Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 115

อ่านนิยายจีนเรื่อง Carefree Path of Dreams ตอนที่ 115 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

หลิงอิ๋นรีบถอยอย่างรวดเร็วและอาวุธบนร่างของนางก็สะท้อนกับแสง

นางไม่คิดว่าฟางหยวนจะสามารถปิดบังตัวตนได้ถึงเพียงนี้ เคล็ดวิชาของเขาและยังวิทยายุทธ์ไม่เพียงพัฒนาไปอย่างรวดเร็วเขายังบรรลุสู่การใช้พลังธาตุ!

ฟางหยวนไม่เพียงแค่เป็นอู่จงผู้หนึ่ง แต่ยังเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ด้วย แน่นอนว่าเขาเล็ดลอดการตรวจสอบของทั้งนางและสืออวี้ถงไปได้ และยังได้ยินการพูดคุยลับระหว่างนางทั้งคู่ด้วย เขายังตัดสินใจจะลงมือเมื่อพวกนางแยกออกจากกัน

“ท่าน ฟังข้าอธิบายก่อน!”

หลิงอิ๋นเรียกใช้เครื่องรางและอาวุธหลายชิ้นเพื่อปกป้องตัวเองติด ๆ กัน น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเป็นแหลมสูงของนาง กำไลหยกเปล่งประกายสีเขียวมรกตออกมาจากนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นมีดด้ามเล็ก ๆ พร้อมจะลอยเข้าสู่มือของนาง

โชคไม่ดี นางมาได้ถึงเพียงขั้นตอนนี้เท่านั้น

“คาถาสะกด!”

ฟางหยวนเรียกใช้คาถาและหมอกที่รอบ ๆ ก็เริ่มเข้มขึ้นราวกับคลื่นยักษ์ หลิงอิ๋นถูกหมอกพวกนั้นกลืนเข้าไป

ท่ามกลางหมอกขาว ยังมีประกายสีเขียวและเสียงของผู้หญิง

“ตุบ!”

กำไลสีเขียวหยกหล่นลงพื้นและกลิ้งมาที่เท้าของฟางหยวน

“สลาย!”

ฟางหยวนดีดนิ้วแล้วหมอกจากคาถาก็เริ่มจางไป มันเผยให้เห็นหลิงอิ๋นที่หมดสติอยู่

แม้ว่านางจะมีการป้องกันหลายชั้น นางก็ไม่ได้มีภูมิคุ้มกับกับสะกดที่เรียกใช้โดยจ้าวแห่งฝัน

“ข้าเป็นจ้าวแห่งฝันผู้หนึ่ง และมันก็คงแปลกแล้วถ้าข้าไม่สามารถรับมือกับแค่ศิษย์วิญญาณได้!”

ฟางหยวนหยิบกำไลขึ้นมาและส่ายหน้า

เขาอาจจะกังวลถ้าต้องรับมือกับทั้งหลิงอิ๋นและสืออวี้ถงพร้อมกัน แต่เขาก็เพียงกังวลว่าจะไม่สามารถใช้พลังอย่างเต็มที่ต่อหน้าพวกนางได้เท่านั้น

ในเมื่อตอนนี้ทั้งคู่นั้นแยกกัน มันก็ง่ายที่จะกำจัดพวกนางคนหนึ่ง

ศิษย์วิญญาณผู้นี้ที่จัดการกดดันเจ้าสำนักห้าผีและโลหิตสังหารได้ เขากลับเอาชนะได้โดยง่ายและยังแทบจะไม่มีการต่อต้านใดเลย

“เคล็ดวิชาของจ้าวแห่งฝันของข้านั้นจู่โจมใส่จิตใจ การปกป้องแต่ละชั้นจะใช้การได้อย่างไร?”

ฟางหยวนนั่งยองลง

พร้อมกับแสงที่เปล่งประกายออกมา เกราะปกป้องของหลิงอิ๋นก็เริ่มจางไป และค่อย ๆ เปลี่ยนกลับมาอยู่ในรูปเครื่องประดับและอาวุธหลายชนิด

“เหอเหอ… อาจารย์ของนางเป็นจ้าวแห่งการเล่นแร่แปรธาตุจริง ๆ นั่นแหละ ดูเครื่องประดับและอาวุธเหล่านี้สิ…”

เห็นเครื่องประดับและอาวุธวิเศษหลายชิ้นบนร่างของนางแล้ว ฟางหยวนก็หยิบฉวยทุกอย่างมาจากนางอย่างไม่ละอายโดยไม่ทิ้งกระทั่งขวดยาสักขวดเอาไว้ให้

หลังจากเสร็จแล้ว ฟางหยวนก็ส่งสัญญาณออกไป

“แกว๊ก! แกว๊ก!”

พร้อมกับเสียงแหลมสูงจากเจ้านกอินทรีและกระแสลมแรง อินทรีดำหางเหล็กก็ร่อนลงมา

“พาข้าไปหาสืออวี้ถง!”

ฟางหยวนขึ้นหลังเจ้าอินทรีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

เขาไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยนางไปและในเมื่อเขาจัดการกับหลิงอิ๋นแล้ว เขาก็ต้องการจัดการกับอีกคนด้วยเช่นกัน!

“อย่างไร… การกระทำของข้าก็ต่อต้านลู่เหรินเจีย ถ้าข้าไม่ต้องการออกไปข้างนอกและวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ข้าก็ต้องอยู่ฝ่ายเดียวกับหลิวเอี๋ยน”

ฟางหยวนพึมพำและโบกมือ

อินทรีดำหางเหล็กพุ่งขึ้นฟ้าและหายลับไปในชั้นเมฆ

“อาจารย์…”

ข้าง ๆ น้ำพุศักดิ์สิทธิ์

หลินเหลยเยว่นั่งกอดเข่าอยู่บนก้อนหินสีเขียว นางมองน้ำพุที่ไหลไปและปลาสีดำที่ว่ายน้ำอยู่ จากนั้นนางก็นึกถึงสมัยที่นางยังเด็ก

ตอนนั้นอาจารย์เวิ่นซินยังมีชีวิตอยู่ บิดาของนางชื่นชมในตัวอาจารย์เวิ่นซินมากและมักจะไปเยี่ยมเขาบ่อย ๆ

มันเป็นฤดูใบไม้ผลิเมื่อตอนที่นางพบฟางหยวนครั้งแรก ทั้งหลินเหลยเยว่และฟางหยวนล้วนยังเด็กมาก

อาจารย์เวิ่นซินชอบหลินเหลยเยว่มากและขอหมั้นหมายหลินเหลยเยว่ให้ฟางหยวน บิดาของนางตอบรับอย่างยินดี

แต่ว่า ใครจะคิดว่าอาจารย์เวิ่นซินจะด่วนจากไปเร็วนักทั้งที่มีความสามารถในการรักษาระดับสูง แม้ว่าหลินเหลยเยว่จะได้รับการประเมินคุณค่าอย่างสูงจากอาจารย์เวิ่นซินแต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วหลังจากอาจารย์เวิ่นซินจากไป

นางเองก็ไม่คิดว่าฟางหยวน ที่ก่อนหน้านี้อาศัยตัวคนเดียวและไม่มีผู้ใดให้พึ่งพิงจะสามารถพัฒนาอย่างรวดเร็วทั้งในด้านการฝึกตนและวิชาการรักษาได้ด้วยตัวเอง กิจการในหุบเขาสันโดษของเขาก็ประสบความสำเร็จ และเขายังฝ่าระดับขึ้นเป็นอู่จงได้สำเร็จแล้วด้วย!

แม้ว่านางจะมีพรสวรรค์และพลังเวทย์ สืออวี้ถงอาจารย์นางยังเพียงพูดว่ามีโอกาสแต่ไม่ใช่การรับประกันว่านางจะขึ้นถึงระดับอู่จงได้!

คนผู้หนึ่งมีศักยภาพ ในขณะที่อีกคนมีความสามารถที่จะขึ้นเป็นอู่จง ความแตกต่างระหว่างพวกเขาทั้งคู่นั้นมากนัก!

