ท้าทายลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 3 พรสวรรค์
ตอนที่ 3 พรสวรรค์
<หนังสือแห่งการเปลี่ยนแปลง> <กายวิภาค>
<หกบทเรียนศักดิ์สิทธิ์>
<หนังสือห้าองค์ประกอบ>
<ทุยเป่ยตู>
<บทเพลงแห่งกระดูกของหยวนเทียนกง>
<หนังสือประวัติพระพุทธเจ้า>
<โหงวเฮ้งของหม่าอี้>
<มองแก้วน้ำแข็ง>
< โหงวเฮ้งของหลิวจาง>…
ชื่อหนังสือเหล่านี้ในชาติที่แล้วหยางซือเหมยจอมเจ้าเล่ห์ไม่คุ้นเคยกับพวกมันเลย อาจจะรู้บ้างก็เพียงแค่ว่าหนังสือเหล่านี้คงจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของโหงวเฮ้ง
แต่สำหรับเธอในตอนนั้นหนังสือเหล่านี้มีเนื้อหาที่กว้างและซับซ้อนมากเกินไปดังนั้นพวกมันจึงไม่เคยอยู่ในสายตาของเธอ
เอี๊ยด ~
เมื่อประตูเปิดออกนักบวชชราก็เดินเข้ามาพร้อมกับคุณย่าที่มีสีหน้าเป็นกังวล
เมื่อคุณย่าที่เห็นว่าเด็กน้อยตื่นแล้วจึงรีบเข้าไปหาเธอและจับมือพลางเอ่ยถามว่า
“หลานรัก ยังเจ็บที่หัวอยู่หรือเปล่า?”
หยางซือเหมยยกมือขึ้นแตะหน้าผากที่มีผ้าสีขาวพันอยู่โดยรอบหน้าผากและรู้สึกว่ายังมีอาการปวดอยู่เล็กน้อย
เมื่อคิดย้อนกลับไปก่อนที่เธอจะเป็นลมหมดสติ จึงนึกขึ้นมาได้ว่า น้ำเต้าหยกของพระหยกตกลงมาบนหน้าผากของตน
ทำไมเธอถึงต้องโชคร้ายขนาดนี้ เธอเพียงแค่ต้องการสวดมนต์ไหว้พระก็ยังอุตส่าห์มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
แล้วการเกิดใหม่ในครั้งนี้ของเธอจะได้พบกับโศกนาฏกรรม อีกหรือไม่?
“คุณย่าไม่ต้องห่วงนะคะ หนูไม่เจ็บแล้วค่ะ”
เด็กน้อยจ้องมองไปที่คุณย่าของเธอด้วยรอยยิ้มบางเบาและกล่าวโดยไม่คิดอะไรว่า
“บางทีพระพุทธเจ้าอาจคิดว่าหนูไม่จริงใจพอก็เลยตีหน้าผากหนู”
เมื่อได้ยินคำกล่าวเหล่านี้คุณย่าของเธอก็ตกใจมากและรีบยกมือขึ้นพนมพร้อมกับหลับตาลงและอธิษฐานอย่างแรงกล้าว่า
“ขอให้พระองค์ได้โปรดยกโทษให้เด็กน้อยที่พูดโดยไม่คิด ขออย่าให้เธอประสบกับอันตรายใด ๆ หากพระองค์ต้องการตำหนิก็ขอได้โปรดลงโทษลูกช้าง ลูกช้างยินดีที่จะแบกรับบาปทั้งหมดของหลานสาวคนนี้”
เมื่อได้ยินคุณย่าสวดอ้อนวอนเช่นนั้น หัวใจของหยางซือเหมยก็พองโตด้วยความอบอุ่น
นี่คือคุณย่าที่รักของเธอ แล้วเธอจะทนรับมันไหวหรือ ที่จะต้องสูญเสียเธอไปในอีกหนึ่งปีข้างหน้า
ไม่!
ไม่ได้อย่างแน่นอน!
การมองเห็นของเธอตรงกับนักบวชชราที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ
นักบวชชราผู้นี้ที่มีแววตาครุ่นคิดขณะมองมาที่เธอโดยไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจของเขาเอาไว้ได้
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่มีอายุเพียงแค่ห้าขวบ แต่รูปลักษณ์นั้นกลับแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ใหญ่และความเศร้าโศก
เมื่อสักครู่เขาได้ขอวันเดือนปีเกิดของเธอเพื่อทำนายโชคชะตาให้เธอ แต่พบว่าทุกอย่างตกอยู่ในความสับสน โดยไม่สามารถคำนวณอะไรได้เลย
ชะตากรรมในอนาคตของเธอดูสับสนวุ่นวายราวกับกำลังรอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและทุกอย่างดูคลุมเครือ ซึ่งนี่เป็นโชคชะตาที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน
นอกจากนี้เขาได้ตรวจสอบพระพุทธรูปหยกเมื่อวานนี้และไม่พบความเสียหายอะไรเลยแล้วน้ำเต้าหยกตกลงมาใส่หัวของเธอได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้นน้ำเต้าหยกนั้นได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย มันไม่ได้อยู่ในมือของพระพุทธรูปหยกและไม่มีแม้แต่ชิ้นส่วนที่แตกหักบนพื้น มันเหมือนกับว่า สิ่งนั้นได้หายวับไปกับตาหลังจากที่มันหล่นลงมา
ตอนนี้เขามีอายุ 113 ปีแล้ว แต่ไม่เคยเห็นปรากฏการณ์ที่ไม่น่าเชื่อและแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต
เด็กน้อยคนนี้เธอเป็นใครกันแน่?
***
“โยม อาตมามีเรื่องอยากจะคุยกับด้วยสักสักหน่อย”
คุณย่าเป็นพุทธบริษัทที่เคร่งศาสนามาก ดังนั้นนักบวชจึงมีความสำคัญในหัวใจของเธอเสมอเมื่อได้ยินเช่นนั้นเธอจึงรีบกล่าวว่า
“เชิญหลวงพ่อกล่าวได้เลยค่ะ”
“หลานสาวของโยมมีพรสวรรค์มาแต่กำเนิด ซึ่งทำให้อาตมารู้สึกประทับใจและอยากจะรับเธอเป็นศิษย์เพื่อสืบทอดมรดกของลัทธิเต๋า ไม่ทราบว่าโยมจะอนุญาตหรือไม่?”
นักบวชชรามองคุณย่าด้วยความจริงใจ
นักบวชชราต้องการรับเด็กน้อยคนนี้เป็นลูกศิษย์จริงหรือ?
หยางซือเหมยที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมากและโพล่งออกมาว่า
“หนูไม่อยากเป็นแม่ชี!”
“ด้วยอำนาจของพระพุทธเจ้าที่ไร้ขอบเขตและมีความสำคัญอยู่ในหัวใจคุณ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องของสถานะ
อาตมากำลังค้นหาผู้สืบทอดที่เหมาะสมและหวังว่าเธอจะยอมรับ”
นักบวชชรากล่าวขณะที่เขามองไปที่หยางซือเหมย
คอมเม้นต์