก่นโลหิตของตนให้แก่เกอซีนั่นย่อมหมายถึงเขาพร้อมจะอุทิศพลังชีวิตของตนรวมกระทั่งพลังปราณในกายอีกครึ่งส่วนพลีให้แก่นาง
ยามนี้ สีหน้าของพวกเขาทั้งสามไม่สู้ดี ครั้นยิ่งเมื่อทำได้เพียงแค่ยืนมองผ่านบานประตูเหล็กที่ปิดสนิทแน่น ความโกรธเกรี้ยวหวั่นวิตกร้อนใจล้วนเผยผ่านออกมาทางดวงตา
จูเฉวี่ยนตรงเข้าไปหาชิงหลง แผดเสียงร้องโวยวาย “ชิงหลง เจ้ารู้ไหมว่าการที่นายท่านยอมสละแก่นโลหิตของตนในยามนี้จะเป็นเช่นไร ? โรคร้ายของนายท่านใกล้จะได้เวลากำเริบขึ้นแล้ว ! หากนายท่านยังฝืนกระทำเช่นนี้อีก เขาย่อมไม่อาจเหลือรอดชีวิต ! ถึงกระนั้นเจ้าจะยังยืนกรานขวางพวกเราไว้อีกหรือ ? เจ้ายังไม่ยอมให้ข้าเข้าไปสังหารนางสารเลวผู้นั้นหรือ ? !”
สีหน้ายามนี้ของชิงหลงแสดงถึงความรู้สึกอันขัดแย้งอยู่ภายใน ความรู้สึกที่เจ็บปวดจนเส้นเลือดบนฝ่ามือที่เกาะกุมกระบี่อยู่ปูดโปนขึ้น เสียงกระดูกข้อมือที่กดอัดจากความเกร็งตัวลั่นดัง
ขณะที่จูเฉวี่ยกำลังจะเอ่ยปากขึ้นอีกครา เงาร่างของกลุ่มคนอีกชุดหนึ่งพลันเหินร่อนลงมาจากท้องนภา
พวกเขายังมิทันจะแตะกายลงสู่พื้นดินและปรับสภาวะสมดุลย์ให้เข้าที่ ก็เร่งรุดตรงรี่เข้ามาหากลุ่มคนทั้งสามที่ยังคงยืนประจันกันอยู่หน้าประตู เสียงร้องตะโกนก้องขึ้น “พวกเรารับรู้ได้ถึงพลังปราณอันอ่อนแรงของนายท่าน พันธสัญญาโลหิตพลุ่งพล่าน เกิดสิ่งใดขึ้นกับนายท่าน ?”
ผู้ที่เดินทางมาคือกลุ่มผู้รับใช้ภายใต้พันธสัญญาของหนานกงยวี่ซึ่งอยู่ไกลห่างออกไปจากนครเหยียนจิง พวกเขาคือ เต่าดำซวนหวู่* หวูอวี้ และหวูซิน
ครั้นเมื่อจูเฉวี่ยเห็นหวูซิน และหวูอวี้นางก็ร่ำร้องคร่ำครวญ “ท่านพี่หวูซิน ท่านพี่หวูอวี้ นายท่านอยู่ด้านใน นายท่านกำลังใช้แก่นโลหิตของตนเองช่วยชีวิตสตรีสามัญผู้หนึ่ง ทว่า …ทว่ายามนี้ใกล้เวลาโรคร้ายจะกำเริบแล้ว หากนายท่านยังไม่ยอมหยุดทำการรักษา ข้ากลัวเหลือเกินว่านายท่าน……กลัวว่านายท่านจะ….ฮือ……”
*เต่าดำคือหนึ่งในสี่สัตว์เทพอสูรตามตำนานจีน โดยสัตว์แต่ละตัวเป็นสัญลักษณ์แห่งการปกครองทิศทั้งสี่ ฤดูกาล ธาตุ สัตว์เทพอสูรในตำนานทั้งสี่คือ มังกรฟ้า หงส์เพลิง พยัคฆ์ขาว และ เต่าดำ
ซึ่งนั่นก็คือ มังกรฟ้าชิงหลง หงส์เพลิงจูเฉวี่ย พยัคฆ์ขาวไป๋หู่ และเต่าดำซวนหวู่
***จบตอน พันธสัญญาโลหิต***
คอมเม้นต์