หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 236 สัญชาตญาณแห่งความตะกละ
ภาพน่าตระหนกเบื้องหน้ากลับไม่อาจทำให้เกอซีหวาดหวั่นพรั่นพรึงแม้เพียงเล็กน้อย กลับกัน นางเหยียดยื่นฝ่ามือออกสัมผัสปลายลิ้นของชิงชาด้วยสัมผัสอ่อนเบายามเมื่อเจ้าร่างหมีหน้าสุนัขอ้าปากขนาดยักษ์ยื่นลิ้นยาวออกขู่อย่างน่าสะพรึง
เพียงครู่ปรากฏการณ์อันสามารถสร้างความอัศจรรย์ใจให้แก่เฟิ่งเหลียนอิ่ง และท่านเจ้าวังจื่อจินกลับปรากฏขึ้น เจ้าสัตว์เวทประหนึ่งสัตว์ประหลาดแยกเขี้ยวโง้งตนนั้นพลันสงบลงได้โดยฉับพลันทันใด ! ยังอีกทั้งมันถึงกับส่งเสียงจุ๊บจั๊บขยับริมฝีปากแสดงอาการแห่งความสุขใจเปรมปรีดิ์เป็นที่ยิ่ง
ท่านเจ้าวังจื่อจินตกตะลึงงัน หากทว่าเมื่อได้เห็นบางสิ่งซึ่งสามารถส่งสะท้อนเงา ๆ เลื่อม ๆ ในอุ้งมือของเกอซี เขาถึงกับหัวเราะเบา ๆ ด้วยนึกขัน
เช่นนี้เอง ! ไม่คาดคิดเลยว่าสาวน้อยผู้นี้จะใช้กุศโลบายเช่นนี้หลอกล่อให้ชิงชาเชื่องลงได้ สาวน้อยผู้นี้ออกจะ…..เฉลียวฉลาดเกินไปเสียแล้ว !
ชิงชาผู้เกรี้ยวกราดดุร้ายน่าสะพรึงกลัวเมื่อครู่ก่อนได้จากไป คงเหลือไว้แต่เพียงเจ้าสุนัขสัตว์เลี้ยงที่แสนน่ารักตัวจริงแท้ ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเอาตัวถูไถเกอซีประจบประแจงด้วยอาการกระเหี้ยนกระหือรือทั้งแสดงความออดอ้อนไม่หยุดหย่อน
หญิงสาวพลิกฝ่ามือ ขนมชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ กรุ่นอายพลังอันมากล้นแผ่ซ่านกระจายฟุ้งลอยคลุ้งมาพร้อมกลิ่นอันหอมหวานที่แตกซ่านออกมาจากชิ้นขนม
สิ่งนี้หรือจะเป็นขนมเฉกเช่นทั่วไป เมื่อเกอซีคือผู้ปรุงขึ้นเองกับมือ ขนมชิ้นนี้จึงมีส่วนผสมของทิพย์ธารา ทั้งยังประกอบขึ้นโดยอาศัยฐานสูตรชีสเค้กในโลกยุคปัจจุบัน
นางตระหนักดีว่าสัตว์เวทในโลกนี้ล้วนมีความชื่นชอบคล้ายหมู่มนุษย์ทั้งหลาย ยังอีกทั้งพวกสัตว์ป่าเวทโดยส่วนมากล้วนชื่นชอบขนมซึ่งมีส่วนประกอบของน้ำผึ้งอีกด้วย
แม้นางจะไม่เคยรู้วิธีการทำให้สัตว์เวทเชื่อง ทว่าสิ่งที่รู้แน่นั้นคือ ความตะกละคือสัญชาตญาณดิบซึ่งเกิดมีพร้อมกับโลกใบนี้
จะต้องกล่าวไปไยถึงหมู่สัตว์เวท เมื่อกระทั่งผู้ปราดเปรื่องอย่างหนานกงยวี่ยังว่าความอร่อยอย่างล้ำเลิศของยอดขนมซึ่งอยู่ในมือของเกอซีนั้นอยู่ในระดับที่เกินกว่าจิตใจจะต้านทานไว้ได้
ทุกสายตาจับจ้องอยู่กับภาพฉากเบื้องหน้าด้วยอาการนิ่งอึ้งไม่อาจเอ่ยกล่าวคำใด เฟิ่งเหลียนอิ่งแทบไม่เชื่อสายตาตนเองเมื่อเห็นชิงชาเอาหน้าถูไถไปกับเกอซี
นางเชื่อมั่นในฝีมือการกล่อมสัตว์ของตนยิ่งนัก ทั้งกระดิ่งหยินหยาง สมบัติลับที่ท่านอาจารย์มอบให้เพื่อช่วยให้ภารกิจของนางลุล่วงสำเร็จ หากแต่กลับไม่อาจช่วยให้นางเกลี้ยกล่อมเจ้าสัตว์เวทตนนี้ได้ ทว่าสิ่งที่ทำให้ยิ่งประหลาดใจนั้นคือ เจ้าสัตว์เวทตนนี้กลับกลายเป็นสัตว์เลี้ยงแสนเชื่องภายใต้ฝ่ามือของซีเยว่หนุ่มน้อยหน้ามนผู้น่ารังเกียจคนนี้
เป็นไปได้อย่างไร ? เจ้าวายร้ายนั่นต้องใช้กลโกงน่าละอายเป็นแน่ ! เป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน !
ท่านเจ้าวังจื่อจินพลันรู้สึกตัวจากอาการตื่นตะลึง เขาหัวเราะขึ้นเบา ๆ ก่อนเอ่ยกล่าว “ผลการทดสอบคราที่สามเป็นอันตัดสินได้ พ่อหนุ่มน้อย ข้าขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย เจ้าจะเป็นผู้รับช่วงสืบทอดหม่าฮ่าของข้า”
มุมปากของเกอซียกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างแฝงความนัย หากทว่าเพียงกำลังจะปริปาก เสียงแผดร้องอย่างไม่อาจระงับอารมณ์ของเฟิ่งเหลียนอิ่งกลับหวีดดังขึ้นมา “เป็นไปไม่ได้ ! ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะทำให้ชิงชาเชื่องได้จริง ! กระทั่งข้า ผู้นับได้ว่าสามารถทำให้สัตว์เชื่องได้ด้วยฝีมือระดับอาจารย์ ข้าผู้มีพลังฝีมือขั้นปฐพีสะท้านสะเทือนกลับยังไม่อาจเกลี้ยกล่อมเจ้าสัตว์เวทดุร้ายตนนี้ลงได้ เช่นนั้นแล้ว เขาผู้นี้ซึ่งเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธขั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่มกระจอก ๆ จะสามารถทำให้มันเชื่องได้อย่างไร ? คนผู้นี้ย่อมต้องใช้กลโกงไร้สิ้นยางอายอย่างแน่นอน ! ท่านเจ้าวังจื่อจิน ท่านคือผู้ปราดเปรื่อง เช่นนั้นไม่ว่าจะอย่างไร ท่านย่อมไม่สมควรมอบตำแหน่งผู้สืบทอดให้แก่คนผู้นี้ !”
อาการดูหมิ่นฉายวาบผ่านดวงตาของท่านเจ้าวังแวบหนึ่ง หากทว่าบนดวงหน้าของคนผู้นี้กลับไม่เคยแปรเปลี่ยน ดวงหน้านั้นยังคงนิ่งเฉยไร้ความรู้สึกยามเมื่อเอ่ยกล่าว “การทดสอบทั้งสามครา ผู้ใดอาศัยเพียงกำลังความสามารถของตนเอง ผู้ใดอาศัยเพียงกลโกง ข้าย่อมสามารถแยกแยะเห็นได้อย่างแจ่มชัด ยามที่เจ้าเลือกใช้เม็ดโอสถผงวิญญาณเพื่อขจัดสิ้นซึ่งความเจ็บปวดทรมานแห่งกระบวนการผลาญจิตหลอมร่าง ข้าก็ไม่ก้าวก่ายแต่ประการใด ทั้งยังยอมให้เจ้าสามารถผ่านการทดสอบมาได้ เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้ทันเล่ห์กลจิ๊บจ๊อยของเจ้าหรืออย่างไร ?”
“เรื่องนั้น….มันไม่เหมือนกัน !” เฟิ่งเหลียนอิ่งส่งเสียงตะโกนกลับอย่างอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง หากทว่าดวงหน้านั้นกลับมืดหม่นกระดำกระด่างแลดูน่าเกลียดน่ากลัว
สิ่งที่ท่านเจ้าวังเอ่ยกล่าวออกมาล้วนไม่ผิดเพี้ยนแต่ประการใด เมื่อนางสามารถใช้กลโกงเพื่อผ่านด่านมาได้ ไยเจ้าหนุ่มหน้าเหม็นนั่นจึงไม่กระทำบ้างเล่า ?
เพียงทว่าเมื่อนางอาศัยกลโกงในการผ่านบททดสอบมาโดยตลอดเช่นนั้น ตัวนางยังจะมีคุณสมบัติใดไปตำหนิเขาผู้นั้นอีกเล่า ?
หากแต่ความมุ่งหมายจะได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดในครานี้ คือสิ่งที่สำนักหลิวหลีตระเตรียมการมาเนิ่นนานหลายปีเพียงไรแล้ว ? ต้องทุ่มเทแรงกาย สูญเสียแรงทรัพย์ไปมากมายเพียงไรแล้ว ? ไม่เว้นกระทั่งท่านอาจารย์ก็ยังมอบสมบัติล้ำค่าซึ่งท่านอาจารย์เฝ้าทะนุถนอมดูแลเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ทั้งท่านอาจารย์ยังกำชับซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า เฟิ่งเหลียนอิ่ง เจ้าจงช่วงชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมาให้ได้ !
***จบตอน สัญชาตญาณแห่งความตะกละ***
คอมเม้นต์