Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 117

อ่านนิยายจีนเรื่อง Carefree Path of Dreams ตอนที่ 117 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“นั่นใคร?”

อินทรีดำหางเหล็กร่อนลงและร่างกายใหญ่โตของมันก็ทำให้คนที่อาศัยอยู่ในตำหนักเจ้าเมืองหวาดกลัว

ฟางหยวนรู้ดีว่าลูกศรจำนวนมากเล็งมาที่เขาแล้วตอนนี้ การข่มขู่เช่นนี้ทำให้เจ้าอินทรีกระวนกระวายเล็กน้อย มันสามารถสัมผัสได้ว่ามีโอกาสสูงมากที่มันจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือถูกสังหาร!

‘ถูกต้อง… ถ้าอี้ซานฝูไม่มีการป้องกันทางอากาศเสียเลย สัตว์วิญญาณที่บินได้ก็คงเข้าปกครองน่านฟ้าไปแล้วหรือมิใช่?’

เขาขี่มาบนนกอินทรีและล่วงล้ำเข้ามาในเมืองอี้ซานฝู และยังร่อนลงตรงหน้าตำหนักเจ้าเมือง นี่ย่อมดึงดูดความสนใจ

เมื่อสัญญาณเตือนดัง ทหารของอี้ซานฝูมากมายก็เข้ามาล้อมฟางหยวนไว้ คนที่เป็นหัวหน้าทหารกลุ่มนี้เป็นชายร่างใหญ่สูงแปดฉื่อ เขาสวมหมวกเหล็กเขาวัวและตะโกนออกมา “เจ้ากล้าดีอย่างไรล่วงล้ำเข้ามาในอี้ซานฝู เจ้าเป็นใคร? แจ้งนามของเจ้ามา!”

ผู้ชายสวมหมวกเหล็กเขาวัวนั้นห้าวหาญแต่ก็ระแวดระวัง เขารู้ว่าคนที่สามารถขี่สัตว์วิญญาณได้นั้นย่อมไม่ธรรมดา และฟางหยวนยังไม่ได้ร่อนลงในตำหนักเจ้าเมืองโดยตรง นั่นแสดงว่าเขาไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร ชายในหมวกเหล็กเขาวัวจึงสั่งคนของตนให้อยู่เฉยและตื่นตัวเอาไว้

“เหอเหอ… ข้าคือฟางหยวนจากบนเขา ข้าอยากขอพบท่านเจ้าเมือง!”

ฟางหยวนยืนขึ้นมือทั้งสองไพล่หลังหลังลงมาจากอินทรีดำหางเหล็ก เขาดูใจเย็นมากและยังยิ้มออกมาได้แม้ว่าจะมีทหารล้อมอยู่โดยรอบ

“อู่จง?!”

คนหัวหน้าเพ่งมองฟางหยวน

อู่จงผู้นี้นั้นยังเยาว์และแปลกหน้าสำหรับเขา เขาค่อนข้างประหลาดใจและยังระแวงฟางหยวนอยู่

“ท่านต้องการพบท่านเจ้าเมือง?”

เขาจ้องมองฟางหยวนและรีบคิดอย่างรวดเร็ว เขานึกไม่ออกเลยว่ามีอู่จงผู้ใดที่มีสัตว์วิญญาณในครอบครอง จากนั้นเขาก็พูดต่อ “ข้าจะเข้าไปรายงานการมาของท่านแก่ท่านเจ้าเมือง แต่มันก็ขึ้นอยู่กับท่านเจ้าเมืองว่าต้องการพบท่านหรือไม่…”

“อืม ข้ารู้…”

ฟางหยวนดูจะมั่นใจว่าเจ้าเมืองต้องอยากพบเขา

อันที่จริง ในเวลาสงครามเช่นนี้และเมื่อที่นี่ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา เจ้าเมืองย่อมต้องวุ่นวายกับการจัดการเรื่องต่าง ๆ แต่ว่า ด้วยพลังอำนาจระดับอู่จง หลิวเอี๋ยนย่อมต้องหาเวลามาพบแม้ว่าอู่จงผู้นั้นจะไม่ได้มีกองกำลังหนุนหลังก็ตาม

ก็จริง ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีทหารผู้หนึ่งวิ่งตรงมาทางฟางหยวนและพูด “ท่านเจ้าเมืองต้องการเชิญท่านเข้าในห้องโถงสำหรับอาคันตุกะขอรับ!”

“ดีมาก! แต่ข้าต้องไปเอาของขวัญสำหรับเขาก่อน!”

ฟางหยวนกลับไปที่เจ้าอินทรีและแบกหลินอิ๋นลงมาจากหลังของอินทรี

“นั่นท่าน…”

นายทัพผู้นั้นไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

เขาอยากจะให้ความเห็นเรื่องของขวัญสำหรับท่านเจ้าเมืองว่าท่านเจ้าเมืองอายุมากเกินไปแล้วและเขาก็ไม่ได้สนใจในเด็กสาวอีกต่อไปแล้วด้วย และฟางหยวนซึ่งเป็นอู่จงยังจะนำของขวัญที่นำความเสื่อมเสียมาให้เขา

เมื่อฟางหยวนปัดผมยาว ๆ ของหลิงอิ๋นให้เห็นใบหน้าของนาง นายทัพก็ยิ่งตกตะลึง “หลิงอิ๋น!!”

เขารู้ว่านางเป็นศิษย์รักของลู่เหรินเจียและเคยเห็นนางมาก่อนในงานฉลองวันเกิด เขายังรู้ด้วยว่าลู่เหรินเจียส่งอู่จงสองคนไปดูแลแม่นางผู้นี้

แต่ทว่า ตอนนี้นางถูกทุบตีจนหมดสติและนำมาเป็นของขวัญ

เขาไม่สามารถทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงใหญ่โตเช่นนี้ได้

“เจ้าคิดว่าของขวัญนี้เป็นอย่างไร?”

ฟางหยวนโยนหลิงอิ๋นให้กับนายทัพ

“เอ่อ…”

นายทัพรู้สึกกระอักกระอ่วนและรีบสั่งให้คนของเขามานำหลิงอิ๋นไปที่ใดสักที่ที่คนของเขาสามารถดูแลนางไว้ได้ จากนั้นเขาก็ทำท่าให้ฟางหยวนเป็นทียกย่อง “เยี่ยมมากพี่ชาย… ดีงามนัก!”

ถึงตอนนี้ เขาก็ไม่รู้สึกสงสัยในตัวฟางหยวนอีกต่อไปแล้ว

แม้เขาจะเห็นว่าฟางหยวนพยายามใช้หลิงอิ๋นเพื่อให้ได้รับความไว้ใจจากเจ้าเมือง ท่านเจ้าเมืองก็ไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังมากที่สุดในอี้ซานฝูและการลอบสังหารก็เป็นเพียงเรื่องขำขันสำหรับเขา

แต่ว่า ถ้าฟางหยวนวางแผนจะทำเช่นนั้นจริง ๆ เขาคิดว่าทุกคนในอี้ซานฝูเป็นตัวโง่งมหรืออย่างไร?

ดังนั้น นายทัพจึงยืนยันได้ว่าฟางหยวนนั้นจริงใจที่จะเข้าร่วมฝ่ายกับท่านเจ้าเมือง จากนั้นเขาก็เชิญฟางหยวนและพูด “เชิญ… ข้าจะนำท่านไปที่ห้องโถงรับอาคันตุกะเอง! รวมทั้งสัตว์วิญญาณของท่านด้วย!”

จากนั้นเขาก็สั่ง “ทุกคน! ให้พ่อครัวเชือดวัวหิมะสักสองตัวเอาเนื้อมาให้สัตว์วิญญาณตัวนี้!”

“ขอบคุณ! แต่ว่า สัตว์วิญญาณของข้านั้นต่างจากทั่วไปเล็กน้อย มันชอบเนื้อย่างมากกว่า!”

ฟางหยวนยิ้มและพูดต่อ “และถ้ามีเหล้าแรง ๆ สักหน่อย ก็จะยิ่งดี!”

“ฮ่าฮ่า… ท่านเป็นคนที่พิเศษจริง ๆ แม้แต่สัตว์วิญญาณของท่านก็ยังพิเศษออกไป ช่างบังเอิญนัก เนื้อย่างในตำหนักนี้สุดยอดมาก และข้าจะบอกให้คนของข้าเอาเหล้าไปสักหลายไห!”

ดวงตาของนายทัพเป็นประกายและเบิกกว้าง

ถ้าฟางหยวนไม่ได้มีธุระต้องทำในมือ นายทัพผู้นี้คงจะไปกินดื่มกับฟางหยวนจนเต็มคราบ ราวกับจะสาบานตนเป็นพี่น้องกันได้ด้วยซ้ำ

“กรุณานำทางด้วย!”

อินทรีดำหางเหล็กดื่มกินอยู่ด้านนอกขณะที่ฟางหยวนตามนายทัพผู้นั้นเข้าไปในตำหนักเจ้าเมือง

ตำหนักดูใหญ่โตและมีโครงสร้างหลายส่วนที่เพิ่งสร้างใหม่ และยังมีหลุมขนาดมหึมาที่ยังไม่ได้กลบและมันดูแย่ยิ่งกว่าที่ด้านนอกประตูเมืองเสียอีก

‘หลุมพวกนี้เกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้ของอู่จงและนักรบศักดิ์สิทธิ์รึ?’

ฟางหยวนคิด

จากที่เขาเห็นที่รอบนอกเมือง การต่อสู้นั้นรุนแรงจนครึ่งหนึ่งของห้องโถงหลักถูกทลาย ก็คงไม่น่าแปลกใจหาทั้งตำหนักนี้จะถูกทำลายลงอย่างราบคาบ

เจ้าเมืองช่างมีความสามารถที่สามารถสร้างที่นี่ขึ้นมาใหม่จนมีสภาพเช่นนี้

หลังจากพวกเขาเดินผ่านสวนเล็ก ๆ พวกเขาก็มาถึงห้องรับแขก

“รับน้ำชาก่อนนะขอรับ ท่านเจ้าเมืองจะมาในอีกไม่ช้า!”

หลังจากเข้ามาในห้องรับแขก นายทัพก็เชิญฟางหยวนนั่งและมีสาวใช้งดงามสองคนเข้ามาส่งถ้วยน้ำชาให้เขา พวกนางกลับออกไปทันที เห็นได้ชัดว่าพวกนางไม่ต้องการอยู่ในห้องนี้ให้นานไป

“ชาที่ในอี้ซานฝูนี้ดีที่สุดในประเทศเซี่ย ท่านลองชิม!”

นายทหารยกถ้วยชาขึ้นจิบน้ำชาอย่างสง่างาม เขาดื่มด่ำไปกับน้ำชาในถ้วย

“โอ้?”

จากนั้นฟางหยวนก็หัวเราะและพูด “ดี เช่นนั้นข้าต้องลองชิมด้วยตนเองแล้ว!”

เขาได้กลิ่นหอมของชาขณะยกถ้วยขึ้น กลิ่นหอมที่นำความสงบและความนิ่งมาให้

ในน้ำชาใน ใบชาค่อย ๆ คลายออกช้า ๆ ใบชาพวกนี้ราวกับหยกสีขาว และลายเส้นบนใบก็ชัดเจนและเชื่อมสู่โคนใบ ขณะที่ใบชาคลี่ออก มันก็ราวกับดอกไม้บานออกอย่างช้า ๆ

“ชาดี!”

ฟางหยวนมีสีหน้าประหลาดใจและพูด “จากสีของน้ำชา ข้าก็รู้แล้วว่าชานี้คุณภาพดีนัก!”

เขาย่อมรู้ว่านายทัพผู้นี้ไม่ได้มีความรู้เรื่องชานักและในเมื่อเขาชื่นชอบชาถึงเพียงนี้ มันอาจจะเป็นชาวิญญาณ

‘ชานี้ยังยังด้อยกว่าชาชำระจิตของข้า’

ในใจฟางหยวนสั่นไหวและจิบน้ำชาอีกอึก

รสชาติกลมกล่อมอวลอยู่ในปาก กระตุ้นต่อมรับรสอย่างนุ่มนวล การกระตุ้นนั้นเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ และไม่เหมือนกับรสชาติแรง ๆ ที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็ว นี่เป็นรสชาติที่ไม่อาจลืมเลือนและทิ้งความประทับใจรุนแรงเอาไว้

และเมื่อน้ำชาไหลลงไปถึงกระเพาะอาหาร ฟางหยวนก็สัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ที่แผ่เข้าไปในร่างกายของเขาและจุดตันเถียนของเขาก็อุ่นขึ้นจากน้ำชา เขารู้สึกว่าพลังธาตุของเขาเพิ่มขึ้นแม้ว่าจะเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นก็ตาม

“เป็นอย่างไร?”

นายทัพจ้องมองฟางหยวนและเห็นว่าเขาก็ดื่มด่ำไปกับน้ำชาเช่นกัน เขาพลันตบขาฟางหยวนและพูด “เยี่ยมมาก พี่ชาย!”

“หืม?”

ฟางหยวนสับสนไปกับสีหน้าและท่าทีของนายทัพผู้นี้

“พี่ฟาง อันที่จริงแล้วนี่เป็นชาวิญญาณและมีจำนวนจำกัด ชานี้จะยกมาให้เฉพาะแขกสำคัญ นักรบศักดิ์สิทธิ์ อู่จง หรือใครที่ได้ชิมชานี้ครั้งแรกล้วนแต่มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากทำให้รู้ได้ว่าพวกเขาดื่มด่ำกับชาอย่างแท้จริง นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพบผู้ที่สีหน้าไม่เปลี่ยนไปสักนิด ดีมาก!”

“เหอเหอ…”

ฟางหยวนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่งและรู้สึกว่านายทัพผู้นี้ดูจะเป็นคนบ้าที่ชอบเห็นผู้อื่นแสดงท่าทีเกินปกติ

อันที่จริงแล้ว แม้ชาที่ยกมานั้นจะดี แต่มันก็ไม่ได้เป็นชาที่สุดยอด นายทัพต้องการให้ฟางหยวนที่เคยชินกับการดื่มชาชำระจิตรู้สึกพ่ายแพ้หลังได้ดื่มชานี้? ช่างน่าขำ

“ท่านเจ้าเมืองมาแล้ว!”

ในตอนที่ฟางหยวนคิดว่านายทัพผู้นี้จะสาบานเป็นพี่เป็นน้องกับเขาแล้วนั้น ท่านเจ้าเมืองก็ออกมาในที่สุด

“ข้าขอคารวะ ท่านเจ้าเมือง!”

เขาผ่อนลมหายใจยาวและลุกขึ้นคารวะเจ้าเมืองหลังจากหยุดการสนทนากับนายทัพลงได้

“เหอเหอ… ไม่ต้องสุภาพถึงเพียงนั้นหรอก ลุกขึ้นเถอะ!”

หลิวเอี๋ยนรับการคารวะของฟางหยวนด้วยมือทั้งสองและยิ้มกว้าง

ขณะที่ฟางหยวนลุกขึ้น เขาก็สังเกตเจ้าเมืองอย่างละเอียด

จากที่เห็น ผู้อื่นอาจจะคิดว่าเจ้าเมืองนั้นเป็นตาแก่ผอมแห้งคนหนึ่งที่มีคิ้วหนา

แต่ว่า ฟางหยวนไม่เพียงเป็นอู่จง เขายังเป็นจ้าวแห่งฝันและดังนั้นจึงสามารถมองเห็นได้มากกว่านั้น

มีพลังธาตุไฟล้อมรอบตัวหลิวเอี๋ยนอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่ใช้พลังเวทย์สังเกตรอบ ๆ นี้อย่างง่าย ๆ ก็จะพบได้ว่าที่นั่งอยู่บนตำแหน่งเจ้าเมืองนั้นไม่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นลูกไฟดวงมหึมา!

ภาพมายานี้หมายถึงระดับการฝึกตนของนักรบศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้นั้นถึงระดับสูงสุดและอีกเพียงนิดเดียวก็สามารถฝ่าระดับ ขึ้นสู่การฝึกฝนในระดับถัดไปได้อย่างช้า ๆ

“เจ้าชื่อฟางหยวน?”

เห็นฟางหยวนเข้าร่วมกับฝ่ายเขาด้วยความตั้งใจของตนเองและยังนำเอาคนผู้มีพลังมาเป็นของขวัญ หลิวเอี๋ยนย่อมไม่ยกตนขึ้นเบ่งต่อหน้าฟางหยวน เขาดูเป็นคนข้างบ้านชราและใจดีผู้หนึ่งในเมืองเท่านั้น

แต่ว่า ดวงตาของเขาดูสงบ “ถ้าข้าดูไม่ผิด เจ้าไม่เพียงเป็นอู่จง แต่ยังเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์… และเจ้ายังทะลวงผ่านสู่ระดับสวรรค์ด้วย ใช่หรือไม่?”

นี่ไม่ได้เป็นความลับเพราะฟางหยวนก็ได้คาดเอาไว้แล้วว่าเจ้าเมืองต้องรู้เมื่อเห็นเขานำหลิงอิ๋นมาเป็นของขวัญ

เขายังเผยพลังเวทย์ออกไปส่วนหนึ่งโดยตั้งใจและมันก็เป็นธรรมดาที่เขาจะมองเห็นได้

“ถูกต้อง!”

ฟางหยวนพยักหน้าเนิบช้า แต่แม้ว่าหลิวเอี๋ยนจะสังเกตมากกว่านี้สิบเท่าเขาก็ไม่สามารถตรวจจับสถานะที่แท้จริงของฟางหยวน จ้าวแห่งฝัน ได้

อย่างไร เคล็ดวิญญาณก็มีกิ่งก้านสาขาแตกออกไปมากมายและพลังธาตุฝันนั้นก็เป็นแบบที่เป็นมายาที่สุด หลิวเอี๋ยนจะสามารถแยกออกจากอย่างอื่นได้อย่างไร?

“เจ้ามีพรสวรรค์จริง ๆ ข้าชื่นชมนัก!”

สีหน้าของหลิวเอี๋ยนเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นอีกนิด

“อะไรนะ… พี่ฟาง ท่านเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์? โอ้…”

นายทัพที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาประหลาดใจมาก “ท่านสมควรได้รับคารวะจากข้า!”

“เจ้าไปได้แล้ว แม่ทัพหนิว!”

หลิวเอี๋ยนขมวดคิ้วและโบกมือ

“ข้าขอตัวก่อนแล้ว!”

แม่ทัพหนิวไม่กล้าหือต่อหน้าเจ้าเมือง เขารีบขอตัวออกไปในทันที เหลือเพียงฟางหยวนและหลิวเอี๋ยนอยู่ในห้องโถงรับแขก

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด