Immortal and Martial Dual Cultivation – บทที่ 70 ความเปล่งประกายของฤดูใบไม้ผลินั่นสุดยอด
ตอนที่ 70 ความเปล่งประกายของฤดูใบไม้ผลิช่างสุดยอด
ร่างสีดำเทานั้นขี่วิหคยักษ์บินไปรอบๆบนหัวของเขาไม่ได้ผ่านไปแต่อย่างใด เซียวเฉินรู้สึกว่าเขาถูกจับต้องด้วยสายตาที่มืดมน หากเขาขยับตัวแม้แต่นิดเดียวเขาอาจจะถูกสังหารภายในพริบตา
“ซูว!”
ร่างสีขาวเมื่อก่อนหน้านี้ก็พุ่งเข้ามาเช่นกัน เซียวเฉินมองไปที่ร่างสีขาวและรู้สึกว่าจิตใจของเขาปั่นป่วนมันรบกวนใจเขาเป็นอย่างมาก
ร่างเงาสีขาวในอากาศนั้นเป็นหญิงสาวดูอ่อนเยาว์ นางถือหอกสีทองยาวกว่าสองเมตรไว้ในมือ ใบหน้าที่บอบบางของนางเป็นดั่งตัวแทนของความงดงามทั้งปวง ผิวของนางเรียบเนียนราวกับหยก รูปร่างหน้าตาของนางราวกับออกมาจากภาพวาดและมีดวงตาที่เป็นประกายเหมือนดวงดาว
เซียวเฉินไม่เคยได้พบกับหญิงที่งดงามเช่นนี้มาก่อน ไม่มีคำพูดใดในโลกที่จะมาบรรยายถึงความงดงามของนางได้ นางเป็นเหมือนกับเม็ดหยกที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติและไม่ต้องผ่านการปรุงแต่งใดๆ
“ท่านนายกอง ท่านไล่กวดข้ามาสิบวันสิบคืนเต็ม จากเมืองเจียงเฟิงชายแดนของอาณาจักรต้าฉินจนมาถึงเมืองม่อเหอเล็กๆแห่งนี้ เจ้าจะไม่ปล่อยข้าไปจริงๆรึ?”
ร่างดำมืดพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองพร้อมกับความไม่พอใจ “เพียงเพราะข้าปลุกจิตวิญญาณอสูรปีศาจขึ้นมา? ท่านนายกองตั้งแต่ที่เจ้ามาถึงด่านชายแดนข้าจำได้ว่าสู้รบประมือพร้อมกับเจ้ามามากกว่าหนึ่งร้อยสมรภูมิเล็กใหญ่ ได้บาดแผลมานับร้อยหรือว่าเจ้าลืมไปแล้ว?”
ใบหน้าอันงดงามของนางเผยความรู้สึกเจ็บปวดออกมา ผู้ใดที่มาพบเห็นไม่อาจจะต้านทานมันได้ ริมฝีปากสีแดงของนางเปิดออกและนางพูดขึ้นด้วยเสียงค่อยเบา “เสี่ยวเฮย ข้าไม่เคยคิดที่จะฆ่าเจ้ามาก่อน ถึงแม้ว่าเจ้าจะบ่มเพาะพลังจิตวิญญาณต่อสู้ปีศาจและสังหารสหายของตัวเองไปสามคน ข้าต้องการเพียงแค่กำจัดจิตวิญญาณต่อสู้ปีศาจของเจ้าออกไป”
“ฮ่า!ฮ่า!ฮ่า!” ร่างสีดำหัวเราะออกมาเสียงดัง “เจ้าไม่ต้องการที่จะฆ่าข้าและเจ้าก็ใช้ทักษะระดับปฐพีคลื่นสมุทรไร้ขอบเขตออกมา หากข้าไม่ได้โชคดีข้าคงจะตายไปนานแล้ว”
“เมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อเจ้าต้องการจะฆ่าข้าข้าก็จะจบสายสัมพันธ์อันเก่าแก่ของพวกเราและส่งเจ้าไปพบสหายทั้งสามซะ”
กระบี่ปรากฎขึ้นในมือของร่างสีดำพร้อมกับที่เขาขี่นกตัวยักษ์และพุ่งตรงไปหาหญิงสาว รอยแยกสีดำปรากฎขึ้นในอากาศพร้อมกับกรงเล็บของวิหคเฉือนไปที่นาง
หลังจากที่วิหคสีดำโจมตีร่างสีดำก็กระโดดขึ้นไปและส่งกระบี่แสงสีดำไปที่หญิงสาว
