ท้าทายลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 38 หยกเลือด

อ่านนิยายจีนเรื่อง ท้าทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 38 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 38 หยกเลือด

 

เมื่อมารดาของมินกังถูกมัดแล้วทีมแพทย์กับพยาบาลก็รีบฉีดยากล่อมประสาทและยาระงับประสาทอย่างแรงให้กับเธอจากนั้นเมื่ออาการเริ่มเข้าสู่ห้วงนิทรา เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จึงหามร่างของผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในห้องไอซียู

 

ขณะที่มินกังยังคงหมอบอยู่บริเวณหน้าห้องพยาบาลพร้อมกับก้มหน้าอยู่ในอ้อมแขนของตนเองพลางส่งเสียงร้องครวญครางราวกับสัตว์ตัวน้อยที่ถูกร้ายจนทำให้หัวใจของผู้สังเกตการณ์อ่อนยวบลงด้วยความหวั่นไหว

 

และเมื่อเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาสังเกตเห็นว่าสายตาของหยางซือเหมยจับจ้องไปยังมินกังด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า เขาจึงหันหน้าไปเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าไม่ค่อยพอใจ

 

“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”

 

แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งหยางซือเหมยและเด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาต่างก็เอ่ยคำถามนั้นขึ้นมาพร้อมกัน ดังนั้นทั้งสองคนจึงมีอาการสะดุ้งด้วยความประหลาดใจ

 

ต่อมาหยางซือเหมยจึงรีบก้มศีรษะลงด้วยรอยยิ้ม ขณะที่ชายหนุ่มเอ่ยถามว่า

 

“บอกฉันมาว่าทำไมเธอถึงมาที่นี่?”

 

“ถ้าอย่างนั้นบอกฉันมาก่อนว่าคุณชื่ออะไร”

 

“หลงจื่อเถียน?”

 

“เป็นชื่อที่ไพเราะมาก”หยางซือเหมยถอนหายใจด้วยความชื่นชมและกล่าวอีกว่า

 

“ฉันชื่อหยางซือเหมย เป็นไง! ชื่อของฉันเพราะมั๊ย?”

 

“หืม! ซือเหมย” หลงจื่อเถียนพยักหน้าเล็กน้อย

 

เมื่อเธอได้ยินเขาเรียกคำว่า ‘ซือเหมย’ ด้วยความโอนโยน ทันใดนั้นหยางซือเหมยก็รู้สึกราวกับว่าสายใยในหัวใจของเธอถูกดึงออกมาอย่างแผ่วเบาพร้อมกับมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นจึงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองเขา

 

ทำให้พบว่าเขากำลังจ้องมองมาที่ตนเองด้วยดวงตาเหยี่ยวอันแหลมคมและเป็นประกายคู่นั้นราวกับดวงดาวที่ส่องประกายอยู่ในหัวใจของเธอ

 

หยางซือเหมยจึงรีบหลบสายตาของเขาพร้อมกับดิ้นรนให้หลุดออกจากอ้อมแขนของผู้ชายคนนี้

 

“ฉันจะไปดูผู้หญิงคนนั้น เธอกำลังถูกความชั่วร้ายแทรกซึมเข้าไปในร่างกายเหมือนกับคุณในตอนนั้น”

 

“คุณรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?”

 

“ถ้าฉันไม่รู้แล้วตอนนั้นฉันจะช่วยคุณได้ยังไง?” หยางซือเหมยกลอกตาของตนเองอย่างหงุดหงิดแล้วเดินเข้าไปหามินกังทันทีขณะที่มินกังน้อยยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น และเมื่อเห็นเธอเดินมุ่งหน้ามาที่ตนเอง เด็กชายก็ร้องตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงดุร้ายและดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาที่แสนจะดื้อรั้น

 

“เธอต้องการอะไร?”

 

“ฉันอยากดูแม่ของเธอ!”หยางซือเหมยไม่ได้ใส่ใจมารยาทที่น่ารังเกียจของเด็กชายและเรียกให้หลงจื่อเถียนมาอุ้มเธอ

 

จากนั้นหลงจื่อเถียนก็เดินมาหาและก้มลงเพื่ออุ้มร่างของเธอขึ้นเพื่อที่เธอจะได้มองผ่านกระจกใสของห้องผู้ป่วยได้

 

ตอนนี้แม้ว่ามันจะมองผ่านหน้าต่างที่เป็นกระจกแต่หยางซือเหมยก็ยังสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความเยือกเย็นของความร้ายกาจที่หลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่องจนทำให้ร่างกายของเด็กหญิงตัวน้อยถึงกับเย็นยะเยือก

 

ต่อมาเธอได้ใช้พยายามอย่างหนักเพื่อค้นหาต้นตอของความร้ายกาจนี้ และในที่สุดสายตาของเธอก็เพ่งตรงไปยังสร้อยข้อมือหยกเลือดที่มารดามินกังสวมใส่อยู่

 

แม้ว่าสิ่งที่คนอื่นเห็นจะเป็นเพียงหยกที่มีความโปร่งใสเหมือนกับแก้วคริสตัลและมีสีแดงเหมือนเลือดสดซึ่งมีความงดงามมาก แต่สิ่งที่หยางซือเหมยสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนคือมันมีความลึกซึ้งมากกว่านั้นโดยเห็นว่ามีกลุ่มควันเบาบางสีดำกำลังแผ่ซ่านออกมาจากบริเวณข้อมือและโอบรอบตัวผู้หญิงคนนั้นเหมือนเถาวัลย์ส่งผลให้เกิดความชั่วร้ายปกคลุมไปทั่วร่างกาย

 

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันหยกเลือดส่วนใหญ่มีสองประเภท โดยหยกเลือดชนิดแรกหมายถึงผลิตภัณฑ์จากที่ราบสูงที่เต็มไปด้วยหิมะของทิเบตซึ่งเป็นหินหยกสีแดงชนิดหนึ่งที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหยกชั้นเลิศซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องสีแดงเข้ม

 

ส่วนหยกเลือดอีกประเภทหนึ่งนั้นเมื่อเห็นแล้วจะทำให้เกิดความรู้สึกที่น่ากลัว เนื่องจากมันไม่ได้หมายถึงหยกเพียงอย่างเดียว แต่มันเป็นการผสมผสานเลือดเข้าไปในเนื้อหยกด้วย และไม่ว่าหยกชิ้นนั้นจะเป็นหยกชนิดใดก็ตามตราบใดที่เลือดไหลซึมผ่านมันก็จะกลายเป็นหยกเลือด

 

โดยตำนานการก่อตัวของหยกเลือดนั้นมีความเกี่ยวข้องกับศพ ซึ่งในระหว่างการฝังศพของบุคคลนั้น คนที่ทำพิธีจะยัดหยกเข้าไปในปากของศพอย่างแรง และหากบุคคลนั้นเสียชีวิตไปได้ไม่นานหยกชิ้นนั้นก็จะหลุดลงไปในบริเวณลำคอตรงส่วนที่มีเลือดมากที่สุดและจะคงอยู่ที่นั่นนับเป็นพันปี

 

จากนั้นเลือดของคนตายก็จะไหลซึมไปหลอมรวมกันอย่างประณีตในส่วนลึกของเนื้อหยกทำให้มันกลายเป็นหยกสีเลือดที่สุกใส ซึ่งสิ่งนี้มักจะตกลงไปอยู่บริเวณใต้คอหอยของโครงกระดูกและมีค่ามากที่สุด ส่วนราคาของมันจะขึ้นอยู่กับคุณภาพโดยอย่างต่ำก็ประมาณสองพันเหรียญหรืออาจมีมูลค่าสูงถึงหลักล้าน

 

ด้วยเหตุนี้ธุรกิจการลอกเลียนแบบจึงใช้วิธีการที่คล้ายคลึงกันในการสร้างหยกเลือดโดยพวกเขาจะเอาหยกใส่ปากสุนัขและมัดปากให้แน่นหนา จากนั้นก็จะทุบตีสุนัขให้ตายแล้วฝังลงดิน ต่อมาเมื่อผ่านไปหลายสิบปีพวกเขาก็จะได้หยกเลือด

 

แต่มันไม่สำคัญว่าจะเป็นเลือดของมนุษย์หรือสุนัข เพราะเเน่นอนว่ามันยังคงมีจิตวิญญาณอยู่ แม้ว่ามนุษย์จะดีกว่าก็ตาม

 

อย่างไรก็ตามหยกเลือดสุนัขมีความขุ่นเคืองใจแฝงอยู่ภายในดังนั้นไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ สำหรับผู้สวมใส่ แต่ในปัจจุบันสาเหตุที่ตามท้องตลาดมีหยกเลือดจำนวนมากเป็นเพราะมีการย้อมสีเทียม จึงถือว่าหยกชนิดนี้ไม่ได้เป็นหยกเลือดเนื่องจากไม่มีลักษณะทางจิตวิญญาณ

 

ปัจจุบันมีหยกเลือดอีกประเภทหนึ่งที่ใช้หยกขาวจากซินเจียงที่มีคุณภาพสูงสุด ซึ่งการสอดมันเข้าไปในตัวของแกะวัยเจริญพันธุ์จะทำให้เลือดไหลซึมเข้าไปในหยกและสามารถดึงกลับมาได้หลังจากนั้นไม่กี่ปี โดยหยกชิ้นนี้มีราคาแพงมากและไม่ค่อยมีให้เห็นในท้องตลาด

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด