Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 118

อ่านนิยายจีนเรื่อง Carefree Path of Dreams ตอนที่ 118 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ในโถงรับแขกเหลือเพียงหลิวเอี๋ยนและฟางหยวนหลังจากแม่ทัพหนิวออกไป

หลิวเอี๋ยนพยุงฟางหยวนขึ้นแล้วก็ถอนหายใจ “ท่านฝึกปรือได้ถึงระดับนี้ทั้งที่ยังเยาว์วัยเพียงนี้ ตรงกันข้าม ข้าไม่มีอะไรเลยทั้งที่อายุเท่านี้แล้ว…”

“ท่านเจ้าเมือง ท่านประเมินข้าสูงเกินไปแล้ว!”

ฟางหยวนตอบอย่างถ่อมตัว

ฟางหยวนเคยได้ยินเรื่องนิสัยของหลิวเอี๋ยนมากก่อน เขาจึงยังรู้สึกว่าต้องระวังหลิวเอี๋ยนเอาไว้

“นี่ไม่ใช่ประเมินท่านสูงเกินไป!”

หลิวเอี๋ยนลูบเคราแพะของตัวเองและพูด “เท่าที่ข้ารู้ ในประเทศเซี่ยมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถขึ้นมาถึงระดับอู่จงหรือนักรบศักดิ์สิทธิ์ ในประเทศเซี่ย เจ้าเป็นคนแรกที่สามารถขึ้นมาถึงทั้งสองระดับนี้ได้! ข้าคิดว่าแม้ในประเทศข้างเคียง เจ้าก็นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่สามร้อยปีจะถือกำเนิดขึ้นสักผู้หนึ่ง!”

แม้หลายคนสามารถเปลี่ยนลักษณะภายนอกให้ดูเยาว์วัยได้ พลังชีวิตที่พวกเขาแผ่ออกมาก็ต่างไป อายุแท้จริงของฟางหยวนจึงไม่สามารถซ่อนเร้นจากสายตาของหลิวเอี๋ยนได้

ฟางหยวนไม่ได้คิดว่าหลิวเอี๋ยนจะยกย่องเขาสูงถึงเพียงนี้

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หลิวเอี๋ยนก็ถาม “อาจารย์ของเจ้าคือผู้ใดกัน?”

“ข้ามาจากมณฑลชิงเหอ และอาจารย์ของข้าก็คืออาจารย์เวิ่นซิน!”

ฟางหยวนใช้ฉายาของอาจารย์ของเขา ซึ่งเป็นชื่อที่อาจารย์ของเขาใช้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา

เมื่อได้ยินว่าฟางหยวนมาจากมณฑลชิงเหอ หลิวเอี๋ยนก็หัวเราะ “ดี! ดี! ดี! เด็กหนุ่มจากอี้ซานฝูของข้า!”

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม “อาจารย์ของเจ้าไปที่ใดแล้วเล่า?”

อาจารย์ย่อมต้องน่าเกรงขามมากที่สามารถฝึกศิษย์ระดับนี้ออกมาได้

“อาจารย์ของข้าเสียชีวิตไปนานแล้ว!”

นี่ไม่ใช่ความลับ หลายคนในเมืองชิงเย่ล้วนรู้ และฟางหยวนก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังความจริง

“ข้าเข้าใจแล้ว! ไม่แปลกใจเลย…”

หลิวเอี๋ยนพยักหน้า จู่ ๆ เขาก็คิดถึงบางอย่างและหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจได้ “ข้าต้องบอกเจ้าเกี่ยวกับบางอย่างแต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าต้องการฟังหรือไม่?”

“กรุณาด้วยขอรับ!”

ฟางหยวนโบกมือ

“การฝึกวิทยายุทธ์หรือเส้นทางการเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ล้วนต้องการความพยายามและฝึกฝนอย่างหนักหลายปี พลังของคนผู้หนึ่งมีจำกัดไม่ว่าเขาจะมีพรสวรรค์เพียงใด นี่เป็นความจริงยิ่งนักเมื่อกระบวนการฝึกค่อย ๆ ยากขึ้น สำหรับเจ้า ข้าอยากแนะนำให้เลือกฝึกฝนเพียงเส้นทางเดียวถ้าเจ้าไม่ต้องการจบลงแบบพวกเรา มีเพียงเช่นนั้นที่ท่านจะประสบความสำเร็จได้!”

หลิวเอี๋ยนแนะนำ

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำขอรับ!”

ฟางหยวนอยากจะกลอกตาเพราะหลิวเอี๋ยนกลับไม่พูดถึงเงื่อนไขของการเข้าร่วมภาคีแต่กลับแนะนำเรื่องการฝึกตนของเขาแทน

ฟางหยวนรู้ว่าหลิวเอี๋ยนปรารถนาดี แต่ฟางหยวนนั้นต่างจากอัจฉริยะผู้อื่นมากนัก คำแนะนำนี้ใช้กับเขาไม่ได้

“ข้าอยากแนะนำให้เจ้าเลือกเส้นทางของนักรบศักดิ์สิทธิ์ถ้าเจ้าตัดสินใจเลือกการฝึกตนเพียงเส้นทางเดียว!”

หลิวเอี๋ยนมองเห็นแล้วว่าฟางหยวนไม่ได้ใส่ใจกับคำแนะนำของเขานักและเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น “นอกจากนี้ จากประสบการณ์หลายปีของข้า ข้าพบความจริงว่า หลังจากอู่จงแล้ว ก็ไม่มีทางให้เดินต่อ!”

“ไม่มีเส้นทางการฝึกฝนต่อหลังจากอู่จง?”

ฟางหยวนตัวสั่นเมื่อได้รู้ปัญหานี้

“ถูกต้อง!”

หลิวเอี๋ยนหัวเราะขื่น “เจ้าคิดว่าการฝึกฝน 12 ประตูทองสร้างขึ้นมาทำไม?”

“เพื่อช่วยผู้ฝึกยุทธ์พัฒนาพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีแนวโน้มที่จะขึ้นถึงระดับสูงกว่าอย่างการใช้พลังธาตุได้!”

ฟางหยวนตอบโดยไม่ลังเลเลยสักนิด

เขามีสิทธิ์ที่จะมั่นใจในฐานะที่เป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ์ผู้หนึ่ง

ตามการคาดเดาของเขา เส้นทางการฝึกวิทยายุทธ์นั้นคิดขึ้นมาโดยนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องการให้เป็นประโยชน์แก่คนส่วนมาก ดังนั้น กระบวนการค่อยเป็นค่อยไปโดยผ่าน 12 ประตูทองจึงถูกสร้างขึ้น

อย่างไรเสีย เส้นทางของนักรบศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่งก็เริ่มจากการเป็นศิษย์วิญญาณ แล้วค่อยกลายเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นก้าวใหญ่ก้าวเดียวและยากอย่างสุดแสน

วิทยายุทธ์แบ่งหนึ่งก้าวใหญ่ก้าวเดียวออกเป็น 12 ประตูทอง เป็นกระบวนการที่ต้องทำเพื่อเพิ่มระดับการฝึกฝนของผู้ฝึก ในที่สุด ผู้ฝึกตนเหล่านี้ก็จะมีพลังเวทย์เพียงพอที่จะฝ่าระดับได้สำเร็จถ้ามีความสามารถเพียงพอที่จะได้กลายเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์หรือจ้าวแห่งการเล่นแร่แปรธาตุ

“นั่นก็ถูก!”

หลิวเอี๋ยนพยักหน้า “แต่ว่า พลังธาตุของผู้ฝึกยุทธ์นั้นเป็นเพียงพื้นฐานและมีระดับต่ำ จะเปรียบเทียบกับพลังธาตุของนักรบศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร? แม้แต่เคล็ดวิชาของสำนักกุยหลิงและสำนักห้าผีก็เพียงแค่สามารถขึ้นสู่ขอบเขตของอู่จงได้แต่ไม่มีความก้าวหน้าหลังจากนั้น…”

หลิวเอี๋ยนพูดต่อ “ว่ากันว่าในอาณาจักรต้าเฉียนที่ห่างไกลนั้น วิทยายุทธ์เป็นของธรรมดา และความก้าวหน้าของการฝึกก็เร็วมาก ขอบเขตอู่จงนั้นมีการแบ่งระดับชัดเจน ไม่เหมือนที่นี่ซึ่งยังคงไม่แน่นอน…”

“ดังนั้น เทียบกันแล้ว สำหรับพวกเรานักรบศักดิ์สิทธิ์ ตราบใดที่เราฝึกฝนไปตามปกติและค่อย ๆ เพิ่มพูนพลังธาตุของพวกเราผ่านการฝึกอย่างต่อเนื่อง พวกเราก็สามารถฝ่าระดับได้สำเร็จ พวกเรายังมีบันทึกเส้นทางเบื้องหน้าที่แม้จะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ไม่ได้ไร้เงื่อนงำอนาคตของเส้นทางนี้ไปเสียทีเดียว!”

“เรื่องพวกนี้ เจ้าควรจะได้รับการบอกกล่าวโดยอาจารย์ของท่าน แต่เพราะเขาจากไปแล้ว ข้าจึงทำได้เพียงรับเรื่องนี้มาและบอกเจ้าด้วยตนเอง”

ฟางหยวนรับฟังอย่างตั้งใจและสีหน้าก็แย่ลงเรื่อย ๆ

“ไร้เส้นทางการฝึกวิทยายุทธ์ ตำราวิชาของนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สมบูรณ์… ข้าไม่คิดเลยว่าอี้ซานฝูและกระทั่งประเทศเซี่ยจะเป็นดินแดนยากไร้สำหรับผู้ฝึกตนเช่นนี้!”

“ข้าอยากรู้ว่าอาณาจักรต้าเฉียนจะน่าสนใจกว่าเพียงใดเทียบกับที่นี่”

เขาขอบคุณหลิวเอี๋ยนขณะที่ในใจครุ่นคิดเรื่องนี้

อย่างไร แม้ว่าอาจารย์เวิ๋นซินจะทิ้งมรดกทั้งหมดอธิบายเส้นทางการเป็นจ้าวแห่งฝัน ฟางหยวนก็ยังคงไร้เงื่อนงำสถานการณ์ในประเทศเซี่ย และการเปลี่ยนแปลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ในโลกของผู้ฝึกตน

‘ข้าไม่จำเป็นต้องกังวลที่จะมุ่งหน้าไปตามเส้นทางการเป็นจ้าวแห่งฝัน!’

ฟางหยวนก็เพิ่งตระหนักถึงคุณค่าของมรดกในมือเขา

เทียบกับนักรบศักดิ์สิทธิ์ผู้อื่นที่มีเพียงสิ่งสืบทอดที่ไม่สมบูรณ์ ฟางหยวนรู้สึกว่าเขาสามารถประสบความสำเร็จได้มากกว่านักรบศักดิ์สิทธิ์ผู้อื่นและย่อมไม่เดินเข้าสู่ทางตัน

ฟางหยวนรู้สึกว่าเพียงแค่ใช้เวลาและความพยายาม เขาก็จะก้าวข้ามระดับของหลิวเอี๋ยนและลู่เหรินเจียไปได้

“เป็นอย่างไร? เจ้าคิดอย่างไร?”

หลิวเอี๋ยนมองฟางหยวนและทำหน้าตาบึ้งตึง

“ไม่… ข้ายังสับสนกับข้อมูลที่มากเกินไปพวกนี้!”

ฟางหยวนส่ายหน้า “นอกจากนี้ ข้ายังไม่รู้สถานการณ์ของโลกแห่งการฝึกตนในอาณาจักรต้าเฉียนเลย”

“มีข่าวลือว่าเส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์นั้นได้รับการพัฒนาไปมากในอาณาจักรต้าเฉียนที่ห่างไกล พวกเขาค้นพบเส้นทางการฝึนตนหลังจากเป็นอู่จงแล้ว ไม่เหมือนพวกเราที่นี่ แม้ว่าพวกเราจะค้นพบเส้นทางต่อแล้ว พวกเราก็จะเก็บมันเอาไว้เพื่อตัวเองอย่างไม่เผื่อแผ่…”

“มีนักรบศักดิ์สิทธิ์มากมายที่ได้รับสืบทอดวิชาอันน่าเกรงขาม พูดได้ว่า เทียบกับพวกเราแล้ว สามารถเป็นหนึ่งรับมือสิบ หรืออาจจะรับมือพวกเราได้เกินร้อยคน…”

หลิวเอี๋ยนเหม่อไปไกลและถอนหายใจ “น่าเสียดายที่อาณาจักรต้าเฉียนนั้นไกลนักและเส้นทางยังอันตรายมาก อาจจะพูดได้ว่าแม้แต่อู่จงหรือนักรบวิญญาณก็ไม่อาจไปถึงที่นั่นได้โดยง่าย!”

‘ต้าเฉียน? ข้าจะไปดูที่นั่นเมื่อข้าได้เป็นจ้าวแห่งฝันแล้ว!’

ฟางหยวนตัดสินใจเงียบ ๆ

ฟางหยวนเคยได้ยินชื่ออาณาจักรต้าเฉียนมาก่อน อาจารย์เวิ่นซินมาจากต้าเฉียนสู่ประเทศเซี่ยเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาบางอย่าง

“ข้าซาบซึ้งกับคำแนะนำของท่านยิ่งนัก!”

เขาถาม “ข้าสงสัยว่าเหตุใดท่านจึงบอกเรื่องราวแก่ข้ามากมายนัก?”

“ฮ่าฮ่า… เป็นคำถามที่ดี”

ดวงตาของหลิวเอี๋ยนสว่างวาบขึ้น “ข้าบอกเรื่องนี้แก่เจ้าเพราะว่าเจ้าคือส่วนหนึ่งของอี้ซานฝู! เจ้าดีกว่าคนนอกพวกนั้น ลู่เหรินเจีย!”

ฟางหยวนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เมื่อคิดว่าเจ้าเมืองช่างแข็งขันในว่าเชื่อนี้ยิ่งนัก

“ในเมื่อเจ้ามาจากมณฑลชิงเหอ ข้าเชื่อว่าเจ้าสำนักกุยหลิง สืออวี้ถง ก็อยู่ในมือของเจ้าด้วย?”

หลิวเอี๋ยนหลับตาลงและจู่ ๆ ก็พูดออกมา “หลิงอิ๋นผู้นั้นเจ้าเล่ห์และเพิ่งปรากฏตัวขึ้นในมณฑลชิงเหอ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะลงมือรวดเร็วและจับพวกนางได้ในครั้งเดียว!”

“พวกนางสมรู้ร่วมคิดกันจะสังหารข้า ข้าทำได้เพียงชิงลงมือก่อน…”

ฟางหยวนหัวเราะขื่น ๆ “นั่นเป็นเหตุผลให้ข้ามาขอความคุ้มครองจากท่านเจ้าเมือง!”

“หืมมม?”

หลิวเอี๋ยนหัวเราะ “ฮ่าฮ่า… ดี ตีตรงจุดทันที! ข้าชอบคนเปิดเผยและจริงใจ!”

อาจจะเพราะความประทับใจแรกหรือผลจากการเป็นจ้าวแห่งฝัน หลิวเอี๋ยนเริ่มชอบฟางหยวนขึ้นมาแล้ว

ผู้อาวุโสฮั่นและผู้อาวุโสเปี้ยนคงตายตาไม่หลับถ้าได้ยินหลิวเอี๋ยนประเมินฟางหยวนเช่นนี้

“เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร? ส่งกองทัพไปสนับสนุนเจ้าที่มณฑลชิงเหอ?”

หลิวเอี๋ยนมองฟางหยวนอย่างขำ ๆ

“แน่นอนว่าไม่!”

ฟางหยวนส่ายหน้า

พอหลิวเอี๋ยนดูจะชอบใจเขา การพูดไร้สาระก็มาทันที

ถ้าหลิวเอี๋ยนพร้อมจะส่งกองทัพไปหลังจากได้ยินคำขอของฟางหยวน สมองของเขาคงได้รับการกระทบกระเทือนแล้ว

ไม่มีคนไร้เดียงสาใดจะสามารถรั้งตำแหน่งเจ้าเมืองไว้ได้หรอก

เพราะอย่างนั้น ฟางหยวนจึงต้องมีของหรือพูดบางอย่างที่ทำให้หลิวเอี๋ยนหวั่นไหวได้

หลิงอิ๋นนั้นเป็นเพียงการส่งสัญญาณเล็ก ๆ

“ส่งกองทัพไปดูจะเสียเวลาและเปลืองแรงเกินไป นอกจากนี้ ข้าเองก็ไม่ได้หวังให้ท่านเจ้าเมืองช่วยข้าขึ้นครองทั้งมณฑล”

ฟางหยวนกะพริบตา “ข้าอยากรู้ว่าท่านอยากจะจบสงครามลงอย่างรวดเร็วหรือไม่?”

“หืมมมม? ว่ามา!”

หลิวเอี๋ยนยืดตัวขึ้นเมื่อได้ยิน เขาย่อมต้องสนใจแน่นอน

“ข้าเพิ่งจับตัวสืออวี้ถงและหลิงอิ๋ได้เมื่อไม่นานมานี้เอง ลู่เหลินเจียน่าจะยังไม่ได้รับข่าวเร็วถึงเพียงนี้!”

ตอนที่กำลังเดินทาง ฟางหยวนนั้นคิดไว้แล้วว่าจะพูดอะไร “สำนักกุยหลิงตอนนี้ไร้ผู้นำ เพื่อที่จะดำรงสมาพันธ์เอาไว้ เขาย่อมต้องส่งผู้มีอำนาจ อาจจะเป็นตัวเขาเอง ไปแก้ไขสถานการณ์ นี่จะทำให้เขาเป็นเป้าหมายที่ง่ายแก่การลอบฆ่า แม้ว่าพวกเราจะสังหารเขาไม่ได้ แต่ก็สามารถทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้!”

“ใช้สัตว์วิญญาณ? เขาจะไม่ทันระวัง?”

หลิวเอี๋ยนตาเป็นประกาย

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด