ท้าทายลิขิตสวรรค์ – ตอนที่15 ว่องไว

อ่านนิยายจีนเรื่อง ท้าทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 15 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่15 ว่องไว

 

ไม่น่าแปลกใจที่ทั้งครอบครัวของเธอไม่เจริญรุ่งเรืองเหมือนกับครอบครัวอื่น สิ่งนี้เป็นเพราะคุณปู่และคุณพ่อของเธอขาดพลังหยางมาโดยตลอดนั่นเอง อีกทั้งคุณยายและคุณแม่ก็มักจะบ่นว่าปวดเมื่อยตามร่างกายและปวดหัวเรื้อรัง ส่วนหยางจื่อซีน้องสาวคนเล็กของเธอจะมักจะร้องไห้งอแงกลางดึกอยู่เป็นประจำโดยไม่มีเหตุผล

 

สุดท้ายทุกอย่างก็มากระจ่างในตอนนี้ว่า ทั้งหมดเป็นเพราะที่อยู่อาศัยของครอบครัวมีความร้ายกาจของพลังหยิน

 

ความร้ายกาจของพลังหยินนี้มันมาจากไหน?

 

เธอมองไปที่อาจารย์ของตนเองอย่างว่างเปล่าและสบสน จากนั้นนักบวชหยูชิงก็พาเธอไปที่หลังบ้านของตัวเอง

 

บริเวณหลังบ้านนั้นมีบ่อปลาอยู่ โดยบ่อปลานี้เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่บ้านหยางเต๋อหมิงขุดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว

 

“บ่อนี้ตั้งอยู่ทางทิศใต้โดยหันหน้าไปทางทิศเหนือที่มีทั้งเครื่องปั่นไฟโดยใช้พลังจากน้ำ ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมแห่งการสั่นสะเทือนโชคลาภ เพราะเบื้องหลังหยดน้ำนั้นเป็นลางร้าย โดยมันจะส่งผลให้เกิดสิ่งชั่วร้ายด้วยการลดจำนวนลูกหลาน”

 

นักบวชหยูชิงกล่าวขณะที่จ้องมองไปยังบ่อปลานั้นพลางถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

 

“เดิมทีฮวงจุ้ยที่นี่ก็ไม่เลวนักแต่บ่อปลานี้มาทำลายโชคลาภ อีกทั้งยังมีต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาอยู่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งทำให้ครอบครัวของเจ้าถูกรุมเร้าด้วยโชคร้ายและภัยพิบัติจนถึงขั้นพังพินาศได้ในที่สุด “

 

เมื่อนึกถึงโศกนาฏกรรมของครอบครัวตนเองในชาติที่แล้วมันก็ยิ่งทำให้หัวใจของหยางซือเหมยสั่นสะท้านจึงรีบเอ่ยถามว่า

 

“อาจารย์คะ มีวิธีแก้ไขปัญหานี้หรือเปล่า?”

 

***

 

“อืม! วิธีที่ตรงจุดที่สุดคือ การถมบ่อปลานี้แล้วเอาต้นไม้ที่เหี่ยวแห้งทั้งหลายที่หน้าบ้าน ไปทิ้งเสียให้หมด เพราะต้นไม้ที่เหี่ยวแห้งเหล่านั้นส่งผลต่อสุขภาพของคนภายในบ้าน”

 

“แต่บ่อปลานั้นเป็นของผู้ใหญ่บ้าน แน่นอนว่าเขาต้องไม่เต็มใจแน่ที่จะถมมัน ดังนั้นเราคงจะต้องใช้วิธีป้องกันความร้ายกาจโดยการสร้างกำแพงดินกั้นระหว่างบ่อปลากับบ้านหลังนี้ เพราะสิ่งนี้จะช่วยขัดขวางความร้ายกาจที่อยู่ภายนอกได้

 

นอกจากนี้เราควรปลูกต้นไซเปรสเป็นแถวเพื่อปรับสมดุลของธาตุหยินหยาง”

 

“อาจารย์ช่วยบอกปู่ให้หน่อยได้ไหมคะ?”

 

เมื่อได้ยินว่ามีวิธีแก้ไขปัญหาเช่นนี้หยางจื่อเม่ยก็รู้สึกมีความสุขมากขณะที่เธอรีบจับแขนเสื้อของเขาและวิงวอน

 

นักบวชหยูชิงจึงเอื้อมมือไปตบหัวเธออย่างแผ่วเบาพลางกล่าวว่า

 

“ตามธรรมดาแล้วนักบวชไม่อาจปล่อยให้ศิษย์อันเป็นที่รักอาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีความร้ายกาจได้อยู่แล้ว”

 

“ขอบคุณค่ะท่านอาจารย์!”

 

และตอนนี้หยางซือเหมยเริ่มมีความรู้สึกว่า ชะตากรรมของเธอและครอบครัวจะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน ขณะที่อาจารย์ผู้ชรากล่าวว่า

 

“จากนี้ไปจงสืบทอดมรดกของอาจารย์ให้ดีและเผยแพร่ออกไปให้กว้างขวาง เพราะในไม่ช้าพระอภิธรรมที่แท้จริงจะหายไป”

 

นักบวชหยูชิงจ้องมองไปยังเด็กน้อยด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความรักและความคาดหวังพร้อมกับกล่าวว่า

 

“เจ้าต้องให้คนทั่วไปรู้ว่าอภิปรัชญาไม่ใช่แค่ความเชื่อเกี่ยวกับโชคลางเท่านั้น!”

 

“ค่ะ…”

 

หยางซือเหมยพยักหน้ารับคำทันที

 

หลังจากที่นักบวชหยูชิงกลับขึ้นเขาไปแล้ว หยางซือเหมยก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ในการอ่านได้ เพราะเธอต้องการประเมินสายตาเกี่ยวกับหลักวิชาฮวงจุ้ยของตนเองต่อไป

 

โดยการเดินวนไปรอบ ๆ หมู่บ้านเพื่อตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด แต่หลังจากสังเกตทุกครั้งเธอก็จะรู้สึกเวียนศีรษะและอ่อนเพลียขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ

 

ทันใดนั้นขณะที่เงยหน้าขึ้นเพื่อตรวจดูบ้านของคุณลุง เธอก็ได้ยินเสียงนกหวีดดังขึ้น จึงรีบขยับร่างอย่างรวดเร็วเพื่อต้องการที่จะหลบหนีไป

 

โป๊ก!

 

และสิ่งที่พุ่งเข้าหาเธอก็คือก้อนหินขนาดใหญ่เท่ากำปั้น แต่นับว่าโชคดีที่มันเฉียดศีรษะของเธอไปกระแทกกับต้นไม้ตรงหน้า

 

แต่ถ้าหินแบบนี้พุ่งไปโดนหัวคนเข้า แม้ว่าพวกเขาจะไม่ตายมันก็จะทำให้หัวแตกและเลือดไหลได้!

 

และเมื่อเธอหันกลับไปจึงเห็นว่า มันมาจากหยางซวงเจ้าเด็กตัวอ้วนผู้ซึ่งเป็นบุตรของผู้ใหญ่บ้านตัวแสบ

 

โดยตอนนี้เขาขว้างก้อนหินใส่หยางซือเหมยเหมือนต้องการกลั่นแกล้ง จากนั้นก็ก้มตัวลงหยิบก้อนหินอีกก้อนแล้วขว้างใส่เธออีกครั้ง

 

ขณะที่ความแข็งแกร่งทางด้านจิตวิญญาณของหยางซือเหมยนั้นมีพลังที่สูงและว่องไวอยู่พอสมควร เนื่องจากเธอได้ฝึกฝนทักษะการใช้พลังจิตมาเป็นเวลาครึ่งปีแล้ว ดังนั้นตามธรรมชาติแล้วเธอจะไม่โดนทำร้ายด้วยวิธีการเช่นนี้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้มันทำให้เธอรู้สึกโกรธมาก

 

เจ้าเด็กคนนี้ช่างน่ารังเกียจเสียเหลือเกิน และสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือมารดาของเขา

ที่ชื่อเหลียงหลูฮัวกำลังเฝ้าดูจากด้านข้างโดยไม่ห้ามบุตรชายของตัวเองสักคำ

 

“เจ้าหมูอ้วน! ทำแบบนี้ได้ยังไง รู้หรือเปล่าว่าถ้าขว้างมาโดนคนอาจทำให้ตายได้เลยนะ!”

 

ผู้เป็นมารดาก่นด่าอย่างโกรธแค้นว่า

 

“คนชั้นต่ำอย่างเธอกล้ามาด่าว่าลูกชายฉันเหรอ? คนอย่างเธอตายแล้วจะเป็นไง แม้ว่าเธอจะถูกทำร้ายจนตายก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่”

 

เหลียงหลูฮัวเอามือเท้าสะเอวอันอวบอ้วนตนเอง พลางตะโกนสั่งบุตรชายด้วยเสียงอันดังว่า

 

“ขว้างใส่มันต่อไป เดี๋ยวแม่รับผิดชอบเอง!”

 

เมื่อได้รับกำลังใจจากมารดา หยางซวงก็รีบเก็บก้อนหินและขว้างไปที่หยางซือเหมยทันทีขณะที่เด็กหญิงตัวน้อยรู้สึกโกรธมากจึงหยิบหินที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาขว้างเพื่อตอบโต้บ้าง

 

เธอเป็นคนที่บ่มเพาะพลังภายใน ความแม่นยำนั้นไม่สามารถเทียบได้กับคนทั่วไปและด้วยเสียงปิงมันโดนแขนของหยางซวง

 

ท่านใดนั้นหยางซวงก็ร้องไห้ออกมาดังลั่นพร้อมน้ำตาพลางกระทืบเท้าและลงไปนอนชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นทำให้เกิดเรื่องขึ้นในที่สุด

 

เมื่อเหลียงหลูฮัวเห็นว่าหยางซือเหมยกล้าที่จะขว้างก้อนหินกลับมาที่บุตรชายของตนเองจึงทำให้รู้สึกปวดใจและโกรธมากจนอยากจะบีบคอเด็กน้อยตาย จากนั้นเธอจึงเดินเข้าไปหาหยางซือเหมยและพยายามจับตัวเด็กผู้หญิงคนนี้

 

แต่มันคงจะไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะ หยางซือเหมยใช้เวลาครึ่งปีในการเดินป่าเพื่อขึ้นไปบนเขาและฝึกฝนพลังด้านจิตวิญญาณจนถึงจุดที่ว่าแข็งแกร่ง ทำให้อาจกล่าวได้เลยว่าความเร็วของเธอนั้นว่องไวเสียยิ่งกว่ากระต่ายป่า

 

อย่างไรก็ตามเมื่อเธอได้เดินทางไปดูหลุมศพบรรพบุรุษของตนเองในวันนี้ มันทำให้ ร่างกายของเธออ่อนล้าและแข้งขาก็ไม่ค่อยจะมีแรงสักเท่าไหร่ นอกจากนี้ความสูงของเธอก็ยังน้อยมาก อีกทั้งขาก็สั้น ทำให้เธอไม่สามารถวิ่งได้เร็วกว่าเหลียงหลูฮัว

 

ส่งผลให้ในท้ายที่สุดเธอก็ถูกรวบตัวเอาไว้ได้เหมือนนกอินทรีย์ที่ตะครุบลูกเจี๊ยบ โดยตอนนี้ร่างของเธอได้ถูกยกขึ้นจากพื้น

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด