Immortal and Martial Dual Cultivation – บทที่ 32 แหวนหวงมิติ
ตอนที่ 32 แหวนหวงมิติ
“ซี่!”
เปลวเพลิงสีม่วงจำนวนหนึ่งฝ่ากฎบนฝ่ามือของเซียวเฉินก่อนที่จะปะทุขึ้นในทันที เปลวไฟบางๆแปรเปลี่ยนป็นไฟนรกบ้าคลั่ง เขายกมือขึ้นช้าๆและเปลวไฟก็ลอยขึ้นไปในอากาศและหมุนวนทั้งแบบนี้น
นี่คือผลมาจากการมีสัมผัสวิญญาณ หลังจากที่บรรลุถึงสัมผัสวิญญาณ เซียวเฉินสามารถควบคุมเปลวเพลิงสีม่วงที่แท้จริงได้อย่างมั่นคง เปลวเพลิงที่ถูกควบคุมด้วยสัมผัสวิญญาณเปรียบได้กับแขนข้างหนึ่งของเขา ความรู้สึกและการควบคุมสมบูรณ์แบบ
หลังจากนั้นเขาก็หยิบดาบหักๆออกมาเบี่ยงสายตาไปจากเปลวเพลิง ดาบเล่มนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาได้มาจากถ้ำของจักรพรรดิอัสนี เซียวเฉินเก็บมันมาตรวจสอบเป็นเวลานานแล้ว แต่นอกจากความคมของมัน เขาไม่สามารถหาอะไรพิเศษเกี่ยวกับมันได้อีก
อย่างไรก็ตามเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าวัตถุดิบที่นำมาสร้างดาบนั้นคุณภาพยอมเยี่ยม เหมาะสำหรับที่จะนำมาเป็นวัตถุดิบในการสร้างเป็นแหวนหวงมิติ ช่างโชคดีที่ดาบหักๆเล่มนี้ตรงกับความต้องการพอดี
บางทีมันก็อาจจะเคยเป็นอาวุธวิญญาณระดับพระเจ้ามาก่อน แต่ในตอนนี้มันก็เป็นเพียงแค่ดาบหักๆ ดังนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะเอาไปทำอย่างอื่น อย่างไรก็ตาม นำมันมาหลอมเป็นแหวนหวงมิติก็ไม่ต่างจากทำกับมันเหมือนขยะ
ดังนั้น จักรพรรดิอัสนี โปรดอย่าตำหนิที่ข้าทำแบบนี้ เซียวเฉินคิดในใจ
เขาโยนดาบหักเล่มนั้นเข้าไปในใจกลางไฟสีม่วง หลังจากนั้นเขาก็ควบคุมให้เปลวเพลิงสีม่วงเผาไหม้อย่างรวดเร็ว ในตอนนี้เขาต้องการเร่งอุณหภูมิของเปลวเพลิงให้สูงขึ้นจนสุดขีด นี่เป็นวิธีเดียวที่จะละลายดาบหักเล่มนั้นได้
ไม่ต้องสงสัย นี่มันผลาญพลังปราณอย่างมหาศาล เมื่ออุณหภูมิของเปลวเพลิงสูงขึ้นสีของมันก็ยิ่งเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้นกับดาบหักเล่มนั้น มันแค่อยู่อย่างนิ่งเงียบในกองเพลิงสีม่วง
ในไม่ช้า หนึ่งในสามเมฆสีขาวที่อยู่รอบตัวมังกรฟ้าก็จางหายไปหนึ่งก้อน เซียวเฉินปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าผากและยังคงเร่งอุณหภูมิของเปลวเพลิงสีม่วงที่แท้จริงให้สูงขึ้นไปอีก เซียวเฉินต้องการละลายมันเป็นโลหะเหลวภายในวันนี้
เมื่อเมฆก้อนที่สามกำลังจะจางหายไป ดาบหักสีฟ้าในที่สุดก็เริ่มเปลี่ยนแปลง มันเริ่มที่จะละลายจากปลายด้านหนึ่งและกลายเป็นของเหลวหนืดสีฟ้าในเวลาต่อมา
สีหน้าของเซียวเฉินดูดีขึ้นพร้อมกับหยิบเม็ดยาบำรุงพลังปราณเม็ดหนึ่งเข้าปาก เพื่อฟื้นฟูพลังปราณในร่างของเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อเวลาผ่านไปพื้นผิวของตัวดาบก็กลายเป็นของเหลวสีฟ้าเพิ่มขึ้นอีก ทีละหยดทีละหยดโลหะสีฟ้าได้หลอมละลายรวมตัวกันในเปลวเพลิงสีม่วง
เวลาผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดเขาก็ละลายดาบลึกลับอันนี้ไปเป็นก้อนแร่หลอมเหลว
ด้วยการใช้สัมผัสวิญญาณของเขา เขาควบคุมโลหะเหลวจากดาบหักเล่มนั้นและรวมมันกลายเป็นลูกบอลเหลว ขณะที่เขากำลังสกัดมันกลุ่มควันสีฟ้าพุ่งออกมาจากเปลวเพลิงสีม่วง เขากำลังทำ สิ่งสกปรกที่เหลือก็ถูกชำระล้างออกทำให้โลหะเหลวนั้นบริสุทธิ์ขึ้น
หลังจากที่เขากำจัดสิ่งสกปรกออกไป เซียวเฉินก็นึกภาพของแหวนหวงมิติขึ้นในคลื่นจิตสำนึกของเขา โลหะเหลวสีฟ้าที่หลอมมาจากดาบหักๆในเปลวเพลิงสีม่วงค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็คล้ายกับแหวนที่ทำขึ้นมาหยาบๆ
ขั้นต่อไปก็คือการสร้างช่องว่าง สิ่งที่เซียวเซียนต้องการจะสร้างไม่ใช่แหวนหวงมิติที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่นัก ดังนั้นการสร้างช่องว่างจึงไม่ยากเกินไปและทั้งหมดที่เขาต้องทำคือสร้างรูปแบบพื้นที่ขึ้นบนแหวน
รวบรวมสัมผัสวิญญาณของเขาเขาไปในแหวน โลกอันกว้างใหญ่ปรากฎขึ้นต่อตาของเซียวเฉิน มันราวกับว่าร่างกายของเขานั้นได้หลอมรวมเข้ากับเปลวเพลิงสีม่วง ในตอนนี้สัมผัสวิญญาณก็เหมือนกับร่างแปลงของเซียวเฉิน มันยืนอยู่ภายในวงแหวน สลักตัวอักษรยันต์ลงเพื่อสร้างรูปแบบขึ้นมา
ภายในด้านในของวงแหวนที่อยู่ในใจกลางของเปลวเพลิงสีม่วง ปรากฎเป็นอักษรยันต์ขึ้นมา ถ้าเขาสลักพลาดแม้แต่นิดเดียว เขาจะต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด ดังนั้นเซียวเฉินจึงไม่ทำมันอย่างรีบร้อน เพื่อป้องกันความผิดพลาด
หลังจากสลักอักษรยันต์ลงบนแหวนด้านในสำเร็จ เซียวเฉินถอนจิตของเข้าออกมาและตรวจดูเป็นครั้งสุดท้ายขณะที่เปลวเพลิงสีม่วงเผามันอย่างช้าๆ หลังจากนั้นไม่นานเซียวเฉินได้ดับเปลงเพลิงอัสนีม่วงที่แท้จริงลงและยื่นมือของเขาออกไป รับแหวนหวงมิติที่ตกลงมาในอากาศ
กรีดลงบนนิ้วชี้ของเขา เขาหยดเลือดลงไปบนแหวน เมื่อเลือดสัมผัสกับแหวนหวงมิติ มันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของเขา
“ฮาฮา!”
ในจังหวะที่หยดเลือดถูกดูดซับเข้าไปอย่างสมบูรณ์ ความงุนงงได้เขามาในใจของเขาในวินาทีต่อมา เขาสาบานได้ว่าได้ยินเสียงหัวเราะเสนาะหูลอยเข้ามา อย่างไรก็ตามเมื่อเขาตั้งสติได้ เสียงนั้นก็หายไปแล้ว
หรือเขาจะหลอนไปเอง? เซียวเฉินมองไปที่แหวนวงสีฟ้าในมือของเขาพร้อมกับพึมพำ ไม่มรอะไรสำคัญในเมื่อทำมันสำเร็จแล้ว
แหวนหวงมิติที่มีพื้นที่หนึ่งร้อยลูกบาศก์เมตร ถ้าทำตามตามที่บันทึกไว้ในตำราบ่มเพาะพลัง มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะสร้างขึ้นมา มันเป็นเพียงก้าวแรกของความชำนาญงานช่างสำหรับนักบ่มเพาะพลังอมตะ ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่โลกยังมีนักบ่มเพาะพลังอมตะ การฝึกฝนในขั้นพื้นฐานของพวกเขาก็คือการสร้างแหวนหวงมิติสำหรับอารหลอมครั้งแรก
สวมแหวนหยินหยางบนนิ้วชี้ของเขา เซียวเฉินส่งสายสัมผัสวิญญาณออกมาเข้าไปที่มัน พื้นที่สีดำสนิทปรากฎขึ้นเบื้องหน้าของเขา นี่คือพื้นที่ภายในแหวนหวงมิติ
แม้ว่ามันจะมีพื้นที่เพียงหนึ่งร้อยตารางเมตร เซียวเฉินก็พึ่งพอใจเป็นอย่างมาก เขาไม่ต้องอิจฉาแหวนอวกาศของผู้อาวุโสหนึ่งและเฟิงเฟยเสวี่ยอีกต่อไป
มาถึงสถานที่ที่พบเจอผลอ่อนแดง เซียวเฉินลงมือเก็บเกี่ยวหญ้าวิญญาณวายุก่อนและใส่มันไว้ในแหวนหยินหยาง มองดูผลอ่อนแดงที่สุกเต็มที่แล้ว ปรากฎรอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเฉิน ข้าปล่อยให้เจ้าสุกไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ข้าจะเก็บเจ้าเดียวนี้ล่ะ
แหวนหวงมิติเป็นพื้นที่ปิดผนึก อะไรก็ตามที่ใส่เข้าไปข้างในเวลามันจะถูกหยุดไว้ ทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิมดั่งเช่นตอนที่ใส่มันเข้าไปข้างใน แม้ว่ามันจะผ่านมาเป็นหมื่นปีก็ตาม ดังนั้นเซียวเฉินจึงรู้สึกสบายใจเมื่อเก็บสมุนไพรไว้ข้างใน
ทันทีที่เซียวเฉินขึ้นไปเก็บ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าในบริเวณใกล้เคียงหลังจากได้รับสัมผัสวิญญาณมา สัมผัสที่หกของเซียวเฉินก็ว่องไวเป็นพิเศษ คนละระดับกับตัวเขาในอดีต
เซียวเฉินคิ้วขมวดพร้อมกับส่งสัมผัสวิญญาณของเขาออกไปทันที ทุกสิ่งภายในรัศมี 500 เมตรปรากฎขึ้นอย่างชัดเจนภายในหัวของเขา มีผู้บ่มเพาะพลังกลุ่มหนึ่งมาหยุดอยู่ที่โครงกระดูกสัตว์อสูรหมีจันทร์โลหิตและกำลังพูดคุยกันด้วยเสียงต่ำเบา
คนในกลุ่มนั้นมาจากตระกูลถัง พวกมันมาทำอะไรที่นี้? หลังจากที่ได้เห็นการแต่งตัวของพวกมันอย่างชัดเจน ความสงสัยฝังรากลงในใจของเซียวเฉิน พวกมันมีทั้งหมดสิบคน เป็นศิษย์จากตระกูลถัง และแต่ละอยู่คนที่อยู่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูง ในหมู่พวกมันมีผู้เฒ่าผู้หนึ่งที่ส่งพลังของระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธออกมา
จากในสามตระกูลใหญ่ของเมืองม่อเหอ ตระกูลถังนั้นเงียบสงบที่สุด หลายปีก่อนพวกเขานั้นเป็นเพียงตระกูลเล็กๆ ในตอนที่ตระกูลต่างๆ พยายามอย่างที่สุดในการบุกโจมตีตระกูลเซียว ตระกูลถังนั้นไม่เข้าร่วมฝ่ายใด
จากการต่อสู้ที่รุกรามไปทั่วกับตระกูลในพื้นที่ ตระกูลถังนั้นไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วม เมื่อตระกูลใหญ่ในท้องถิ่นเหล่านั้นเริ่มที่จะอ่อนแอลงและสูญเสียอำนาจ ตระกูลถังได้เติบโตและขยับขยายอย่างเงียบๆ จนกระทั่งกลายเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองม่อเหอ
การประลองเพื่อแย่งชิงสิทธิ์ในภูเขาชีเจี่ยวทุกครั้งในสัญญาสิบปี ตระกูลถังเลือกที่จะเสียสิทธิ์ในการเข้าร่วม ในการหั่มหั่นกันระหว่างตระกูลเซียวและตระกูลจาง จุดยืนของตระกูลถังนั้นยากที่จะเข้าใจ
ตระกูลถังในเมืองม่อเหอ นิ่งสงบจนน่าประหลาดใจ
เมื่อผู้เฒ่าเห็นโครงกระดูกสัตว์อสูรหมีจันทรโลหิตที่แขวนอยู่บนตั้นไม้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเล็กน้อย เขาหันหน้าไปทางชายหนุ่มผู้หนึ่งและพูดขึ้นด้วยความระมัดระวัง “นายน้อย ข้าว่าพวกเราควรรีบออกไปดีกว่า ภารกิจของพวกเรานั้นสำคัญยิ่ง มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นที่นี้”
เซียวเฉินสามารถจำชายหนุ่มที่เป็นผู้นำกลุ่มได้ เขาคือบุตรชายคนแรกของผู้นำตระกูลถัง – ถังหยวน โดยปกติเขามักจะไม่ปรากฎตัวและจะหลีกเลี่ยงการกระทำเตะตา
ถังหยวนมองไปที่โครงกระดูกสัตว์อสูรหมีจันทร์โลหิตที่แขวนอยู่บนต้นไม้ แต่เขาไม่ได้ใส่ใจมากนักมันเป็นเพียงสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 2 เป็นเขาก็ฆ่ามันได้สบาย เขากล่าวขึ้นพร้อมยิ้ม “ลุงสอง ข้าได้ผ่านมาที่นี้มาก่อนและได้พบเข้ากับผลอ่อนแดงที่ยังไม่สุกดีนัก นี่ก็ผ่านมานานแล้ว ข้าเชื่อว่าตอนนี้มันสุกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
เมื่อผู้เฒ่าได้ยินคำว่า ‘ผลอ่อนแดง’ สีหน้าของเขาถูกเติมเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทักษะที่เขาฝึกฝนก็เป็นธาตุไฟ ผลอ่อนแดงผลนี้จะช่วยเขาได้อย่างมาก ถ้าหากเขาโชคดี หลังจากกินมันเข้าไป การบ่มเพาะพลังของเขาอาจจะเลื่อนขึ้นอีกหนึ่งขั้น
ปัญหาเดียวที่เขามีก็คือนั้น เมื่อเขาได้เห็นโครงกระดูกของสัตว์อสูรหมีจันทร์โลหิตเขารู้สึกเป็นกังวลในใจ เขานั้นก็ใช้ทักษะบ่มเพาะพลังธาตุไฟ ดังนั้นเขาจึงบอกได้ทันทีว่าสัตว์อสูรหมีจันทร์โลหิตนั้นถูกเผาด้วยเปลวเพลิงที่มีพลังกดข่มอย่างแรงกล้า นอกจากนั้นยังถูกเผาทั้งเป็น! นอกเหนือจากกระดูกแข็งๆที่เหลือถูกเผาจนไม่เหลือซาก
ด้วยระดับพลังของเขาตอนนี้ เขาสร้างเปลวเพลิงระดับนี้ออกมาไม่ได้แน่นอน
ถังหยวนสังเกตเห็นความลังเลของผู้เฒ่าและยิ้มขึ้น “ลุงสอง พวกเรามากันตั้งเยอะ นอกเหนือท่านที่เป็นระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธ เรายังมีระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงอีกเจ็ดคน ตราบเท่าที่ไม่ไปพบกับระดับขอบเขตนักบุญก็ไม่มีเรื่องอะไรอันตราย ยิ่งกว่านั้นตำแหน่งของผลอ่อนแดงยังอยู่ในที่ลับตา ไม่มีใครพบมันได้”
ความจริงผู้เฒ่าคนนี้ก็กำลังคิดเช่นเดียวกันในใจ เมื่อชายหนุ่มคนนั้นเห็นพ้องกับเขา เขาก็หยุดลังเล “เช่นนั้นก็เร่งมือกันเถอะ และทำให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด ภารกิจของเราสำคัญที่สุด”
รอยยิ้มเบ่งบานอยู่บนหน้าของถังหยวน เป็นไปอย่างที่เขาวางแผนไว้ ตอนนี้ผู้เฒ่าสองก็รับผลประโยชน์จากเขาแล้วและผู้เฒ่าสามก็อยู่ข้างเขาเรียบร้อย หมายความว่าสองในสามผู้เฒ่ากำลังสนับสนุนข้า ข้าสงสัยนักเจ้าจะมาแข่งกับข้าได้เช่นไร
ภายใต้การนำของถังหยวน คนกลุ่มนี้ก็ได้เดินทางไปยังตำแหน่งของผลอ่อนแดงด้วยใบหน้ายิ่มแย้ม ถังหยวนแหวกหญ้าออกไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เมื่อเขาไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่า รอยยิ้มบนหน้าเขาก็แข็งค้างขึ้นมาทันใด
เกิดบ้าอะไรขึ้น? ถังหยวนคิดอย่างสงสัยครั้งก่อนที่เขาพบเข้ากับผลอ่อนแดง มันเป็นเรื่องบังเอิญมากๆที่จะมาพบมันเข้า ถ้าไม่ติดที่มันยังไม่สุกเต็มที่ตอนที่เขาพบเข้าครั้งแรก เขาเก็บมันกลับไปนานแล้ว
จะมีคนอื่นรู้ได้อีกอย่างไรว่ามีผลอ่อนแดงซ่อนอยู่ด้านหลังวัชพืชพวกนี้
ผู็เฒ่าด้านหลังถังหยวดมองไปที่กิ่งที่เพิ่งตัดใหม่ๆด้วยสีหน้ามืดมน ก่อนที่จะพูดเสียงเย็น “นี่มันเพิ่งจะถูกเด็ดไป ข้ายังได้กลิ่นมันจางๆอยู่เลย”
ถังหยวนทุบพื้นด้วยโทสะสองสามครั้ง หันกลับไปกล่าวขอโทษ “ลุงสอง ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านต้องมาเสียเวลาเปล่า หากข้ารู้มาก่อน ข้าจะเด็ดมันมาโดยไม่คิดว่ามันจะสุกหรือยังดิบ”
ผู้เฒ่าส่ายหัวและปรากฎเป็นรอยยิ้มจางๆ “พวกเราอาจจะไม่ได้มาเสียเที่ยวหรอก”
“ตูม!”
หลังจากพูดจบ ผู้เฒ่าชี้นิ้วไปยังที่ที่เขามองอยู่ มีวิหคเพลิงพุ่งออกมาจากร่างของเขา ก่อนที่จะกลายร่างเป็นวิหคขนาดใหญ่ส่งเสียงร้องอันไพเราะออกมา ทันใดนั้นมันโฉมเข้าไปที่ต้นไม้ข้างหน้าพร้อมกับปล่อยรังสีความร้อนออกมา
ก่อนที่วิหคเพลิงจะพุ่งเข้าใส่ต้นไม้ ความร้อนที่ปล่อยออกมาก็เผาต้นไม้มอดไหม้ เซียวเฉินผู้ที่กำลังซ่อนตัวอยู่ด้านหลังรีบเผยตัวและกระโดดไปยังต้นไม้ต้นอื่น
ก่อนที่เขาจะตั้งตัวได้ วิหคเพลิงก็ส่งเสียงร้องอีกครั้งและขยายตัวใหญ่ขึ้นอีกเร่งความเร็วขึ้นด้วยการกระพือปีกครั้งด้วย คลื่นความร้อนพุ่งมาในอากาศสร้างหอกเพลิงพุ่งมาทางเซียวเฉินอย่างรวดเร็ว
เซียวเฉินรีบโดดลงมาจากต้นไม้อย่างรีบร้อนก่อนที่จะมีระเบิดตามหลังเขามา คลื่นความร้อนปะทะเขาจากข้างหลังภายใต้พลังอันมหาศาล เซียวเฉินกระเด็นลงไปนอนกับพื้นด้วยท่าทางอดสู
เมื่อเขามองไปที่ต้นไม้ใหญ่นั้นอีกครั้งมันกลับไม่อยู่แล้ว! เพราะมันกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้วไงล่ะ ภายใต้ความร้อนสูงมันถูกเผาเป็นผงถ่านในพริบตา หมอกควันสีขาวกระจัดกระจายไปทั่วทิศทาง
หมอกควันสีขาวเข้าไปในจมูกของเซียวเฉิน เซียวเฉินผู้ที่เพิ่งจะได้ลุกขึ้มายืนก็เริ่มสำลัก ท่ามกลางหมอกควันวิหคเพลิงร้องออกมาอีกครั้ง ขนาดและความเร็วเพิ่มขึ้นด้วยการกระพือปีก ความเร็วของมันได้มาถึงจุดที่น่ากลัว หลังจากหมอกควันจางลงไป เซียวเฉินก้ได้พบกับวิหคเพลิงตัวขนาดเท่ารถ
บัดซับ! มันมาอีกแล้ว!
มองดูวิหคเพลิงที่กำลังไล่ต้อนเข้ามา เซียวเฉินด่าแม่มันในใจ พวกมันกำลังทำราวกับว่าข้าไม่กล้าสู้? อยากจะลองดีช่หรือไม่?
โล่อัสนีสวรรค์!
คอมเม้นต์