เส้นทางแห่งโชคชะตา – เล่ม 1 ตอนที่ 9: คำสาปร้ายแรง
เล่ม 1 ตอนที่ 9: คำสาปร้ายแรง
ด้วยความบ้าคลั่งที่กำลังประทุ มู่หรงเสี่ยวเทียนวิ่งกลับมาที่หมู่บ้านโนวิซภายในไม่กี่อึดใจเท่านั้น จากนั้นเขาก็รีบพุ่งเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าทันที
“เจ้าของร้าน พอจะมีผ้าขายให้กับผมบ้างไหม ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนหอบหายใจออกมา
“มีสิพ่อหนุ่ม เจ้าต้องการแบบไหน ? ” เจ้าของร้านที่เป็นผู้หญิงตอบกลับมา
ร้านขายผ้าในหมู่บ้านโนวิซแห่งนี้ ล้วนเป็นผ้าที่ไม่มีคุณสมบัติใดๆติดมาเลย เช่น ป้องกันไฟ หรือเพิ่มความแข็งแกร่ง เนื่องจากว่าไม่มีผู้เล่นคนไหนอยู่ในเลเวล 10 พวกเขาจึงยังไม่สามารถเปิดใช้งานประตูมิติได้ ดังนั้นระบบในเกมจึงสร้างร้านขายผ้านี้ขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เล่น และหากผู้เล่นคนไหนเลือกอาชีพตัดเย็บ ก็สามารถมาทำงานที่ร้านขายผ้านี้ได้เพื่อแลกกับเหรียญ และการเรียนรู้ทักษะตัดเย็บนั้นจะช่วยให้พวกเขาพัฒนาการใช้ชีวิต และสร้างความสมดุลให้กับเกมได้เป็นอย่างดี
“ผมต้องการผ้าขาวยาว 2 ฟุตและกว้าง 1 ฟุต” มู่หรงเสี่ยวเทียนกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “อ้อ อีกอย่างหนึ่งช่วยเลือกผ้าเปื้อนเลือด ที่สีมันคล้ายกับผ้าพันศพมัมมี่ของอียิป เพราะมันคงจะแปลกมากถ้าหากว่ามัมมี่ไม่มีเลือดเปื้อนตามลำตัว”
เจ้าของร้านมีท่าทีแปลกใจเล็กน้อย แต่เธอเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา “ถ้าเช่นนั้นก็ตามข้ามาหลังร้าน ข้าจะช่วยเจ้าหาเอง”
มู่หรงเสี่ยวเทียนเดินตามเจ้าของร้านไปที่ด้านหลัง เขากำลังรอเจ้าของร้านปักเย็บผ้าสีขาวให้ตามต้องการ เธอทำชุดออกมาได้เหมือนอย่างที่เขาต้องการไม่มีผิด
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น มู่หรงเสี่ยวเทียนก็หันหลังกลับออกจากร้านขายเสื้อผ้า เขาเปิดหน้าต่างข้อความออกมาและส่งออกไปว่า “จิงยี่ อยู่รึเปล่า ? ”
“อยู่ ๆ มีอะไรรึเปล่า ? ” เธอตอบกลับมาในกล่องข้อความในทันที
“มาพบฉันที่ปากทางเข้าหมู่บ้านโนวิซหน่อยสิ” มู่หรงเสี่ยวเทียนตอบกลับ จากนั้นเขาก็ปิดหน้าต่างข้อความลง เขาเดินไปรอยังปากทางเข้าหมู่บ้านโนวิซ จากนั้นก็เริ่มมองซ้ายมองขวา ไม่นานร่างของฉินจิงยี่ก็ปรากฏขึ้นมาในสายตาของเขา
“เรียกฉันมาด่วนขนาดนี้มีเรื่องอะไรรึเปล่า ? ” จิงยี่ถามออกมาอย่างสงสัย
“มานี่สิ เดี๋ยวฉันจะบอกให้” มู่หรงเสี่ยวเทียนโบกมือเรียกจิงยี่เข้ามาหาเขาเพื่อที่จะกระซิบบอก
มู่หรงเสี่ยวเทียนรีบอธิบายรายละเอียดของแผนการออกไปทันที
จิงยี่ออกจากหมู่บ้านโนวิซและเดินไปทางด้านขวาตรงไปที่ชายป่า ตามพิกัดที่มู่หรงเสี่ยวเทียนบอกเธอเอาไว้ ทันใดนั้นเธอก็พบกับกลุ่มของพวกเจ้าหนูอย่างรวดเร็ว
“ว้าว น้องสาวคนสวยจะไปไหนจ๊ะ” ก่อนที่จิงยี่จะปรากฏตัวออกมากลับเป็นเจ้าลิงที่มีสายตาแหลมคมมองเห็นเธอก่อน เขาจึงตะโกนเสียงดังออกมา
“อืมม สาวน้อย “ไม่มีเงิน” ให้พวกเราพาเธอไปอัพเลเวลเอาไหม ? ” เจ้าไก่จ้องไปที่จิงยี่จนตาของเขาแทบจะทะลักออกมาจากเบ้า
“ขอบคุณนะแต่ไม่เป็นไร” จิงยี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ด้วยท่าทีอ่อนโยนและมีเสน่ห์อย่างมาก จากนั้นเธอก็ยกมือขึ้นมาเพื่อปัดผมหน้าม้าที่กำลังบังหน้าผากของเธอออก “หมู่บ้านโนวิซกำลังแจกจ่ายเงินกัน พวกนายไม่อยากได้มันหรือ ? ”
“ว่าไงนะ ? ” เจ้ามังกรถามขึ้นมาอย่างเร่งรีบ
“พวกเขากำลังแจกเหรียญม่วง” จิงยี่กระพริบตาที่สวยบาดใจของเธอ “ผู้คนที่ผ่านเข้าไปในหมู่บ้านโนวิซช่วงเวลา 10.40 ถึง 11.00 นาฬิกาจะได้รับเหรียญม่วง พวกนายไม่ลองไปดูหน่อยหรือบางทีอาจจะยังทัน”
“หืม ? เธอไม่ได้หลอกพวกเราเล่นใช่มั้ย ? ” เจ้าวัวถามออกไปอย่างสงสัย (ถึงแม้ว่าจะเป็นวัวแต่เขาก็ไม่ได้โง่นะ)
“เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่พวกนายเถอะ” จิงยี่จ้องมองไปที่กลุ่มคนเหล่านั้น จากนั้นก็โบกมือให้กับพวกเขา “ลาก่อนนะหนุ่ม ๆ ฉันหวังว่าพวกนายจะพบกับช่วงเวลาอันแสนสุข”
พูดจบเธอก็เดินจากไปอย่างใจเย็น
เมื่อเห็นเงาที่สง่างามของจิงยี่ห่างออกไปไกลแล้ว เจ้าหนูพี่ใหญ่ของกลุ่ม ก็ผายมือออกมา ก่อนจะพูดว่า “พวกนาย รีบไปที่หมู่บ้านโนวิซกันเถอะ”
ไม่ไกลมากนัก มู่หรงเสี่ยวเทียนกำลังซุ่มตัวเงียบในพุ่มหญ้าอันหนาทึบ เขาเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของทุก ๆ คนในที่แห่งนั้น หลังจากที่กลุ่มของเจ้าหนูได้หายจากไป เขาก็รีบกระโดดออกมาอย่างเร่งรีบเพื่อที่จะไปเก็บเลเวลต่อ ระหว่างที่วิ่งไป เขาก็ส่งข้อความไปหาจิงยี่อีกว่า “มาได้แล้ว พวกนั้นไปกันแล้ว”
ขณะที่มู่หรงวิ่งมาถึงจุดที่เขาต้องการแล้ว จิงยี่ก็เดินออกมาจากอีกทิศทางหนึ่ง “เร็วเข้าช่วยฉันขุดหลุมพราง 2 ที่หน่อย” มู่หรงเสี่ยวเทียนวัดขนาดหลุมบนพื้น จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่สองแห่งและทำเครื่องหมายเอาไว้
“โอ้โห นี่นายใช้ฉันอย่างกับทาสเลยนะ” จิงยี่ตะโกนออกมาใส่มู่หรงเสี่ยวเทียนพร้อมกับจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง จากนั้นเธอก็ได้นำจอบขุดเหมืองออกมาและเริ่มลงมือขุด
