Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 144

อ่านนิยายจีนเรื่อง Carefree Path of Dreams ตอนที่ 144 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“ไฟล้างโลกเลือดนองปฐพี!”

เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ผู้มีพรสวรรค์ที่สุดในประเทศเอาตอนนี้ ปิศาจโลหิตไม่กล้าเก็บงำความสามารถสักนิด กระบวนท่าเปิดของเขานั้นเป็นเคล็ดโลหิตเวทย์ระดับสูงสุด

“ฝุ่บ!”

รอยเลือดปรากฏขึ้นเป็นเกราะล้อมรอบตัว ทำให้ดูเหมือนเขาถูกไฟลุกท่วม มันขยายออกอย่างรวดเร็วเมื่อปิศาจโลหิตพุ่งเข้าหาฟางหยวน

แม้ว่านี่จะไม่ใช่ไฟหยาง แต่มันก็ร้ายกาจและรุนแรงกว่าไฟหยินมาก เมื่อมันสัมผัสกับผิวหนัง มันสามารถทำให้เลือดเนื้อและกระดูกกลายเป็นเถ้าได้ในทันที

“เป็นเคล็ดโลหิตเวทย์จริง ๆ!”

มองภาพนี้แล้ว ฟางหยวนก็หนังตากระตุก

คาถาเวทย์ที่ปิศาจโลหิตใช้นั้นเหมือนกับในเคล็ดโลหิตเวทย์ของฟางหยวน พวกมันน่าจะได้มาจากแหล่งเดียวกัน แน่นอนว่า เมื่อเทียบกันแล้ว ก็เห็นได้ว่าปิศาจโลหิตนั้นสำเร็จวิชาในระดับสูงในขณะที่โลหิตสังหารและพวกนั้นเป็นไม่ได้แม้กระทั่งศิษย์ของเขา

แต่ว่า ใช้เคล็ดเช่นนี้สู้กับเขานั้นค่อนข้างน่าประหลาดใจมาก

อย่างไรเสีย เคล็ดโลหิตเวทย์ก็อยู่กับเขา!

“ฝนจากสวรรค์!”

สำหรับการตอบโต้ ฟางหยวนประกบมือทำท่าและเมฆฝนก็ปรากฏขึ้น

“ฮ่าฮ่า… เจ้าคิดว่าไฟของข้าเป็นไฟธรรมดาหรือ?”

เห็นแล้วปิศาจโลหิตก็ฉีกยิ้มเยาะ ดูเหมือนว่ามันจะไม่พอใจที่ฟางหยวนประเมินมันต่ำ แต่ว่า รอยยิ้มของมันก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าตกใจไม่อยากเชื่อ

เพราะว่าภายใต้การควบคุมของฟางหยวน หยาดฝนเม็ดโตเทลงมาจากกลุ่มเมฆตกลงตรงกลางเปลวไฟสีเลือด

“ซ่า!”

หลังจากเสียงระเบิดดังลั่น เปลวเพลิงพิษที่สามารถลุกท่วมโลกได้ก็ดับลง ที่เหลืออยู่ก็มีแต่ไอน้ำสีขาวที่เริ่มกระจายหายไป

“เป็นไปได้อย่างไร?”

ปิศาจโลหิตตัวแข็งทื่อ

ไม่เพียงฟางหยวนจะเป็นแค่มือใหม่ในเรื่องคาถาเวทย์ ถ้าพูดให้ตรงกว่านั้น เขาเพียงใช้เคล็ดวิชาของศิษย์วิญญาณรับมือกับเคล็ดโลหิตเวทย์ได้สำเร็จ ซึ่งเกินกว่าที่ปิศาจโลหิตจะรับได้

เม็ดเหงื่อเย็น ๆ เริ่มปรากฏบนหน้าผากของเขา

ตามที่เขาสัมผัสได้ หยาดฝนนั้นหนาแน่นและกำลังแรงอย่างไม่น่าเชื่อ และฝนที่ตกลงมานั้นยังแฝงความยืดหยุ่นและว่องไวราวกับปลา มันตรงเข้าจุดอ่อนของคาถาของเขาและทำลายมันลงได้สำเร็จ ราวกับมีดคมกริบตัดก้อนเต้าหู้

ถ้าเขาเคยได้ยินเรื่องเล่าเก่าแก่เกี่ยวกับพ่อครัวชำแหละซากวัว เขาอาจจะยิ่งประหลาดใจและตกใจกว่าที่เป็นอยู่ด้วยซ้ำ

นี่เป็นเพราะฟางหยวนเพียงแค่ใช้เคล็ดวิชาสามัญที่สุดที่เขาได้ฝึกและเชี่ยวชาญที่สุด นอกจากนี้ เขายังไม่ได้ใส่พลังของตัวเองลงไปมากมายเลยด้วยซ้ำ

“คาถาเวทย์นี่…”

เหงื่อเย็น ๆ เม็ดโตไหลลงจากหน้าผากของปิศาจโลหิต เขารู้สึกว่าฟางหยวนมองทะลุตัวตนของเขาไปได้แล้ว

“เจ้าสังหารคนบริสุทธิ์โดยไม่มีเหตุผลและยังเป็นสาเหตุของเรื่องชั่วร้ายอีกมาก วันนี้ข้าจะมอบความยุติธรรมที่เจ้าควรได้รับ… แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่เหตุผลหลัก ใครให้เจ้ากล้าท้าทายข้าแต่แรกเล่า!”

ฟางหยวนยิ้ม และเส้นแสงสีเขียววูบไหวก็พุ่งออกจากฝ่ามือของเขา

“แกรบ!”

ปิศาจโลหิตถอยหลังทันที และแสงสีแดงเข้มก็ปรากฏขึ้นจากร่างของเขา “เกราะโลหิตสวรรค์!”

หลังจากเรียกใช้การป้องกัน เขาก็หมุนเท้าและพุ่งออกไปโดยไม่หันกลับมา

เขาจะสู้กับศัตรูเช่นนั้นได้อย่างไร? เขาคงไม่กล้าสู้กับฟางหยวนอีกเลยในชีวิตนี้

อย่างไรเสีย การสู้กับศัตรูที่มองตัวเองออกอย่างปรุโปร่งนั้นก็เป็นประสบการณ์อันเลวร้ายมากพอแล้ว

หลังจากสัมผัสประสบการณ์เช่นนี้ครั้งหนึ่ง ปิศาจโลหิตก็ไม่ปรารถนาจะเผชิญอีกเป็นครั้งที่สอง

แต่ว่า น่าเสียดายที่ฟางหยวนไม่ปล่อยเขาไปโดยง่าย

“ไป!”

เมื่อเขาสั่ง แสงสีเขียวก็ยิ่งเป็นประกายวิบวับและอ่อนนุ่ม มันพัวพันอยู่รอบ ๆ เกราะสีแดงและทำให้มันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นแสงสีเขียวก็ตัดผ่านเกราะได้โดยง่าย

“เพี๊ยะ!”

ปิศาจโลหิตอึ้งไป เขาเห็นเกราะของตัวเองแตกราวกับเป็นเปลือกไข่เผยให้เห็นแสงสีเขียว มันดูราวกับเป็นมีดสั้นสีเขียวที่มีรูปร่างประหลาด

“มีดสั้นอสรพิษเขียวในตำนาน?”

แน่นอนว่า เขาคุ้นเคยกับอาวุธชิ้นนี้ที่ลู่เหรินเจียเคยใช้มาก่อน

“ปุ!”

มีดสั้นอสรพิษเขียวพุ่งเข้าใส่เขาจากมุมที่ยากป้องกัน

ระหว่างนี้ ปิศาจโลหิตหมุนตัวและงอเอวลงด้วยท่วงท่าดูน่าเจ็บปวดเพื่อหลบอาวุธชิ้นนี้

ถึงอย่างนั้น มีดสั้นก็กรีดผ่านหัวไหล่ของเขา เลือดสาดกระจายในอากาศ

ปิศาจโลหิตหอบอย่างหนักราวกับสัตว์ร้ายที่สิ้นแล้วซึ่งความหวัง เขาพยายามอย่างที่สุดที่จะหาวิธีรอดชีวิตและในเวลาเดียวกันก็อึ้งจนพูดไม่ออกกับความสามารถของฟางหยวน

“เจ้าเข้าถึงระดับสูงสุดของขอบเขตรวมธาตุแล้ว?”

มองฟางหยวน คำพูดเหล่านี้ก็ถูกเค้นออกจากปากของเขาขณะที่เขาปฏิเสธที่จะรับรู้ความจริงนี้

ฟางหยวนทำลายคาถาเวทย์ก่อนหน้านี้ของเขาได้เพราะเขาไม่ระมัดระวังพอ และฟางหยวนโชคดี แต่ว่า มีดสั้นที่ผ่านเกราะป้องกันของเขาได้ มันทำให้เห็นว่าฟางหยวนนั้นมีความสามารถจริง ๆ และไม่มีข้ออ้างใดในครั้งนี้

โดยไม่รอให้ฟางหยวนตอบ รอยแผลหลายรอยบนร่างของเขาก็ฉีกเปิดออกและเลือดมากมายพรั่งพรู มันราวกับเขาจมอยู่ในกองเลือด

“เหอเหอ ข้าจะจำเจ้าเอาไว้! เคล็ดโลหิตซ่อน!”

พร้อมกับการตะโกนครั้งนี้ ปิศาจโลหิตเปลี่ยนร่างไปเป็นลำแสงสีแดงสดและพุ่งออกไปด้วยความเร็วอันน่าตระหนก

ก่อนหน้านี้ เขาก็ใช้เคล็ดวิชาเดียวกันนี้หลบหนีจากหลิวเอี๋ยนและนักพรตมู่หลี่ แม้ว่านักพรตมู่หลี่จะมีนกวิญญาณ เขาก็ไม่สามารถจับคนผู้นี้ได้

“ราชานกหงเอี่ยนป๋าย! สถานะคลั่ง!”

ถึงตอนนี้  ปิศาจโลหิตไม่โชคดีอีกครั้งเป็นแน่

เมื่อตะโกนบอกแล้ว ฟางหยวนก็กระโดดขึ้นหลังราชานกหงเอี่ยนป๋าย

เจ้านกร้องเสียงดังหลายครั้งต่อกัน ปลายขนของมันเปลี่ยนไปเป็นสีแดงสดของเลือด ความเร็วเดิมที่ก็เร็วมากอยู่แล้วนั้นเพิ่มขึ้นอีกห้าเท่า! เพียงแค่แสงสีขาวกะพริบครั้งเดียว มันก็ตามปิศาจโลหิตทัน

“เป็นไปได้อย่างไร?”

ปิศาจโลหิตไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปแล้ว

เคล็ดวิชานี้เป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของเขา วิชานี้เมื่อใช้ออกต้องใช้พลังธาตุส่วนหนึ่ง และยังมีผลข้างเคียงคล้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังของเขาจะลดลง

ดังนั้น เมื่อมีความเสี่ยงระดับนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง ผลที่ได้ย่อมเกินคาดคิด มันสามารถพาเขาเดินทางด้วยความเร็วสูงเกินกว่าที่นกวิญญาณทั่วไปจะไล่ทันได้

ตั้งแต่ปิศาจโลหิตฝึกเคล็ดโลหิตเวทย์สำเร็จ เขาก็มักจะพึ่งพาเคล็ดวิชานี้เป็นไพ่ตายที่ไว้วางใจได้ไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม

แต่ว่า มันเป็นไปได้อย่างไรที่นกวิญญาณที่ฟางหยวนขี่อยู่จะไล่ตามเขาทัน?

ปิศาจโลหิตตกตะลึงไปจนถึงแก่น

ไม่เพียงฟางหยวนจะขึ้นถึงระดับสูงสุดของขอบเขตรวมธาตุด้วยอายุน้อยเท่านี้ เขายังสามารถหานกวิญญาณที่มีพลังและเกรี้ยวกราดเช่นนี้มาได้อย่างไร?

‘มีบางอย่าผิดพลาดแล้ว นกวิญญาณนี้เป็นอินทรียักษ์ ความเร็วของมันไม่ควรถึงระดับนี้!’

ปิศาจโลหิตพยายามกระตุ้นตัวเอง “แม้ว่านกนี่จะเร็วกว่าข้า มันก็คงเพราะพลังธาตุลับสักอย่าง ตราบใดที่ข้าทนได้นานกว่า ข้าก็ยังมีโอกาสหนีรอด!”

คิดอย่างนี้แล้ว เขาก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา และกัดปลายลิ้นของตัวเอง จานั้นเขาก็พ่นเลือดสดออกมาคำโต

“พรวด!”

ขี่อยู่บนหลังราชานกหงเอี่ยนป๋าย ฟางหยวนมองรอยเลือดบนพื้นที่ขยายกว้างขึ้นและมีประกายสีม่วง ความเร็วของปิศาจโลหิตก็เพิ่มขึ้นอีกสามเท่าตัว

“เหอเหอ… ตอนนี้เจ้าใช้ชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพันแล้ว?”

เขาหยิบลูกไผ่สองสามลูกออกมาอย่างใจเย็น และป้อนให้ราชานกหงเอี่ยนป๋ายและสั่ง “ไล่ตามมันต่อ ดูซิว่ามันจะยังทนใช้เลือดไปได้อีกนานเท่าใด!”

“แกว๊ก แกว๊ก!”

นกหงเอี่ยนป๋ายกรีดร้องเสียงแหลมและขนก็แดงขึ้นกว่าเดิม ด้วยการเสริมพลังจากลูกไผ่ ระยะเวลาคลั่งของมันก็ถูกยืดออกไป

หลังจากนั้น

“นี่มัน… นี่มันตัวอะไรกัน? มันมีพลังงานไม่รู้หมดหรือไร? นี่ไม่ปกติแล้ว!”

ลำแสงจากเคล็ดโลหิตซ่อนค่อย ๆ อ่อนลง ปิศาจโลหิตหน้าซีดราวศพ และผมสีดำของเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปราวกับเป็นกิ่งไม้ตายแห้ง เขาหล่นลงพื้นอย่างยืนหยัดไม่อยู่แล้ว

ได้ยินเสียงร้องแกว๊กจากนกตัวนั้นดังมาข้างหลัง เขาก็อ้าปากขึ้นอย่างลำบาก แต่ว่าไม่มีเลือดพอให้ใช้แล้ว

“ฮ่าฮ่า… ดูเหมือนชีวิตอันน่าภาคภูมิของข้าจะจบลงอย่างน่าสมเพชเช่นนี้แล้ว กรรมสนองแล้ว!”

เสียงหัวเราะแห้งแหบของปิศาจโลหิตฟังดูน่ากลัวกว่าเสียงการ้อง สายตาของเขาดับลง เขาล้มลงบนพื้น

“หืม?”

ราชานกหงเอี่ยนป๋ายร่อนลงอย่างสง่างามขณะฟางหยวนกระโดดลงไป เขารู้สึกสงสัย “เขาตายแล้ว?”

เมื่อลำแสงจากเคล็ดโลหิตซ่อนจางไป เขาก็เห็นปิศาจโลหิต

ซากศพของปิศาจโลหิตนั้นอยู่ในสภาพเลวร้ายกว่าซากศพที่ฟางหยวนเห็นก่อนหน้าเสียอีก เลือดทั้งหมดของเขาเหือดแห้งไปแล้ว

“เขาทำให้ตัวเองหมดแรงจากการใช้เคล็ดโลหิตซ่อนต่อเนื่อง”

จากนั้นฟางหยวนก็มองราชานกหงเอี่ยนป๋ายข้างตัวที่เกือบหมดแรงแล้วเช่นกัน และรีบป้อนลูกไผ่สองสามลูกให้มันทันที “ค่อย ๆ กินช้า ๆ ไม่ต้องห่วง ข้ายังมีให้เจ้าอีกมาก…”

ถ้าปิศาจโลหิตยังอยู่และเห็นเช่นนี้ เขาก็คงตายด้วยความโกรธซ้ำอีกครั้ง

“อสรพิษเขียว! ไป!”

มองปิศาจโลหิตที่ไร้ลมหายใจแล้ว ฟางหยวนก็ยังไม่ปล่อยให้มีโอกาสใด เขาโบกมือ แล้วลำแสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นและพุ่งตรงไปทางปิศาจโลหิต ตัดหัวเขาออกไป

มีเพียงเช่นนี้เท่านั้นที่ฟางหยวนจะเชื่อจริง ๆ ว่าเขาตายแล้ว

“เจ้าเป็นผู้มีความพิเศษ ถึงจะตายด้วยสภาพน่าสงสาร…”

จากนั้นฟางหยวนก็ไม่ลังเลที่จะก้าวเข้าไปค้นร่างของเขา

เขาสนใจเป็นอย่างมากที่จะหาว่านักรบศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอะไรในครอบครองบ้าง

น่าเสียดาย ปิศาจโลหิตเป็นปิศาจข้นแค้น เขาไม่มีอะไรอยู่บนร่างเลยนอกจากหยกตำราชิ้นหนึ่ง

จากนั้นฟางหยวนก็ใช้พลังเวทย์ของเขามองทะลุทะลวงร่างของปิศาจโลหิต เขาพบตำราโลหิตเวทย์ส่วนท้าย ดูเหมือนปิศาจโลหิตจะมีความเกี่ยวข้องกับโลหิตสังหาร

น่าเสียดายที่พวกมันทั้งคู่ล้วนถูกฟางหยวนสังหาร แต่ฟางหยวนก็ไม่ได้สนใจที่จะสืบสาวต่อไป

“เรื่องไร้ยางอายประเภทนี้ไม่คู่ควรให้ข้าเสียเวลาของข้า แต่เคล็ดโลหิตซ่อนดูจะน่าสนใจ!”

ฟางหยวนไม่สนใจเคล็ดโลหิตเวทย์แม้แต่นิดเดียว แต่เขายินดีที่พบเคล็ดโลหิตซ่อนในตำราโลหิตเวทย์ส่วนท้าย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า แม้ว่าเคล็ดโลหิตซ่อนจะใช้พลังอย่างมาก แต่มันก็มีประโยชน์มากกว่าเมื่อฝึกสำเร็จ

“แต่ว่า นี่คือทั้งหมดที่นักรบศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่งครอบครองอยู่งั้นรึ?”

ฟางหยวนไม่อยากเชื่อ คิดถึงเมื่อครั้งโลหิตสังหาร เขาก็โบกมือ เชือกผูกเอวของปิศาจโลหิตขาดออกในทันทีเผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่าของศพปิศาจโลหิต

“เอ๋?”

ถึงตอนนี้ มีบางอย่างสะดุดความสนใจของฟางหยวน

ผิวหนังส่วนหนึ่งบนหน้าอกของปิศาจโลหิตดูต่างไปจากผิวส่วนอื่นบนร่างของเขา ชัดเจนว่ามีการทำบางอย่างกับผิวส่วนนั้น

ฟางหยวนโบกมือ แสงสีเขียวกะพริบ แล้วแผ่นหนังนั่นก็ลอยเข้ามาในมือของฟางหยวน

“ช่างเป็นวิธีการซ่อนที่ชาญฉลาด!”

หนังชิ้นนี้ผ่านกระบวนการใดมาก่อน มันดูคล้ายจะเป็นหนังมนุษย์ เมื่อถูกเลือดเนื้อของปิศาจโลหิตปกคลุมอยู่เป็นนาน มันย่อมดูไม่เหมือนหนังมนุษย์แล้ว

เป็นเพราะลักษณะการตายของปิศาจโลหิตทำให้กล้ามเนื้อของเขาหดตัว เผยความแตกต่างให้ฟางหยวนเห็น

“เป็นไปได้ไหมว่านี่ก็เป็นเคล็ดวิชาลับด้วย?”

บนแผ่นหนังที่บางอย่างมากนั้นสามารถเก็บเอาไว้ได้อย่างมากก็กระดาษแผ่นเดียว เมื่อฟางหยวนกางมันออก ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง “นี่มัน…”

ในมือของเขานั้นเป็นชิ้นส่วนแผ่นที่เก่า ๆ ลายเส้นและสีบนนั้นคุ้นตาฟางหยวนเป็นที่สุดเพราะว่าเขามีแผนที่แบบเดียวกันนี้อยู่สองชิ้นแล้ว!

“แผนที่สมบัติส่วนที่สาม!”

 

 

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด