The Man from Hell – TMFH ตอนที่ 76 : ก๋วยเตี๋ยวผัดหนึ่งชามสำหรับสองคน!
ในช่วงเวลาบ่ายแก่ ๆ เย่เฟิงกำลังนอนอยู่บนต้นหลิวข้างสนามกีฬาของโรงเรียนมัธยมปลายเมืองเจียงซี ไอพลังฉีแห่งปีศาจกำลังไหลออกมาจากตาปีศาจที่ใต้ต้นไม้และเข้าสู่ร่างกายของเย่เฟิง ก่อนที่จะกลายเป็นพลังปีศาจ
ในขณะที่เย่เฟิงกำลังนั่งอย่างสงบสุขบนต้นหลิว เพลิดเพลินไปกับการดูดซึมพลังฉีแห่งปีศาจ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมา
เย่เฟิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และพบว่าเป็นเบอร์แปลกที่กำลังโทรมา
จากนั้นเขาก็รับสายโทรศัพท์
หลังจากได้ยินเสียงของหญิงสาวเขาก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย
‘ทำไมเธอถึงโทรหาฉัน’
เย่เฟิงขมวดคิ้วพลางกระโดดลงจากต้นวิลโลว์ในทันทีขณะที่เขาเดินไปที่ประตูโรงเรียนอย่างช้า ๆ
เมื่อเขาออกจากประตูโรงเรียนเขาเห็นปอร์เช่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน หญิงสาวสวยในชุดเดรสยาวยืนอยู่ข้างรถคันนั้นด้วยสีหน้าแปลก ๆ
รูปร่างที่ทรงเสน่ห์ของเธอทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง
สายลมที่พัดผ่านนั้นทำให้ผมสีดำของเธอปลิวไปในอากาศ
ด้วยผิวสีขาวบริสุทธิ์และรูปร่างที่ยั่วยวน เธอมีเสน่ห์เหมือนนางฟ้า
ยิ่งไปกว่านั้น แววตาของเธอมีความรู้สึกเศร้าเล็กน้อย
ช่างเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก!
ในขณะนั้นเอง น้ำตาสองหยดของผู้หญิงคนนั้นก็ร่วงลงสู่พื้น ช่างเป็นภาพที่ชวนบีบหัวใจจริง ๆ!
เย่เฟิงราวกับถูกแช่แข็ง
“เย่… เย่เฟิง!”
หลินหลานรีบปาดน้ำตาของเธอทิ้ง แล้วเผยรอยยิ้มออกมาอย่างสดใส
เมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอ เขารู้สึกสะเทือนใจ ราวกับว่าผู้หญิงที่ใกล้จะสิ้นใจได้มาเพื่อบอกลาคนรักของเธอ!
ความเศร้าโศกนั้นค่อย ๆ แผ่กระจายออกมา!
เย่เฟิงพยักหน้าขณะที่เขาถามด้วยความสับสน “มีอะไรหรือเปล่า ?”
“ไม่…ไม่มีอะไร! ฉันมาที่นี่เพื่อเชิญนายไปทานอาหาร!”
หลินหลานไม่กล้าสบตาเย่เฟิงตรง ๆ ขณะที่เธอเดินตรงไปยังที่นั่งผู้โดยสารแล้วพูดว่า “ไปเถอะ นายขับนะ!”
สังเกตว่าหลินหลานนั้นไม่ต้องการจะพูดอะไรมากนัก เย่เฟิงจึงเดินไปนั่งตรงที่นั่งคนขับ
ทว่าไม่น่าเชื่อหลินหลานพาเขาไปทานอาหารที่ศูนย์อาหารทั่วไป
ขณะที่พวกเขานั่งลงที่ร้านก๋วยเตี๋ยว หลินหลานก็ดูมีความสุขเหมือนเด็ก ๆ
“เย่เฟิงฉันขออะไรบางอย่างได้ไหม ?” ใบหน้าของหลินหลานดูเขินอาย
เย่เฟิงตกตะลึง ขณะที่เขาตอบกลับพร้อมรอยยิ้มว่า “เอาสิ!”
“เอ่อ… ฉันอยากสั่งก๋วยเตี๋ยวผัด 1 จานให้พวกเรากินด้วยกัน!”
ขณะนั้นแก้มของหลินหลานก็แดงระเรื่อขึ้นมาลามไปจนถึงใบหูของเธอ
เย่เฟิงไม่คิดว่าประธานที่งดงามอันดับ 1 ของเมืองเจียงซี ก็สามารถทำตัวเป็นเด็กสาวอ่อนต่อโลกแบบนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงตอบรับด้วยสีหน้าพึงพอใจว่า “ไม่มีปัญหา!”
หลินหลานเผยรอยยิ้มกว้าง
หลังจากนั้นก็มีก๋วยเตี๋ยวผัดหนึ่งชามถูกนำมาเสิร์ฟ
ก๋วยเตี๋ยวผัดหนึ่งชามสำหรับสองคน!
หลินหลานและเย่เฟิงเริ่มกินด้วยตะเกียบของเธอ
ทว่าในขณะที่เธอกิน ใบหน้าของหลินหลานก็ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำตา
เธอก้มศีรษะลงเธอไม่กล้ามองหน้าเย่เฟิง ในขณะนั้นเส้นผมสีดำของเธอก็เริ่มเปียกชุ่มไปด้วยรอยจากน้ำตาของเธอ
“เย่เฟิง ฉันมีนิทานเรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟัง!”
หลินหลานยังคงพยายามกลั้นน้ำตาเธอเอาไว้ จากนั้นเธอก็เริ่มพูดว่า “ก่อนหน้านี้ มีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ในตระกูลใหญ่ เธอมีโอกาสได้กินก๋วยเตี๋ยวผัด จากนั้นเธอก็ชื่นชอบในรสชาติของมัน!”
“แต่พ่อของเธอกลับคิดว่า ก๋วยเตี๋ยวผัดนั้นเป็นอาหารขยะและเขาไม่ให้เธอกินมันอีก ดังนั้นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ มักจะแอบออกจากบ้านของเธอและซื้อก๋วยเตี๋ยวผัดกลับบ้านเพื่อกินมันกับแม่ของเธอ”
“ก๋วยเตี๋ยวผัดเป็นอาหารที่เธอโปรดปราน และแม่ของเธอก็เป็นคนที่เธอชอบด้วยเช่นกัน! เธอคิดว่าเธอควรจะแบ่งปันอาหารที่เธอชอบที่สุดกับคนที่เธอชอบ!”
“ทั้งคู่สนุกกับชีวิตแบบนี้มาสองสามปี แต่แล้วพ่อของเธอก็ตัดสินใจให้เธอแต่งงานกับนายน้อยของตระกูลใหญ่เพื่อผลประโยชน์”
“เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ พยายามต่อต้านดิ้นรน แต่นั่นทำให้เธอถูกขังอยู่แต่ในบ้าน!”
“แม่ของเธอขอความเมตตาจากพ่อ ทว่าแม่ของเธอนั้นถูกพ่อของเธอทุบตีจนตาย!”
“หลังจากที่แม่ของเธอเสียชีวิต เด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนั้นก็ไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวผัดอีกเพราะเธอสูญเสียคนที่เธอชอบที่จะกินด้วย เธอไม่มีใครให้แบ่งปันอาหารที่เธอโปรดปรานอีกต่อไป!”
หลินหลานกินก๋วยเตี๋ยวผัดช้ามาก
ทีละคำ…
ราวกับว่าก๋วยเตี๋ยวแต่ละเส้นนั้นช่างหรูหราและมีค่ามาก!
ราวกับว่าเธอกำลังกินของรักของเธอ!
คนที่เธอชอบและก๋วยเตี๋ยวผัดที่เธอโปรดปราน!
เมื่อเธอกินก๋วยเตี๋ยวผัดจนหมดเส้นสุดท้าย เธอก็เริ่มร้องไห้อย่างหนัก
ติ๊ก!
ติ๊ก!
หลังจากเช็ดน้ำตา หลินหลานก็เงยหน้าขึ้นและเผยรอยยิ้มกว้างต่อเย่เฟิงแล้วพูดว่า “ขอบคุณนะ ที่กินก๋วยเตี๋ยวผัดกับฉันเย่เฟิง!”
รอยยิ้มของเธอนั้นยังคงมีคราบน้ำตา
ช่างเป็นรอยยิ้มที่น่าเศร้า!
เมื่อเห็นใบหน้าที่เปียกชุ่มของเธอ หัวใจของเย่เฟิงก็แตกสลาย
เขารู้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยจากนิทานเรื่องนี้คือหลินหลาน แต่เขาไม่ทราบว่าก๋วยเตี๋ยวผัดนี้เป็นตัวแทนของวัยเด็กของเธอและคนที่เธอชื่นชอบ!
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงแบ่งปันอาหารที่เธอโปรดปรานกับเขา!
ในตอนนี้ใบหน้าของ เย่เฟิงนั้นซับซ้อนมากขึ้นเพราะเขายังคงมีความเจ็บปวดกับความรู้สึกตรงหน้านั้นอยู่
“ไปกันเถอะ!”
หลินหลานวาง 100 หยวนไว้บนโต๊ะก่อนดึงมือเย่เฟิงออกไป
…
15 นาทีต่อมารถปอร์เช่จอดอยู่ที่ด้านนอกของประตูโรงเรียนมัธยมปลายเมืองเจียงซี
หลินหลานยังคงดูมีความรู้สึกบางอย่างที่ฝังแน่นอยู่บนสีหน้า แต่ในที่สุดใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา เธอพูดว่า “เย่เฟิง! หลังจากอาหารมื้อนี้ เราจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราตลอดไป! จากนี้ไปทั้งนายและฉัน เราจะเดินไปตามทางที่แยกออกจากกัน!”
‘อะไรนะ!’
เย่เฟิงตกตะลึงในทันที
ไม่เพียงเท่านั้นหลินหลานยังกล่าวเสริมอีกว่า “หากมีใครโทรหานายและบอกนายว่าฉันตกอยู่ในอันตราย จำไว้ว่าอย่าเชื่อเด็ดขาด! ฉันไม่ต้องการให้นายช่วยฉันให้พ้นจากสถานการณ์นั้นของฉัน! ตั้งแต่นี้ไป เราไม่มีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันอีก!”
หลินหลานหันหลังกลับ พร้อมกับร้องไห้ออกมาแล้วตะโกนว่า “นายไปได้แล้ว! และจำคำพูดของฉันเอาไว้!”
หลังจากได้ยินคำเตือนของเธอ เย่เฟิงก็ขมวดคิ้วเครียด แต่เขาก็ออกจากรถไปอย่างเงียบ ๆ
เมื่อมองจากนอกรถปอร์เช่ เย่เฟิงก็ขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม
เขาสังเกตเห็นว่าวันนี้หลินหลานผิดปกติไปอย่างมาก
ครู่ต่อมาบนถนนขาออก หลินหลานจอดรถปอร์เช่ของเธอขณะที่เธอกำลังร้องไห้อยากหนัก พลางรู้สึกว่าหายนะกำลังจะเกิดขึ้น
“มันกำลังจะมาแล้วเหรอ ?”
หลินหลานไม่กลัว แต่เธอแค่รู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถรักผู้ชายที่เธอชอบได้ตลอดไป!
จากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลข ในไม่ช้าเสียงของผู้หญิงก็ตอบกลับมาด้วยความเคารพ “ท่านประธานหลิน หวังเฉียนรับสายค่ะ!”
หลังจากได้ยินเสียงของเธอ หลินหลานก็พูดอย่างใจเย็น “คุณหวัง ฉันหวังว่าคุณจะพร้อมที่จะเขียนพินัยกรรมสำหรับฉันตอนนี้!”
‘อะไร!’
หลังจากได้ยินคำพูดของหลินหลาน หวังเฉียนก็ตกใจ
“ท่านประธานหลิน คุณยังอายุไม่เยอะ ทำไมคุณถึงต้องการจะร่างพินัยกรรมในตอนนี้”
หวังเฉียนแทบไม่เชื่อหูของเธอเอง
ทว่าหลินหลานยังคงสงบใจอย่างที่สุด พลางตอบกลับไปว่า “ไม่มีเหตุผล!
“ได้ค่ะ ท่านประธานหลิน!” หวังเฉียนทำได้แค่ตอบรับเท่านั้น
“ถ้าฉันตายไป ให้เปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่ของหลินกรุ๊ป รวมถึงทรัพย์สินทั้งหมดภายใต้เรือธงของหลินกรุ๊ป ให้เป็นชื่อของ เย่เฟิง”
คอมเม้นต์