Immortal and Martial Dual Cultivation – บทที่ 60 สยายปีกจันทร์โชติช่วง

อ่านนิยายจีนเรื่อง Immortal and Martial Dual Cultivation ตอนที่ 60 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 60 สยายปีกจันทร์โชติช่วง

“จางเหอได้หยิบดาบอริยะเงามาใช้ ความเป็นมาของดาบอริยะเงานั้นไม่ธรรมดา มันไม่ใช่อาวุธวิญญาณระดับลึกซึ้งทั่วไป”

“มันไม่ใช่เพียงคำเล่าลือมันเป็นเรื่องจริงที่ดาบเล่มนั้นมีที่มาไม่ธรรมดา ดาบอริยะเงานี้มีพลังฉีคุณธรรมแฝงอยู่ ตามที่เล่ากันมาบรรพบุรุษตระกูลจางได้รับมันมาจากปราชญ์ดาบ

“ดาบอริยะเงาปะทะกระบี่เงาจันทร์ พวกมันทั้งคู่ต่างมีที่มาไม่ธรรมดา ใครจะรู้ว่าฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะ”

“ไม่น่าจะต้องถาม? มันต้องเป็นจางเหอแน่นอน ความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่าเซียวเฉิน และตอนนี้เขายังงัดอาวุธสุดยอดออกมาใช้ เขาจะแพ้ได้เยี่ยงไร?”

ไม่เคยมีการประลองที่หรูหราขนาดนี้มาก่อนในเมืองม่อเหอ ฝูงคนที่อยู่ห่างออกไปเห็นจางเหอหยิบดาบอริยะเงาออกมา เสียงคำถกเถียงกันก็ทวีคูณขึ้นไปอีก

เซียวเฉินยกกระบี่ขึ้นยืนตัวตรงร่างของเขาตั้งตรงราวกับเสาหิน แสงสายฟ้าบนตัวกระบี่ก็ยังเป็นประกายออกมาอย่างต่อเนื่อง นัยตาของเขาเต็มไปด้วยไฟแห่งการต่อสู้ แม้ว่าจางเหอจะหยิบดาบอริยะเงาออกมาเซียวเฉินก็ไม่ปรากฎแม้แต่เศษเสี้ยวแห่งความกลัว

จางเหอค่อยๆจับดาบอริยะเงาพร้อมกับพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “มันมีพลังฉีคุณธรรมอยู่ภายในดาบอริยะเงาเล่มนี้ มันถูกทิ้งไว้โดยปราชญ์ดาบในครั้งที่บรรพบุษตระกูลจางช่วยเอาไว้”

“ในตอนนั้น ปราชญ์ดาบเพิ่งจะได้เข้าใจถึงพลังฉีคุณธรรมยังไม่ได้เป็นผู้ชนะทะเลทั้งสี่ แม้ว่าในดาบเล่มนี้จะมีพลังเพียงสายเดียวมันก็สามารถคงอยู่มาได้นับพันปี มันจะไม่มีวันจางหายไป ได้ตายด้วยดาบเล่มนี้ในวันนี้ถือเป็นเกียรติของเจ้า”

พลังฉีคุณธรรม?

เซียวเฉินยิ้มอย่างเย็นชาในใจ แม้ว่าพลังฉีคุณธรรมจะดูน่ากลัวมันก็เป็นแค่ของทั่วไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ รากปัญญาแห่งการต่อสู้ที่อ๋าวเจียวใส่ไว้ในกระบี่เงาจันทร์ของเขาคือสิ่งที่ได้รับมาจากจักรพรรดิอัสนี

จักรพรรดิอัสนีใช้ชิ้นส่วนหนึ่งในหกของรากปัญญาแห่งการต่อสู้นี้สร้างเป็นดาบไม้อัสนีขึ้นมา ไม่อาจทราบได้ถึงจำนวนที่แน่ชัดของชาวแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกมันสังหาร หากจางเหอยังคิดอะไรตื้นๆเช่นนี้เซียวเฉินก็ไม่ขัดที่จะทำให้เขาประหลาดใจ

จางเหอเห็นสีหน้าของเซียวเฉินไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด เขาผิดหวังเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ เซียวเฉินผู้นี้ช่างใจสู้ ไม่มีคำพูดใดสั่นคล่อนจิตใจของเขาได้

จิตใจของเขาไม่ไขว้เขวและกระแสพลังของเขาก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ไร้ซึ่งจุดอ่อนมันทำให้ยากที่จะลงมือ

เมื่อไม่มีใครคิดจะเปิดข้าจะเปิดให้เองก็ได้ จางเหอคิด เขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ หากเขาไม่จัดการเจ้าระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นกลางนี่เสียตั้งแต่วันนี้ มันจะสร้างปัญหาอีกในอนาคต

เขาจะได้กลายเป็นตัวตลกของสำนักผาขาว และจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้เข้าไปในแดนศักดิสิทธิ์ ดังนั้นเขาจะต้องชนะการประลองนี้นอกจากนั้นมันยังเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย

เป็นชัยชนะที่ไร้ข้อกังขาให้ผู้คนนำไปเล่าขาน ทิ้งเป็นรอยด่างของเซียวเฉินที่ยากจะสลัดออก

จางเหอระเบิดเสียงคำรามออกมาและพลังฉีคุณธรรมภายในดาบอริยะเงาก็พวยพุ่งออกมา รังสีฆ่าฟันของพลังฉีกระจายออกไปทั่วทุกแห่งสั่นสะเทือนสวรรค์ตัดผ่านปฐพี ก่อนที่ดาบยังไม่ได้ขยับแรงขับมหาศาลของดาบก็ก่อตัวขึ้นมาแล้ว

พลังฉีคุณธรรม

มันคงอยู่ทั้งสวรรค์และปฐพี

จู่โจมตามข้าปราถนา

สำเร็จโทษเหล่าทวยเทพ

กวาดล้างหมู่มาร!

ดาบฉีฟ้าคราม

มุ่งไปตามปราถนา

หันคมไปตามที่ข้านำ

ปลดปล่อยพลังไปทั่วทุกสารทิศ!

วิหคสวรรค์สยายปีก

ปรากฎกายและหายไปไร้ร่องรอย

พริวไหวดุจสายลม

จู่โจมดุจสายฟ้า!

ฆ่า!ฆ่า!ฆ่า!

***ตอนนี้ผมแปลในไอแพดไม่สะดวกไปเปิดเทียบจีน ข้างบนนี่น่าจะเป็กลอนจีนยกเว้นตรงคำว่าฆ่า

ทันใดนั้นจางเหอก็ผสมผสานสามสุดยอดพลังจู่โจมเข้าด้วยกัน ดาบฟ้าครามและพลังฉีคุณธรรมเพิ่มด้วยทักษะเคลื่อไหวอันเลื่องชื่อ ใครกันที่จะสามารถตั้งรับกระบวณท่านี้ได้!

ทันใดนั้นมันก็เหมือนกับพายุที่โหมกระหน่ำเจตนาฆ่าที่ไร้ขอบเขตพุ่งตรงมาทางเซียวเฉิน ดาบในมือของจางเหอเรืองดาบแสงออกมา ดาบแสงยาวกว่าสองเมตรห่อหุ้มและปล่อยดาบพลังฉีออกมา

“ฟุ่ว!”

เซียวเฉินไม่เคยพบกับดาบที่รวดเร็วเช่นนี้มาก่อน เมื่อครู่จางเหอยังรวรวมดาบแสง เซียวเฉินยังไม่ทันเห็นเขายกดาบขึ้นมาด้วยซ้ำแต่ทันใดนนั้นดาบแสงก็พุ่งมาถึงหน้าของเขาแล้ว

เซียวเฉินรู้สึกประหลาดอย่างมากในใจ ชั่วพริบตาเดียวเขาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นความตาย ตั้งนานมาแล้วท่าไม้ตายก้นหีบของเขาก็คือทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์ – มังกรดิ่งทลายทัพ

แม้สถานการณ์จะย่ำแย่ถึงเพียงนี้ตราบใดที่เขางัดมังกรฟ้าห้วนกลับออกมาใช้ ต่อให้มีสิบจางเหอก็ต้องกลายเป็นผง

อย่างไรก็ตามจางเหอตรงหน้าของเขารวดเร็วเกินไป เขาไม่มีโอกาสได้ใช้มีลังกรฟ้าห้วนกลับ

ในจังหวะนี้เขาไม่มีเวลามาคิดเยอะ ดาบแสงนั้นแทบจะมาถึงปลายผมของเขาอยู่แล้ว หากเขายังมัวแต่คิดคงได้ลงไปนอนดิ้นเป็นแน่

โล่อัสนีสวรรค์!

ในตอนที่ยังอยู่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นต่ำเขาใช้โล่อัสนีสวรรค์ป้องกันทักษะต่อสู้ระดับลึกซึ้งเอาไว้ได้

ในขณะนี้เขาได้ก้าวมาสู่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พลังปราณของเขาแข็งแกร่งกว่าเดิมมากกว่าเท่าตัว คิดว่าพลังป้องกันของโล่อัสนีสวรรค์จะต้องเพิ่มขึ้นมาเป็นเท่าตัวเช่นกัน

“ปัง!”

ดาบแสงปะทะเข้ากับโล่สายฟ้าระยิบระยับและส่งเสียงระเบิดออกมา พลังงานมหาศาลระเบิดออกมาจากมัน เซียวเฉินผู้ที่หลบอยู่หลังโล่อวัยวะภายในของเขาเกิดเคลื่อน เขากระอักเลือดออกมาอีกครั้ง

สำหรับนักบ่มเพาะพลังทั่วไปหากอวัยวะภายในของเขาเคลื่อนเขาจะต้องหมดสภาพในการต่อสู้ อย่างไรก็ตามร่างกายของเซียวเฉินมีพลังงานจิตวิญญาณช่วยบรรเทาความเสียหาย เพิ่มด้วยความแข็งแกร่งจากทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่ต้องไปคิดมากเกี่ยวกับมัน เขายังคงต่อสู้ต่อไปได้อยู่

จางเหอมองไปที่โล่อัสนีสวรรค์สองคิ้วขมวดติดกัน เขาไม่เคยรู้จักกับทักษะป้องกันที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาก่อน รอยร้าวที่ฝากไว้บนโล่ตอนนี้กำลังเริ่มซ่อมแซ่มอย่างช้าๆ

ทักษะบ้าอะไรแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อยู่ต่อหน้าพลังฉีคุณธรรมเจ้าควรแหลกกระจุยไปแล้ว!

“สยายปีก,หนึ่งดาบตัด!”

จางเหอตะโกนออกมาเบาๆ ทั่วทั้งร่างของเขาดูราวกับผสานเป็นหนึ่งเดียวกับดาบ เรืองแสงที่เคยมีอยู่บนดาบ ตอนนี้ไร้สีไร้พลังฉีไม่มีสายลมมาห่อหุ้ม

ดาบนั้นสับลงบนโล่อัสนีสวรรค์ของเซียวเฉิน มันไม่ได้เกิดเสียงอะไรขึ้นมาแต่กระแสไฟฟ้าที่อยู่บนโล่หดหายไปย่างรวดเร็ว เซียวเฉิบเจ็บหนักและกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง

มือของเขาสานผนึกอย่างรวดเร็ว ก้อนเมฆสองจากห้าก้อนรอบตัวมังกรฟ้าจางหายไปเปลี่ยนเป็นเส้นพลังปราณไหลเข้าไปในโล่อัสนีสวรรค์อย่างรวดเร็ว เรืองประกายแสงบนโล่กลับมาอีกครั้ง

“สยายปีก,ร่ายรำอลหม่านพันปี!”

จางเหอดูเหมือนจะไม่ท้อแท้และใช้ทักษะต่อสู้ท่าอื่นออกมาอีก เทียบกับกระบวณท่าก่อนหน้าครั้งนี้รุนแรงและดุดันยิ่งกว่า

ดาบพลังฉีนับไม่ถ้วนราวกับห่าฝนพร้อมสายลมฤดูใบไม้ร่วง พวกมันโจมตีไปที่โล่อัสนีสวรรค์ ร่างของจางเหอเคลื่อนเปลี่ยนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่เขาโยกตำแหน่งดาบพลังฉียี่สิบเส้นพุ่งเข้าใส่โล่อัสนีสวรรค์

เขาโยกย้ายตำแหน่งไปในอากาศพร้อมกับส่งดาบพลังฉีออกไป 1620 เล่ม ทุกเล่มมีพลังเท่ากับครึ่งนึงของสยายปีกหนึ่งดาบตัด

เซียวเฉินประคองโล่อัสนีสวรรค์เอาไว้แต่เลือดก็ยังมีไหลออกมาจากมุมปากของเขาไม่หยุดสาย อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ เขาปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณออกไปค้นหาตำแหน่งของจางเหอและจับตาดูการเคลื่อนไหวนั้นไว้

แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บไปทั้งตัวและเสียเปรียบเต็มประตู จิตใจเขาก็ยังคงไม่หวั่นไหว กระแสพลังของเขาไม่ได้ลดลงและเขาก็ยังไม่ได้แสดงฝีมืออกมา

“สยายปีก ข้าจำได้ว่าทักษะต่อสู้นี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยปราชญ์ดาบแห่งสำนักผาขาว พอคิดว่าจางเหอนั้นได้สำเร็จวิชานี้มา แม้ว่ามันจะเป็นเพียงสองกระบวณท่าแรกมันก็เพียงพอแล้วที่เขาจะสามารถมองต่ำไปที่รุ่นเดียวกับเขา”

“เซียวเฉินนั้นก็ไม่ใช่ธรรมดา ภายใต้พลังของฉีคุณธรรมและดาบฉีฟ้าครามเขายังสู้มาได้จนถึงตอนนี้”

“จางเหอยังไม่ได้ผสานวิหคสวรรค์สยายปีก,พลังฉีคุณธรรมและดาบฉีฟ้าครามเข้าด้วยกันอย่างแท้จริง มันไม่ได้สร้างขึ้นมาจากพลังปราณ มิเช่นนั่นดาบนั้นคงสามารถสังหารระดับขอบเขตปรมจารย์ได้อย่างง่ายดาย”

“มองไปที่จางเหอ ดูเหมือนเขากำลังจะใช้กระบวณท่าที่สามของสยายปีก มันเป็นไปได้ว่าเขาสำเร็จทั้งสามกระบวณท่าด้วยอายุเพียงเท่านี้?”

ฝูงชนที่อยู่ห่างออกไปโห่ร้องขึ้นอย่างประหลาดใจ การประลองในวันนี้ช่างเปิดหูเปืดตานัก ไม่ใช่แค่จางเหอแม่แต่เซียวเฉินก็ทำให้พวกเขาคาดไม่ถึง

“สยายปีกจันทราโชติช่วง”

ท่ามกลางความประหลาดใจของฝูงชนกระบวณท่าที่สามของสยายปีกจางเหอก็ใช้มันออกมา

บนสนามประลองจางเหอยืนอยู่ห่างจากเซียวเฉินยี่สิบเมตร ดาบของเขาชี้ตรงไปที่สวรรค์ ท้องฟ้ายามค่ำทันใดนั้นก็กลายไปดำมืดสนิท จันทร์เต็มดวงค่อยๆปรากฎออกมา แสงสีเหลืองอร่ามของจันทร์เต็มดวงสาดส่องไปทั่วท้องฟ้า

“มันทำให้เกิดปรากฎการณ์ลึกลับขึ้นมา ทักษะต่อสู้สยายปีกมันอยู่ระดับไหนกันแน่? ทำไมมันถึงน่ากลัวถึงเพียงนี้?” ไม่มีใครคาดคิดว่ากระบวณท่าที่สามของสยายปีกนนั้นจะทำให้เกิดเหตุกาณ์ลึกลับขึ้นมาได้

ข้างบนจันทร์เต็มดวงปรากฎเป็นร่างจางๆกำลังถือดาบวิญญาณไว้ในมือของเขา มันดูราวกับว่าเขาลงมาจากสวรรค์ จันทร์เต็มดวงช่วยเสริมบารมีของเขาให้เขาดูเหมือนกับทวยเทพที่กำลังลงมาโปรด

จางเหอผู้ที่ยืนอยู่ในสนามประลองตั้งดาบขึ้นมาอย่างช้าๆ ร่างที่ปรากฎบนท้องฟ้านั้นทำตามการเคลื่อนไหวของเขา ทันใดนนั้นเขาก็ชี้ดาบมาที่เซียวเฉินผู้ที่กำลังยืนอยู่หลังโล่อัสนีสวรรค์

เซียวเฉินรู้สึกราวกับว่าหัวใจเขากำลังจะหยุดเต้น พื้นที่รอบข้างเขากลายเป็นดำมืด ทุกๆคนดูเหมือนกำลังจะหายไป ไม่มีจางเหอ ไม่มีเจ้าลานประลองไม่มีฝูงชน มีเพียงดินแดนดำมืดที่ไร้ขอบเขตและความเปล่าเปลี่ยวทั่วทุกหนแห่ง

มันช่างเป็นความรู้สึกที่น่ากลัว ผู้ที่ไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้กับเซียวเฉินไม่อาจเข้าใจได้ ใจของเซียวเฉินฟั่นเฟืองและกำลังจะเคลื่อไหว

ทันใดนั้นจิตวิญญาณต่อสู้มังกรฟ้าในร่างของเขาคำรามออกมาเบาๆ พื้นที่ดำมืดนี้ก็อันตรธานหายไปปรากฎเป็นภาพก่อนหน้า เซียวเฉินในที่สุดก็สงบใจลงได้

จางเหอเลิกคิ้ว เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าหัวใจของเซียวเฉินกลับมาเต้นอีกครั้ง ตอนนี้เขายังใจเย็นได้อยู่ แต่ไม่อาจหยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดวงจันทร์ยังลอยสูงอยู่บนฟ้าเขาไม่อาจหยุดมือได้ตอนนี้

“ทำลายมันซะ!”

จางเหอตะโกนออกมาเสียงดังดาบของเขาชี้ไปทางเซียวเฉิน ร่างบนท้องฟ้าสัมผัสได้ถึงความโกรธของจางเหอและตโกนออกมาในเวลาเดียวกัน “ทำลายมันซะ!”

“ทำลาย!”

“ทำลาย!”

“ทำลาย!”

ทันใดนั้นก็มีเสียงก็ตะโกนออกมารอบทิศทาง แรงกดดันมหาศาลกระจายไปทั่วทักทิศ ดูเหมือนว่าพลังอำนาจในเสียงนั้นจะทำให้ผู้คนหวาดกลัว

“นี่มันเสียงของทวยเทพ…. จันทร์โชติช่วงสามารถปลดปล่อยเสียงแห่งทวยเทพออกมา”

ผู้บ่มเพาะพลังที่ไม่แข็งแกร่งท่ามกลางฝูงชนนั้นล้มหมดสติไปด้วยเสียงอลแห่งทวยเทพ แม้แต่ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งยังรู้สึกไม่ดี

“เสียงแห่งทวยเทพพลังช่างน่ากลัว แล้วพลังดาบที่ตามออกมาจะขนาดไหน?” คนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปพูดขึ้นมาด้วยเสียงสั่นกลัว

เซียวเฉินยังคงสงบนิ่ง สุดยอดวิถีบ่มเพาะพลังในตำราบ่มเพาะพลัง ทักษะบ่มเพาะพลังอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์กำลังหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่ง พลังปราณของเขาถูกดึงมาใช้เท่าที่จำเป็น เรืองแสงสีม่วงปรากฎออกมาจากร่างของเขา

จางเหอยังยืนอยู่จุดเดิมไม่ได้ขยับไปไหนและทำเพียงชี้ดาบไปเขาไปที่เซียวเฉิน ก่อนที่จะฟันไปทางเซียวเฉินที่อยู่ห่างออกไปกว่ายี่สิบเมตร

เขากำลังทำอะไร? ต่อให้เขาอยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ ดาบพลังฉีที่ปล่อยออกมาด้วยระยะทางกว่ายี่สิบเมตรพลังของมันจะหดหายไป นั้นมันไม่พอที่จะทำลายโล่อัสนีสวรรค์ของข้าลง

เซียวเฉินคิดอย่างงุนงงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเงยหัวขึ้นมาก่อนที่จะปรากฎสีหน้าตกตะลึง ในที่สุดเข้าก็เข้าใจว่าจางเหอคิดจะทำอะไร

ร่างในดวงจันทร์นั้นก็เลียนแบบท่าของจางเหอและสับลงมาที่เขาอย่างบ้าคลั่ง

จันทร์โชติช่วง

ส่องทั่วท้องฟ้า

บุรุษกล้าจากสวรรค์

ฟาดฟันดาบทวยเทพ

ปุถุชนเหมือนมดปลวก

พวกเจ้าใครจะกล้าประจัญ?

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด