Immortal and Martial Dual Cultivation – บทที่ 94 จิตวิญญาณยุทธที่ตกทอด
ตอนที่ 94 จิตวิญญาณยุทธที่ตกทอด
เจียงหมิงเหิงไม่คาดคิดว่าจะมาเจอกับเซียวเฉินในวันนี้ เมื่อเขาคิดถึงเรื่องในวันที่ผ่านมา,ผสมรวมกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เรื่องเก่าผสมเรื่องใหม่ เจียงหมิงเหิงไม่อาจระงับความโกรธได้อีกต่อไป
ถึงแม้ตวนมู่ฉิงจะอยู่ข้างๆเขาเขาก็ไม่ใส่ใจเรื่องภาพลักษณ์ของเขาอีกต่อไป มีเพียงเรื่องเดียวที่อยู่ในใจของเขาตอนนี้คือทุบเซียวเฉินให้ตายคาที่ล้างความอัปยศที่เขาต้องพบเจอ
เมื่อเซียวเฉินเห็นเจียงหมิงเหิงเขาก็ประปลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน อย่างไรก็ตามเขาก็ใจเย็นลงในแทบจะทันที เขาไม่เห็นเจียงหมิงเหิงพาผู้ติดตามมาด้วย
“นายน้อยเจียง,เราพบกันอีกแล้ว” เซียวเฉินมีรอยยิ้มบางเบาแปะอยู่บนใบหน้า,ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ ทักทายออกไปเหมือนเจอสหายเก่า เซียวเฉินยิ้มขณะที่ตรงไปหาเขา
เจียงหมิงเหิงสาปแช่งเขา “พบมารดาเจ้า…”
ก่อนที่เขาจะสาปแช่งได้จบบท,เขาก็เห็นกระบี่สีดำปรากฎขึ้นมาในมือของเซียวเฉิน ตำแหน่งเท้าของเซียวเฉินขยับขึ้นหน้าและตั้งท่าอย่างรวดเร็ว
“วาดกระบี่!”
แสงกระบี่สะท้อนผ่านในดวงตาของเขา เจียงหมิงเหิงไม่เคยเห็นกระบี่ที่รวดเร็วเช่นนี้มาก่อน,ไม่เคยเห็นคนที่อหังการเช่นนี้มาก่อน ใครจะไปคิดว่าเซียวเฉินจะกล้าลงมือกับเขาในเมืองไป๋สุ่ยแห่งนี้?
ในช่วงเวลาแห่งความตาย,เขาปลดปล่อยความแข็งแกร่งของระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธออกมาจนถึงขีดสุดและถอยกลับอย่างสิ้นท่า ความเร็วของเขาช่วยชีวิตเขาเอาไว้,กระบี่ไม่ได้ฟันตัวเขาขาดเป็นสองท่อน
แต่กระนั้นกระบี่ก็ทิ้งแผลลึกไว้บนหน้าอกของเขากระแสโลหิตพุ่งกระจายไปในอากาศ ผลของพลังจากกระบี่ส่งร่างของเขาลอยกลับหลังไป
รูขนาดใหญ่บนเสื้อของเจียงหมิงเหิงก็มีกระดาษสีเหลืองแผ่นหนึ่งลอยปลิวออกมา เมื่อเซียวเฉินเห็นดังนั้นเขาก็คว้ามันเอาไว้อย่างรวดเร็ว
เจียงหมิงเหิงผู้ที่ร่วงลงไปกับพื้นพยายามจะยืนขึ้นเมื่อเห็นว่าเซียวเฉินคว้ากระดาษแผ่นนั้นไป ถึงอย่างนั้นเขาก็พบว่าบาดแผลของเขารุนแรงเกินไป
เลือดไหลออกมาไม่หยุดหย่อนและเขาไม่มีกำลังจะยืนขึ้นได้ เขารู้สึกหวาดกลัวในใจอย่างช่วยไม่ได้ เขาไอเอาเลือดออกมาพร้อมกับตะโกน “แม่นางตวนมู่นั้นเป็นสำเนาแผนที่ของโบราณสถาน!.อย่าให้เขาได้มันไป!”
เมื่อตวนมู่ฉิงได้ยินดังนั้นสีหน้านางก็กลายเป็นเยือกเย็น นางโบกสบัดมือและกระแสพลังฉีเยือกเย็นก็ไหลออกมาด้านหลังของนางก่อนที่จะไปรวมตัวกันกลางฝ่ามือ
ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังฉีเยือกเย็นซัดออกไปอย่างไร้ความปราณีตรงไปทางเซียวเฉิน คู่ต่อสู้คราวนี้แข็งแกร่งเกินไปเซียวเฉินถึงไม่กล้าไปรับมันตรงๆ เขาผลักเท้ากระโดดลอยตัวขึ้นไปในอากาศลงไปจากชั้นสอง
“บูม!”
โต๊ะด้านหลังเซียวเฉินกลายเป็นน้ำแข็งในทันทีก่อนที่จะระเบิดออกเป็นเสี่ยงกลายเป็นเศษน้ำแข็งนับไม่ถ้วน
ช่างเป็นพลังฉีเยือกแข็งที่กดข่ม เมื่อนักบ่มเพาะพลังบนชั้นสองเห็นเหตุการณ์พวกเขาก็นิ่งอึ้ง พวกเขารีบวางเงินทิ้งไว้ก่อนที่จะจากไป ไม่อยากถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
“ปัง!”
เมื่อตวนมู่ฉิงเห็นเซียวเฉินลงไปที่ชั้นแรก,นางก็กระแทกพื้นไม้ทะลุร่างของนางร่วงลงไปที่ชั้นแรกเช่นเดียวกัน,ลงจอดด้านหลังของเซียวเฉินพอดิบพอดี
“ให้ตายเถอะ! พยายามจะพังร้านของข้า?” เจ้าหมูเห็นรูใหญ่ที่อยู่บนพื้น,เขาตะโกนสาปด่าออกมาเสียงดังอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อตวนมู่ฉิงลงถึงพื้น,นางยิงกระแสพลังฉีเยือกแข็งใส่หลังของเซียวเฉิน พลังฉีเยือกแข็งรวมตัวในอากาศอย่างรวดเร็วกลายเป็นนกตัวเล็กๆ
“จิ!”
ตวนมู่ฉิงประสานมือทั้งสองข้างและจิตวิญญาณยุทธฟีนิคซ์เหมันต์ในร่างของนางส่งเสียงร้องออกมา วิหคเหินไปในอากาศและดวงตาเปล่งประกาย ขนาดและความเร็วของมันเพิ่มเป็นสองเท่าทันที
เซียวเฉินหยุดการเคลื่อนไหวในทันทีเมื่อรู้สึกถึงอันตรายที่เข้ามาจากด้านหลัง จิตใจของเขาว่างเปล่านึกถึงสถานะในตอนที่เขาฝึกกระบี่ เขาจิตใจจดจ่อพร้อมกับมือขวาจับกระบี่เงาจันทร์ไว้มั่น กระแสพลังของเขาพุ่งจนถึงขีดสุด
“ชักกระบี่ฟัน!”
เมื่อวิหคน้ำแข็งอยู่ห่างจากหลังของเซียวเฉินออกไปประมาณครึ่งเมตร,เซียวเฉินก็หมุนตัวและลงมือ กระบี่เรืองแสงออกมาพร้อมกับเสียง ‘โซว’ มันตัดวิหคน้ำแข็งออกเป็นสองส่วน
ตรงรอยตัดบนตัวของวิหคน้ำแข็งจะเห็นได้ว่ามันราบเรียบมากไม่มีรอยกระแทกหรือรอยหยาบแต่อย่างใด สามารถบอกได้ว่ากระบี่นี้รวดเร็วถึงเพียงใด
ความประหลาดใจปรากฎขึ้นในใจของนาง,แม้ว่าดวงตาของนางจะไม่มีร่องรอยความตระหนกตกใจ สีหน้าท่าทีของนางไม่เปลี่ยนแปลง
หลังจากที่เซียวเฉินลงมือ,ก็มีคลื่นฝูงชนเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงและล้นทะลักประตูของศาลาหลับไหล แขกที่อยู่บนชั้นแรกส่วนใหญ่เป็นคนสามัญธรรมดา เมื่อพวกเขาเห็นเซียวเฉินกระโดดลงมาจากชั้นสองพวกเขาก็รู้ได้ว่าต้องมีการต่อสู้กันและทั้งหมดก็วางเงินไว้รีบเผ่นในทันที
ตวนมู่ฉิงมองไปยังเซียวเฉินปราศจากการแสดงสีหน้าพร้อมกับพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “ส่งแผนที่มาซะหรือจะให้ข้าเก็บจากศพเจ้า”
เซียวเฉินถือกระบี่ไว้ในมือยิ้มอย่างเยือกเย็นกับตัวเอง หากระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงทั่วไปโดนวิหคน้ำแข็งของตวนมู่ฉิงนั้นซัดเข้า,พวกเขาคงตายคาที่ไม่ก็บาดเจ็บสาหัส
มองเห็นเขาที่สามารถทำลายวิหคน้ำแข็งได้ในกระบวณท่าเดียว,จากนั้นก็บอกว่านางจะไม่ฆ่าเขา,เซียวเฉินสามารถบอกได้เลยว่าไหวพริบของหญิงสาวคนนี้ไม่ธรรมดา
เซียวเฉินไม่ได้กล่าวอะไร กลับกันเขายกมือซ้ายขึ้นไปและสายเปลวเพลิงห้าเส้นก่อตัวขึ้นบนอากาศ หลังจากหมุนเวียนเป็นวงกลมมันก็ถูกยิงออกไปใส่ตวนมู่ฉิงอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของตวนมู่ฉิงเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นในทันทีที่นางเห็นว่าเซียวเฉินเลือกทางยาก พอคิดว่าเขากล้าเผชิญหน้ากับข้า! นางเปล่งเสียงออกมาจากจมูกและอุณหภูมิรอบตัวของนางก็ลดต่ำลงพลังฉีเยือกแข็งอันไร้ขอบเขตพุ่งขึ้นมาจากพื้น
เมื่อเปลวเพลิงสีม่วงห้าเส้นเจอเข้ากับพลังฉีเยือกแข็งความเร็วของมันก็ลดลงทันที อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ตวนมู่ฉิงประหลาดใจก็คือเปลวเพลิงทั้งห้าเส้นไม่ได้หยุดลงในทันที กลับกันมันเหมือนกับปลาน้อยที่กำลังแหวกว่ายไปอย่างช้าๆ
แม้ว่ามันจะช้าลงแต่ก็ไม่ได้ถอยกลับ เพียงเซียวเฉินนึกคิดเส้นเปลวเพลิงทั้งห้าก็รวมตัวกันกลายเป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่,ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก
พลังฉีเยือกแข็งที่ลอยเต็มไปในอากาศไม่สามารถหยุดเปลวเพลิงได้อีกต่อไป ดวงตาสีดำของตวนมู่ฉิงแลดูเย็นชายิ่งกว่าเดิม พลังฉีรอบตัวนางควบแน่นอย่างช้าๆ
“ติ้ง!ติ้ง!”
หยดน้ำก่อตัวขึ้นมาจากพลังฉีเยือกแข็งหยดลงบนพื้นไม้รอบตัวตวนมู่ฉิงอย่างต่อเนื่อง หยดน้ำทันใดนั้นก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็วกลายเป็นกำแพงน้ำแข็ง
“แคร้ง!แคร้ง!แคร้ง!”
สามกำแพงน้ำแข็งก่อตัวขึ้นและปรากฎออกมาด้านหน้าของตวนมู่ฉิง เปลวเพลิงสีม่วงเจาะทะลุผ่านกำแพงแรกต่อไปที่กำแพงที่สอง
สมองของเซียวเฉินรวดเร็วราวกับสายฟ้า หลังจากที่เปลวเพลิงสีม่วงเจาะทะลุผ่านกำแพงแรกไปเห็นได้ชัดว่าพลังของมันลดลงไปอย่างมาก เขารู้ดีว่าเปลวเพลิงนี้จะต้องไม่ไปถึงตัวตวนมู่ฉิงอย่างแน่นอน
ในเมื่อไร้ซึ่งความได้เปรียบใดๆเขาจึงตัดสินใจหนี เมื่อเซียวเฉินคิดได้ดังนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปหาหน้าต่างที่ใกล้ที่สุด เห็นได้ชัดว่ามันไร้สาระที่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงจะไปเผชิญหน้ากับระดับขอบเขตปรมจารย์
“ปัง!”.
หลังจากที่เปลวเพลิงสีม่วงเจาะถึงกำแพงที่สามมันก็ถูกลบหายไปในอากาศ ตวนมู่ฉิงมองดูเซียวเฉินกำลังวิ่งหนีสายตาเย็นชาของนางก็ยิ่งดูหนาวเหน็บขึ้นไปอีกและผมสีดำของนางก็โบกปลิวไปมาในอากาศ
“น้ำแข็ง!”
ตวนมู่ฉิงตะโกนออกมาเสื้อและชายกระโปรงของนางเริ่มสั่นไหวผมสีดำละเอียดของนางลอยขึ้นในอากาศ นางกระจายพลังไปทั่วทั้งชั้นแรกของศาลาหลับไหล พลังฉีเยือกเย็นอันรุนแรงปะทุออกมาจากร่างของนาง
หน้าต่างที่เปิดอยู่ถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งหนาๆ เซียวเฉินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วซัดไปที่มันอย่างรุนแรงเสียงดังสนั่น น้ำแข็งนั้นไม่สั่นสะเทือนแม้แต่น้อย แรงกระแทกดีดกลับทำให้เขาลงไปนอนกับพื้น
เขาลอยกลับมาเร็วมากในตอนที่ถูกน้ำแข็งดีดออกมา สิ่งที่เขารู้สึกได้ในตอนนีคือความเจ็บปวดที่หัวไหล่
นี่คือสายเลือดต้นกำเนิด? พลังของจิตวิญญาณยุทธที่สืบทอดกันมา? เซียวเฉินมองไปยังสถานการณ์โดยรอบ เขาคิดกับตัวเองอย่างประหลาดใจ, นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว
ตวนมู่ฉิงเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ผมของนางเปลี่ยเนป็นสีขาว สายตามองมาอย่างเยือกเย็นไร้ซึ่งสีหน้าใดๆปรากฎ
“ส่งแผนที่มาแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” นางเปิดปากพูดขึ้น ในทุกคำที่นางพูดออกมาอุณหภูมิในวังน้ำแข็งก็ลดลงอีก
ทักษะอัศนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียนในร่างของเซียวเฉินอย่างรวดเร็วต้านทานลมหนาวที่ไม่สิ้นสุดของวังน้ำแข็ง
ในขณะที่เซียวเฉินกำลังลังเลที่จะส่งแผนที่คืน, เซียวไป๋ก็กระโดดออกมาจากหยกวิญญาณสีเลือด มันยืนอยู่ด้านหน้าเซียวเฉินสูดหายใจเข้าลึก ท้องขาวๆของมันพองขึ้นแล้วก็พ่นลูกบอลแสงสีขาวออกมา
“ฉิบหาย!”
เซียวเฉินสาปแช่งในใจขณะที่มองดูเสี่ยวไป๋ เขาผลักตัวขึ้นจากพื้นอย่างรุนแรงไม่ได้กักพลังปราณไว้อีกต่อไป กระแสไฟฟ้าบนกระบี่เงาจันทร์ปะทุออกมาไม่หยุดยั้ง
“ฮ่ะ!”
เซียวเฉินตะโกนและพุ่งตรงไปที่หน้าต่างบานเมื่อครูู่ กระบี่เงาจันทร์ซัดเข้าที่กำแพงน้ำแข็งอย่างรุนแรง ภายใต้การโจมตีอันทรงพลังของเซียวเฉินรอยแตกเล็กๆปรากฎขึ้นบนน้ำแข็ง
“ปัง!ปัง!ปัง!”
เขารู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างมาก เขาเก็บกระบี่กลับและต่อยลงไปที่รอยแตกอย่างแรง ในที่สุดเขาก็สร้างรูขนาดใหญ่บนกำแพงขึ้นมาได้ เซียวเฉินไม่รีรอและพยายามรอดผ่านมันไป
เมื่อตวนมู่ฉิงเห็นว่าเซียวเฉินกำลังพยายามจะหนีแสงเยือกเย็นก็วูบผ่านดวงตาของนาง ขณะที่นางกำลังจะลงมือลูกบอลไฟที่เสี่ยวไป๋พ่นออกมาก็ลอยมาถึงตัวนาง
กับลูกบอลแสงที่ดูแสนธรรมดานี้ตวนมู่ฉิงไม่ได้ไปใส่ใจกับมันมากและปล่อยฝ่ามืออกไปปะทะกับมัน เป็นเพียงลูกสัตว์อสูรวิญญาณ,มันจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด
ในทันทีที่มือของตวนมู่ฉิงสัมผัสกับลูกบอลแสงมันก็เกิดแสงสว่างรุ่งโรจน์ส่องไปทั่ววังน้ำแข็ง แสงของมันสว่างเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์ มันสว่างจนไม่มีใครลืมตามองไปตรงๆได้
“บูม!”
แสงที่เจิดจ้าเริ่มจางหายไปและพลังานอันน่ากลัวกระจายออกไปทุกทิศทาง ทันใดนั้นวังน้ำแข็งที่ตวนมู่ฉิงสร้างขึ้นมาก็พังทลายลงในพริบตา
“บูม!บูม!บูม!”
เสาทุกต้นในศาลาหลับไหลแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทันใดนั้นศาลาหลับไหลทั้งหลังก็พังครืนลงมา อาคารทั้งหลังกลายเป็นซากปรักพังในพริบตา
เซียวเฉินผู้ที่เพิ่งจะมุดผ่านรูออกมาได้,ไม่มีเวลาพอที่จะหลบหลีก เขาโดนคลื่นกระแทกซัดลอยขึ้นไปบนท้องฟ้ากระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ
ร่างสีขาวกระโดดออกมาจากซากปรักหักพังของศาลาหลับไหล เสี่ยวไป๋วิ่งตรงไปหาเซียวเฉินอย่างรวดเร็ว มีสีหน้าเศร้าซึมความร่าเริงตามปกติของมันหายไป
หลังจากได้เห็นท่าทางในตอนนี้ของมัน,ความโกรธของเซียวเฉินก็จางหายไป เขาอุ้มมันขึ้นมาและออกวิ่งไปข้างหน้า อันตรายยังไม่ผ่านพ้นไป ผ่านทางสัมผัสวิญญาณ เขาสัมผัสได้ถึงกระแสพลังอันแข็งแกร่งกำลังก่อตัวขึ้นใต้ซากปรักหักพังของศาลาหลับไหล
“ชี่!”
นกฟีนิคซ์ส่งเสียงร้องใสออกมากึกก้องไปทั่วทั้งเมืองไป๋สุ่ย กระแสพลังน้ำแข็งระเบิดออกมาจากใต้ซากปรักหักพังและบินขึ้นไปในอากาศก่อนที่จะก่อตัวเป็นฟีนิคซ์น้ำแข็งขนาดใหญ่
ฟีนิคซ์น้ำแข็งสยายปีกของมันออกมาและสัมผัสอันแข็งแกร่งก็กระจายออกไปทุกทิศทาง หมายหัวร่างของเซียวเฉินเอาไว้
ในทันทีที่ตวนมู่เฉิงกลายเป็นฟินิคซ์น้ำแข็งและบินขึ้นไป,ร่างเล็กๆที่อุ้มพิณไว้ในมือก็โผล่ออกมาจากซากปรักหักพังและกระโดดข้ามตรงไปที่ร่างทั้งสอง
หลังจากนั้นครู่ใหญ่,เจ้าหมูคลุกฝุ่นก็ออกมาจากซากปรักหักพัง ขาเขายืนขึ้นพร้อมกับปากก่นด่าขณะที่มองดูความโกลาหลกับศาลาหลับไหลที่พังลงมาทั้งหลัง เขาตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ “นี่ข้าผิดอะไร?!”
คอมเม้นต์