ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 349 ฉันเป็นสามีเธอนะ… / ตอนที่ 350 ดูแลตัวเองให้ดี
ตอนที่ 349 ฉันเป็นสามีเธอนะ…
บังเอิญอะไรอย่างนี้
พวกเขาสองคนอยู่ในสถานที่เดียวกันและมีประสบการณ์คล้ายๆ กันด้วย
ในบาร์มีแสงไฟสลัว ตอนที่ผู้หญิงน่ากลัวคนนั้นหันมามองเขา ในสมองฉายภาพใบหน้าหวาดกลัวนั้นเปลี่ยนเป็นหลินจยาอวี่ที่สามงามสะพรั่ง
ภาพในสมองแวบขึ้นมาเป็นลู่เสวี่ยเฉินที่ถูกทอดทิ้งอย่างรวดเร็ว
เกิดเหตุการณ์เช่นนี้คล้ายกันในบาร์ช่วงค่ำไม่ได้บ่อยนัก ต่อให้เขาเคยรู้สึกว่าหลินจยาอวี่ดูค่อนข้างคุ้นตา แต่สาวสวยคนหนึ่งกับยัยขี้เหร่คนหนึ่ง ความแตกต่างราวฟ้ากับดินแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นซ้ำซ้อนอย่างแน่นอน
ต้องโทษที่วันนั้นมืดเกินไป มืดจนทำให้เขาเกิดภาพหลอน
นี่เป็นผู้ร่วมมือกับเขาและเป็นภรรยาของเขา
นิ้วเรียวยาวของลู่เสวี่ยเฉินเคาะเบาๆ ลงไปบนพวงมาลัย น้ำเสียงทีเล่นทีจริง “จู่ๆ มีลูกชายเพิ่มขึ้นมาก็เหมือนจะไม่เลวนะ”
พวกเขาซึ่งมีประสบการณ์คล้ายกันตอนนี้กลับแต่งงานกันตามข้อตกลง นี่เป็นโชคชะตาที่แปลกประหลาดอะไรขนาดนี้
เธอจะเป็นเหมือนกับเขางั้นเหรอ ที่หลังจากพบเจอกับเหตุการณ์แบบนั้นแล้วไม่ชอบเพศตรงข้าม
ได้เจอกับผู้หญิงที่มีประสบการณ์คล้ายกับตนเอง ความเย่อหยิ่งและเฉยเมยของเธอที่เคยมีในสายตาของลู่เสวี่ยเฉินกลับเปลี่ยนเป็นความน่ารักไปในพริบตา
แววตาของหลินจยาอวี่ครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นหวาดกลัว
รู้สึกมาตลอดว่าผู้ชายคนนี้เพียงแค่ยืมใช้วงศ์ตระกูลของตนเอง นอกเหนือจากนั้นก็เป็นลูกเศรษฐีอ่อนหัดที่วางมาดโอ้อวดอีกทั้งเป็นคุณชายลูกผู้ดีมีเงินไม่เข้าใจหลักทำนองคลองธรรม
ขณะที่รถขับเคลื่อนสัญจร หลินจยาอวี่ยังคงนิ่งเงียบและใจลอยอยู่เหมือนเดิม
หลังจากนั้นครู่เดียวหลินจยาอวี่ก็มองไปทางลู่เสวี่ยเฉิน น้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย “วันนี้รบกวนคุณมากแล้ว ขอบคุณค่ะ”
ลู่เสวี่ยเฉินยกยิ้ม “ผมเป็นสามีคุณเชียวนะ นี่มันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ”
เครื่องหน้างดงามไร้ที่ติต่อให้เขารู้จักสาวสวยมานับไม่ถ้วนแต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่มีเสน่ห์แบบหลินจยาอวี่
“เมื่อกี้ยังไม่ได้กินข้าว ตอนนี้พาคุณไปกินอะไรหน่อย คุณชอบกินอะไร” ลู่เสวี่ยเฉินเอ่ยถาม
“ได้หมด” หลินจยาอวี่คิดว่าเขาช่วยแล้ว เธอควรจะเลี้ยงข้าวเขาซักมื้อเพื่อเป็นการขอบคุณ
“ร้านอาหารญี่ปุ่น?”
“ฉันไม่ชอบกินอาหารดิบ”
“อาหารหูหนาน?”
“ฉันไม่ชอบกินเผ็ด”
“หม้อไฟ?”
“เป็นร้อนในง่าย”
ลู่เสวี่ยเฉินเม้มปาก ผู้หญิงคนนี้ทำไมยุ่งยากขนาดนี้ นี่ไม่กินนั่นก็ไม่กิน เสียงทุ้มของเขาเข้มขึ้น “…อาหารกวางตุ้งคงได้ใช่ไหม”
หลินจยาอวี่พยักหน้า “งั้นก็อาหารกวางตุ้งแล้วกัน”
ลู่เสวี่ยเฉิน “…”
งั้นก็อาหารกวางตุ้งแล้วกันหมายความว่าอะไร
นี่ก็ไม่กินนั่นก็ไม่กิน หรือว่าเธอเติบโตมาด้วยการกินอากาศ
รถจอดลงที่หน้าประตูร้านอาหารทะเลสไตล์กวางตุ้ง เป็นร้านอาหารหรูสำหรับ VIP รับเพียงแค่สมาชิกของร้านเท่านั้น ตกแต่งสวยงามแบบย้อนยุคแต่ก็ไม่ได้ทิ้งสไตล์ทันสมัย โอ่อ่าตระการตาแต่ไม่ได้ฉูดฉาดเกินไป ดูงดงามประณีตเป็นพิเศษ
ทั้งสองคนหนึ่งเดินนำคนหนึ่งเดินตามก้าวเข้าไปในร้านอาหาร หลินจยาอวี่เหลือบตามองก็เห็นหลี่หนานเซิงกับเพื่อนอีกหลายคนซึ่งเพิ่งจะกินอิ่มหนำสำราญจากในร้านอาหารกำลังเดินออกมาพลางพูดและหัวเราะ
หลินจยาอวี่ชะงักย่างก้าวไปด้วยสัญชาตญาณ
ขณะนั้นหนุ่มน้อยเมาเหล้าคนหนึ่งจู่ๆ ก็วิ่งผ่านหลินจยาอวี่ไปราวกับสายลม
หลินจยาอวี่ได้สติทันทีก็ก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว รีบร้อนก้าวไปหน่อยจนเท้าที่ยังไม่ทันก้าวให้ดีเซไปทางขวาร่างกายเสียการทรงตัว
คนท้องจะล้มไปได้ยังไง หลินจยาอวี่ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก เพราะยื่นมือออกไปโดยสัญชาตญาณ ต้องการคว้าอะไรที่มั่นคงเอาไว้
คว้าอะไรไม่ได้สักอย่างจนตอนที่เธอกำลังจะหมดหวัง เอวบางถูกคนคว้าเอาไว้ ต่อมาทั้งร่างก็ถลาไปในอ้อมกอดอบอุ่น “ระวัง”
ตอนที่ 350 ดูแลตัวเองให้ดี
เมื่อได้เจอหลินจยาอวี่ หลี่หนานเซิงก็อึ้งไปเล็กน้อย
ตอนแรกกังวลใจอยู่บ้าง ต่อมารอยยิ้มจางๆ ที่มุมปากเขาก็กลับคืนมา แววตาเลื่อนมองใบหน้าของหลินจยาอวี่แล้วหยุดอยู่มองเพื่อนที่ยืนด้านข้าง หน้าตาหล่อเหลาเย่อหยิ่ง
พวกเขาบังเอิญเจอกันอีกแล้ว
หรือหลินจยาอวี่ยังรัก ยังอาลัยอาวรณ์เขาอยู่ ยังอยากจะให้เขากลับไป พอรู้ว่าวันนี้เขามางานเลี้ยงคนเดียวถึงได้ตามเขามา
ชำเลืองไปทางหลินจยาอวี่อีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ
เห็นหลินจยาอวี่เกือบจะโดนคนชนจนล้ม
เห็นหลินจยาอวี่ถูกผู้ชายคนหนึ่งกอดไว้ในอ้อมแขน
จังหวะก้าวเท้าของหลี่หนานเซิงค่อยๆ ช้าลง
หลังจากที่ลู่เสวี่ยเฉินประคองหลินจยาอวี่ให้ยืนดีๆ แล้วก็ไม่ยอมปล่อยมือเธอออก
เขามองด้วยความสงสัยไปทางผู้ชายที่ทำให้หลินจยาอวี่ว้าวุ่นใจเมื่อสักครู่และเผลอถามออกไป “รู้จัก?”
หลินจยาอวี่สบสายตาลู่เสวี่ยเฉิน เจือรอยยิ้ม “ไม่รู้จัก”
โลกกลมเสียจริง! ทำไมถึงเจอหลี่หนานเซิงอีก โลกกว้างใหญ่ขนาดนี้ คนห่วยๆ ก็ช่วยอยู่ห่างๆ เธอสักหน่อยได้ไหม
“หือ”
ลู่เสวี่ยเฉินไม่เชื่อเลย เธอไม่ได้ดันมือเขาออก ยอมให้เขากอดเธอเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนั้นทำให้เธอเสียอาการ ถ้าไม่ใช่แฟนเก่าของเธอก็น่าจะเคยมีความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงมาก่อน
หรี่ตามองไปที่ผู้ชายคนนั้น แล้วใช้น้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนน้ำพูดออกไปเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ไปเถอะ ที่รัก”
ลู่เสวี่ยเฉินโอบหลินจยาอวี่แล้วเดินผ่านหลี่หนานเซิงไป
หนุ่มหล่อสาวสวยใกล้ชิดหวานชื่น ช่างเป็นคู่รักที่ชวนให้คนเห็นอิจฉาไม่ได้
หลี่หนานเซิงยืนอยู่ที่เดิม แววตาไหววูบ ใจลอยไปชั่วขณะ
ฝันร้ายอยู่ตลอดทั้งคืน หลังจากที่หลินจยาอวี่ออกไปกินข้าวข้างนอก อวี๋กานกานจึงไปนอนพักในห้องนอน
ตอนที่กำลังสะลึมสะลือ เสียงกริ่งหน้าประตูเหมือนจะดังขึ้น ภาพตรงหน้าพร่ามัวเล็กน้อย ในสมองมีเสียงดังหึ่งๆ อวี๋กานกานมีความรู้สึกคล้ายฝันแต่ไม่ใช่ฝันเหมือนกับอยู่บ้านของตนเอง เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น เธอวิ่งไปเปิดพบว่าอาจารย์อยู่ข้างนอก
อวี๋กานกานถูกความดีใจกระแทกเข้าจนมึน เสียงวุ่นวายดังแทรกเข้ามาแล้วนอนหลับสนิทไป
รอจนกระทั่งเธอตื่นขึ้นมาก็ใกล้ค่ำแล้ว
หลินจยาอวี่ยังไม่กลับมา อวี๋กานกานหยิบโทรศัพท์มือถือมาส่งข้อความให้หลินจยาอวี่จากนั้นจึงได้ลุกไปล้างหน้าล้างตา
เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น อวี๋กานกานยังนึกว่าหลินจยาอวี่กลับมาแล้ว
เธอผลักประตูออกไป เห็นพนักงานส่งของคนหนึ่งยืนอยู่ด้านนอก
“สวัสดีครับ ใช่คุณอวี๋หรือเปล่าครับ”
อวี๋กานกานพยักหน้า
“ครับ รบกวนคุณช่วยเซ็นชื่อหน่อยครับ” พนักงานส่งของถือช่อดอกไม้สดกับกล่องอาหารเดลิเวอรี่มาไว้ตรงหน้าอวี๋กานกาน
“พวกนี้ของฉันเหรอคะ” เธอเหมือนจะไม่ได้สั่งเดลิเวอรี่มาและยังมีดอกไม้อีกช่อหนึ่งด้วย
อวี๋กานกานเซ็นชื่อลงบนใบเสร็จรับของหลังจากนั้นก็รับดอกไม้กับกล่องอาหารมา
พอวางช่อดอกกุหลาบกับกล่องอาหารเดลิเวอรี่ลงบนโต๊ะ อวี๋กานกานก็หาอยู่รอบหนึ่งกลับพบว่าไม่มีการ์ดในช่อดอกไม้ ใบเสร็จสั่งอาหารก็ไม่มี ขณะที่อวี๋กานกานกำลังสงสัยว่าของพวกนี้ใครเป็นคนส่งอยู่นั้นเสียงเตือนข้อความเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
[ฟังจือหัน : ดูแลตัวเองให้ดี]
ช่อดอกกุหลาบกับอาหารพวกนี้ฟังจือหันเป็นคนส่งมางั้นเหรอ
นี่คือการขอโทษรึเปล่า
อวี๋กานกานเปิดกล่องรักษาอุณหภูมิ อาหารเดลิเวอรี่นี้ไม่ได้ซื้อจากข้างนอกจริงด้วย เธอลองชิมก็รู้เลยว่านี่เป็นฝีมือของป้าหู
ขณะที่ค่อยๆ เคี้ยวอาหาร สายตาของอวี๋กานกานจับจ้องไปที่ดอกกุหลาบตรงหน้า
ดอกกุหลาบสีแดงสดแต่ละดอกเบ่งบานอย่างสวยงามเหมือนกับสาวน้อยที่ใจเต้นเปี่ยมไปด้วยความรัก
นัยน์ตาแดง
น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาชัดเจน
อวี๋กานกานรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา
คอมเม้นต์