“ขอโทษด้วยนะ ไว้วันหลังฉันจะเลี้ยงข้าวเย็นเธอเป็นการตอบแทน” มู่หรงเสี่ยวเทียนยิ้มออกมาอย่างเขินอาย “แต่…..ฉันเลี้ยงแต่เธอจ่าย ฮ่าฮ่า” หลังจากพูดเสร็จเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกับวิ่งหนีเข้าไปในพุ่มไม้
“นายนี่มันโจรชั่วชัด ๆ ! ” จิงยี่พูดออกมาด้วยความโกรธพร้อมกับทั้งหัวเราะและสาปแช่งไปพร้อม ๆ กัน “เอาเปรียบกันชัด ๆ ฉันช่วยนายขนาดนี้ แล้วนายยังทำกับฉันได้ลงคอ”
ในทางมู่หรงเสี่ยวเทียนเขาได้หยิบดาบไม้ของเขาขึ้นมา จากนั้นก็ฟันมันลงไปที่ต้นไม้สองต้นที่มีขนาดหนาพอ ๆ กับต้นขาของเขา เขาตัดมันลงมาพร้อมทั้งเอากิ่งไม้กับใบไม้ ทั้งหมดออกจากลำต้น จากนั้นก็นำมันออกมาจากพุ่มไม้
เมื่อเห็นว่าจิงยี่ขุดหลุมเอาไว้แล้ว มู่หรงเสี่ยวเทียนก็ได้เอาผ้าสีขาวออกมาจากกระเป๋ามิติของเขาก่อนที่จะพันมันเอาไว้รอบ ๆ ท่อนไม้ที่เขาตัดมาและใส่ลงไปในหลุม ขนาดของมันพอดีเป๊ะกับหลุมที่ขุด จากนั้นมู่หรงเสี่ยวเทียนก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“จิงยี่ ถมดินเร็วเข้า” ทั้งสองพยายามเอาดินกลบหลุมนั้นและใช้เท้าเหยียบมันจนแน่น
เขาได้เอาป้ายไม้อันหนึ่งที่สูงสองฟุตและกว้างหนึ่งฟุตมาปักลงตรงหลุมนั้นจนเป็นที่สะดุดตา
“เรียบร้อย รอให้ไอ้พวกนั้นกลับมาอีกครั้งแค่นั้นแหละ เสร็จฉันแน่ ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนปรบมือและพูดออกมาด้วยท่าทางพอใจ
“ดูไม่ออกเลย นายนี่มันร้ายจริง ๆ ” จิงยี่มองไปที่คำสาบแซ่งที่เขียนบนป้ายนั้น ก่อนจะหัวเราะจนท้องแข็ง
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก” มู่หรงเสี่ยวเทียนพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง “ม้าดีมักจะมีคนขี่ แต่คนดีมักจะโดนรังแก”
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ดวงตาของจิงยี่ก็หรี่ลงมาราวกับว่าเธอคิดอะไรได้บางอย่างภายในใจของเธอ เธอเงียบไปสักพักก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ฉันไปเก็บเลเวลก่อนนะ ฉันจะต้องไปเก็บวัตถุดิบมาทำยา”
มู่หรงเสี่ยวเทียนมองเห็นความเศร้าในดวงตาของจิงยี่และดูเหมือนว่าเธอต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อขณะที่เธอกำลังขยับปากอยู่ เธอก็ทนฝืนและเก็บมันเอาไว้ในใจ เธอได้แต่พยักหน้าอย่างเงียบ ๆ และเขาก็ได้แต่เฝ้าดูการจากไปของเธอ
“ดูเหมือนว่าจิงยี่กำลังจะมีปัญหาบางอย่างในโลกของความเป็นจริง” มู่หรงเสี่ยวเทียนคิดภายในใจและถอนหายใจออกมาเบา ๆ
เจ้าหนูและพรรคพวกของเขารีบออกมาจากหมู่บ้านโนวิซด้วยความโกรธ เขาสาปแช่งหญิงสาวคนนั้นที่โกหกพวกเขา เขารีบมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่พวกเขาเคยเก็บเลเวลก่อนหน้านี้เมื่อมาถึงเจ้าหนูก็ได้เห็นป้ายบางอย่างที่มู่หรงเสี่ยวเทียนได้ตั้งเอาไว้
“ลูกพี่ นั่นมันอะไรกัน ? ” เจ้าลิงยกนิ้วขึ้นมาชี้ไปที่ป้ายนั่นและถามเขาขณะที่กำลังเดินผ่าน
“ฉันยังมองเห็นมันไม่ค่อยชัด” เจ้าหนูส่ายหัวไปมาอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นเขาก็รีบเร่งฝีเท้าเพื่อจะเข้าไปดูใกล้ ๆ
เมื่อพวกเขามาถึงตรงที่ป้ายปักอยู่ ทั้งกลุ่มก็ต้องตกตะลึงขึ้นมาทันที พวกเขาเห็นมัมมี่สองตัวนอนในหลุมดูแล้วมันน่ากลัวเป็นอย่างมาก มีสัญลักษณ์แปลก ๆ มากมายวางอยู่บนหลุมนั้น ภาพที่เห็นตรงหน้านี้ราวกับเป็นการเซ่นไหว้หรืออัญเชิญวิญญาณอะไรสักอย่าง และตรงหน้านั้นก็เขียนตัวอักษรว่า “คำสาปที่รุนแรง หากผู้ใดละเมิดเข้าไปในบริเวณนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้เล่นชื่อ “โจร” หรือผู้ใดทำลายเสานี้ หากเกิดเป็นชายจะต้องไปเป็นทาส หากเกิดเป็นหญิงจะต้องไปเป็นโสเภณี หลายชั่วอายุคน เมื่อตายไปเท้าจะต้องเดินลงขุมนรกชั่วกัปชั่วกัลป์ เขาคนนั้นจะไม่มีวันได้กลับขึ้นมาอีก ! ”
“บ้าไปแล้ว นี่มันวันอะไรกันวะเนี่ย ซวยจริง ๆ ” เจ้ามังกรแสดงปฏิกิริยาตอบสนองออกมาเป็นคนแรก
“แย่แล้ว พวกเราถูกหลอก ! หญิงสาวคนนั้นเป็นพวกเดียวกันกับไอ้โจรกระจอกนี้” เจ้าวัวกวัดแกว่งดาบไม้ไปมาอย่างดุเดือด
“ไง..พวกโง่ ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนหัวเราะออกมาขณะที่กำลังต่อสู้อยู่กับมอนเตอร์หัวม้าอย่างสนุกสนาน เขาสร้างเสานี้ขึ้นมาเหมือนเป็นตัวแบ่งเขตเพื่อไม่ให้พวกเจ้าหนูเข้ามายังบริเวณที่มอนสเตอร์หัวม้าปรากฏและเขาจะได้เก็บเลเวลแต่เพียงผู้เดียว การวางแผนแบบนี้ก็เพื่อให้พวกนั้นกลัวและไม่กล้าละเมิดเข้ามายังที่ที่เขาเก็บเลเวล
“ชายคนนี้ไม่ธรรมดา เขาเป็นคนที่มีความเหี้ยมโหดมาก” เจ้ามังกรแสดงใบหน้าอันสงบนิ่งออกมา
เจ้าหนูพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเงียบไปครู่หนึ่ง เขาจ้องมองไปที่มู่หรงเสี่ยวเทียนอย่างดุเดือด “น้องชาย ครั้งนี้แกชนะไป แต่ฉันฝากไว้ก่อน แล้วเราจะได้เห็นดีกันในภายหลัง ! ” หลังจากพูดจบเขาก็หยุดชะงักและหันหลังกลับไปบอกคนของตัวเอง “ไปกันเถอะ ! ”
พวกนั้นรีบจากไปจริง ๆ แฮะ ฉันไม่คิดเลยว่ามันจะได้ผลเร็วขนาดนี้ ! ฮ่าฮ่าฮ่า
เมื่อเห็นคนพวกนั้นค่อย ๆ เดินจากไป มู่หรงเสี่ยวเทียนก็ยิ้มออกมาราวกับว่าเป็นผู้ชนะ
To be continued…
คอมเม้นต์