แม้วกระทั่งอาจารย์ของนางยังพูดอย่างใจกว้างและสละหน้าตาของหลินเหลยเยว่เพียงเพื่อดึงฟางหยวนไปอยู่ฝ่ายเดียวกัน

‘โลกนี้… เคารพเพียงผู้มีพลังเท่านั้น ถ้าคนผู้หนึ่งต้องการควบคุมชะตาชีวิตของตนเอง คนผู้นั้นก็จำเป็นต้องมีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นเสียก่อน!’

ขณะที่นางกำลังมองไปที่เงาหนึ่งซึ่งปรากฏขึ้นในน้ำ หลินเหลยเยว่ก็กำหมัดแน่น

ทันใดนั้น เงาของคนอีกผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ผิวน้ำ

“เหลยเยว่ เจ้าโทษข้าใช่หรือไม่?”

สืออวี้ถงมาอยู่ข้าง ๆ หลินเหลยเยว่และนางก็ถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ข้าย่อมไม่กล้าโทษท่าน!”

หลินเหลยเยว่รีบลุกขึ้น

“เจ้าไม่กล้า แต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าไม่ได้โทษ…”

สืออวี้ถงส่ายหน้าและพูด “เอาเถิด นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ข้าย่อมไม่โทษเจ้า!”

“อาจารย์… เพื่อสำนักแล้ว ข้ายินดีเสียสละ!”

หลินเหลยเยว่กัดฟันและพูดต่อ “ไม่สำคัญว่าฟางหยวนทำให้ข้าขายหน้าเพียงไหน ข้าจะทำให้เขาเข้าใจ…”

“ดีแล้วที่เจ้ายินดีที่จะเสียสละเพื่อสำนัก!”

ดวงตาของสืออวี้ถงเป็นประกาย “แต่ว่า เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้ว!”

“อะไรนะเจ้าคะ?”

หลินเหลยเยว่ประหลาดใจมาก “เขาเป็นอู่จงคนหนึ่ง!”

“ภายใต้สถานการณ์ปกติ ข้าเข้าใจว่าทำไมเจ้าจึงจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป แต่ตอนนี้สถานการณ์ต่างออกไป พวกเรามีเพื่อนร่วมสมาพันธ์มากมายและยังมีอาจารย์ลู่ และอู่จงผู้หนึ่งก็เป็นเพียงเรื่องเล็กสำหรับพวกเราใช่หรือไม่?”

สืออวี้ถงมีสายตาเย็นชาและพูด “ฟางหยวนมีพลังอำนาจมากเกินไปและเขาเกลียดข้า เขาจะเป็นปัจจัยที่ไม่แน่นอนที่สุดและข้าจำต้องกำจัดเขาออกไปก่อนที่จะเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่!”

“นี่…”

หลินเหลยเยว่อึ้งงันไปและพูดไม่ออก แต่ว่า นางก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นในเวลาเดียวกัน

“จิ๊บ! จิ๊บ!”

ทันใดนั้น มีนกสีเขียวตัวเล็กตัวหนึ่งปรากฏขึ้นและร่อนลงบนไหล่ของสืออวี้ถง เจ้านกร้องอย่างกระวนกระวาย

“ข่าวร้าย หลิงอิ๋นเกิดปัญหาแล้ว!”

สีหน้าของสืออวี้ถงเปลี่ยนไปและหลินเหลยเยว่ก็ประหลาดใจ สำหรับนางแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เห็นสีหน้าเช่นนี้จากอาจารย์ของนาง

“ก่อนที่ข้าจะแยกจากหลิงอิ๋น ข้าทิ้งนกน้อยตัวนี้ไว้ดูหลิงอิ๋นเผื่อจะเกิดอะไรขึ้นกับนาง ตอนนี้เจ้านกกระวนกระวายมาก น่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับนางแล้ว… ในมณฑลนี้ คนเพียงผู้เดียวที่ทำเช่นนี้ได้ก็คือฟางหยวน!”

สืออวี้ถงนำหลินเหลยเยว่ไปด้วย พวกนางกลับไปที่ในป่าอย่างรวดเร็วด้วยวิชาตัวเบา “แผนการลับของพวกเราน่าจะถูกพบแล้วและพวกเราก็อาจจะถูกฟางหยวนสังหารได้! ไม่มีทางที่หลิงอิ๋นจะหนีรอดได้แล้ว!”

หลินเหลยเยว่ซึมไปและรู้ว่าแผนการลับที่อาจารย์และหลิงอิ๋นถูกพบโดยฟางหยวนและหลิงอิ๋นก็คงถูกสังหารไปแล้ว

นี่ไม่ใช่เรื่องตลกไม่ออกแล้วรึในเมื่อสืออวี้ถงเพื่อบอกให้นางไม่ต้องไปกังวลเรื่องนี้เมื่อครู่เอง?

“แกว๊ก! แกว๊ก!”

แต่ว่า ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องการพลิกไปมานี้แล้วตอนนี้

เสียงร้องดังลั่นจากนกอินทรี นกอินทรียักษ์ปรากฎกายขึ้นจากกลุ่มเมฆและกางปีกออกกว้าง เกิดเงาดำขนาดยักษ์

“เป็นไปได้อย่างไร?”

สีหน้าของสืออวี้ถงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

นางจงใจเลือกเส้นทางเล็กในป่าซึ่งถูกต้นไม้สูงบดบัง แต่ว่าเจ้าอินทรียักษ์ก็ยังสามารถระบุตำแหน่งของนางได้ไม่ว่าที่ไหน

“ซู่! ซู่!”

มีกระแสลมแรงกระหน่และอินทรีดำหางเหล็กก็พุ่งลงมา กรงเล็บคมกริบของมันฉีกกระชากต้นไม้โบราณออกเป็นสองส่วน

“ไม่ดีแล้ว!”

สืออวี้ถงผลักหลินเหลยเยว่ออกไปและพูด “ฟางหยวนน่าจะทำอะไรไว้กับพวกเราทำให้เขาสามารถระบุตำแหน่งของพวกเราได้ ดูเหมือนว่าเราต้องแยกกันแล้ว ไปซะ!”

สืออวี้ถงปล่อยมือและให้หลินเหลยเยว่ถูกผลักไปทางอื่น

“อาจารย์!”

หลินเหลยเยว่น้ำตานองหน้าและไม่มีทางเลือกนอกจากไปจากที่นี่ซะ

ที่ด้านหลังนาง นางได้ยินเสียงร้องดังและเสียงนกอินทรีกรีดร้องก้องมา

นกอินทรีไม่ให้ความเมตตาแก่สืออวี้ถงและมันพุ่งเข้าหานางโดยตรง

“ฟางหยวน เป็นเจ้าจริง ๆ!”

จากนั้นเสียงของสืออวี้ถงก็ดังมา และยังมีเสียงอื่นดังมาให้ได้ยินชัดเจน “หลิงอิ๋นพ่ายแพ้แล้ว เจ้าสำนัก เจ้าก็ได้รับบาดเจ็บและไม่ใช่คู่มือของข้าอย่างแน่นอน เจ้ารออะไรอยู่อีก?”

“ข้ายอมตายอย่างมีศักดิ์ศรีมากกว่ายอมจำนน!”

สืออวี้ถงถอนหายใจและพูดต่อ “ข้าไม่ได้จัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสมและดังนั้นข้าจึงเอาตัวเองเข้ามาเจอกับปัญหาเช่นนี้ ข้ายอมรับว่าข้าด้อยกว่าแต่ข้าต้องการสู้จนตัวตายเพื่อเกียรติของข้า!”

“ดีมาก!”

เสียงของฟางหยวนดังมาและจากนั้นก็มีเสียงระเบิด

หลินเหลยเยว่ได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นและหัวใจก็จมลงไป นางรู้ว่าฟางหยวนนั้นมีฝีมือสูงกว่าอาจารย์ของนางและไม่มีโอกาสที่นางจะหนีพ้น

แม้ว่านางจะยังมั่นใจในตัวอาจารย์ของนาง อาจารย์ของนางก็พ่ายแพ้ให้ฟางหยวนมาแล้ว ดังนั้นนางจะโชคดีสักแค่ไหนกันครั้งนี้?

“ฟางหยวน!”

นางกัดฟันและหนีไปพร้อมกับน้ำตา นางสาบานในใจ “ข้า.. ข้าจะกลับมาแก้แค้นในสักวันหนึ่ง!”

“ดีมาก! ความกล้าหายของท่านสมควรได้รับการยกย่อง!”

ฟางหยวนกล่าวชื่นชมสืออวี้ถงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา

ฟางหยวนไม่ได้สนใจหลินเหลยเยว่ที่เริ่มวิ่งหนีไป

ระหว่างทั้งคู่นั้นไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันสักนิด

และสืออวี้ถงเองก็นำลูกศิษย์มาจากสำนักกุยหลิงด้วยจำนวนหนึ่ง และในเมื่อทั้งหมดแยกย้ายกันไปแล้ว มันก็ยุ่งยากเกินไปที่จะตามสังหารทุกคน

สิ่งที่เขาเผชิญอยู่ตอนนี้ก็กดดัและเขาจะคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เหลือภายหลังจากที่เขาจัดการกับสืออวี้ถงได้แล้ว

“ฝ่ามือกรงเล็บอินทรี!”

“เกราะพระพุทธ!”

“ปัง!”

ปลดปล่อยพลังธาตุออกมา รูปลักษณ์ที่ปรากฏขึ้นกระทบกัน และต้นไม้มากมายล้มลง ทั่วทั้งบริเวณเละเทะไปหมด

สืออวี้ถงนั้นไม่ใช่คู่มือของฟางหยวนและนางยังบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้ ผมของนางยุ่งเหยิง เลือดไหลออกจากปาก ทำให้นางอยู่ในสภาพอันน่าสงสาร

“เจ้าคิดจะหนีจากข้าใช่หรือไม่ ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหน ข้าก็สามารถหาตัวเจ้าพบได้!”

ฟางหยวนพูดอย่างเย็นชาและทำให้สืออวี้ถงรู้สึกหมดกำลังใจไปกับคำพูดของเขา

“ข้ารู้…”

สืออวี้ถงเหลือบมองอินทรีดำหางเหล็กด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ “ข้ามีคำถามที่อยากได้คำตอบ หาข้าไม่ได้คำตอบข้าคงตายตาไม่หลับ!”

“เจ้าสงสัยว่าข้าสามารถตามรอยพวกเจ้าได้อย่างไรใช่ไหม?”

ฟางหยวนส่ายหน้าและพูด “เจ้าจะได้รู้คำตอบเร็ว ๆ นี้!”

“อะไรนะ?”

สืออวี้ถงรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังย่างกรายเข้ามาหานางอย่างกะทันหัน นางไม่ได้คิดและรีบเปลี่ยนไปอยู่ในรูปเก้าเงา เงาทั้งเก้าจู่โจมจากทุกทิศทาง

“คาถาสะกด!”

ฟางหยวนยกปลายนิ้วขึ้นเล้กน้อยและหมอกรอบ ๆ ก็เริ่มกระจาย เงาทั้งหมดของนางถูกหมอกกลืนกิน

“นี่คือ…”

สืออวี้ถงสับสน ตอนแรกก็ด้วยหมอก แต่พลังธาตุในจุดตันเถียงของนางทำให้นางตัวสั่น และนางก็รู้สึกตัวขึ้นจากสะกด นางประหลาดใจมาและถาม “นี่คือ…คาถาสะกดวิญญาณ?”

“เพล้ง!”

เพียงนางลังเลเล็กน้อย นางก็ตกลงสู่เส้นทางแห่งความตายในเมื่อศัตรูของนางเป็นอู่จงผู้หนึ่ง

จู่ ๆ ฟางหยวนก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังนางและจับนางไว้!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด