Immortal and Martial Dual Cultivation – บทที่ 51 เปลวเพลิงมนุษย์ เปลวเพลิงผี เปลวเพลิงมังกร เปลวพลิงสวรรค์
ตอนที่ 51 เปลวเพลิงมนุษย์ เปลวเพลิงผี เปลวเพลิงมังกร เปลวพลิงสวรรค์
เมื่อเป็นเช่นนั้นเซียวเฉินก็ไม่ได้ลังเลอีกต่อไป เมื่อผู้จัดการประมูลประกาศราคาเริ่มต้นเขาก็เคาะราคาประมูลทันที ราคาเก่าราคาเดิมสิบล้านเหรียญทองเช่นเดิม
ความวุ่นวายที่เซียวเฉินคิดว่ามันจะเกิดขึ้นแต่ในตอนนี้กลับไม่เกิด ผู้คนที่อยู่ด้านล่างชินชากับมันแล้ว ผู้เดียวที่รู้สึกเป็นกังวลคือคนที่นำของชิ้นนี้มาวางประมูล
อารมณ์ของพวกเขาตอนนี้คือกล้าๆกลัวๆ กลัวว่าเซียวเฉินนั้นจะมาเพื่อป่วนงาน อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงชื่อเสียงของศาลาหลินหลางเขารู้สึกว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกเขาจะกลับคำพูด
หลังจากที่การประมูลสิ้นสุดลงก็มีเจ้าหน้าที่นำของที่เซียวเฉินประมูลมาให้ตรวจสอบที่ห้อง เซียวเฉินตรวจสอบทีละอย่างอย่างระมัดระวัง ไม่พบว่ามีชิ้นใดมีปัญหา
เซียวเฉินไม่ได้กลับออกไปในทันที เขาส่งเหล็กน้ำค้างเหมันต์ให้กับอ๋าวเจียว “เจ้าชำระล้างมันที่นี่ได้ไหม? ข้ารู้สึกได้ว่ามีสองคนด้านนอกกำลังจับตาดูข้าอยู่”
อ๋าวเจียวพูดอย่างไม่แยแส “การรับรู้ของเจ้าพอใช้ได้ มี ‘หิ่งห้อย’ สองตัวกำลังแอบอยู่ด้านนอก การชำระล้างเหล็กน้ำค้างเหมันต์ก้อนนี้ไม่ต้องเตรียมสถานที่อะไรเป็นพิเศษหรอก”
ก้อนเหล็กน้ำค้างเหมันต์นั้นมีขนาดประมาณกระเป๋าใบหนึ่ง เมื่อเซียวเฉินถือมันไว้ในมือเขารู้สึกได้ว่ามันหนักราวหนึ่งร้อยกิโล รูปร่างของมันดำสนิทแลดูแข็งแกร่ง
อ๋าวเจียวยกเหล็กน้ำค้างเหมันต์ขึ้นมาบนมืออย่างสบายๆ จากนั้นนางก็โยนมันขึ้นไปในอากาศและเปลวเพลิงสีขาวก็ออกมาจากฝ่ามือของนางมาห่อหุ้มเหล็กน้ำค้างเหมันต์ไว้
เซียวเฉินเฝ้าสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของอ๋าวเจียว เขาจดจำทุกท่าทางของนางไว้ให้ขึ้นใจ ทักษะการชำระล้างเหล็กน้ำค้างเหมันต์ระดับสูงนั้นเป็นทักษะหายากและถูกเก็บไว้เป็นความลับ ผู้ที่รู้ถึงทักษะนี้มีจำนวนนับนิ้วได้
มีเพียงหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์ที่มีทักษะเช่นนี้ในอาณาจักรต้าฉิน นี่เป็นโอกาสในการเรียนรู้ของเขา
เปลวเพลิงสีขาวก็ยังคงเผาไหม้ต่อไปเรื่อยๆ เซียวเฉินสังเกตเห็นว่าเปลวเพลิงนี่มันไม่ได้มีลักษณะกดข่มดุร้าย แต่มันกลับให้ความรู้สึกอบอุ่น
อ๋าวเจียวควบคุมเปลวเพลิงอย่างอดทนทั้งยังหันมาสอนเซียวเฉิน “เปลวเพลืงนี้มันไม่ใช้เพลิงที่กลั่นมาจากนักบ่มเพาะพลัง มันคือเปลวเพลิงมนุษย์ที่มีชื่อว่าเปลวเพลิงกระดูกผี”
“ย้อนกลับไปในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่จักรพรรดิอัสนีซังมู่ได้ปราบมันลงตอนที่ฝึกฝนในแดนชำระเก้าขั้น หลังจากที่เขาตายเขาก็ได้ส่งมอบมันมาให้ข้า”
เปลวเพลิงมนุษย์? พอคิดว่ายังมีเปลวเพลิงแปลกประหลาดเช่นนี้อยู่บนโลก ช่างเป็นการเปิดหูเปิดตา! อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่รู้เกี่ยวกับความสามารถของเปลวเพลิงนี้
อ๋าวเจียวอธิบายต่อ “ในโลกใบนี้มีเปลวเพลิงล้ำค่าอยู่สี่ประเภท เปลวเพลิงมนุษย์,เปลวเพลิงมังกร,เปลวเพลิงผีและเปลวเพลิงสวรรค์”
“ในทวีปเทียนวู่อาณาเขตกว้างใหญ่นับล้านลี้นี้ มีเส้นเลือดมังกรใหญ่ทั้งหมดเก้าเส้น และในจุดสิ้นสุดของแต่ละเส้นนั้นมีเปลวเพลิงเส้นทางจักรพรรดิอยู่”
“นั้นคือเปลวเพลิงมังกรทั้งเก้าและเป็นที่รู้กันว่าห้าในนั้นถูกเอาไปแล้ว อีกสี่เส้นที่เหลือยังคงไม่ถูกค้นพบ นอกจากมันจะถูกฝังไว้ลึกหลายพันเมตรแล้วสภาพแวดล้อมโดยรอบยังเลวร้ายยิ่งกว่านั้นเส้นเลือดมังกรทั้งสี่ยังสามารถโยกย้ายตำแหน่งได้”
“ตามตำนานผู้ครอบครองเปลวเพลิงมังกรนั้นต้องเป็นผู้ที่สามารถปกครองอาณาจักรได้ ผู้ที่ไม่มีอาณัติของจักรพรรดิจะไม่มีทางค้นหาเปลวเพลิงมังกรพบ”
“เปลวเพลิงผีจะปรากฎอยู่ในสถานที่ที่มีพลังงานด้านลบจำนวนมาก มันปกคลุมไปด้วยควาามลึกลับและบรรจุไปด้วยพลังคงกระพัน ในทวีปเทียนวู่นี้มีสองแห่งที่มีพลังงานด้านลบมหาศาล มันอยู่ภายในถ้ำหยินลึกลับลึกเข้าไปกว่าหมื่นเมตร อีกแห่งมันรู้จักกันในชื่อนรกบนดินแดนชำระเก้าชั้น”
ทั้งสองแห่งนั้นเป็นสถานที่ต้องห้ามของทวีปเทียนวู่ อย่างไรก็ตามเปลวเพลิงผีที่ปรากฎออกมาถูกเอาไปโดยผู้เชี่ยวชาญเมื่อหลายพันปีก่อน หลายปีที่ผ่านมาเปลวเพลิงผีไม่ได้ปรากฎมาให้เห็นแล้วและสถานที่ที่มีพลังงานด้านลบทั้งสองแห่งก็ไม่ได้สร้างเปลวเพลิงผีออกมาใหม่ อย่างไรก็ตามนี้เป็นเรื่องที่คนวงนอกไม่ค่อยจะรู้นัก
“เปลวเพลิงสวรรค์รู้กันว่าเป็นเปลวเพลิงที่น่ากลัวที่สุดในโลก ตามตำนานมันสามารถชำระล้างได้ทุกสิ่งอย่างภายใต้ท้องฟ้าผืนนี้ เปลวเพลิงนี้มีเพียงบันทึกไว้ในหนังสือ มันปรากฎขึ้นภายใต้การครอบครองของจักรพรรดิเทียนวู่เมื่อเขาได้รวบรวมทวีปเป็นปึกแผ่นและก่อตั้งราชวงศ์เทียนวู่เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน”
“หลังจากการล่มสลายของราชวงศ์เทียนวู่เปลวเพลิงสวรรค์นี้ก็เลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์นานมาแล้ว”
“อันสุดท้าย เปลวเพลิงมนุษย์นี่มันพิเศษนิดหน่อย มันไม่ใช่เปลวเพลิงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ พวกมันเป็นผลมาจากนักบ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ระดับขอบเขตพระเจ้าที่กำลังจะตายลง เปลวเพลิงนี่ก่อตัวขึ้นมาจากพลัง ร่างกายและวิญญาณของระดับขอบเขตพระเจ้า”
“หลังจากที่ระดับเขตเขตพระเจ้าได้สิ้นลมหายใจพลังมหาศาลภายในร่างของเขาไม่ได้หายไป หลังจากที่มันสงบลงมันก็จะกลายเป็นเปลวเพลิงหลากหลายชนิด ซึ่งจะเรียกรวมกันว่าเปลวเพลิงมนุษย์”
หลังจากที่เซียวเฉินได้ฟังการอธิบายทั้งหมดเลือดของเขาก็สูบฉีดแรง สิ่งแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่มีทางหาดูได้ภายในเมืองม่อเหอแสนสามัญแห่งนี้
เขามีแรงกระตุ้นที่อยากจะออกจากบ้านและออกไปท่องยุทธภพ ช่างน่าเสียดายสัญญาสิบปีนั้นยังมาไม่ถึง เซียวเฉินจะต้องทำตามที่เขาสัญญาไว้ให้สำเร็จก่อน เขาไม่ใช่คนที่จะเดินจากไปเช่นนั้น
“ระดับขอบเขตพระเจ้าเคยได้ปรากฎขึ้นเป็นโลกนี้จริงๆ? ” เซียวเฉินถามขึ้น
สายตาของอ๋าวเจียวไม่ได้ละออกมาจากเหล็กน้ำค้างเหมันต์ที่กำลังถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟ นางตอบกลับ “แน่นอนถึงแม้ว่าพวกเขาจะหาตัวได้ยากแต่ก็ยังมีตัวตนอยู่”
“นอกจากนั้นตามตำนานได้กล่าวไว่ว่า ยังมีบุคคลลึกลับที่ได้ก้าวข้ามระดับขอบเขตพระเจ้าไปแล้วด้วย”
เซียวเฉินถามต่อ “เช่นนั้นจักรพรรดิอัสนีซังมู่ได้ก้าวข้ามขึ้นไประดับขอบเขตพระเจ้าหรือไม่?”
อ๋าวเจียวตอบอย่างเฉยเมย “ในขณะที่เขากำลังจะก้าวข้ามในตอนสุดท้ายเขาก็ถูกสังหารลง ข้าบอกได้แค่ว่านั้นไม่ใช่ชะตากรรมที่ควรจะเป็นของเขา”
เป็นเรื่องยากที่เซียวเฉินจะทำใจให้สงบแม้จะผ่านมาเป็นเวลานาน แม้แต่บุคคลแข็งแกร่งอย่างจักรพรรดิซีงมู่ยังถูกสังหารโดยใครบางคนในท้ายที่สุด มันไม่อยากจะเชื่อ ผู้ที่ฆ่าเขานั้นจะต้องเป็นระดับขอบเขตพระเจ้าในตำนาน?
จากนั้นเขาก็ถามถึงข้อสงสัยของเขา อ๋าวเจียวก็พูดอย่างไม่แยแส “นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องเก็บไปคิด แม้ว่าเจ้าจะรับช่วงต่อดาบไม้อัสนีมา เจ้าก็ไม่ต้องไปรับผิดชอบในการแก้แค้นให้กับเขา ”
เหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาจะรับผลประโยชน์มาโดยไม่จ่ายอะไรไปได้อย่างไร? เมื่อเขาไม่ต้องแบกรับภาระอะไรนั้นทำให้เซียวเฉินประหลาดใจ
ตั้งแต่ที่อ๋าวเจียวปรากฎตัวขึ้นมาเซียวเฉินเป็นกังวลมากกว่าสุข เมื่อเขาได้ยินนางกล่าวเช่นนั้นเขาก็โล่งใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามคำพูดต่อมาของอ๋าวเจียวทำให้เซียวเฉินแทบพ่นเลือด “แม้ว่าเจ้าจะไม่ต้องรับผิดชอบต้องไปแก้แค้นมันก็ยากที่จะบอกได้ว่าปัญหาจะไม่เดินมาหาเจ้าเอง ดังนั้นเจ้านายขยะรีบๆแกร่งขึ้นได้แล้ว”
เซียวเฉินไร้คำพูด มีความลับมากมายเกี่ยวกับตัวอ๋าวเจียว ทำไมดาบที่อยู่ในถ้ำจักรพรรดิอัสนีถึงได้แตกสลายลง? ใครเป็นคนสังหารจักรพรรดิอัสนี? แล้วเขากลายมาเป็นเจ้านายของนางได้เช่นไร?
ในตอนนี้เซียวเฉินไม่ค่อยรู้อะไรมาก นอกจากนั้นเมื่อใดก็ตามที่เขาเปิดปากถามอ๋าวเจียวนางก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไรสักอย่าง ในวันนี้ในที่สุดนางก็เปิดเผยบางสิ่งแต่นั้นก็ทำให้เขางงหนักเข้าไปอีก
“ฟู่ว!”
โลหะที่ถูกห่อหุ้มไว้ในเปลวเพลิงได้กลายเป็นของเหลวแล้ว เห็นได้ชัดว่าอุณภูมิด้านในของเปลวเพลิงกระดูกผีนั้นร้อนระอุกว่าที่เห็นจากด้านนอกนัก
พวกเขาได้พูดคุยกันเพียงห้านาทีเท่านั้นเหล็กน้ำค้างเหมันต์ระดับสูงก้อนนี้ก็ละลายกลายเป็นของเหลว หากเซียวเฉินใช้เปลวเพลิงอัสนีม่วงที่แท้จริงของเขามันอาจจะต้องกินเวลากว่าครึ่งวัน ด้วยความแตกต่างระดับนี้ง่ายที่จะบอกได้ถึงความห่างชั้นกับเปลวเพลิงกระดูกผี
อ๋าวเจียวตะโกนออกมาเบาๆ เมื่อเห็นความจริงจังบนใบหน้าอันน่ารักของนาง เซียวเฉินไม่อาจหุบยิ้มได้
ทันใดนั้นดาบหักเปล่งประกายก็ปรากฎออกมาร่ายรำไปรอบๆของเหลวภายในเปลวเพลิง
ในเสี้ยววินาทีนั้นประกายไฟก็ลุกเติมเต็มไปทั่วห้อง ทุกประกายแสงนั้นส่งเสียงระเบิดออกมา เซียวเฉินเห็นดังนั้นเขารีบหลบไปด้านหลังของอ๋าวเจียว
ทุกครั้งที่เปลวไฟพุ่งออกมาของเหลวภายในเปลวเพลิงกระดูกผีก็หยดลงมาทีละหยด เซียวเฉินคิดในใจนั้นจะต้องเป็นสิ่งสกปรกที่ผสมภายในเหล็กน้ำค้างเหมันต์ระดับสูงก้อนนี้
เมื่อพูดถึงเหล็กน้ำค้างเหมันต์คุณภาพระดับสูงมันจะมีสิ่งแปลกปลอมเพียงเล็กน้อยผสมอยู่ในนั้น ในการที่จะกำจัดสิ่งแปลกปลอมนั้นออกมานอกจากจะต้องมีสายตาที่เฉียบคมแล้วยังต้องเคลื่อนไหวได้รวดเร็วอีกด้วย แม้ว่าของเหลวนี้จะดูสงบนิ่งแต่ภายในนั้นหมุนวนอย่างรวดเร็ว
เซียวเฉินปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณของเขาและเข้าไปภายในของเหลว ที่ปรากฎตรงหน้าเขาคือโลกที่ร้อนระอุสีแดง แม้จะเข้าไปด้วยสัมผัสวิญญาณเขาก็ยังรู้สึกได้ถึงอุณภูมิอันน่ากลัวนี้
ภายในโลกร้อนระอุสีแดงนั้นมีสสารที่เซียวเฉินไม่รู้จัก มันไหลวนอย่างต่อเนื่อง หลังจากสังเกตมาเป็นเวลานานเขาก็เกิดความคิดขึ้นมา
สสารบริสุทธิ์สีดำนี้จะต้องเป็นแก่นสารของเหล็กน้ำค้างเหมันต์ ในบางจังหวะก็จะมีสิ่งเจือปนสีเทาถูกดึงออกไป
ดาบสั้นที่อ๋าวเจียวใช้อยู่นั้นเหมือนกับเครื่องจักรที่แม่นยำในโลกก่อนของเขา เมื่อสิ่งเจือปนสีเทานั้นถูกดึงออกไปแก่นกลางของเหล็กน้ำค้างเหมันต์ก็จะถูกแต่งไว้อย่างสมบูรณ์
เซียวเฉินดึงสัมผัสวิญญาณกลับมามองไปที่ใบหน้าอันน่ารักนั้นดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ อ๋าวเจียวไม่ใช่เพียงแค่สกัดยาได้เท่านั้น… ทักษะที่นางกำลังแสดงอยู่ตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะทำได้
ผู้หญิงคนนี้ยังซ่อนความลับอะไรไว้อีก? นี่ข้าจะเชื่อใจนางได้จริงๆใช่ไหม?
“เสร็จแล้ว!” อ๋าวเจียวถอนหายใจพูดขึ้นอย่างร่าเริง
ดึงเปลวเพลิงกระดูกผีกลับมาที่ฝ่ามือของนางและเหล็กน้ำค้างเหมันต์ขนาดเท่ากำปั้นก็ปรากฎขึ้นบนมือของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสุข
“เจ้านายขยะ! ให้เจ้า!”
เซียวเฉินรับเหล็กน้ำค้างเหมันต์มาจากอ๋าวเจียวด้วยความปลื้มปิติในใจ เหล็กน้ำค้างเหมันต์ระดับสูงสุดก้อนเท่ากำปั้นนี้มีค่ามากกว่าเหล็กน้ำค้างเหมันต์ระดับสูงเป็นร้อยเท่า
อย่างไรก็ตามเซียวเฉินนั้นพบว่าสีหน้าของอ๋าวเจียวดูแย่ลงกว่าเดิม เขารู้สึกโกรธในใจ “เมื่อครู่เจ้าโกหกข้าใช่ไหม? สีหน้าเจ้าแย่กว่าเดิมอีกในตอนนี้ เจ้าต้องไปทำเรื่องอะไรอันตรายมาใช่ไหมก่อนหน้านี้?”
“พอคิดว่าเจ้าโกหกข้าว่าร่างของวิญญาณดาบนั้นต่างจากร่างกายของมนุษย์ ไม่สามารถนำอาการมาเปรียบเทียบกันได้ เจ้าในตอนนี้ดูย่ำแย่กว่าเดิมเพราะเหนื่อยล้าจากการชำระล้างเหล็กน้ำค้างเหมันต์”
อ๋าวเจียวยังเล่นลิ้น “พอคิดว่าเจ้ายังเอามาตราฐานของมนุษย์มาใช้กับวิญญาณดาบแล้ว เจ้าไม่ใช่แค่ขยะเจ้ายังโง่ด้วย ไปจัดการกับพวก ‘หิ่งห้อย’ ข้างนอกนั้นเองเลยไป”
หลังจากอ๋าวเจียวพูดจบนางก็เหมือนรู้ว่าตัวเองผิดและกระโดดกลับเข้าไปในแหวนก้วงจักรวาล และไม่กลับออกมาอีกเลยหลังจากนั้น
เซียวเฉินถอนหายใจยาว ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงได้ชื่อว่าอ๋าวเจียว จักรพรรดิอัสนีเลือกชื่อได้ไม่ผิดจริงๆ นางช่างน่ารัก หยิ่งยโสแล้วก็ดื้อรั้น
** 熬娇 อ๋าวเจียว ตัวแรกแปลว่าภูมิใจและหยิ่งยโส ตัวที่สองแปลกว่าน่ารัก
ปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณของเขาออกมาอีกครั้งสังเกตเห็นศิษย์ตระกูลถังที่ซ่อนตัวอยู่ มุมปากของเขายกขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มเย็นชา อ่อนหัดเกินไปที่จะมาเล่นกับข้า
คอมเม้นต์