ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 689-690

อ่านนิยายจีนเรื่อง Astral Pet Store ร้านขายอสูรดวงดาว ตอนที่ 689-690 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 689 กลับมา
  ที่ร้าน
  ถังยู่หรานทำความสะอาดห้องน้ำได้ห้านาทีโทรศัพท์ของเธอก็ดัง
  ตระกูลของเธอโทรมา “เป็นไง? ตำนานอินทรีรัตติกาลจะมาที่นี่ตอนไหน?”ถังยู่หรานถามคำถามออกไป
  “…” แต่คนโทรไม่พูดอะไรอยู่สองสามวินาที ในที่สุดชายชราคนหนึ่งก็พูดอย่างขมขื่นว่า “คุณหนู ตำนานอินทรีรัตติกาลบอกว่าเขาไม่ว่าง”
  ไม่ว่าง?ถังยู่หรานกลอกตา คุณไม่สามารถหาเวลาซื้อมาราชาอสูรร้ายสภาวะว่างเปล่าเนี่ยนะ “เขากำลังทำอะไรอยู่? เขาออกไปช่วยเหลือทวีปอื่นอยู่หรอ?”ถังยู่หรานถาม เธอจะเข้าใจและชื่นชมเขาถ้าเป็นเพราะเรื่องนี้ ยังไงซะ หากคนๆ นั้นเห็นคุณค่าของมนุษย์มากกว่าการได้อสูรตัวใหม่ นั่นก็หมายความว่าตระกูลถัง ไม่ได้ผูกมิตรกับคนผิด
  ”เอ่อ…”
  ผู้อาวุโสตระกูลถังไม่รู้ว่าจะบอกความจริงกับเธอดีหรือไม่
  “ลุงเจ็ด พูดมาตรงๆ”ถังยู่หรานขมวดคิ้ว เธอสั่งเหมือนผู้นำตระกูล
  ผู้อาวุโสตระกูลถังฝืนยิ้มขมขื่น “คุณหนู เขาไม่เชื่อเรา เขาคิดว่าเราแต่งเรื่องขึ้นมา เขามีข้ออ้าง และ… เขาเตือนเราว่าอย่าทำให้เขาขุ่นเคืองด้วยการประจบเขาแบบนี้ เขาบอกว่าเขาไม่มีเวลาสำหรับเรื่องนี้” นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย?
  ประจบ? ตระกูลถังไม่จำเป็นต้องประจบนักรบสภาวะสมุทร!
  เธอคงจะระมัดระวังมากขึ้นถ้าตำนานอินทรีรัตติกาลอยู่ที่สภาวะว่างเปล่า แต่ความจริงก็คือเขาอยู่ที่สภาวะสมุทร เท่านั้น อันที่จริงเธอได้เห็นแล้วว่ามีคนระดับเดียวกันถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาเธอ!
  เธอไม่ได้อยู่ในระดับตำนาน แต่จิตใจของเธออยู่แล้ว
  ช่วยไม่ได้แต่นั่นเพราะเธอทำงานให้กับคนบ้าอย่างซูผิง
  ในโลกจะมีใครอีกที่สามารถขายอสูรสภาวะว่างเปล่าจำนวนมากได้?
  เท่าที่ถังยู่หรานสามารถบอกได้ แม้แต่เจ้าแห่งหอคอย—ผู้นำโดยพฤตินัยของดาวเคราะห์สีน้ำเงิน- ก็ไม่มี… ความกล้าเช่นนี้!
  เธอไม่เคยพบกับเจ้าแห่งหอคอย แต่เธอแน่ใจ!
  “เขาไม่รู้จักฉันเหรอ? เขาไม่รู้ว่าฉันทำงานที่ไหนหรือไง?”ถังยู่หรานถาม
  เธอกลับไปช่วยตระกูลถัง และกวาดล้างสองตระกูลโบราณ ชนชั้นสูงทั้งหมดของเขตอนุทวีปทั้งหมดได้รู้จักชื่อของเธอหลังจากการต่อสู้ครั้งนั้น เธอไม่เคยปิดบังความจริงที่ว่าเธอทำงานให้กับซูผิง ทุกคนสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ เธอไม่เพียงแต่ทรงพลัง… สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอทำงานให้กับซูผิง!
  พวกเขาสามารถเพิกเฉยต่อตัวตนของเธอในฐานะผู้นำตระกูล แต่พวกเขาจะต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเธอทำงานให้กับซูผิง!
  แต่ตำนานอินทรีรัตติกาลยังคงคิดว่าตระกูลถังพยายามที่จะเอาใจเขา ถังยู่หรานโกรธมากจนหัวเราะออกมา หลังจากผลลัพธ์ที่ได้ทำให้เธอเข้าใจอะไรมากขึ้น เธอเลิกสนใจนักรบอสูรในตำนานคนนั้น
  “เขาไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำ และเขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับคุณซู…” ผู้อาวุโสตระกูลถังกล่าวด้วยเสียงต่ำ เขากลัวว่าจะมีใครบางคนได้ยินการสนทนาของพวกเขาผ่านทางโทรศัพท์ของถังยู่หราน
  สิ่งที่ถังยู่หรานทำในช่วงวิกฤตตระกูลถัง ทำให้ทุกคนตกตะลึง
  หลังจากนั้นตระกูลถังได้ทำการวิเคราะห์ และตระหนักว่าความสำเร็จของถังยู่หรานเกี่ยวข้องกับชายหนุ่มที่จับเธอไว้
  ตระกูลถังเก็บข้อมูลของชายหนุ่มคนนั้นไว้เป็นความลับ
  “บัดซบ…”ถังยู่หรานพูดหยาบคาย เขาไม่รู้ว่าฉันทำอะไร? ในที่สุดก็มีโอกาสได้แสดงฝีมือแต่ผู้ชายคนนั้นบอกเขาไม่รู้!
  เขาไม่รู้!
  ยุติธรรมตรงไหน!
  “เรากำลังให้โอกาสเขาพัฒนา และเขาไม่ต้องการสิ่งนั้น อืม งั้นเราก็จะหาคนอื่น ฉันจะถ่ายวิดีโอที่เราขายราชาอสูรแล้วคุณก็ส่งวิดีโอนั้นไปหาเขา ไม่ต้องพูดอะไรกับเขา มาดูกันว่าเขาจะรู้สึกยังไง!”ถังยู่หรานกัดฟันพูด
  “ตกลง ครับ…” ผู้อาวุโสของตระกูลถัง รู้สึกว่าผู้นำตระกูลของพวกเขาไม่ใช่สาวงามอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป เธอกำลังปลดปล่อยตัวเอง…
  นั่นต้องเป็นเพราะร้านที่เธอทำงานอยู่…
  ซูผิงได้ยินการสนทนานี้ ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สนใจ อินทรีรัตติกาลแค่เสียโอกาส เขาไม่ได้มีปัญหาในการหาลูกค้า
  บี๊บ…
  ทันใดนั้น โทรศัพท์ของซูผิงก็ดังขึ้น
  ซูผิงจำหมายเลขได้ “คุณหลี่?”
  “อย่าเรียกผมว่าคุณหลี่ ผมไม่ชอบแบบนั้น เราเป็นพี่น้องกัน จำไม่ได้หรอ?” หลี่หยวนเฟิงหัวเราะ
  ซูผิงยิ้ม “ในที่สุดคุณก็ออกมาแล้วหรอ?”
  หลี่หยวนเฟิงไม่สามารถติดต่อเขาได้ทางโทรศัพท์ หากพวกเขายังอยู่ในถ้ำลึก
  “ใช่ พวกเราทุกคนเดินทางออกมากันแล้ว” ดูเหมือนลมจะพัดแรงตรงที่หลี่หยวนเฟิงอยู่ แต่เสียงของเขาชัดเจน
  “เราถามถึงคุณทันทีที่ออกมา คุณเจ๋งมาก ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณหนีออกมาจากทางเดินได้อีกครั้ง ผมไม่คิดว่าพวกเราในห้าทุ่งจะทำแบบนั้นได้”
  ซูผิงตอบว่า “ผมโชคดี มันจะไม่ง่ายถ้าอสูรร้ายไม่ได้ออกไปจากทางเดินแล้ว”
  “พวกมันไม่อยู่ที่นั่นหรอตอนคุณเข้าไป? ให้ตาย ไอ้พวกนี้มีแผนและผมรู้แล้ว เราเกือบจะติดอยู่ในนั้นแล้ว และเราไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นข้างบนเลย!”หลี่หยวนเฟิงเผลอสบถ
  จากนั้นเขาก็นึกถึงคำถามอื่น “คุณเข้าไปลึกที่สุดมาแล้วหรอ?”
  ”ใช่” ซูผิงบอกหลี่หยวนเฟิงเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เขาเห็น รวมถึงค่ายกล
  คำอธิบายของเขาได้รับตอบกลับเพียงความเงียบ
  จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหอบหลังจากผ่านไปหลายสิบวินาที
  “มีราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมแปดตัวอยู่ในนั้น? มีอีกมากที่ออกมาแล้ว มีอสูรร้ายกี่ตัวที่สามารถไปถึงสภาวะชะตากรรมภายในถ้ำในหลายปีที่ผ่านมานี้…
  “ตอนนี้เราควรทำยังไง?”
