The Man from Hell – TMFH ตอนที่ 79 : ถ้าแกไม่ตายฉันคงจะไม่มีความสุข!
‘เป็นไปไม่ได้’
กงหยุ่นเฟยและผู้ติดตามของเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า บลัดดี้โกสท์จะโค้งคำนับต่อหน้าเย่เฟิง
แม้แต่หลินหลานเองก็ยังประหลาดใจกับภาพตรงหน้าเช่นกัน
‘บลัดดี้โกสท์เป็นคนที่โหดร้ายที่สุดในตอนใต้ของจีน แต่เขากลับทำตัวเหมือนสัตว์เลี้ยงเชื่อง ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เฟิง นี่มันไม่น่าเชื่อเลย!’
ไม่เพียงเท่านั้นบลัดดี้โกสท์ยังพูดกับเย่เฟิง ด้วยความตกใจและหวาดกลัวอย่างมาก “สายลมจากฝ่ามือของคุณ สามารถทำได้เหมือนกับดาบและตัดข้อมือของคนอื่นได้! ช่างเป็นทักษะการต่อสู้ที่น่าทึ่งมาก!”
หลังจากพูดแล้วบลัดดี้โกสท์ก็คำนับเย่เฟิงอีกครั้งและกล่าวเสริมว่า “ถ้าคุณใช้ดาบสายลม จากฝ่ามือเพื่อจัดการกับผมเมื่อครั้งล่าสุด คุณคงจะฆ่าผมไปแล้ว!”
บลัดดี้โกสท์เป็นอาจารย์ของซางเปียว เขาเป็นชายวัยกลางคนที่แต่งกายด้วยชุดรุงรังเหมือนขอทานซึ่งยืนดื่มเหล้าอยู่คนเดียวและพ่ายแพ้ต่อเย่เฟิงในห้องจัดเลี้ยงที่โรงแรมคราวน์ ถึงแม้ครั้งนั้นเขาต้องการจะแก้แค้นให้กับการที่ซางเปียวถูกดูหมิ่นก็ตาม
เย่เฟิงไม่ได้นึกว่าชายที่แต่งตัวเหมือนขอทานวันนั้นจะเป็น บลัดดี้โกสท์!
“ผู้อาวุโสบลัดดี้โกสท์ ทำไม…ทำไมคุณถึง…”
กงหยุ่นเฟยตัวแข็งทื่อเป็นหิน
แม้ว่าเขาจะวางแผนมามากมาย แต่เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าเย่เฟิงจะเคยจัดการบลัดดี้โกสท์มาก่อนแล้ว!
หลังจากได้ยินคำพูดของกงหยุ่นเฟย บลัดดี้โกสท์ก็เผยสีหน้าดูถูกเหยียดหยามขณะที่เขาหยิบขวด Hennessy ออกมาทันทีแล้วโยนมันไปที่ กงหยุ่นเฟยแล้วพูดว่า “นี่เป็นเหล้าของแก! ฉันจะไม่ดื่มมันอีกต่อไป! ฉันฆ่านายน้อยคนนี้ไม่ได้!”
บลัดดี้โกสท์ชอบการดื่มเหล้า ตามกฎของเขาแล้ว เขาเคยสัญญากับกงหยุ่นเฟยว่าเหล้าคุณภาพดี 1 ขวด แลกกับการที่เขาจะฆ่าคน 1 ชีวิต!
ก่อนหน้านี้เขาดื่มเหล้ามาแทบทุกชนิดและฆ่าผู้คนมากมาย!
แต่ตอนนี้มันเป็นครั้งแรกที่เขาเลือกที่จะปฏิเสธ!
‘เป็น…เป็นไปไม่ได้!’
ใบหน้าของกงหยุ่นเฟยซีดเผือดภายในเสี้ยววินาที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขา นึกถึงทักษะการต่อสู้ที่แปลกประหลาดของเย่เฟิง เขารู้สึกว่าเลือดของเขาแทบจะจับตัวเป็นก้อน เขาขยับไปข้างหลังด้วยความเร็วเต็มฝีเท้า
“สิงโตระห่ำ ขวางพวกมันไว้!”
กงหยุ่นเฟยหนีไปทันทีเมื่อเขาพบว่าสถานการณ์นั้นไม่เป็นประโยชน์ต่อเขา
สิงโตระห่ำและผู้คุ้มกันอื่น ๆ ถึงแม้ว่าจะหวาดกลัวเพียงใด แต่ก็ทำได้แค่ยืนล้อมรอบเย่เฟิงไว้เท่านั้น
พวกเขาไม่คาดคิดว่ากงหยุ่นเฟยนั้นจะรีรอบางอย่างและไม่รีบหนีไปทันทีหลังจากออกจากโรงงานเหล็กร้าง!
แต่เขาหันกลับไปหาเย่เฟิง และบลัดดี้โกสท์แทน!
“ฮ่าฮ่า…เย่เฟิงฉันประเมินแกต่ำไปหน่อย! แต่แกก็ต้องตายอยู่ดี!”
กงหยุ่นเฟย มองไปยังเหล่าผู้คุ้มกันของเขาด้วยท่าทางที่เหี้ยมโหด ขณะที่เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ขอโทษนะ แต่พวกนายตายไปด้วยกันเลยดีกว่า…กับเย่เฟิง!”
‘อะไรนะ!’
หลังจากได้ยินคำพูดของกงหยุ่นเฟย บลัดดี้โกสท์ สิงโตระห่ำ และพวกผู้คุ้มกันคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงในทันที
จากนั้นกงหยุ่นเฟยก็หยิบรีโมทคอนโทรลออกมา!
ใบหน้าของพวกผู้คุ้มกันนั้นหวาดกลัวอย่างมาก!
“ไม่…ที่นี่มีระเบิด!”
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า กงหยุ่นเฟยจะมีเล่ห์เหลี่ยมที่ร้ายกาจมากแบบนี้ เขาจะใช้ผู้คุ้มกันของเขาเป็นเหยื่อล่อ!
พวกเขาทั้งหมดนั้นต้องการหนี แต่มันสายเกินไป!
“ลาก่อน!”
หลังจากพูดคำอำลาที่ชั่วร้ายออกไป กงหยุ่นเฟยก็กดปุ่มรีโมทคอนโทรลด้วยมือที่เหลือข้างเดียวของเขา!
ตู้ม!
โรงงานเหล็กร้างทั้งหมดระเบิดกลายเป็นมหาสมุทรเพลิงขนาดใหญ่!
‘มันตายแล้ว!’
‘ในที่สุดมันก็ตาย!’
กงหยุ่นเฟยถอนหายใจอย่างหนักออกมา
ความเจ็บปวดจากข้อมือที่ขาดทำให้หน้าผากของเขามีเหงื่อจำนวนมาก
จากนั้นเขาก็คำรามไปยังมุมมืด ๆ ข้างตัวเขาแล้วพูดพึมพำ “เฒ่าทารก ทำไมตอนนั้นนายถึงไม่ช่วยฉัน ?”
หลังจากนั้นไม่นานน้ำเสียงที่ดูแก่ชราและชั่วร้ายก็ดังขึ้นจากมุมมืด “นายน้อย ผมพยายามช่วยแล้ว แต่มันเกิดขึ้นเร็วมาก! ผมไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา!”
หลังจากตอบกลับมา ชายแก่ที่มีหลังค่อมอยู่ในชุดสีดำ ก็ก้าวออกมาจากความมืด
เขาปรากฏตัวราวออกมาราวกับวิญญาณ พลังฉีที่โหดร้ายคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
เขาจ้องมองที่ทะเลเพลิงด้วยดวงตาขุ่นเทาอย่างตื่นตาตื่นใจและกล่าวว่า “การเคลื่อนไหวของไอ้เด็กเหลือขอนั้นแปลกเกินไป โดยเฉพาะพลังฉีสีดำของมัน ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าพลังนั่นมีชีวิต!”
เฒ่าทารกพูดต่อด้วยความสนใจและผิดหวัง “ผมแน่ใจว่าวิธีการบ่มเพาะพลังของมันคงจะพิเศษ! ไม่เช่นนั้นมันคงไม่สามารถใช้ฝ่ามือที่รวดเร็วฟันได้ราวกับดาบซึ่งฆ่าคนได้โดยไม่ใช้อาวุธใด ๆ ! น่าเสียดาย…ที่มันตายไปแล้วพร้อมกับการบ่มเพาะพลังนั่น!”
เฒ่าทารกถอนหายใจด้วยสีหน้าเวทนา
คนธรรมดาทั่วไปรู้ว่าผู้คุ้มกันหลักสองคนของกงหยุ่นเฟย คือ อสรพิษหกดัชนีและสิงโตระห่ำ แต่พวกเขาไม่เคยรู้ว่ากงหยุ่นเฟย มีผู้ดูแลพิเศษอีกคน นั่นก็คือ — เฒ่าทารก
“ฮึ! ไอ้เวรนั่น ในที่สุดก็ตาย! แต่ก็น่าสงสารที่สิงโตระห่ำก็ตายเช่นกัน!” กงหยุ่นเฟยพูด แต่สีหน้าของเขานั้นไม่ได้สงสารเลยแม้แต่น้อย
ในสายตาของเขา ชีวิตของทุกคนก็เป็นแค่ของเล่นของเขา
“ไอ้เวรนั่น ตัดมือของฉันไปข้างหนึ่ง ถึงแม้ว่ามันจะตาย แต่ฉันก็จะไม่มีวันยกโทษให้มัน!”
หน้าผากของกงหยุ่นเฟยยังคงเหงื่อไหล ขณะที่เขามองข้อมือที่ขาดด้วยความเกลียดชังอย่างมาก เขากล่าวต่ออีกว่า “เฒ่าทารกมากับฉัน! ฉันจะฆ่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับไอ้สารเลวนี่! แต่ละคนมันสมควรตาย!”
กงหยุ่นเฟยเกลียดชังเย่เฟิง พาลไปยังทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเขา!
เฒ่าทารกเข้าใจอารมณ์ของนายน้อยของเขาดี หลังจากได้ยินคำพูดของกงหยุ่นเฟยเขาก็พยักหน้าขณะที่เขาเตรียมตัวจะไปจากโรงงานเหล็กพร้อมกับกงหยุ่นเฟย
ทว่าทันใดนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ตัวแข็งเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า!
‘หืมม?’
กงหยุ่นเฟยขมวดคิ้วแน่น เนื่องจากเขาไม่ได้จินตนาการว่าจะยังมีคนอื่นอยู่ที่นี่ จากนั้นเขาก็บอกกับเฒ่าทารกทันทีว่า “เฒ่าทารก นายได้ยินนั่นไหม? เสียงฝีเท้านั่นมาจากไหน?”
หูของเฒ่าทารกกระดิกเล็กน้อย ในขณะที่เขาตัวสั่นอย่างมากและเผยสีหน้าประหลาดใจราวกับว่าเขาได้เห็นเงาของอะไรบางอย่าง!
“มัน…มันมาจากทางโรงงานเหล็ก”
‘อะไรนะ!’
กงหยุ่นเฟยตกใจ
โรงงานเหล็กทั้งหมดพังและถูกเผาไปแล้ว จะมีใครอยู่ข้างในซากนั่นได้อย่างไร?
กงหยุ่นเฟยรีบมองเข้าไปในเปลวเพลิงด้วยความกลัว
เงานั้นเดินออกมาช้า ๆ ทีละก้าว และสุดท้ายที่ปรากฏต่อหน้ากงหยุ่นเฟยคือชายคนหนึ่งที่กำลังแบกคนสองคน ในขณะที่เขาก้าวเดินออกจากซากปรักหักพังของโรงงานอย่างช้า ๆ!
ในสายตาของชายคนนั้น กงหยุ่นเฟยกำลังตัวสั่นราวกับว่าเขาเห็นผีแล้ว “เย่…เย่เฟิง! เป็นไปไม่ได้! แกยังไม่ตายเหรอ ?”
กงหยุ่นเฟยพูดด้วยท่าทางไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เขาใช้ดินปืนจำนวนมาก แม้แต่หุ่นเหล็กขนาดยักษ์ก็ยังระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์เลย
แต่ในตอนนี้…
เป็นไปไม่ได้!
ในที่สุดเย่เฟิงก็เดินออกมาจากซากปรักหักพังนั่นแล้ว ร่างทั้งสองที่เขาแบกมาคือ หลินหลานและบลัดดี้โกสท์ที่ร่างกายทั้งคู่เต็มไปด้วยเลือด
หลังจากได้ยินคำพูดของ กงหยุ่นเฟย ดวงตาของ เย่เฟิง ก็เต็มไปด้วยเจตนาสังหารในขณะที่เขาตอบว่า “ ถ้าแกไม่ตายฉันคงจะไม่มีความสุข! ดังนั้นก็ทิ้งชีวิตของแกไว้ที่นี่ซะ!”
คอมเม้นต์