เซียวเฉินตื่นตะลึงมันเห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของชายร่างดำนั้นเทียบไม่ได้กับหญิงสาวในชุดขาว เห็นได้ชัดว่าเขาต้องใช้วิหคตัวนั้นเพื่อบินขึ้นไปขณะที่หญิงสาวชุดขาวสามารถบินไปมาได้โดยปราศจากตัวช่วย
อย่างไรก็ตามด้วยวิหคยักษ์ที่โจมตีเข้ามาพร้อมกับเขามันก็เป็นสถานการณ์แบบสองลุมหนึ่ง เป็นไปได้ว่าหญิงสาวชุดขาวคนนั้นจะเสียเปรียบอย่างร้ายแรง
แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เซียวเฉินคาดไว้ หญิงสาวชุดขาวจับหอกของนางขึ้นมาและสะบัดมันออกไป มังกรทั้งเก้าปรากฎออกมาข้างหลังของนางส่งเสียงคำรามออกมาอย่างก้าวร้าว
ร่างของหญิงสาวส่งพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ออกมา ภายใต้แรงกดดันเช่นนี้เซียวเฉินแทบจะคุกเขาลงหมอบกราบ ทันใดนั้นกระแสพลังของมังกรฟ้าโบราณก็ถูกปลดปล่อยออกมจากร่างของเซียวเฉิน พลังอำนาจมหาศาลนั้นก็ราวกับว่ามันไม่ได้มีตัวตนอยู่และเซียวเฉินก็สามารถผ่อนคลายลงได้
ด้วยมังกรทองทั้งเก้าที่ปกป้องร่างของนางเอาไว้รอยแยกที่สร้างขึ้นมาจากวิหคยักษ์สีดำก็ถูกสยบลง หอกยาวสีทองทันใดนั้นก็หันไปโจมตีใส่ร่างสีดำ
ร่างสีดำตีลังกากลางอากาศหลบเลี่ยงพลังฉีมังกรที่พลุ่งพล่าน วิหคสีดำข้างหน้าดูเหมือนจะเชื่อมต่อกระแสจิตเข้ากับเขามันกลับมารับเท้าเขาอย่างแม่นยำ
มังกรทั้งเก้าว่ายวนไปในอากาศเร่งจังหวะในการต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสองเร็วยิ่งขึ้น ร่างของพวกเขาพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมา ต้นไม้บริเวณโดยรอบพวกเขาแตกสลายกลายเป็นผงทันที
มีเสียงเปล่งคำรามจากมังกรออกมาไม่หยุดและพลังฉีสีดำอันไร้ขอบเขตขยายกว้างออกไป พลังฉีสีทองและพลังฉีสีดำปะทะกันอย่างรุนแรงในอากาศ
เซียวเฉินเต็มไปด้วยความไม่พอใจ พวกเขาทั้งสองเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดพลังที่พวกเขาปลดปล่อยออกมาอาจทำให้เขาสาหัสได้หากมีสักเศษเสี้ยวพุ่งมาโดนร่างของเขา
เซียวเฉินไม่อาาจจะทำอะไรได้นอกจากยกโล่อัสนีสวรรค์ขึ้นมาป้องกันพลังงานพวกนั้นเป็นครั้งครั้งไป แต่อวัยวะภายในของเซียวเฉินก็ยั่งสั่นสะเทือนทำให้โลหิตและพลังฉีของเขาปั่นป่วน
ในไม่ช้าเซียวเฉินก็ไม่อาจมองเห็นเงาของพวกเขาได้อย่างชัดเจนอีกต่อไป ผ่านทางสัมผัสวิญญาณของเซียวเฉินเห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของหญิงสาวชุดขาวนั่นเหนือกว่า อย่างไรก็ตามระหว่างที่ต่อสู้กันเขาก็พบว่านางไม่ได้ใช้พลังออกมาเต็มพิกัด