  “งั้นเราก็แค่ต้องออกไปเผชิญกับหายนะหรอ?”
  “ฟังนะ น้องซูสามารถซ่อนตัวเองได้ยังไงในเมื่อมีราชาอสูรสภาวะชะตากรรมมากมายอยู่ข้างใน?”
  “นั่นเป็นคำถามที่ดี” ซูผิงจำเสียงที่คุ้นเคยเหล่านั้นได้ “พวกคุณอยู่ด้วยกันตลอดเลยเหรอ?”
  หลี่หยวนเฟิงกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง “ใช่ เรากำลังมุ่งหน้าไปยังบ้านเกิดของคุณ เราน่าจะถึงในไม่ช้า เราได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นเราจะไปที่นั่นเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนกับคุณ เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
  ”ตกลง”
  ซูผิงตกลงและถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาดีใจที่หลี่หยวนเฟิงและคนอื่นๆ ออกมาในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ ความช่วยเหลือของพวกเขาจะช่วยคลายความเครียดในการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง และซูผิงก็สามารถหาเจ้าของให้กับอสูรที่เหลือของเขาได้
  “เพื่อนฉันกำลังมา บอกตระกูลของเธอว่าไม่ต้องหาใครอีกแล้ว” ซูผิงบอกถังยู่หราน
  ถังยู่หรานก็ได้ยินบทสนทนาเช่นกัน และเธอรู้จักหลี่หยวนเฟิง นักรบอสูรในตำนานผู้อาวุโสที่อาศัยอยู่ภายในถ้ำลึกมาเป็นเวลานาน เธอเคยดูแลตระกูลของหลี่หยวนเฟิงมาระยะหนึ่ง “ไม่มีปัญหา”
  ถังยู่หรานโทรหาตระกูลของเธอทันที
  หากตำนานอินทรีรัตติกาลมาที่นี่ และซื้ออสูรเหล่านี้ เขาจะขอบคุณตระกูลถัง และตระกูลถังจะได้มิตรภาพที่ดี อย่างไรก็ตาม ตำนานอินทรีรัตติกาลตาบอดเกินกว่าจะสังเกตเห็น ไม่มีอะไรที่เธอสามารถทำได้เกี่ยวกับเรื่องนี้
  ตราบใดที่ฉันยังอยู่ที่นี่ ฉันจะเป็นสมอเรือของตระกูลตลอดไป… เธอพูดกับตัวเอง
  หลายคนเข้ามาในร้านหลังจากที่ซูผิงวางสาย
  ซูผิงคิดว่าเป็นหลี่หยวนเฟิง เขาประหลาดใจเพราะพวกเขามาถึงในชั่วพริบตา แต่แล้วเขาก็สังเกตเห็นว่าเป็นกลุ่มของนักรบอสูรกิตติมศักดิ์
  เดี๋ยว อะไร??
  ซูผิงอยากรู้ เขาออกไปข้างนอก
  เหล่านักรบอสูรหลายสิบคนมาที่ร้าน พวกเขายืนอยู่ที่ประตู บรรดานักรบอสูรตระกูลฉินซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนต่างตกใจ พวกเขารีบออกมาดู
  ”นั่นคืออะไร?”
  “คุณซูเรียกพวกเขามาหรอ?”
  “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณซูรู้จักนักรบอสูรกิตติมศักดิ์มากมายขนาดนี้…”
  ”ฉันว่าเป็นไปได้ เพราะคุณซูขายราชาอสูรร้าย แต่ทำไมมีหลายคนมาที่นี่? อสูรป่ากำลังมา?”
  บรรดานักรบอสูรของตระกูลหลิวและตระกูลโจวก็อยู่ข้างนอกและเฝ้าสังเกตสถานการณ์เช่นกัน
  “ที่นี่แหละ”
  ”ที่นี่?”
  บรรดานักรบอสูรกิตติมศักดิ์สังเกตเห็นผู้คนจากตระกูลฉิน หลิว และโจว พวกเขาประหลาดใจที่พบว่ามีนักรบกิตติมศักดิ์มากมายอาศัยอยู่บนถนนที่ดูทรุดโทรดนี่
  คนเหล่านั้นเป็นนักรบกิตติมศักดิ์ในท้องถิ่น
  “เราซื้ออาหารอสูรของเราที่นี่ เราถามคนแถวนี้ และทุกคนต่างพากันบอกว่านี่คือร้านขายอสูรที่ดีที่สุดในเมืองฐานหลงเจียง เข้าไปดูเลยครับ คุณจะพบว่ามีราชาอสูรขายอยู่…” ชายวัยกลางคนที่มาร้านของซูผิงพูดกับชายชราที่สวมต่างหูมรกต
  ชายชราอยู่ที่ระดับกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุด เขามีทรัพยากรและเส้นสายที่ดี ครั้งหนึ่งเขาได้ต่อสู้กับคนอื่น ๆ อีกห้าคนที่ระดับกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุดแล้วเขาชนะ
  มีการทะเลาะวิวาทที่เปิดเผยและซ่อนเร้นมากมาย และชายชราคนนี้ก็เอาชนะคู่แข่งของเขาได้อย่างง่ายดาย ในที่สุดก็กลายเป็นผู้นำ
  “ราชาอสูร? จริงหรอ? ฉันได้ยินมาว่าหลงเจียงมีนักรบอสูรในตำนาน แท้จริงแล้วเขาเป็นเจ้าของร้านนี้หรืเปล่า?
  “ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาอาจจะนำอสูรของเขามาที่นี่เพื่อเป็นการตลาดได้ “ยังไงก็ลองดูกันเถอะ”
  พวกเขาทั้งหมดอยากรู้
  พวกเขาเพิ่งมาใหม่ในเมืองฐานหลงเจียง แต่พวกเขาเข้าใจว่าสถานที่นี้อยู่ในเขตเมืองทรุดโทรม และถึงกระนั้นถนนก็ไม่ได้ซ่อมซ่อขนาดนั้น
  ไม่มีนักรบกิตติมศักดิ์ในท้องถิ่นคนใดอยากอยู่ในพื้นที่เมืองทรุดโทรมโดยเปล่าประโยชน์
  “ดูสิ หนูสายฟ้าอ้วนขนาดนั้นได้ยังไง”
  “หนูสายฟ้า? ฉันไม่คิดอย่างนั้น พลังงานภายในของมันลึกซึ้งเกินไป”
  มีคนสังเกตเห็นหนูสายฟ้าที่อยู่ใต้รูปปั้น ดูเหมือนหนูสายฟ้า แต่พวกเขาบอกได้ว่ามันอยู่ในระดับหก ซึ่งแปลกมาก
  “เรามีลูกค้า ไปเถอะ” ซูผิงเห็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์สี่คนที่เคยมาที่ร้าน และเข้าใจจุดประสงค์ของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
  ถังยู่หรานรู้สึกประหลาดใจ ร้านปิดไปหลายวัน ทำไมหลายคนถึงตัดสินใจมาที่นี่ตอนกลางดึก?
  แต่เธอก็เข้าใจเมื่อเห็นสี่คนนั้น เธอหน้ามุ่ย เธอพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้พวกเขาอยู่ แต่พวกเขาก็ยืนกรานที่จะกลับไป จากนั้นพวกเขาก็รู้ว่าร้านนี้ดีแค่ไหน และกลับมาอีกครั้ง แต่เธอก็ถูกลงโทษอยู่ดี
  แม้ว่าจะไม่พอใจ แต่เธอก็ยังจำสิ่งที่ซูผิงบอกกับเธอได้ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และปรับความคิด เนื่องจากเธออยู่ที่นี่ เธอต้องทำงานของเธอให้ดี
  “สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับ”ถังยู่หรานฉายรอยยิ้มปลอมอย่างมืออาชีพ
  มันเป็นรอยยิ้มจอมปลอม แต่มันก็เป็นรอยยิ้มบนใบหน้าของสาวสวยอยู่ดี แม้แต่รอยยิ้มจอมปลอมก็น่าพอใจ เหล่านักรบกิตติมศักดิ์รู้สึกประหลาดใจที่สังเกตเห็นว่าถังยู่หรานอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์
  หลายคนในฝูงชนดูเหมือนจะมึนงงกว่าคนอื่นๆ
  นั่นคือ… เธอ
  คนเหล่านี้ตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อพวกเขาจ้องไปที่รอยยิ้มสวยบนใบหน้าของเธอ พวกเขาไม่มีวันลืมผู้หญิงคนนี้ เธอเป็นหญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยทำลายตระกูลโบราณเงียบๆ ฆ่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์มากกว่าใครจะจินตนาการได้!
ตอนที่ 690 ทดสอบ
  “คุณ… คุณต้องเป็นผู้นำตระกูลถังคนปัจจุบันใช่ไหมครับ?” ชายชราสวมต่างหูมรกตก้าวมาข้างหน้าจากฝูงชนที่ตกตะลึง
  เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเห็นหญิงสาวที่ดุร้ายจากตระกูลถังที่นี่!
  แล้ว…
  ทำไมเธอถึงเป็นคนมาทักทาย?
  ว้าว เขารู้จักฉัน…ถังยู่หรานเลิกคิ้วขึ้น เธอยิ้มเยาะอีกครั้ง ดูเหมือนว่าวีรกรรมของเธอตอนเธอไปช่วยตระกูลถังได้สร้างความประทับใจให้กับผู้คนมากมาย เธอมีชื่อเสียงไปทั่วเขตอนุทวีปอย่างแน่นอน
  เธอกระแอมและตอบว่า “ที่นี่ไม่มีผู้นำตระกูลถัง มีแค่ผู้หญิงที่ทำงาน คุณสามารถเข้ามาดูในร้านเพื่อซื้อของหรือรับบริการได้ แต่ได้โปรดอย่ารวมตัวกันแบบนี้ถ้าคุณไม่ได้มาในฐานะลูกค้า”
  ผู้หญิงที่ทำงาน … ผู้ชมต่างพูดไม่ออก
  ผู้นำตระกูล—ตระกูลโบราณที่ใหญ่ที่สุดของเขตอนุทวีปกำลังเรียกตัวเองว่าผู้หญิงที่ทำงาน … คุณดูถูกชนชั้นแรงงาน!
  ชายชราที่สวมต่างหูมรกตตอบหลังจากลังเลเล็กน้อยว่า “เรามาที่นี่เพื่อซื้ออาหารอสูรจริงๆ” เขาสงสัยว่าผู้นำคนใหม่ของตระกูลถังอาจไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าเธอทำงานอยู่ที่นี่ เธอต้องมีภารกิจลับบางอย่าง จากนั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะเงียบจะได้ไม่เผลอทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
  ท้ายที่สุด ตระกูลถังได้กลายเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในทวีปหลังจากได้รับทรัพยากรของอีกสองตระกูล พวกเขามีนักรบอสูรกิตติมศักดิ์อย่างน้อยหนึ่งร้อยคน รวมทั้งยังมีถังยู่หราน ไม่มีใครกล้ารุกรานตระกูลถัง
  ”เชิญค่ะ”ถังยู่หรานพยักหน้า
  ชายชราที่สวมต่างหูพยักหน้า เขากำลังจะเดินขึ้นบันไดพร้อมกับฝูงชนที่มากับเขา และได้ยินเสียงดังใกล้เข้ามา
  พวกเขาสามารถบอกได้ว่ามีคนมากกว่าสิบสองคนกำลังมา
  พวกเขาหันกลับไปมอง และเห็นคนนับสิบคนเข้ามาใกล้ในทันที
  หวืด!
  หนึ่งในนั้นหายไปในอากาศแล้วปรากฏขึ้นอีกครั้งเหนือฝูงชน “น้องซู พวกเรามาแล้ว!” เขาหัวเราะอย่างเต็มที่
  “พี่หลี่”
  ซูผิงออกมาจากร้าน
  นอกจากหลี่หยวนเฟิงแล้ว เขาเห็นหัวหน้าเย่อู่ซิว ชายชราที่พวกเขาเรียกว่าโม่ และชายคนหนึ่งจากตระกูลหาน
  ทั้งสี่คนรู้จักกันจากทุ่งน้ำแข็ง และนักรบอสูรในตำนานคนอื่น ๆ ปกป้องทุ่งอื่น ๆ เขาได้พบพวกเขาในครั้งที่สองที่เขาไปที่ถ้ำลึก
  “คุณอยู่ที่นี่กันหมดเลย!” ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ
  “ใช่ ผมลากทุกคนมา เราได้ยินเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น หอคอยน่าผิดหวัง… ผมได้ยินมาว่าทั้งทวีปล่มสลาย…”หลี่หยวนเฟิงหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาดึงหน้านิ่งในวินาทีถัดมา ทวีปถูกทำลาย เสียชีวิตไปกี่ราย!
  เขานึกไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ!
  ซูผิงรู้ว่าข้อมูลของพวกเขายังไม่อัปเดท เนื่องจากมีทวีปที่สองที่ล่มสลายไปแล้วด้วย
  ดังนั้นเขาจึงสามารถประมาณเวลาที่นักรบอสูรในตำนานออกจากถ้ำลึกได้
  ขณะที่หลี่หยวนเฟิงกำลังคุยกับซูผิง นักรบกิตติมศักดิ์หลายคนก็จ้องมองพวกเขาด้วยความสับสน
  พวกเขาตระหนักว่าพวกเขาไม่เคยเห็นคนนี้มาก่อน
  หอคอย? น่าผิดหวัง?
  คำพูดเหล่านี้ไม่สมเหตุสมผล ทำไมนักรบ… พูดถึงหอคอยแบบนี้? พวกเขาจำได้ว่าพวกเขาเคลื่อนย้าย มีเพียงนักรบอสูรในตำนานเท่านั้นที่ทำได้ แถมยังมีเพียงสัตว์ประหลาดบางตัวเท่านั้นที่จะเชี่ยวชาญทักษะนี้ได้!
  ชายคนนี้เป็นนักรบอสูรในตำนานหรือ!
  ผู้อาวุโสตระกูฉิน หลิว และโจวก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก เนื่องจากพวกเขารู้ว่าฉินตู้หวงอยู่ในระดับตำนาน พวกเขาจึงสังเกตเห็นทันทีว่าผู้มาใหม่มีระดับใกล้เคียงกัน!
  บางคนมีพลังมากกว่าฉินตู้หวงถึงสิบเท่าหรือร้อยเท่า!
  น่ากลัวมาก!
  คุณซูสามารถรวบรวมนักรบอสูรในตำนานมากมายขนาดนี้ได้ยังไง!
  เขาเป็นเหมือนเจ้าแห่งหอคอยคนที่สอง!
  “น้องซู ผมได้ยินมาว่าคุณสามารถฆ่านักรบสภาวะว่างเปล่าได้” ชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีดำที่ก้าวมาจากด้านหลังหลี่หยวนเฟิงกล่าว แววตาของเขาเย็นชาและแน่วแน่ นั่นเป็นเพราะการต่อสู้ยืดเยื้อที่เขาเคยประสบมา แค่ยืนอยู่เฉยๆก็คุกคามมากพอแล้ว
  ซูผิงไม่รู้สึกขุ่นเคืองกับคำพูดท้าทายนี่ เขาตอบด้วยรอยยิ้มว่า “พี่หลี่บอกคุณแล้วใช่ไหม? เขามักจะพูดเรื่องมหัศจรรย์เกี่ยวกับผม อย่าเอาจริงเอาจังมากเลย แต่…”
  รอยยิ้มของเขาหายไป “ที่เขาพูดคือความจริง”
  เขาจะเจียมตัวเมื่อจำเป็นเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเขาจะถูกมองว่าเป็นคนโง่
  หลี่หยวนเฟิงได้รวมกลุ่มนี้เข้าด้วยกันเพื่อต่อสู้กับอสูรป่า
  ”จริงหรอ?”
  นักรบในตำนานที่ลอยอยู่ในอากาศต่างก็เบิกตากว้าง เช่นเดียวกับนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่อยู่บนพื้นดิน
  ทั้งสี่คนที่กลับมาต่างตะลึงงัน นี่มันอะไรเนี่ย! ความเย่อหยิ่งระดับนี้สามารถฆ่าคุณได้!
  “อย่างนั้นหรอ?”
  ชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีดำหรี่ตาลง พวกเขาเต็มใจที่จะเดินทางมากับหลี่หยวนเฟิง เพื่อพบกับคนที่ชื่อ “น้องซู” ประการหนึ่งหลี่หยวนเฟิงได้แนะนำซูผิงด้วยความหลงใหล อย่างอื่นคือพวกเขาผิดหวังกับหอคอยเมื่อพบสิ่งที่เกิดขึ้นเหนือพื้นดิน
  หลี่หยวนเฟิงได้บอกสิ่งเลวร้ายเกี่ยวกับหอคอยหลังจากเดินทางออกมาจากถ้ำลึก สั้น ๆ ความประทับใจของพวกเขาเกี่ยวกับหอคอยแย่ลงหลังจากนั้น ความจริงก็คือทวีปเหนือถูกทำลาย นั่นคือเหตุผลที่พวกเขายินดีที่จะมาพบกับซูผิง เนื่องจากหลี่หยวนเฟิงยกย่องเขาอยู่ตลอดเวลา
  บางคนเคยเห็นซูผิงในโถงทางเดิน ในตอนนี้พวกเขาจะเชื่อว่าซูผิงมีความสามารถบางอย่างเนื่องจากเขาสามารถออกจากทางเดินได้ถึงสองครั้ง
  ซูผิงไม่ตอบ เขาจ้องมองชายวัยกลางคนอย่างสงบ และมั่นใจ
  ชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีดำจ้องมองซูผิง เขาไม่ได้ถูกคุกคามเหมือนคนอื่นๆ “ถ้าเป็นแบบนี้ ทำไมถึงไม่สู้กันแบบตัวต่อตัวล่ะน้องซู? ถ้าคุณรับได้ ผมจะเชื่อคุณอย่างจริงใจ ผมยินดีที่จะทำงานร่วมกับคุณ และพูดคุยเกี่ยวกับการต่อสู้กับอสูรป่า!”
  หลี่หยวนเฟิงไม่ได้พูดอะไร เขาเข้าใจว่าคำพูดของเขาจะไร้ประโยชน์ สิ่งที่เขาพูดจะถูกมองว่าไม่สำคัญ การเห็นกับตาเท่านั้นถึงทำให้เชื่อ
  ซูผิงต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
  เขาเคยเห็นซูผิงต่อสู้ เขารู้ว่าซูผิงทำได้!
  อีกสามคนที่รู้จักซูผิงไม่ได้แสดงความคิดเห็นเช่นกัน ซูผิงต้องเอาชนะด้วยตัวเขาเอง พวกเขายังสนใจที่จะค้นหาว่าซูผิงจะทำอะไรได้บ้าง
  “ไม่มีปัญหา” ซูผิงกล่าวอย่างใจเย็น
  เขาสมควรได้รับความเคารพ
  ”ตกลง”
  ชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีดำสงบนิ่ง “ทุกท่าน โปรดสร้างม่านพลังให้เราด้วย”
  “แน่นอน”
  “ ระวังด้วย เขาเป็นเพื่อนของพี่หลี่”
  นักรบอสูรในตำนานสองคนก้าวมาข้างหน้า
  แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้ตั้งใจแสดงพลังออกมา แต่การปรากฏตัวของพวกเขาเพียงอย่างเดียวก็มากพอ นั่นเป็นเพราะประสบการณ์ของพวกเขาในถ้ำลึก
  นักรบอสูรในตำนานกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “โปรดหาที่ว่างให้เราด้วย”
  นักรบกิตติมศักดิ์ที่สวมต่างหูมรกตและคนอื่นๆ รู้สึกว่าพวกเขาถูกยกขึ้นจากพื้นก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาทั้งหมดตะลึงเมื่อเห็นสิ่งต่างๆ อีกครั้ง
  พวกเขากำลังยืนอยู่นอกร้าน อยู่ห่างออกไปกว่าสิบเมตร!
  พวกเขาทั้งหมดถูกเคลื่อนย้าย!
  มันเกิดขึ้นเร็วมาก!
  เมื่อกี้นี้คืออะไร?
  เหล่านักรบกิตติมศักดิ์จ้องมองไปยังผู้ที่ยืนอยู่ในอากาศ พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังยืนอยู่ใกล้กับราชาอสูรร้ายมากกว่าสิบสองตัว
  พวกเขาทั้งหมด… อยู่ในระดับตำนานหรอ?
  นั่นเป็นความคิดที่บ้ามากๆ
  ผู้หญิงระดับตำนานพูดอย่างเฉยเมย “เริ่มกันเถอะ!” ชายชราปลดปล่อยพลังดวงดาวของเขาอย่างเต็มกำลัง ม่านพลังก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในอากาศ
  “ระบบ อย่าแทรกแซง” ซูผิงพูดกับระบบ
  คนเหล่านี้ยืนอยู่ภายในร้าน เขากังวลว่าระบบจะพยายามปกป้องร้านโดยอัตโนมัติ ทำลายชายวัยกลางคนคนนั้นโดยตรง
  เขาจะต้องเปลี่ยนสถานที่
  “อย่ากังวล เขาอ่อนแอกว่านาย และเขาไม่ได้มีอันตรายใด ๆ กับนาย นายพร้อมอยู่แล้ว ฉันจะไม่เข้าไปยุ่ง” ระบบตอบ
  ซูผิงพยักหน้า
  “ไม่เรียกอสูณออกมาเหรอ?” ชายวัยกลางคนถาม ซูผิงส่ายหัว “ไม่”
  มีความมั่นใจ ชายวัยกลางคนกล่าวว่า “ผมก็จะไม่เรียกอสูรเช่นกันแต่ผมต้องบอกเรื่องนี้ ผมอยู่ในสภาวะว่างเปล่าระยะหลัง และอยู่ห่างจากสภาวะชะตากรรมเพียงก้าวเดียว ความแข็งแกร่งที่ผมจะใช้อยู่ที่สภาวะว่างเปล่าระยะกลาง”
  ว้าว… รายละเอียด นายเตือนฉันเหรอ
  ซูผิงรู้สึกอายเล็กน้อย แต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจ “ผมแนะนำให้คุณใช้พลังทั้งหมดของคุณ เพราะคุณกำลังจะทดสอบความแข็งแกร่งของผม ไม่ต้องกังวล ผมรับได้” ชายวัยกลางคนมองไปที่หลี่หยวนเฟิง
  หลี่หยวนเฟิงไม่ได้พูดอะไรหลังจากลังเลอยู่บ้าง ซูผิงเป็นคนพาเขาออกมาจากถ้ำลึก และเขาไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร
  ชายวัยกลางคนยิ้ม เนื่องจากหลี่หยวนเฟิงไม่ได้คัดค้าน “ดี ผมจะทำแบบนั้น”
  “ตกลง” ซูผิงตอบด้วยรอยยิ้ม หญิงและชายชราที่ผนึกม่านพลังมองหน้ากันอย่างแปลกใจ พวกเขาถามเย่อู่ซิวที่ยังคงเงียบอยู่พักหนึ่ง “เฮ้ นายกำลังทำอะไรอยู่ตรงนั่น? มาช่วยเรา หรืออยากเห็นอัศวินดำคลั่งทำลายฐานเมือง?”
  บรรดานักรบอสูรกิตติมศักดิ์ไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเพิ่งได้ยิน
  ทำลายฐานเมือง? พลังงานจะต้องแข็งแกร่งขนาดไหน? พวกเขากลั้นหายใจ เย่อู่ซิวกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เขาก้าวไปข้างหน้าและใส่ พลังดวงดาวลงในม่านพลัง
  ในขณะที่เย่อู่ซิวกำลังใส่พลังดวงดาว ชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีดำได้เริ่มปลดปล่อยพลังดวงดาวของเขาเอง อากาศหมุนรอบตัวเขาและนั่นเป็นเพราะรังสีที่เกิดจากการบ่มเพาะของเขา เขาได้รวมกฎมิติกับพลังดวงดาวซึ่งสามารถรบกวนมิติด้วยวิธีที่ไม่รู้จัก
  เฉพาะผู้ที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับมิติเท่านั้นที่สามารถทำแบบนี้ได้
  ซูผิงยืนอยู่ข้างประตูและมองด้วยมือที่ประสานไว้ด้านหลัง
  พลังดวงดาวของเขาบริสุทธิ์และควบแน่นหลังจากผ่านบททดสอบสวรรค์ พลังดวงดาวของเขาดีกว่าพลังของนักรบอสูรในตำนานคนอื่น!
  พลังดวงดาวนั้นจะเบาบางเมื่อพวกมันบริสุทธิ์ ดังนั้นเขาจึงสามารถปลดปล่อยได้เร็วกว่านักรบทั่วไป หากคนอื่นต้องใช้เวลาสามวินาทีในการเตรียมทักษะ เขาจะใช้เวลาเพียง 0.3 วินาทีเท่านั้น!
  บูม_!
  ทันใดนั้นสายฟ้าก็ปรากฏขึ้น พวกมันโผล่ออกมาจากชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีดำ ผมทั้งหมดของเขาชี้ตั้งขึ้น
  เขาชักดาบออกมา
  แสงจากดาบนั้นสว่างมากจนนักรบกิตติมศักดิ์รู้สึกว่าดวงตาของพวกเขาลุกเป็นไฟ พวกเขาต้องหลับตา
  อย่างไรก็ตาม พวกเขาอยากเห็นการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้น พวกเขาใช้พลังดวงดาวเพื่อรักษาดวงตาของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาลืมตาได้ สายฟ้าและพลังดวงดาวมาบรรจบกันที่ดาบ ชายวัยกลางคนกะพริบตา เขาจ้องไปที่ซูผิงที่ยังคงนิ่ง นิ่งจนดูเหมือนเขาจะยอมแพ้
  “ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขากำลังทำแบบนี้” ชายชราตระหนักว่าเรื่องนี้ร้ายแรงกว่าที่คาดไว้ อัศวินดำคลั่งใช้กระบวนท่าที่เก่งสุดของเขา เขาได้เรียนรู้ทักษะนั้นในอาณาจักรลับบางแห่ง และรวมเข้ากับทักษะสายฟ้าที่เขาเชี่ยวชาญ
  “ไปเลย!”
  ชายวัยกลางคนตะโกนและถือดาบของเขา สายฟ้าจำนวนมากรอบๆ ดาบพุ่งไปข้างหน้า และรังสีดาบก็ระเบิดออกไป!
  ซูผิงเองก็ลงมือทันทีที่ชายวัยกลางคนสะบัดดาบของเขา แสงสีทองส่องสว่างในดวงตาเขา ซูผิงใช้พลังเทพ แข็งแกร่งและบริสุทธิ์ เขากำลังกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับพระเจ้า!
  วินาทีถัดมา เขาก็ระดมพลังดวงดาวของเขาไว้ที่หมัด

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด