The Man from Hell – TMFH ตอนที่ 66 : นี่แฟนของฉัน —— เย่เฟิง!
ความเงียบงัน!
ทั้งคฤหาสน์ตระกูลเย่ ตกอยู่ในความเงียบ
เกือบทุกคนในตระกูลเย่ มองดูเย่เฟิงด้วยสายตาที่ซับซ้อนและคาดไม่ถึง
โดยเฉพาะเย่หลิงที่พึมพำด้วยความหวาดกลัวและความตกใจไม่รู้จบโดยลืมความเจ็บปวดบนร่างกายของตัวเองไป “เป็นไปไม่ได้! ทำไม… มันถึงมีผู้มีอำนาจจำนวนมากหนุนหลังแบบนี้ ? เป็นไปไม่ได้!”
ในมุมมองของเย่หลิง เย่เฟิงก็เป็นแค่เพียงบุตรนอกกฎหมายของตระกูลเย่ที่กำลังจะถูกทอดทิ้งในไม่ช้า
ในอดีตเย่หลิงสามารถรังแกและดูถูกเย่เฟิงได้ตามแต่ใจของเขา!
‘มันเป็นคนต่ำต้อยของตระกูลเย่เสมอ แล้วทำไมมันถึงได้รับความสนใจจากผู้มีอิทธิพลจำนวนมากได้ขนาดนี้’
เมื่อเขาระลึกได้ว่าเขากลั่นแกล้งและใส่ร้ายเย่เฟิงในอดีตมากแค่ไหน เย่หลิงก็รู้สึกว่าเลือดของเขาแทบจะแข็งตัว
‘ฉันจบแล้ว!’
‘ฉันเสร็จแน่!’
‘แม้แต่เย่หูก็ยังถูกเขาฆ่าตาย ฉันเป็นแค่เพียงมดแมลงในสายตาของเขาเท่านั้น’
ใบหน้าของเย่หลิงก็ซีดลงไปในทันที
ต๊อก! ต๊อก! ต๊อก!
เย่เฟิงเคาะไปที่โต๊ะ ขณะที่เขาจ้องหน้าเหล่าสมาชิกทุกคนในตระกูลเย่ด้วยสายตาที่เฉียบคม
แต่สมาชิกแต่ละคนก้มหน้าลง พวกเขาไม่มีใครกล้าสบสายตากับเขา
“ตระกูลเย่เคยรังแกและดูถูกฉัน! ตอนนี้พวกแกกลับกลัวฉัน! เนี่ยหรอตระกูลที่ยิ่งใหญ่!” เย่เฟิง กล่าวด้วยสีหน้าที่เข้มขึ้น
จากนั้นเขายังคงพูดต่อไปพลางยกมุมปากขึ้นเย้ยหยัน “ฉันรู้สึกอับอายที่ได้เป็นสมาชิกของตระกูล! จากนี้ฉันจะไปจากตระกูลเย่!”
‘อะไรนะ!’
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิงสมาชิกแต่ละคนในตระกูลก็ตัวแข็งทื่อ
‘เขาออกจากตระกูลเย่ด้วยความต้องการของตัวเอง!’
‘เขารู้สึกอับอายขายหน้าในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลเย่!’
สมาชิกทุกคนของตระกูลเย่ ร้องครวญครางด้วยความผิดหวังราวกับว่าพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาถูกตบหน้าอย่างแรง
หากพวกเขารู้อยู่แล้วว่าเย่เฟิงจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้มีอิทธิพลจำนวนมากแบบนี้ พวกเขาจะไม่รังแกเขาในแบบที่เคยเป็นมา
ไม่เพียงเท่านี้ สิ่งที่เย่เฟิงกำลังจะกล่าวต่อไป นั้นทำให้ทุกคนตกใจมากกว่าเดิม
“ฉันจะปฏิบัติต่อตระกูลเย่เหมือนที่พวกเขาปฏิบัติกับฉัน! หากวันหนึ่งตระกูลเย่ต้องการความช่วยเหลือจากฉัน ทุกคนควรคุกเข่าลงขอร้องต่อหน้าฉัน!”
หลังจากคำพูดเหล่านั้นของเขา เย่เฟิงตบบ่าของเย่โม่ด้วยรอยยิ้มขณะที่เขาเดินออกไปจากห้องโถงตามด้วยผู้อิทธิพลเหล่านั้น
เหล่าผู้อิทธิพลแต่ละคนมองไปที่สมาชิกของตระกูลเย่ ด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
ในสายตาของพวกเขา พวกสมาชิกของตระกูลเย่นั้นเป็นคนโง่งี่เง่าที่สมบูรณ์แบบ เพราะพวกเขาไม่เคยค้นพบความรู้ ความสามารถที่ยิ่งใหญ่ของเย่เฟิง
หลังจากเย่เฟิงและเหล่าผู้ติดตามออกจากห้องโถงคฤหาสน์ ทั้งตระกูลเย่ก็ตกอยู่ในความเงียบกริบ
จากนั้นเย่ฟ่างเฉิง ก็ทิ้งตัวเองลงบนที่นั่งของหัวหน้าตระกูลด้วยท่าทางที่ดูว่างเปล่า เขาดูอายุมากกว่าเดิมไปอีก 10 ปี
เย่หยุนซาน และเย่หยุนไห่ ยังนั่งกองอยู่บนพื้นด้วยความสับสน
สมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลเย่จับจ้องที่เย่โม่ด้วยความชื่นชมอย่างมาก
เพราะพวกเขาเห็นเย่เฟิงตบบ่าของเย่โม่ก่อนจะเดินจากไป
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสถานะของเย่โม่ในตระกูลเย่จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“ผู้ชายคนนี้…”
เย่โม่พูดพลางตัวสั่นด้วยความสับสน
แน่นอนเขาเข้าใจว่าการที่เย่เฟิงตบบ่าของเขาอย่างตั้งใจนั้น เพื่อบอกสมาชิกแต่ละคนเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันดีของพวกเขาทั้งคู่
‘จากนี้ไปไม่มีใครในตระกูลเย่ที่จะกล้าสร้างปัญหาอีกต่อไป’
เย่โม่รู้สึกขอบคุณเย่เฟิงเป็นอย่างมาก
“ถ้าเขาไม่จากไป บางทีตระกูลเย่…อาจจะขึ้นเป็นตระกูลอันดับ 1 ในเมืองเจียงซี!”
เสียงพูดของเย่โม่นั้นเบามาก อย่างไรก็ตามมันเป็นเหมือนเสียงฟ้าร้องสำหรับสมาชิกแต่ละคนในตระกูล
นั่นเป็นผลให้พวกเขาทั้งหมดดูประหลาดใจระคนสับสน
‘จริงด้วย!’
‘ด้วยความช่วยเหลือของเย่เฟิง ตระกูลเย่ จะได้รับการสนับสนุนจากเหล่าผู้อิทธิพลจำนวนมาก และในที่สุดก็จะกลายเป็นตระกูลอันดับ 1 ในเมืองเจียงซี ซึ้งอาจจะเหนือกว่าตระกูลไป๋และตระกูลกงด้วยซ้ำ’
‘แต่มันสายเกินไป!’
ใบหน้าของสมาชิกตระกูลเย่กลายเป็นซีดเซียวและน่าสังเวช
“นั่นคือความผิดของเราหรือ ?”
เมื่อมองไปในทิศทางที่เย่เฟิงจากไป เย่ฟ่างเฉิงก็ตะโกนออกมา ขณะที่เขาดูเหมือนจะแก่กว่าเดิมมากขึ้นในแต่ละวินาทีที่ผ่านไป “บางทีมันคงเป็นความผิดของเรา!”
หลังจากที่ตะโกนออกมาดัง ๆ เย่ฟ่างเฉิง ค่อย ๆ ยกตัวเองขึ้นมาจากเก้าอี้และเดินออกจากห้องโถงไปพร้อมกับสีหน้าที่ดูว่างเปล่า
ราวกับชายชราที่กำลังจะตาย เขาไปจากสมาชิกที่เหลือของตระกูลเย่ ทิ้งไว้ให้แต่ละคนเสียใจในสิทธิที่ควรจะเป็นของพวกเขาเอง!
…
หลังจากออกจากคฤหาสน์ เย่เฟิงและเหล่าผู้มีอิทธิพลก็ไม่ได้แยกจากกันทันที พวกเขาทั้งหมดมุ่งหน้าไปที่โรงแรมคราวน์
ห้องระดับจักรพรรดิที่ใหญ่ที่สุดของ โรงแรมคราวน์เต็มไปด้วยผู้คน
แต่ละคนที่อยู่ในห้องนั้นมีอิทธิพลอย่างมากในเมืองเจียงซี
พวกเขาแต่ละคนต่างดื่มสุราอวยพรให้กันและกัน นั่นทำให้เหตุการณ์ของห้องระดับจักรพรรดิช่างครึกครื้น
หลังจากดื่มไปสามแก้ว เย่เฟิงก็ออกจากห้องมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำ
แต่เย่เฟิงไม่รู้ว่ามีสาวงามคนหนึ่ง เดินออกจากห้องอื่นตามหลังเขามาและเดินไปทางห้องน้ำเช่นกัน
คนนั้นคือฝางยิ่ง อาจารย์ที่ร้อนแรงที่สุดในโรงเรียนมัธยมปลายเมืองเจียงซี
ทว่าฝางยิ่ง มีสีหน้าที่เศร้าโศกขณะที่เธอดูลังเลพลางถือโทรศัพท์มือถือของเธอเอาไว้ “เฮ้อ ฉันเหนื่อยมากใครจะช่วยฉันให้พ้นจากสถานการณ์นี้ได้กันนะ”
ฝางยิ่งได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่จัดขึ้นโดยเพลย์บอยที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในประเทศจีน
เพลย์บอยที่เชิญเธอนั้นยังเป็นหนึ่งในผู้ติดตามที่บ้าคลั่งของเธอ
ฝางยิ่งตัดสินใจออกจากตระกูลฝางที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีนและมาที่เมืองเจียงซี เพราะเธอเบื่อหน่ายกับการตามล่าแบบบ้าคลั่งนั่น
“ถ้านายน้อยเถิงรู้ว่าฉันยังไม่มีแฟน เขาอาจจะกระจายข่าวไปยังเพลย์บอยคนอื่น ๆ อย่างแน่นอน จากนั้นพวกเขาอาจมาที่เมืองเจียงซีเพื่อตามหาฉัน!”
ฝางยิ่งเปิดเผยรอยยิ้มอันขมขื่น
เธอต้องหาแฟนปลอม ๆ แต่ไม่รู้ว่าใครจะสามารถช่วยเธอได้
‘หืมม?’
ในขณะที่ฝางยิ่งกำลังคิดเรื่องแฟนปลอม ผู้ชายคนหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องน้ำ
“เย่เฟิง!”
ฝางยิ่งเผยความดีใจ ขณะที่หยุดเย่เฟิงไว้พลางจับไปที่แขนของเขาและถามอย่างประหลาดใจว่า “เย่เฟิงทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่”
เย่เฟิงรู้สึกตกใจ แต่พอเขารู้ว่านั่นคือ ฝางยิ่ง เขาตอบพร้อมกับยิ้มว่า “ครูฝาง ผมมาที่นี่เพื่อทานอาหารเย็น! แล้ว… “
ก่อนที่จะเย่เฟิงจะพูดจบประโยคของเขา ฝางยิ่งได้ดึงเขาไปยังห้องหนึ่งที่ว่างเปล่า ขณะที่เธอพูดด้วยท่าทางที่มีเล่ห์เหลี่ยมว่า “ไปกันเถอะ! ฉันจะแนะนำเธอกับเพื่อนของฉัน”
แล้วฝางยิ่งก็ดึงเย่เฟิงไปยังห้องอื่น
ทุกคนในห้องนั้นยังเด็กและแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลที่มั่งคั่งในเมืองเจียงซี
คนหนึ่งยืนอยู่ตรงกลางของห้อง โดดเด่นจากคนอื่น ๆ ล้อมรอบไปด้วยผู้คน และกำลังพูดคุยด้วยความร่าเริงสนุกสนานอย่างมาก
เขาเป็นคือนายน้อยเถิง
เมื่อฝางยิ่งดึงเย่เฟิงเข้าไปในห้อง เพลงในห้องก็หยุดลง ขณะที่นายน้อยเถิงและคนอื่น ๆ และเหล่าทายาทรุ่นที่สองที่มั่งคั่งนั่นจับจ้องอยู่ที่พวกเขา
หลังจากนั้นในทันที ฝางยิ่งก็ประกาศเสียงดังขณะที่กุมมือเย่เฟิงไว้ว่า “เงียบหน่อย! ฉันจะแนะนำคน คนหนึ่งให้พวกคุณรู้จัก นี่แฟนของฉัน —— เย่เฟิง!
‘อะไรนะ ?’
หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ เย่เฟิงก็สับสนอย่างมาก จากนั้นเขาตระหนักถึงสถานการณ์ตรงหน้าของเขาในขณะที่เขาคิดกับตัวเองว่า ‘แม่งเอ้ย นี่ฉันถูกหลอกเหรอเนี่ย!’
คอมเม้นต์