เห็นได้ชัดว่านางมีข้อจำกัดบางอย่าง พลังที่แท้จริงของมังกรทั้งเก้าไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้เต็มที่
“เย่เฉินโจวเจ้าตกต่ำลงถึงขั้นนี้เชียว? ลากระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดเข้ามาในการต่อสู้ ความภูมิใจของเจ้าหายไปไหน?” เสียงอันไพเราะของหญิงสาวเต็มไปด้วยโทสะอันไร้ขอบเขตพร้อมกับทั้งสองที่ลอยลงมาช้าๆ
เย่เฉินโจวยิ้มอย่างไม่แยแส “ความภาคภูมิใจ? สำหรับนายกองแน่นอนว่าเจ้ามีความภาคภูมิใจ สำหรับข้าแค่เอาชีวิตรอดยังยากลำบากแล้วความภาคภูมิใจมันคืออะไร? หากเจ้าต้องการที่จะสังหารข้าก็ฆ่าเจ้าหนูนั้นที่ขวางทางทิ้งไปก่อน ให้ข้าได้เห็นความภาคภูมิใจของเจ้า”
เซียวเฉินในที่สุดก็เข้าใจถึงข้อจำกัดพลังของหญิงสาวชุดขาว มันเป็นเพราะตัวเขาเองที่เกะกะขวางทางอยู่ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาอยากจะหนีออกไปใจจะขาดเขาก็ไม่อาจจะทำได้ ชายร่างดำนั้นใช้พลังฉีสีดำตรึงเขาไว้กับพื้น
หากเขาผลีผลามขยับตัวเขาอาจจะถูกฆ่าภายในพริบตา
“ช่างน่ารังเกียจ!” หญิงสาวชุดขาวพูดออกมา
นางโบกสะบัดหอกยาวไปในอากาศและมีงกรทั้งเก้าข้างหลังนางก็สั่นเวียนว่ายเป็นวงไปพร้อมกับหอก นางตะโกนใส่เย่เฉินโจวสร้างร่างเงามังกรขึ้นมาในอากาศ
“แคร้ง!”
เย่เฉินโจวใช้กระบี่ของเขารับการโจมตีแต่ร่างเงามังกรที่ว่ายเวียนไปรอบตัวหอกก็ดำลง เย่เฉินโจวตกใจและสะบัดกระบี่ออกไปเก้าครั้ง
กระแสพลังฉีเข้มข้นจากกระบี่ชนเข้ากับร่างเงามังกร กระแสพลังระเบิดกระจายไปทั่วทุกทิศ เซียวเฉินผู้ที่ยืนอยู่ด้านล่างถูกสั่นสะเทือนจนกระอักเลือดออกมาจากปาก
“คลื่นครามสมุทรไร้ขอบเขต!”
หญิงสาวชุดขาวตะโกนออกมาบางเบาและคลื่นสมุทรกอันไร้ขอบเขตก็ปรากฎขึ้นด้านหลังของนาง มังกรฟ้ากระโจนออกมาจากทะเลและพุ่งตรงไปที่เย่เฉินโจวพร้อมกับพลังอันไร้ขอบเขต
เย่เฉินโจวตัดสินใจรวดเร็วและหยุดวิหคยักษ์ด้วยเท้าขวาของเขา จากนั้นเขาก็บินต่ำลงไปทันใดนั้นก็มาโผล่เหนือหัวของเซีวเฉินไปเพียงหนึ่งเมตร
หญิงสาวชุดขาวขมวดคิ้วนางไม่คาดคิดว่าเขาจะทำตัวน่ารังเกียจได้ถึงเพียงนี้ ตวัดหอกไปในอากาศและมังกรฟ้าก็โฉบผ่านผ่านเขาไป
“บูม!”
ฟังกรฟ้าบินผ่านไปและร่อนลงบนพื้น เสียงระเบิดดังขึ้นและทุกสิ่งในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรเหลือไว้เพียงภาพในความทรงจำบริเวณโดยรอบกลายเป็นเศษซาก
เย่เฉินโจวหัวเราะออกมาอย่างประหลาดๆ ใช้จังหวะความได้เปรียบตอนที่หญิงสาวชุดขาวเปลี่ยนทิศทางการโจมตีของนาง ร่างของเขาเปลี่ยนไปเป็นสายฟ้าสีดำพร้อมกับประทับฝ่ามือลงบนไหล่ขวาของนาง
“ฟุ่บ!”
กระบี่แสงปรากฎขึ้นมาอีก หญิงสาวชุดขาวไม่อาจหลบได้ทันปะทะเข้ากับกระบี่แสงสำดำจำนวนมาก เสื้อผ้าสีขาวของนางเต็มไปด้วยเลือดสีแดงทันที เย่เฉินโจวเตะใส่ร่างของนางตกลงมาบนพื้น
เย่เฉินโจวหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง “นี่สิความภาคภูมิใจของเจ้าเปลี่ยนทิศทางกระบวณท่าและเผยช่องโหว่ออกมาในวินาทีสุดท้าย ความภาคภูมิใจที่จะจบชีวิตของเจ้าในมือของข้า อย่างไรก็ตามแต่เดิมชีวิตของเจ้าก็สั้นอยู่แล้ว พอคิดดูแล้วก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากที่จะตายด้วยน้ำมือของข้าในวันนี้แทน”
เย่เฉินโจวยังคงยืนหัวเราะอยู่กลางอากาศเขาช่างดูบ้าคลั่ง พลังฉีสีดำบนร่างของเขาหนาทึบยิ่งกว่าเดิม นี่เป็นพลังฉีปีศาจที่มีพลังไร้ที่สิ้นสุด
“ตายซะ!”
เย่เฉินโจวตะโกนเบาๆและพุ่งลงมาจากท้องฟ้ากระบี่แสงยาวสิบเมตรออกมาจากคมกระบี่ วิหคสีดำที่อยู่ใต้เท้าเขากลายเป็นเงาและไหลเข้าไปในร่างของเขา ในขณะเดียวกันขุนพลปีศาจโบราณปรากฎขึ้นด้านหลังของเขาถือกระบี่เอาไว้และฟันตรงลงมา
หญิงสาวชุดขาวมองไปที่เย่เฉินโจวผู้ที่ถูกครอบง่ำโดยขุนพลปีศาจและใบหน้าของนางก็ปรากฎความสิ้นหวัง นี่ข้ากำลังจะตาย?
“สยายปีกจันทราโชติช่วง”
มันจะต้องออกมามันจะต้องสำเร็จ! เซียวเฉินภาวนาอย่างหนักในใจของเขา เมื่อหญิงสาวชุดขาวถูกโจมตีเซียวเฉินก็ตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง หากเขาจะต้องตายอย่างน้อยก็ต้องฝากอะไรไว้ก่อนตาย
สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดเลยก็คือการรังแกผู้หญิง นอกจากนั้นเขาไม่อยากจะติดหนี้บุญคุณนาง หากหญิงสาวตรงหน้าถูกฆ่าเพราะเขามันจะต้องเป็นบาดแผลในใจของเขาไปอีกชั่วชีวิต
จันทร์เต็มดวงลอยขึ้นมาจากขอบฟ้า เซียวเฉินเป็นสุขมากที่มันสำเร็จในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้
เย่เฉินโจวสัมผัสได้ถึงอันตรายและหันหัวไปมองในทันที เขาสังเกตเห็นจันทร์เต็มดวงที่ลอยขึ้นมาโดยที่เขาไม่ไม่ได้สังเกตเห็น มันราวกับผืนน้ำวงบนิ่งก่อนที่จะไหลลงมาใส่เขาอย่างรวดเร็ว
กระแสพลังแข็งแกร่งลงมาพร้อมกับจันทร์เต็มดวง เมื่อดวงจันทร์เข้ามาใกล้มันก็กลายเป็นลูกบอลยักษ์เปล่งประกายปลกปล่อยเรืองแสงอันไร้ขอบเขตออกมา
เย่เฉินโจวตกตะลึงก่อนที่จะเปลี่ยนทิศทางของกระบี่ เขาหันตัวและฟันลงไปที่จันทร์ทรงกลมที่ตกลงมาใส่เขา
กระบี่แสงยาวเจ็ดเมตรและอาวุธปีศาจในมือของขุนพลปีศาจปะทะเข้ากลับจันทร์ทรงกลม เมื่อพลังมหาศาลทั้งสองปะทะกันมันก็ส่งเสียงดังสนั่นสั่นสะเทือนสวรรค์
ประกายแสงจางหายไปและพลังฉีที่สั่นสะเทือนสวรรค์กระจายไปทั่วทุกทิศ ด้วยเสียง ‘โซว’ คลื่นพลังฉีกวาดต้นไม้โบราณภายในป่าทมิฬล้มทลาย
เซียวเฉินถูกคลื่นพลังฉีผลักถอยหลังไปและเขาตั้งตัวได้บนพื้น เขาม้วนตัวไปกับพื้นก่อนที่จะหยุดลง อย่างไรก็ตามเย่เฉินโจวก็ถอยกลับไปสามก้าวแต่ละก้าวทิ้งรอยลึกลงไปในดิน 66 เซนติเมตร
ก่อนที่เย่เฉินโจวจะตั้งตัวได้เปลวเพลิงสีทองก็ลอยมาที่เขาอย่างรวดเร็ว มันราวกับมีมังกรตัวเล็กเวียนว่ายอยู่ด้านในเปลวเพลิงสีทองนั่น
เปลวเพลิงสีทองเจาะไปที่หัวใจของเย่เฉินโจวอย่างแม่นยำ เขาเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมาอย่างรุนแรง กุมหน้าอกของเขาไว้พร้อมกับพูดขึ้น “เขามอบเส้นใยเพลิมังกรให้กับเจ้าจริงๆ”
พลังฉีสีดำในร่างของเขากระจายออกไปอย่างต่อเนื่องและสีหน้าของเขาบิดเบี้ยว วิหคสีดำปรากฎตัวขึ้นมาอีกครั้งและเขาก็ขี่มันบินหนีไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองคนที่อยู่บนพื้นไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นสู้อีกต่อไป พวกเขาทำได้เพียงมองดูเย่เฉินโจวบินหนีไปอย่างน่าสังเวช
เซียวเฉินกลืนเม็กยาห้วนคืนโลหิตลงไปค่อยๆเดินไปทางหญิงสาวชุดขาว เขาพบว่านางหมดสติไปและเสื้อสีขาวของนางถูกกระบี่ตัดขาดหลายจุดเผยให้เห็นผิวขาวราวกับหิมะของนาง
ยังมีพลังฉีสีดำบางส่วนกำลังกัดกินผิวของนางทำให้นางเผยใบหน้าเจ็บปวดออกมาแม้จะไม่ได้สติ ใบหน้าอันงดงามของนางซีดขาวไม่มีซึ่งสีเลือดมันทั้งดูงดงามและเศร้าสร้อย
เซียวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหยิบเม็ดยาห้วนคืนโลหิตออกมาและบี้มันให้แหลกโรยลงบาดแผลของนาง เมื่อยาเหลวสีเขียวซึมเข้าไปในบาดแผลของนางพลังฉีสีดำก็เลือนหายไป เซียวเฉินรู้สึกโล่งในใจ
ในขณะที่โรยยาลงบนตัวนางเขาก็สังเกตเห็นผิวขาวราวกับหิมะและนุ่มลื่นของหญิงสาว แม้เซียวเฉินจะพยายามต่อต้านมันก็เกิดความรู้สึกในใจของเขาอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากที่เขาใส่ยาลงบนบาดแผลครบทุกจุด ร่างของนางตอนนี้เหลือเพียงชุดชั้นใน มันเป็นสิ่งที่เขาต้องทำอย่างช่วยไม่ได้มีบาดแผลมากมายบนตัวของหญิงสาว หากเขาไม่ถอดชุดของนางออกเขาจะโรยยาลงไปได้เช่นไร
อย่างไรก็ตามชุดชั้นในของโลกนี้นั้นดูรัดแน่นกว่าและไม่ได้เร้าอารมณ์เหมือนกับโลกที่เขาจากมาเลยสักนิด
สลักอายุขัยสีทองที่อยู่บนหน้าอกของนางดึงดูสายตาของเซียวเฉิน จากคำที่เย่เฉินโจวกล่าวออกมาว่านางนั้นจะอายุไม่ยืน เขาก็สะดุ้งตกใจเป็นไปได้ไหมว่าสาวงามนางนี้กำลังจะตาย?
เซียวเฉินส่ายหัวและเก็บคนถามนี้ไว้ในใจก่อน ปัญหาหลักตอนนี้คือจะทำอย่างไรกับนาง เขาไม่สามารถทิ้งนางไว้ที่นี่ได้ หลังจากสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในป่าทมิฬมันจะต้องดึงดูดอสูรปีศาจเข้ามาแน่นอน
สาวนางนี้ต้องมาลงเอยเช่นนี้ก็เพราะเขาดังนั้นเขาไม่มีทางทิ้งนางไว้ที่นี่คนเดียวอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่สะดวกสำหรับเขาที่จะพานางกลับไปที่ค่ายพัก ทันใดนั้นสายตาของเขาก็หันลงไปมองที่แหวนห้วงจักรวาล เซียวเฉินยิ้มเบาๆเขาเกิดความคิดดีๆขึ้นมาแล้ว
คอมเม้นต์