The Man from Hell – TMFH ตอนที่ 35 : ฉันจะกระดกขวดนี้ พวกนายจะเอาไงก็ตามสบายนะ!
ไม่นานหลังจากที่เย่เฟิงและสวี่เฟยจับมือกัน พวกเขาก็ปล่อยมือจากกันอย่างรวดเร็ว!
เมื่อดูอย่างนี้เสี่ยวเหมย เจิ้งเฉิงบินและจางลู่ก็ตกตะลึง
“เอ๊ะ…เกิดอะไรขึ้นทำไมพวกเขาถึงปล่อยมือกันเร็วแบบนั้น”
“นั่นมันแค่ 1 วินาที! เฟยหักมือของชายคนนั้นสำเร็จใน 1 วินาทีเหรอ?”
หลังจากส่งตายตาขอความเห็นซึ่งกันและกัน เสี่ยวเหมยและเจิ้งเฉิงบินได้แบ่งปันความคิดเห็นแบบเดียวกัน จากนั้นพวกเขาทั้งคู่เปิดเผยรอยยิ้มเยาะออกมา
แต่จากนั้นจางลู่ก็ค้านความเห็นของพวกเขาในทันทีและพูดว่า “มีบางอย่างผิดปกติ!”
‘หืมม?’
เสี่ยวเหมยและเจิ้งเฉิงบินชะงัก พวกเขาต่างมองจางลู่ด้วยความสับสน
จางลู่นึกย้อนกลับไปในขณะที่เขาบอกเสี่ยวเหมยและเจิ้งเฉิงบิน “ตามกฎของเฟยแล้ว เขาจะไม่ยอมปล่อยมือไอ้หมอนั้นแน่! แต่ดูดี ๆ แล้วพวกเขาหลังจากจับมือกัน สีหน้าของไอ้หมอนั่นยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเลย แต่เฟย…”
หลังจากได้ยินอย่างนั้นเสี่ยวเหมยและเจิ้งเฉิงบินรีบจับจ้องไปที่สวี่เฟย
พวกเขาพบว่าใบหน้าที่หล่อเหลาของสวี่เฟยนั้นเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว ขณะที่หน้าผากของเขามีเหงื่อผุดออกมาจำนวนมาก นอกจากนั้นฝ่ามือของเขาก็กำลังสั่นอยู่เล็กน้อย ขณะที่เขากำลังมองเย่เฟิงด้วยความตกใจกลัวราวกับว่าเย่เฟิงนั้นเป็นผี
เมื่อเห็นเช่นนั้น เสี่ยวเหมย เจิ้งเฉิงบินและจางลู่ก็ตกใจ
“เขาพลาด! ดูเหมือนว่าเฟยจะล้มเหลว!”
“เป็นไปไม่ได้! เฟยเป็นนักเทควันโดที่เก่งมาก เขาคงไม่แพ้ไอ้หมอนี่แน่!”
จากนั้นพวกเขาเห็นเสี่ยวเฟยหันกลับมาอย่างช้า ๆ และเริ่มเดินมาทางพวกเขา
ในแต่ละก้าวที่เขาเดินตรงไป เหงื่อของเขาไหลจากหน้าผากมาเรื่อย ๆ ขณะที่ความเจ็บปวดที่คมชัดในฝ่ามือของเขานั้นทำให้ตัวเขาสั่นเล็กน้อย
“จางลู่ รีบออกไปข้างนอกกับฉัน มือของฉันอาจจะหักก็ได้!”
สวี่เฟยกระซิบด้วยท่าทางน่ากลัวเมื่อเดินเข้ามาถึงพวกเขา
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา เสี่ยวเหมย เจิ้งเฉิงบินและจางลู่ก็หน้าซีดลงอย่างมาก
ก่อนหน้านี้พวกเขาคาดเดาว่าสวี่เฟยจะหักมือของเย่เฟิงได้ภายในไม่กี่วินาที
แต่พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าฝ่ามือของสวี่เฟยจะหักได้ภายใน 1 วินาที!
“นั่นมัน…เป็นไปไม่ได้!
ทั้งสามตระหนักในทันทีว่ามีบางอย่างที่ไม่ดีเกิดขึ้น จางลู่รีบออกไปจากห้องกับสวี่เฟย
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ อันซีรู้สึกแปลกใจ เธอเอ่ยถามด้วยความสับสน “เสี่ยวเหมยเกิดอะไรขึ้นกับสวี่เฟยหรือเปล่า ? เขาดูไม่ค่อยดี!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ เสี่ยวเหมยยิ้มเล็กน้อยขณะที่เธอจ้องเย่เฟิงราวกับว่าเธอกำลังมองสัตว์ประหลาด
แต่เธอพูดได้แค่ว่า “ไม่เป็นไร! สวี่เฟยมีบางอย่างที่ต้องจัดการ เขาจะกลับมาเร็ว ๆ นี้แหละ!”
อันซีเชื่อในคำพูดของเธอ ขณะที่เธอดึงมือของเย่เฟิงและพาไปนั่งลงยังเก้าอี้
บรรยากาศในห้องค่อนข้างอึดอัด
เสี่ยวเหมยและเจิ้งเฉิงบิน นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของห้องขณะที่พวกเขามองเย่เฟิงด้วยความเกลียดชัง
อีกด้านของห้องอันซีนั่งถัดจากเย่เฟิงด้วยท่าทางที่มีความสุข
เมื่อเห็นอย่างนั้นอารมณ์โกรธเกลียดของเสี่ยวเหมยและเจิ้งเฉิงบินก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
หลังจากนั้นประมาณ 15 นาทีประตูของห้องก็เปิดออกสวี่เฟยและจางลู่กลับเข้ามา
หน้าของสวี่เฟยยังคงดูซีดจาง และมือของเขาถูกพันไว้ เขาจ้องมองเย่เฟิงด้วยความเกลียดชังอย่างมาก
แต่ในพริบตาเดียวเขาก็เผยรอยยิ้มสดใสราวกับว่าเขาลืมความเกลียดชังและตะโกนว่า “ฮ่า ฮ่า ฮ่า… นี่นั่งทำอะไรกันอยู่? สั่งเครื่องดื่มอะไรสักหน่อยดีไหม!
หลังจากที่เขาพูดแล้ว สวี่เฟยก็ตะโกนไปหาบริกรด้านนอกห้อง “เสิร์ฟเหล้านอกที่แพงที่สุดที่คุณมีให้พวกเรา 10 ขวด!”
’10 ขวด?’
บริกรชะงักนิ่งจากนั้นเธอจึงเดินเข้ามาเพื่อยืนยันคำสั่ง “คุณคะ เหล้านอกของเราราคาแพงมากคุณแน่ใจหรือว่าต้องการ 10 ขวด?”
‘หืมม?’
หลังจากได้ยินว่าบริกรกำลังสงสัยเขา ใบหน้าของสวี่เฟยก็กลายเป็นสีแดง “นี่เธอหมายถึงอะไร ฉันมีเงินมากมาย! ไม่ต้องพูดแล้ว! ยกเหล้ามาให้พวกเราเร็วเข้า!”
หลังจากได้ยินคำตอบของสวี่เฟย บริกรก็พยักหน้าและออกจากห้องไป
…
วอดก้า 10 ขวดถูกนำเข้ามาเสิร์ฟ
หลังจากเห็นว่าปริมาณแอลกอฮอล์ของวอดก้านั้นคือ 45% แล้ว สวี่เฟยก็เปิดเผยเสียงหัวเราะที่น่ากลัว จากนั้นเขาสบสายตาไปยังเสี่ยวเหมย เจิ้งเฉิงบินและจางลู่อย่างรู้ทันกัน ทันใดนั้นพวกเขาทั้งหมดก็เข้าไปหาเย่เฟิงพร้อมกัน
“เฟิง เนื่องจากเป็นการพบกันครั้งแรกที่เราพบกัน ฉันต้องขอดื่มอวยพรให้กับนาย!”
หลังจากเปิดฝาขวดออกแล้ว สวี่เฟยก็เติมเหล้าใส่แก้ว 2 ใบ จากนั้นเขาก็หยิบแก้วส่งให้กับเย่เฟิงใบหนึ่ง และเริ่มคุยกับเขา
เย่เฟิง โบกมืออย่างรวดเร็วและพูดอย่างไม่เต็มใจ “ไม่ ไม่! ขอโทษที! ฉันดื่มไม่ได้! ฉันคงจะเมาแน่นอนถ้าฉันดื่มแก้วนี้เข้าไป!”
หลังได้ยินคำตอบของเย่เฟิง แล้วรอยยิ้มของสวี่เฟยก็หุบลง เขาตอบเย่เฟิงว่า “ถ้านายเป็นผู้ชาย นายก็ควรจะดื่ม! ฉันจะดื่มอวยพรแก้วนี้ให้กับนายด้วย!”
สวี่เฟยไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้เย่เฟิงอธิบาย ขณะที่ยกดื่มจนหมดแก้วในทันที!
เมื่อเห็นอย่างนี้ เย่เฟิงมีสีหน้าอับอายเล็กน้อย หลังจากลังเลไม่นาน เขาก็ดื่มวอดก้าแก้วของเขาในที่สุด
เมื่อดูปฏิกิริยาของเย่เฟิงในการดื่มจนหมดแก้ว ทั้งกลุ่มสรุปได้ทันทีว่าเย่เฟิงดื่มมากไม่ได้
เจิ้งเฉิงบินยกแก้วขึ้นมาและดื่มให้กับเย่เฟิง
ตามด้วยจางลู่…
ทั้งสามคนก็เริ่มดื่มกับเย่เฟิงโดยพลัดกันคนละรอบ
ทุกครั้งที่เขาดื่มเย่เฟิงจะเปิดเผยรูปลักษณ์ที่น่าอาย ใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเขากลายเป็นสีแดงเนื่องจากเหล้า ขณะเดียวกันเขาก็ปรือตาลงราวกับว่าเขากำลังจะล้มลงในเวลาใดก็ได้
เมื่อดูอาการของเย่เฟิง ทั้งสามคนก็ตื่นเต้นขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่พวกเขายังคงดื่มอวยพรให้เย่เฟิง แก้วแล้วแก้วเล่า!
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาดื่มวอดก้าไป 6 ขวด สวี่เฟย เจิ้งเฉิงบิน และ จางลู่ ก็สับสน
ขณะที่ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างมากเพราะพวกเขาดื่มเหล้าหนักเกินไป
แต่ใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเย่เฟิง นั้นดูเป็นเพียงสีแดง ๆ เท่านั้น ดวงตาของเขาดูเหมือนจะเมาแต่ก็ยังคงนิ่งอยู่
‘แม่งเอ้ย!’
‘ไอ้หมอนี่แม่งเป็นคนโกหก!’
ไม่จนกระทั่งตอนนั้น สวี่เฟย เจิ้งเฉิงบิน และ จางลู่ ก็รู้ว่าเย่เฟิงนั้นกำลังแกล้งทำเป็นเมา!
‘ไอ้นี่แม่งชั่วจริง ๆ!’
ทั้งสามคนกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ แต่ว่าเย่เฟิงก็แสร้งวางขวดวอดก้า 4 ขวดสุดท้ายต่อหน้าพวกเขาก่อนที่จะพูดว่า “มาเลย…ถ้าพวกนายเป็นผู้ชายก็ไม่ควรปฏิเสธ แต่ถ้าเป็นพวกนายเป็นผู้หญิงก็ตามสบายนะ!”
เย่เฟิงหยิบขวดวอดก้าหนึ่งขวดแล้วพูดว่า “แต่ฉันจะกระดกขวดนี้ พวกนายจะเอาไงก็ตามสบายนะ!”
หลังจากพูดอย่างนั้นแล้ว เย่เฟิงก็เงยหน้าขึ้นแล้วกระดกทั้งขวดในพริบตา!
‘โธ่เว้ย!’
ทั้งสามแทบกระอักเลือดออกมา!
‘ถ้าพวกนายเป็นผู้ชายก็ไม่ควรปฏิเสธ!’
‘แต่ถ้าเป็นพวกนายเป็นผู้หญิงก็ตามสบายนะ!’
‘เห็นได้ชัดว่าไอ้งั่งนี้กำลังเยาะเย้ยฉัน!’
ทั้งกลุ่มต่างถูกกระตุ้นด้วยคำยั่วยุ เมื่อพวกเขาเห็นว่าอันซียังคงนั่งอยู่ข้าง ๆ มองพวกเขาอยู่ แต่ละคนก็รู้สึกกดดัน ทันใดนั้นทั้งสามคนก็ยกวอดก้าออกมาและเริ่มดื่มมัน
ทว่าหลังจากดื่มไปได้ครึ่งขวด พวกเขาต่างรู้สึกเหมือนอยากอาเจียน พวกเขาจึงรีบวิ่งออกจากห้อง เพื่อจัดการตัวเอง
อันซีและเสี่ยวเหมย นั่งดูเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเงียบ ๆ
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้ดื่มวอดก้าทั้งขวด พวกเขาพบว่าเย่เฟิงนั้นดูไม่เป็นอะไรเลย แก้มสีแดง ๆ ของเขาก็หายเป็นปกติ หลังจากที่อาการเมาของเขาดูจางหายไป ดวงตาของเขาก็กลับมาเฉียบคมดังเดิม!
‘ชายคนนี้มัน…’
สายตาของเสี่ยวเหมยนั้นเต็มไปด้วยความตกใจ
สวี่เฟยและอีกสองคนต่างท้าทายเย่เฟิง กล่าวคือเย่เฟิงนั้นดื่มเหล้าทั้งหมดเท่ากับที่สวี่เฟย เจิ้งเฉิงบิน และ จางลู่ดื่มด้วยกัน ทั้งสามต่างอาเจียน แต่เย่เฟิงยังคงนิ่งเฉย ความสามารถในการดื่มของเขาผิดปกติขนาดนี้ได้ยังไง!
จากนั้นประตูก็เปิดอีกครั้งเมื่อบริกรเข้ามา
“ขอโทษที่รบกวนนะคะ การใช้จ่ายของคุณในคืนนี้มาถึงขีดจำกัดของห้องนี้แล้ว! ถ้าหากพวกคุณต้องการดื่มกินกันต่อ กรุณาชำระบิลนี้ก่อน จากนั้นเราจะเตรียมห้อง Super VIP ให้คุณและคุณจะกลายเป็น Super VIP ของโรงแรมคราวน์อีกด้วย!”
‘อะไรนะ?’
หลังจากได้ยินคำเตือนของบริกร สวี่เฟยที่เพิ่งกลับเข้ามาในห้องแทบพูดไม่ออก
เขารู้ว่าโรงแรมคราวน์นั้นใช้ระบบสมาชิกโดยแบ่งเป็น VIP, Super VIP, Golden VIP และสุดท้ายคือ Emperor VIP ที่ลึกลับและมีชื่อเสียงมากที่สุด!
เมื่อลูกค้าถึงระดับสูงสุดของการใช้จ่ายพวกเขาจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็น VIP ที่ดีกว่าและสามารถเพลิดเพลินกับบริการระดับสูง
มีเพียงคนระดับสูงไม่กี่คน เช่นเหล่าหัวหน้าตระกูลขนาดกลางที่สามารถเป็น Super VIP ได้!
มันสามารถบอกสถานะทางสังคมของพวกเขา!
สวี่เฟยตื่นเต้นมาก!
เสี่ยวเหมย เจิ้งเฉิงบิน และ จางลู่ ต่างก็ชื่นชมสวี่เฟย!
พวกเขาไม่คาดคิดว่า สวี่เฟยจะมีคุณสมบัติพอที่จะเป็น Super VIP ของโรงแรมคราวน์!
หลังจากสังเกตเห็นท่าทางที่แสดงออกว่ากำลังชื่นชมของพวกเขา สวี่เฟยก็มีความสุข จากนั้นเขาถามบริกรว่า “เรากินดื่มกันไปมากแค่ไหน? ฉันจะจ่ายบิลตอนนี้!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเขาบริกรก็เปิดเผยรอยยิ้มขนาดใหญ่ “คุณได้สั่ง Crown Vodka 10 ขวด ดังนั้นค่าใช้จ่ายของห้องฟรี เหลือให้คุณต้องจ่ายแค่เพียง 5.21 ล้านหยวนค่ะ!”
คำพูดของบริกรนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงมาที่ตัวของสวี่เฟย!
‘อะไรนะ?’
‘5.21 …ล้านหยวน!’
คอมเม้นต์