The Man from Hell – TMFH ตอนที่ 144 : พวกมันทั้งหมดจะต้องตาย!
TMFH ตอนที่ 144 : พวกมันทั้งหมดจะต้องตาย!
เย่เฟิงรั้งคอเฒ่าเขมือบใจและพยุงหลังเขาเอาไว้ให้ไม่สามารถล้มลงไป
เมื่อหัวใจของเฒ่าเขมือบใจอยู่ข้างในปาก เขาก็เริ่มเคี้ยวมันอย่างไม่อาจขัดขืนได้
กร้วม!
กร้วม!
เมื่อได้ยินเสียงเคี้ยวที่น่าตกใจนั่น เฒ่าเขมือบใจก็รู้สึกว่าร่างกายของเขานั้นค่อย ๆ หยุดทํางานเนื่องจากความกลัว!
“อู้ว อู้วหัวใจของฉัน! หัวใจของฉัน!”
เฒ่าเขมือบใจแทบเป็นบ้า
ในขณะนั้นเขายังคงไม่ตาย
เมื่อเขาได้ลิ้มรสหัวใจของตัวเอง เขาแทบจะสูญเสียสติสัมปชัญญะไปโดยสิ้นเชิง
“ปีศาจ! แกมันเป็นปีศาจ!”
เฒ่าเขมือบใจ พูดด้วยความหวาดกลัวอย่างมาก
ในสายตาของฝ่ายตรงข้าม เขาเป็นที่รู้จักในฐานะของปีศาจเสมอ!
แต่อย่างไรก็ตามเย่เฟิงก็คือปีศาจตัวจริงเสียงจริง!
“เย่เฟิง…แกจะต้องตายอย่างน่าอัปยศอดสู! แม้ว่าฉันจะตายไปแล้วแต่ก็ยังเหลือผู้เฒ่าอีก 3 คน! เฒ่าชะตาสวรรค์ เฒ่าอสูรโลกาและเฒ่าล่องหน!”
“ พวกเขาจะดึงเส้นเอ็นของแกออกมา และสับกระดูกของแกออกเป็นชิ้น ๆ !”
แม้ว่าเฒ่าเขมือบใจจะรู้ว่าเขานั้นถึงวาระสุดท้ายที่จะต้องตาย แต่เขาก็ยังคงรําไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา
เลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากปากของเขา ภาพนี้มันช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
ในฐานะที่เป็นผู้มีพลังระดับ SSS ซึ่งเป็นจอมมารเฒ่าผู้ไร้เทียมทาน ที่มีชื่อเสียงไปทั่วเมืองเจียงนานและเมืองเจียงเป่ยมาหลายสิบปี เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะแพ้เด็กเหลือขอแบบนี้!
หากข่าวนี้เปิดเผยต่อสาธารณะ เมืองเจียงนานและเมืองเจียงเป่ยก็จะเข้าสู่ความโกลาหล
หลังจากได้ยินคําพูดที่ชั่วร้ายของเฒ่าเขมือบใจเย่เฟิงก็ ตอบกลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน “ผู้เฒ่าอีก 3 คน ? ทางไปนรกมันไกลนะ แต่ไม่เป็นไร! ฉันจะส่งพวกเขาให้ไปร่วมเดินทางกับแกตลอดเส้นทาง!”
หลังจากได้ยินคําพูดของเยเฟิง สีหน้าของเฒ่าเขมือบใจก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาพยายามจะด่าสวนกลับ เย่เฟิงก็กินหัวใจของเขาเข้าไปแล้ว
เขาตัวสั่นอย่างหนัก ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความไม่เต็มใจ!
เขารู้สึกอับอายที่ถูกฆ่าโดยเด็กที่มีระดับพลังแค่ชั้นหนึ่งยอดเยี่ยมเท่านั้น
ทว่าเขากลับต้องตายแม้ว่าจะมีพื้นฐานพลังที่สูงกว่า
หลังจากที่เฒ่าเขมือบใจเสียชีวิตไป อาซานเดอะบอลด์ก็ล้มลงกับพื้นทันทีและตะโกนเสียงดังออกมา
เขามองดูศพเหล่าพี่น้องของเขา ตาทั้งสองข้างนั้นเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา!
“พี่น้อง! พวกนายเห็นไหม เจ้านายของเราได้ล้างแค้นให้พวกนายแล้ว!”
“เลือดต้องล้างด้วยเลือด! เจ้านายของพวกเราได้ล้างแค้นด้วยเลือดของไอ้ฆาตกร!”
หลังจากพูดจบอาซานเดอะบอลด์ก็ยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นพร้อมกับสะอื้นออกมาอย่างต่อเนื่อง
ในขณะนั้นเย่เฟิงไม่ได้ปลอบโยนเขา แต่ดวงตาของเขากลับมืดมนและเศร้าอย่างมาก
เขามองศพของเหล่าชายในชุดสีดําและตะโกนออกมาพลางระเบิดพลังฉีที่รุนแรง “พี่น้องทั้ง 11 กลุ่ม รวมแล้ว 110 คน! มีเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต!”
“ดีมาก! ไอ้เมืองเจียงเป่ย!”
“เมื่อแกฆ่าเหล่าพี่น้องของฉัน ฉันจะฆ่าล้างทั้งตระกูลของพวกแก!”
หลังจากพูดจบเย่เฟิงก็ปลดปล่อยพลังฉีปีศาจออกมา
ตั้งแต่เขากลับมาเกิดใหม่ เย่เฟิงนั้นได้รวบรวมพลังฉีปีศาจไว้ในตัวของเขาได้มากพอสมควรแล้ว
ตอนนี้พลังฉีปีศาจของเขากําลังพลุ่งพล่าน เขาตั้งใจที่จะปลดปล่อยความโกรธแค้นและเกลียดชังโดยใช้เลือดของศัตรู!
ในขณะนั้นอุณหภูมิในบริเวณใกล้เคียงลดลงอย่างกะทันหันจนต่ำกว่าศูนย์องศาเซลเซียส
กู๋หยูและอาซานต่างก็ตกตะลึงราวกับว่าพวกเขากําลังเฝ้าดูจักรพรรดิปีศาจถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา
มันคือฉากที่เต็มไปด้วยเลือดและซากศพ!
“เจ้านาย ผมทราบมาว่าทั้ง10 กลุ่มก่อนหน้านี้ทั้งหมดถูกสังหารโดยตระกูลใหญ่ 4 ตระกูลของเมืองเจียงเป่ย!”
อาซานพูดด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า ขณะที่เขายังนอนคว่ำอยู่บนพื้น “ตระกูลถุ ตระกูลระดับหนึ่งฆ่าพี่น้องของเราไป 3 กลุ่ม รวม 30 คน!”
“ตระกูลเซิน ที่เพิ่งจะขึ้นมาเป็นตระกูลระดับหนึ่งนั้น ได้ฆ่าพี่น้องของเราไป 2 กลุ่ม รวม 20 คน!”
“ตระกูลซือกงและตระกูลเว่ย ตระกูลระดับสองร่วมมือกันเพื่อฆ่าพี่น้องของเราไปอีก 5 กลุ่ม รวม 50 คน!”
หลังจากพูดแล้วอาซานก็คร่ำครวญออกมาอย่างไม่พอใจ
“เจ้านาย ได้โปรดล้างแค้นให้เหล่าพี่น้องของพวกเราด้วย!”
“ตระกูลถุ ตระกูลเซิน ตระกูลเว่ย และตระกูลซือกง!”
เมื่อเขาได้ยินชื่อทั้งสี่ตระกูลดวงตาของเยเฟิงก็เป็นประกายเย็นชา
กู๋เย่เฟิงอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
“เจ้านาย กลุ่มคนลึกลับเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่เมืองเจียงเป่ยมาเมื่อเร็ว ๆ นี้! ตามที่ผมรู้ เฒ่าเขมือบใจนั้นทําหน้าที่เป็นผู้อุปถัมภ์ของตระกูลเว่ย!”
“ผู้มีพลังระดับ SSS ที่ตระกูลซือกงทําให้ผมพิการก็คือเฒ่าชะตาสวรรค์! ผู้มีพลังระดับ SSS ของตระกูลเซินคือเฒ่าอสูรโลกา! และผู้มีพลังระดับ SSS ในตระกูลถู่คือเฒ่าล่องหน!”
“ผู้เฒ่าทั้ง 4 นี้ถูกเรียกว่าสี่ปีศาจแห่งตระกูลเล้ง! พวกมันคือเขี้ยวเล็บของตระกูลเล้งในเมืองเจียงนาน พวกมันอาจเข้าควบคุมตระกูลเหล่านี้ในเมืองเจียงเป๋ยและบังคับให้ทั้ง 4 ตระกูลเข้าจัดการกับเจ้านายร่วมกัน!”
หลังจากได้ยินคําพูดของกู๋หยู ใบหน้าของเย่เฟิงยิ่งแสดงความเย็นชาอย่างน่ากลัวออกมา
“ตระกูลู่! ตระกูลเซิน! ตระกูลเว่ย! ตระกูลซือกง! สี่ปีศาจแห่งตระกูลเล้ง ?”
เย่เฟิงเม้มริมฝีปากขณะที่ใบหน้าเปื้อนเลือดของเขากลับมืดมนอย่างมากในตอนนี้
“ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกมันทั้งหมดจะต้องตาย!”
ในตอนเช้า เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่อง!
ณ คฤหาสน์ของตระกูลเว่ย ตระกูลใหญ่ระดับสองในเมืองเจียงเป้ย!
แม้จะเป็นตระกูลหลักระดับสอง แต่ก็ยังทรงพลังมากกว่าตระกูลใหญ่ในเมืองระดับมณฑลอีกหลายเมือง
ตระกูลเว่ยทั้งหมดมีสมาชิกสายตรงทั้งหมด 73 คน!
มีพลังระดับ SS 1 คน ผู้อาวุโสที่มีพลังระดับ S 6 คน พลังชั้นหนึ่งยอดเยี่ยมอีก 28 คนและเหล่าสมาชิกในตระกูลที่เหลือรวมถึงผู้คุ้มกันอีกกว่า 100 คน!
นอกจากนี้ตระกูลเว่ยยังให้การต้อนรับผู้มีพลังระดับ SSS เมื่อวันก่อน – เฒ่าเขมือบใจ
ไม่นานหลังอาหารเช้า สมาชิกของตระกูลเว่ยสายตรงหลายคนได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มและพูดคุยกันเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างด้วยความสนุกสนาน
“เฮ้ นายคิดว่าฉันมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นลูกศิษย์ของเฒ่าเขมือบใจหรือเปล่า ? ฉันเห็นชัด ๆ กับตาตอนที่เฒ่าเขมือบใจโจมตีในวันนั้น มันโคตรจะโหดและน่ากลัวเลย!”
“ฉันก็เห็นเหมือนกัน! เฒ่าเขมือบใจสามารถเอาชนะผู้อุปถัมภ์ระดับ SS ของเราได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น! นั่นมันเยี่ยมมาก!”
“เฒ่าเขมือบใจออกไปไล่ลาพวกมดแมลงเหล่านั้นจากเมืองเจียงซีเมื่อคืนนี้! ฮ่า ฮ่า มด พวกนั้นมันช่างกระจอกเกินไป!”
สมาชิกทุกคนของตระกูลเวียนั้นตื่นเต้นมาก
ในสายตาของพวกเขาเฒ่าเขมือบใจนั้นคือเทพเจ้า!
มันเป็นการลงทุนลงแรงที่เกินความจําเป็นในความคิดของคนในตระกูลเว่ยที่จะให้เฒ่าเขมือบใจไปไล่ฆ่าคนเหล่านั้นจากเมืองเจียงซี
แม้แต่เหล่าผู้มีพลังของตระกูลเว่ยที่อยู่ในห้องโถงก็ยังดูพึงพอใจ แก้มของพวกเขาแดงกําด้วยความสุข
ขณะที่เหล่าผู้มีพลังของตระกูลเว่ยกําลังวาดฝันถึงอนาคตอันสวยงามของตระกูลพวกเขา คนในตระกูลคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาอย่างหน้าตาตื่น
“มีเรื่องใหญ่แล้ว!”
ใบหน้าของสมาชิกตระกูลคนนั้นซีดเผือดอย่างน่ากลัวขณะที่เขาแสดงอาการกลัวมากราวกับเพิ่งเห็นผีมา
เมื่อเห็นอย่างนี้เว่ยเจิ้ง หัวหน้าของตระกูลเว่ยก็เปลี่ยนเป็นแปลกใจทันที เขาเอ่ยปากถามไปว่า
“เกิดอะไรขึ้น ? ทําไมถึงวิ่งพรวดพราดเข้ามาแบบนี้! บังอาจนัก!”
หลังจากได้ยินคําตําหนิของเจ้านาย ใบหน้าของชายคนนั้นก็ซีดยิ่งกว่าเดิม เขารีบละล่ำละลักอธิบาย
“เจ้านาย เฒ่าเขมือบใจ…เขา…เขา…”
“เฒ่าเขมือบใจ ??
เว่ยเจิ้งเริ่มผ่อนคลายลงขณะที่เขาถามกลับด้วยรอยยิ้ม
“เฒ่าเขมือบใจกลับมาแล้วงั้นเหรอ ? มัวแต่มองอะไรกันอยู่ รีบเชิญเขาเข้ามาซิ!”
หลังจากได้ยินคําสั่งของเจ้านาย ใบหน้าของนายทหารคนนี้ก็ซีดลงอย่างมากขณะที่เขาตอบ
“เจ้านาย ผมทําไม่..ทําไม่ได้ เขาอยู่ข้างนอกประตู ได้โปรดไปดูเขาด้วยตัวเองเถอะ!”
“อะไรนะ!”
หลังจากได้ยินคําพูดของเขา เว่ยเจิ้งก็ตกตะลึงในทันที แต่หลังจากนั้นเขาก็บอกผู้มีพลังคนอื่น ๆ ในตระกูลเว่ยด้วยรอยยิ้มว่า
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เฒ่าเขมือบใจต้องคิดว่าเราไม่ใส่ใจเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงขอให้เราเป็นคนไปเชิญเขาเข้ามาข้างใน!”
หลังจากพูดจบเว่ยเจิ้งก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า
“มาเถอะ ไปขอโทษผู้อุปถัมภ์ของเรากัน!”
เว่ยเจิ้งเดินไปที่ประตูคฤหาสน์ทันทีตามด้วยเหล่าผู้มีพลังคนอื่น ๆ ของตระกูลเว่ย
ในตอนนี้ที่หน้าประตูของคฤหาสน์เว่ย รายล้อมไปด้วยเหล่าสมาชิกของตระกูลเวียมากมาย
พวกเขาทั้งหมดกําลังมุงดูบางสิ่งบางอย่างบนพื้นด้วยหน้าตาซีดเซียวอย่างน่ากลัว ขณะที่ตัวสั่นเทา
เมื่อเห็นฉากนี้ผู้มีพลังทั้งหมดของตระกูลเว่ยก็ตกตะลึงในทันที
เมื่อพวกเขาบอกให้คนอื่น ๆ หลีกทางออกไปและมองไปที่สิ่งนั้นบนพื้นดิน พวกเขาเกือบจะวิญญาณหลุดออกจากร่างเนื่องจากความหวาดกลัว!
คอมเม้นต์