Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 112
“โอ้ว!!!”
กลับมาที่ยอดเขาชอุ่ม
เสียงกรีดร้องยาวดังออกมาจากกระท่อมฟางของฟางหยวน เสียงนั่นดังมากจนก้องไปทั่วท้องฟ้า
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
อินทรีดำหางเหล็กที่บินผ่านตกใจจากเสียงร้องดังนั่นและเกือบจะชนเข้ากับหน้าผา
“ฮ่าฮ่า… เส้นทางสู่อู่จง สำเร็จแล้ว!!”
ประตูไม้เปิดออกเห็นตัวฟางหยวน เขาเดินออกมา พลังกาย พลังลมปราณ และพลังเวทย์ของเขาต่างไปมากตอนนี้
“ข้าใช้เวลาตั้งหลายปีเพื่อสร้างแนวความคิดในโลกแห่งความฝัน และนี่ก็กลายมาเป็นพื้นฐาน พอรวมเข้ากับการทดสอบในโลกแห่งความจริงเพื่อสร้างจุดเริ่มต้นให้เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กสามารถทะลวงระดับขึ้นเป็นอู่จงได้
เขามองจุดตันเถียนของตัวเอง
พลังธาตุก่อกำเนิดเดิมที่มีสีฟ้าใสค่อย ๆ หลอมเป็นของเหลวราวกับปรอทอย่างช้า ๆ มันดูไม่เป็นระเบียบและเปี่ยมพลัง ราวกับมังกรที่ยังหลับใหลอยู่ พลังของมันนั้นเกินจะประเมินได้
“นี่คือพลังธาตุของอู่จง!!”
ฟางหยวนผ่อนลมหายใจออกยาวและมองหน้าต่างสถานะของตัวเอง
“ชื่อ: ฟางหยวน
พลังกาย: 10.0
พลังลมปราณ: 10.0
พลังเวทย์: 8.5
สายวิชา: จ้าวแห่งฝัน (ผู้แฝงฝัน)
การฝึกตน: [จ้าวแห่งฝัน (ขั้นที่ 1)(รวมพลังธาตุ)], อู่จง
วิทยายุทธ์: [กรงเล็บอินทรีเหล็ก (ระดับ 13) (???)], คาถาสะกด, ก้าวมายา
ทักษะ: [การรักษา (ระดับ 3)], [การดูแลพืช (ระดับ 4)]”
“จ้าวแห่งฝัน— เจ้าเป็นผู้สร้างโลกแห่งความฝัน และเป็นผู้เดินทางข้ามระหว่างความฝันและความเป็นจริง และเป็นฝันร้ายสำหรับศัตรูทั้งปวงของเจ้า! เจ้าสามารถควบคุมโลกแห่งความฝันได้ตามใจปรารถนา และเจ้าคือทุกอย่างในโลกแห่งความฝันของเจ้า!”
“[เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก (ระดับ 13)(???)]— เจ้าสามารถรวมฝ่ามือทรายดำ ตำราฝึกจิตสำนักกุยหลิง และตำราฝึกจิตซวนหยิน เข้าด้วยกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยกระดับสูงสุดของเคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กถึงระดับอู่จง พลังธาตุของผู้ฝึกยุทธ์ของเจ้านั้นล้อมรอบไปด้วยพิษอันร้ายกาจ พลังอันรุนแรง และพลังหยินเข้มข้น!”
“คาถาสะกด— เคล็ดลมปราณของจ้าวแห่งฝัน สามารถปล่อยหมอกสะกดออกมาได้ตามใจปรารถนา รบกวนสมาธิของศัตรู ปัจจุบันสามารถมีผลต่อผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 4 ประตูสวรรค์”
“ก้าวมายา— เคล็ดวิชาของจ้าวแห่งฝัน มันเลื่อนลอยและไร้ร่องรอย”
““[การรักษา (ระดับ 3)] – เจ้าเป็นจอมยุทธ์ในด้านการรักษา และผู้อื่นก็มองเจ้าเป็นหมอผู้เก่งกาจ เจ้าสามารถรักษาโรคที่แปลกประหลาดและซับซ้อนได้! (ความสามารถนี้ไม่ได้มีผลเพียงแค่กับมนุษย์เท่านั้น)”
“[การดูแลพืช (ระดับ 4)]— มือของเจ้านั้นนับเป็นหัตถ์แห่งสวรรค์ หากเจ้าเพาะปลูกพืชวิญญาณด้วยตัวเองโอกาสที่พืชจะเกิดการกลายพันธุ์เพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก และยังมีโอกาสที่จะปลุกความสามารถพิเศษขึ้นมาได้อีกเล็กน้อย”
ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับค่าสถานะของเขาจากการฝ่าด่านนี้
“วิทยายุทธ์ของข้าพัฒนาขึ้นสู่ขอบเขตของพลังธาตุ!”
ฟางหยวนถอนหายใจเบา ๆ และเห็นอินทรีดำหางเหล็กอยู่ตรงหน้า มันมองลงมาที่เขาและดูสนิทชิดเชื้อกับเขามากขึ้น
เพราะความล้มเหลวครั้งก่อน เขาจึงไม่กล้าเข้าไปในความฝันของราชานกหงเอี่ยนป๋าย เขาเปลี่ยนเป้าหมายไปที่อินทรีดำหางเหล็กและฮวาหูเตียวที่ใกล้ชิดกับเขามากกว่า
ตามที่คาดเอาไว้ หลังจากเข้าสู่ฝันได้สำเร็จหลายครั้ง เขาก็ไม่เพียงจะรู้สึกว่าเขาสามารถจับทางการเป็นผู้แฝงฝันได้ เขายังใกล้ชิดกับอินทรีดำหางเหล็กมากขึ้นด้วย
“ครบ 5 วันแล้ว ไปกันเถอะ!”
เขาขึ้นหลังเจ้าอินทรี และพูดเสียงนุ่ม
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
อินทรีดำหางเหล็กกางปีกออกและลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็หายลับเข้าไปในหมอกหนา…
…
หุบเขาสันโดษเงียบมากในตอนเช้า
หมอกบาง ๆ เริ่มจางไปภายใต้แสงอาทิตย์ส่องสว่าง และน้ำค้างบนใบไม้ก็สะท้อนแสงอาทิตย์เกิดเป็นแสงสีรุ้ง
ฮวาหูเตียวเดินตรวจทั่วพื้นที่อย่างผ่อนคลาย ราวกับเป็นเศรษฐีชราที่คอยตรวจสอบสมบัติล้ำค่าของตัวเอง
เสี่ยวจูเตรียมย่างปลาให้ฮวาหูเตียวเป็นอาหารเช้า ที่ไกลออกไป มีชาวนาชราหลายคนเดินออกมา กินเสบียงกรังของตัวเองจนหมดแล้วก็เริ่มงาน
“นายท่านไปที่ใดกัน? เวลาที่เขาขอไว้คิดนั้นหมดแล้วเพราะนี่ก็ผ่านไป 5 วันแล้ว!”
โจวเหวินอู่และอีกหลายคนอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างไปจากชาวนาพวกนั้น พวกเขากระวนกระวายมากแล้วตอนนี้
“เจ้าสำนักกุยหลิงมาถึงเมืองชิงเย่แล้ว และนางน่าจะมาที่นี่วันนี้ พวกเราจะรับมือกับนางอย่างไรดี?”
หน้าผากของอวี้ซินโหลวเริ่มมีเหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นมาเช่นกัน
“นายท่านนั้นลึกลับมาก บางทีเขาอาจจะติดอยู่กับเรื่องเร่งด่วนบางประการ ทำให้ยังมาไม่ถึงที่นี่…”
โจวเหวินอู่พูดพร้อมรอยยิ้มบิดเบี้ยว เขาเหลือบมองหวงฝูเหรินเหอ ที่อยู่ข้าง ๆ หลานรั่วและส่ายหน้า
ถ้าสถานการณ์มาถึงจุดที่แก้ไขไม่ได้แล้ว สองพี่น้องนี่ก็นับว่าโชคดีที่สุดถ้าพวกเขาจะยังสามารถจากไปได้หลังจากนี้
“ข้าก็หวังว่านายท่านจะกลับมาโดยเร็ว หรือไม่อย่างนั้นพวกเราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นี่…”
เขาเองก็มีความรู้สึกซับซ้อนและไม่ได้มองตัวเองเป็นคนนอก
จางเฉิงนั้นยังเงียบมากและกวาดพื้นอยู่ข้างนอก แต่ดูเหมือนเขาจะใช้แรงมากกว่าปกติเล็กน้อย ซึ่งบ่งบอกว่าเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกสงบอย่างแท้จริง
“เจ้าสำนักกุยหลิงมาเยือน ฟางหยวนอยู่ที่ไหน?”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังมาจากด้านนอกหุบเขา และทำให้โจวเหวินอู่ตัวสั่นนิด ๆ
“เจ้าสำนักกุยหลิง…มาแล้ว!”
โจวเหวินอู่ยิ้มแหย มองไปซ้ายขวา เขาพบว่าเขาเป็นผู้อาวุโสที่สุดที่นี่และไม่มีทางเลือกนอกจากเป็นผู้รับหน้า “ไปต้อนรับพวกเขากัน!”
ที่ด้านนอกหุบเขา หลินเหลยเยว่มองทางเข้าหุบเขาแล้วก็สงสัย “ถ้าหากท่านอาจารย์สงสัยเขา แล้วเหตุใดพวกเราต้องมาที่นี่ด้วยล่ะเจ้าคะ?”
“ข้าต้องการให้เจ้าค้นหาความลับเบื้องลึกของเขาออกมา! ข้าไม่รู้ว่าหุบเขาสันโดษเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ และพวกเราต้องสืบหา มันคงจะไม่ดีนักถ้าพวกเราทำให้เขารู้ตัวตั้งแต่แรก!”
สืออวี้ถงตอบขณะนั่งลงมองปลายเล็บมือของตนเอง
“เจ้าค่ะ อาจารย์!”
หลินเหลยเยว่รู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อยแต่ก็ทำตามคำสั่งของนาง
ไม่นานนัก ก็มีเงาร่างหลายร่างปรากฏขึ้นในหุบเขาสันโดษ
“คารวะท่านเจ้าสำนัก พวกเรายินดีที่ท่านมาเยือนแต่ว่าฟางหยวนติดเรื่องสำคัญอยู่และตอนนี้ไม่อยู่ในหุบเขา…”
อวี้ซินโหลวนั้นเป็นหัวหน้าสมาพันธ์การค้าและดังนั้นจึงมีคุณสมบัติที่จะรับรองผู้มาเยือน
“โจวเหวินอู่!!”
หลินเหลยเยว่ขมวดคิ้วและมองคนที่หลบอยู่ด้านหลัง จากนั้นนางก็พูด “เจ้าเป็นคนของสำนักเราแต่เหตุใดจึงทิ้งหน้าที่แล้วเลือกที่จะมาที่นี่? เจ้าก้าวออกมาเดี๋ยวนี้เลยดีกว่า!”
นางรู้สึกไม่พอใจโจวเหวินอู่ที่แอบช่วยผู้อื่นอยู่ตั้งแต่แรกและตัดสินใจตั้งคำถามกับเขาในตอนนี้
“ข้า… นี่…”
โจวเหวินอู่ยากจะตอบคำถามนาง
พูดกันโดยตรงแล้ว ถึงแม้ฟางหยวนจะเก่งกาจ เขาก็ยังด้อยกว่าสำนักกุยหลิง
แต่ว่า เมื่อเขานึกถึงว่าฟางหยวนช่วยเขาตั้งหลายเรื่อง นั้นก็ไม่สำคัญสำหรับเขาอีกต่อไป
“เจ้า เจ้าชื่อเหวินอู่ ใช่หรือไม่?”
สืออวี้ถงมองโจวเหวินอู่แล้วพูดกับเขาเอื่อย ๆ “ถ้าข้าจำไม่ผิด ข้ามอบตำแหน่งในสำนักให้เจ้าเพราะข้าสงสารเจ้าตอนที่ผู้ดูแลโจวเสียชีวิตไป เจ้าสามารถสืบทอดมรดกของบิดดาเจ้าได้และเจ้าไม่ภูมิใจกับมันงั้นหรือ? หืม?!”
“ปัง!!”
สำนักกุยหลิงน่ากลัวเพียงใด?
นางหรี่ตา ความกดดันมหาศาลแผ่ไปทั่วบริเวณ และโจวเหวินอู่ที่อยู่ด้านหน้า ก็ตัวสั่นด้วยความกลัว เขาสามารถสัมผัสได้ว่ากำลังภายในของเขากำลังถูกรั้งเอาไว้ ขณะที่หัวเข่าของเขากำลังจะกดลงสู่พื้นอย่างควบคุมไม่ได้
สืออวี้ถงสำแดงพลังของนางออกมาอย่างมีจุดประสงค์ แรงกดดันเพียงนี้ไม่เพียงมีผลกับโจวเหวินอู่ มันเริ่มแผ่ออกไป อวี้ซินโหลว หวงฝูเหรินเหอ และอีกสองสามคนก็เริ่มถูกมันครอบคลุม
ตอนที่คนของฟางหยวนกำลังจะถูกครอบงำและเกือบจะยอมแพ้แก่สืออวี้ถง เสียงนกร้องก็ดังมาจากบนฟ้า
“แกว๊ก!”
พร้อมกับกระแสลมรุนแรง อินทรีดำหางเหล็กร่อนลงหุบเขาสันโดษด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
“ความสามารถของท่านช่างยิ่งใหญ่นัก เจ้าสำนักสือ!”
ฟางหยวนลงจากหลังอินทรีหางเหล็ก และเสียงของเขาก็ดังกังวานไปทั่วบริเวณ
“นายท่าน!”
เห็นฟางหยวนมาถึง คนของหุบเขาสันโดษก็หายจากอาการตกใจ
“นกวิญญาณ!”
หลิวเหลยเยว่ประหลาดใจเมื่อเห็นอินทรีดำหางเหล็ก
นางสามารถสัมผัสแรงกดดันรุนแรงจากเจ้าอินทรีและมันก็เทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 4 ประตูสวรรค์ ด้วยความเร็วในการบินของมัน แม้แต่อู่จงก็ไม่สามารถจับมันได้
อย่างไรเสีย ผู้ฝึกยุทธ์ก็บินไม่ได้!
นางสูดลดหายใจเข้าลึกและรู้ว่าฟางหยวนไว้ใจมัน
‘โชคดีที่อาจารย์ของข้าอยู่ที่นี่ การปรากฏตัวของนกวิญญาณตัวนี้จึงไม่กระทบกับสถานการณ์โดยรวม!’
หลิวเหลยเยว่แอบกัดฟันและประหลาดใจที่เห็นว่าอาจารย์ของนางเองก็ประหลาดใจเช่นกัน
“เจ้าคือฟางหยวน?!”
สืออวี้ถงลุกขึ้นช้า ๆ และมีท่าทางจริงจัง
“ใช่ ข้าเอง… ท่านมีคำแนะนำใดให้ข้าหรือ เจ้าสำนักสือ?”
พลังธาตุในจุดตันเถียงของฟางหยวนนั้นไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา เขากำลังรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากฝ่าระดับได้ เขาก็ต้องการประมือกับผู้อื่นที่อยู่ในระดับเดียวกับเขา สืออวี้ถงย่อมเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการนี้
“เจ้ายังเยาว์นัก แต่ก็ขึ้นมาถึงของเขตของพลังธาตุได้ ข้ารู้สึกละอายยิ่งนัก!”
สืออวี้ถงถอนหายใจขณะพูด คำพูดของนางราวกับพายุที่แผ่ไปทั่วทั้งบริเวณ
“อะไรนะ? พลังธาตุ? อู่จง?!”
หลินเหลยเยว่ถอยหลังไปหลายก้าวและเห็นอาจารย์ของนางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง จากนั้นนางจึงพบว่านางไม่ได้ฟังผิด สมองของนางว่างเปล่าขาวโพลนขึ้นทันใด
นางไม่คิดเลยว่าฟางหยวนจะขึ้นไปอยู่ถึงระดับนั้นแล้ว!
อู่จงหมายถึงอะไร?
มันหมายถึงว่า ในอี้ซานฝู เขาเป็นผู้ที่สามารถเปิดสำนักของตนเอง หรือเป็นผู้ครอบครองมณฑลได้ เป็นผู้นำของสำนักอันทรงอิทธิพลได้!
นี่คือความฝันของผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายปรารถนาจะได้มาแต่ก็ยากที่จะทำได้
แม้ว่าหลินเหลยเยว่จะมีความสามารถพอและสืออวี้ถงก็เคยพูดว่ามีความหวังว่านางจะขึ้นถึงระดับอู่จงได้ ความน่าจะเป็นที่นางจะฝ่าระดับได้สำเร็จนั้นสูงกว่าผู้อื่นเล็กน้อย ตรงกันข้าม ฟางหยวนนั้นสามารถฝ่าระดับได้จริง เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญว่าระหว่างพวกเขาทั้งคู่นั้นแตกต่างกันมาก
“อะไรนะ? นายท่าน ท่านฝ่าระดับขึ้นเป็นอู่จง?”
“ยอดเยี่ยมนัก!”
เทียบกับความร้อนรนของหลินเหลยเยว่แล้ว โจวเหวินอู่ หวงฝูเหรินเหอ และคนอื่นที่เหลือนั้นดีใจมาก พวกเขารู้ว่าอู่จงคืออะไรและพวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาน่าจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้อย่างปลอดภัยแล้ว จากวันนี้เป็นต้นไป หุบเขาสันโดษจะมั่นคงและมีอิทธิพลในมณฑลชิงเหอ
“คิคิ!”
ฟางหยวนดูจะอยากประลองกับสืออวี้ถง สืออวี้ถงพลันหัวเราะและถาม “จากลมปราณของเจ้า ข้ามองเห็นได้ว่าเจ้าเพิ่งจะฝ่าระดับได้ ทำไม? เจ้ารอจะประลองกับข้าไม่ไหวแล้วงั้นรึ?”
“ถ้าท่านสามารถให้คำแนะนำได้สักเล็กน้อย ข้าก็ยินดียิ่ง!”
ฟางหยวนตอบ
“ดีมาก!”
สืออวี้ถงถามอย่างช้า ๆ “ที่นี่?”
“ที่นี่!”
ฟางหยวนนั้นปิดบังพลังเวทย์ของตนเอาไว้บางส่วนและสืออวี้ถงก็ไม่สามารถรู้ความสามารถที่แท้จริงของเขาได้ นางเพียงคิดว่าฟางหยวนเป็นผู้ที่เพิ่งขึ้นสู่ระดับอู่จงและมีสีหน้าจริงจังเมื่อนางถามเช่นนั้น
“ฝุบ!”
หลินเหลยเยว่กับศิษย์อื่นที่เหลือของสำนักกุยหลิงถอยออกไประยะหนึ่งและยืดคอมองการประลอง ทั้งสองฝ่ายล้วนรู้สึกคาดหวังกับการประลองครั้งนี้
มันยากที่จะเห็นการประลองระหว่างสองอู่จง!
คอมเม้นต์