Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 127

อ่านนิยายจีนเรื่อง Carefree Path of Dreams ตอนที่ 127 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

สิ่งที่นอนอยู่ภายใต้พุ่มไม้ใบหนาและดอกไม้สีสดคือกองกระดูกพูนสูง!

เมื่อคิดว่าพืชทั้งหมดนี้เพิ่งปลูกลงไปเพียงไม่นาน ความสามารถในการทำลายล้างช่างเกินหยั่งถึง!

“เป็นไปได้ไหมว่านี่เป็นเหตุให้ฮวาหูเตียวล่าเหยื่อได้น้อยกว่าแต่ก่อน… ทำให้ลูกนกจำนวนมากอดตาย?”

ฟางหยวนมองไปทั่วทั้งผืนพุ่มไม้และผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา

“จิ๊บ จิ๊ว!”

ในตอนนั้นเอง นกกระจอกตัวเล็ก ๆ สีเทาตัวหนึ่งปรากฏขึ้นบนฟ้าและบินวนอยู่เหนือพืชเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ามันถูกกลิ่นหอมแรงของน้ำหวานดึงดูดมา แต่มันก็ยังกังวลและยังไม่ตัดสินใจลงมือ

“เป็นเจ้าแล้วกัน!”

ประกายวับวาวปรากฏขึ้นในดวงตาฟางหยวนขณะเขาหยิบก้อนหินเล็ก ๆ ขึ้นมาขว้างใส่นกกระจอกตัวนั้น

“ฉัวะ!”

ตอนที่ก้อนหินพุ่งออกไป ก็ปรากฏเสียงฝ่าผ่านอากาศด้วยความเร็วดังก้อง มันพุ่งวาบไปและเจ้านกกระจอกก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะหล่นลงพื้น

ด้วยพลังของฟางหยวนในตอนนี้ ก้อนหินที่เขาขว้างออกไปแทบจะมีพลังมากกว่าลูกศรที่ปล่อยออกจากแล่ง สังหารเจ้านกตายในทันที

“ฉัวะ!”

เมื่อนกกระจอกหล่นถึงพื้น หญ้าวงเดือนที่บนพื้นก็มีปฏิกิริยาทันที ใบหนาใหญ่ราวมีดของต้นหญ้ามีประกายเงาวับราวโลหะโบกผ่านเจ้านกตัวนั้น ตัดมันออกเป็นสองส่วนขณะที่เลือดกระจายไปบนพื้น

“ความเร็วและพลังของมัน…”

ฟางหยวนเบิกตากลมกว้างด้วยความตกใจและคิด “ข้าเกรงว่ามันจะมีพลังมากกว่านักดาบในกองทัพเสียอีก!”

“ขวับ!”

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปตรงหน้าทำให้ฟางหยวนตะลึงยิ่งกว่าเดิม

พืชที่บนพื้นขยับไต่ไปมาอย่างโหดร้าย ขอบคมของใบและกลีบดอกราวกับฟันคมกริบและซากครึ่งหนึ่งของเจ้านกก็ถูกกลืนกินเข้าไปท่ามกลางพืชที่ขยับมากองกัน

“กร้วม กร้วม!”

ที่ด้านข้าง ประกายแสงมากมายสะท้อนจากขอบใบคมเรียบของหญ้า ซากของนกที่เหลืออยู่กลายเป็นเลือดกองหนึ่งกระจายไปทั่วผืนหญ้าวงเดือน

“เป็นเรื่องปกติที่หญ้าวงเดือนและบุปผากงจักรจะโหดร้ายถึงเพียงนี้หรือ?”

ฟางหยวนทำตาโตขณะคิด “พวกมันต้องมีวิวัฒนาการ! นอกจากนี้…”

เขามองเห็นหย่อมดอกไม้และใบไม้ที่แห้งและตายอยู่ข้าง ๆ พรมหญ้าวงเดือน เขาคิดอย่างเกรง ๆ “พืชวิญญาณที่เติบโตขึ้นใหม่นั้นจัดการพวกพืชธรรมดาที่อยู่ที่นี่มาก่อนพวกมันและใช้พวกพืชนั่นเป็นปุ๋ยไปแล้ว…”

พรมพืชวิญญาณผืนนี้เปื้อนเลือดตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้นแล้ว!

“แต่ ข้าคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าพืชทั้งสองนี้จู่โจมและป้องกันได้มากกว่านี้ สิ่งที่ข้าไม่รู้ก็คือวิธีดั้งเดิมที่ใช้ในการรับมือกับหญ้าวงเดือนและบุปผากงจักรนั้นยังจะได้ผลกับพืชวิญญาณที่มีการวิวัฒน์ไปแล้วหรือไม่”

ฟางหยวนคิดและกระโดดลงจากต้นไม้

“ฉัวะ ฉัวะ!”

ตอนที่เท้าทั้งคู่ของเขาสัมผัสพื้นดิน พื้นดินก็ระเบิดออกและรากหนาใหญ่มีหนามก็ม้วนขดเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วอันน่าตกใจ!

“แม้แต่รากของต้นไม้นี้ก็ยังเป็นอาวุธชิ้นหนึ่ง นี่เป็นความสามารถใหม่ของพืชวิญญาณทั้งสอง”

ฟางหยวนคว้าจับรากเอาไว้ด้วยมือขวาและรู้สึกได้ทันทีถึงความเจ็บปวดแผ่ซ่านเข้ามาที่ฝ่ามือของเขา เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและคิด “ถ้าผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาจับมันเอาไว้เช่นที่ข้าทำ ผิวหนังก็คงจะฉีกขาดและเลือดถูกสูบผ่านรากนี้ไป… หนามบนรากนี่อาจจะยังมีพิษ…”

แน่นอนว่า เขาไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดา

ในฐานะอู่จงผู้หนึ่งซึ่งเชี่ยวชาญเคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก ร่างกายของเขาแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ

“ออกไป!”

ฟางหยวนระเบิดหัวเราะเสียงดังและกระทืบเท้าเบา ๆ แล้วเขาก็ลอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว

“ปุ!”

จากแปลงดอกไม้ เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขณะฟางหยวนดึงทึ้งบุปผากงจักรและรากออกมาจากพื้นดิน มันปล่อยเสียงคำรามอย่างสัตว์ออกมาตอนที่ฟางหยวนลงมือ

และรากที่หลุดออกมานี้ยังนำเอาใบคมกริบของหญ้าวงเดือนลอยมาทางฟางหยวนด้วย

“กร้วม กร้วม!”

ประกายแสงสีดำสะท้อนออกมาจากใบหญ้าที่คมกริบราวมีด

ใบของหญ้าวงเดือนนั้นหมุนอย่างรวดเร็วอยู่กลางอากาศราวกับกงล้อใบมีดและลอยเข้าหาฟางหยวน

“อืม?”

ฝ่ามือของฟางหยวนเปลี่ยนสีไปเป็นสีเดียวกับเหล็กกล้า เขาดีดหินหลายก้อนออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ละก้อนหลบพ้นขอบใบคมของหญ้าและกระแทกเข้าตรงก้านใบอย่างแม่นยำ

“เพี๊ยะ เพี๊ยะ!”

.ใบหญ้าวงเดือนหลายใบถูกตัดออกจากก้านโดยก้อนหินที่ฟางหยวนดีดออกมา ของเหลวสีเขียวไหลออกมาตามรอยตัดจากก้อนหินของฟางหยวน

“ฉูด!”

สัมผัสได้ถึงความอันตราย บุปผากงจักรอ้า ๆ หุบ ๆ ปากของมันและพ่นน้ำหวานออกมาเป็นสาย กลิ่นของน้ำหวานนั้นเย้ายวนและชวนให้รู้สึกสับสน

ฟางหยวนหลบน้ำหวานนั่นและมันก็พุ่งลงพื้น น้ำหวานนั่นกลับก่อให้เกิดกลุ่มเล็ก ๆ บนผิวดินและมีควันหนาสีขาวลอยออกมา

“กระบวนท่าอันเกินคาด!”

ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ฟางหยวนคว้าเอารากของมันและดึงบุปผากงจักรออกจากพื้นดินไปไว้บนก้อนหินสีเขียว

“แกร่ก กราก!”

มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่ต้นไม้วิญญาณในที่สุดก็เงียบและสงบลง แต่รากก็ยังคงดิ้นรนและคืบคลานออกราวกับพยายามมองหาพื้นดิน

“นี่มัน…ดียิ่งนัก!”

ภาพที่เห็นทำให้ฟางหยวนยากนักที่จะเก็บสีหน้าดีใจเอาไว้ได้

เมื่อครู่นี้ การเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงนั้นทั้งเร็วและฉับพลัน ไม่ต่างไปจากการต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกยุทธ์สองคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัญชาตญาณของพืชวิญญาณที่วิวัฒน์แล้วทั้งสอง

“ทั้งสองต้นล้วนเป็นเพียงพืชวิญญาณที่อยู่รอบนอกพื้นที่…”

ขณะที่ฟางหยวนจ้องอยู่ที่บุปผากงจักรที่มีขนาดประมาณอ่างน้ำ จู่ ๆ เขาก็คิดว่ามันเหมือนจะเป็นศูนย์กลางของพรมพืชผืนนี้ บุปผากรงจักรที่ตรงกลางนั้นเป็นเหมือนมีดบด ต่อให้เป็นวัวป่าตัวหนึ่งพุ่งเข้ามา มันก็ต้องถูกตัดแขนตัดขาและถูกกลืนกินไปอย่างแน่นอน!

“ใช้พวกมันก็เพียงพอที่จะปกป้องดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว!”

เขาจุดคบไฟขึ้นและเดินไปตรงหน้าหญ้าวงเดือน

“ปุ!”

แค่พริบตาเดียว ใบสีดำของหญ้าวงเดือนก็ตัดคบไฟออกเป็นสองท่องและบาดหลังมือของฟางหยวน เหลือไว้เป็นรอยสีขาวชัดเจน

“มันไม่กลัวกระทั่งศัตรูคู่อาฆาต… มันดูควบคุมยากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้!”

ก่อนที่พืชวิญญาณทั้งสองจะพัฒนาไป พวกมันมีศัตรูโดยธรรมชาติ ก็คือไฟ!

อันที่จริง พืชส่วนมากล้วนกลัวไฟเป็นปกติ

แต่สิ่งที่หญ้าวงเดือนทำเมื่อเผชิญหน้ากับไฟทำให้ฟางหยวนประหลาดใจขึ้นมา ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นกังวล

“รากสามารถเคลื่อนที่ได้และขยับได้ด้วยตัวของมันเอง แต่การเคลื่อนย้ายมันและจากนั้นก็ใช้มันในพื้นที่ใหม่ย่อมเป็นปัญหาแล้ว!”

ฟางหยวนมองต้นไม้ที่อยู่บนก้อนหินบิดตัวไปมาเพื่อให้หลุดออกจากก้อนหินกลับลงไปในดินและจากนั้นก็ถอยไปอยู่ในตำแหน่งเดิมด้วยความหวั่นเหรง

พืชวิญญาณในตอนนี้นั้นแสดงลักษณะของสัตว์ออกมา

นี่ทำให้ฟางหยวนตื่นตัว ถ้าเขาปล่อยให้มันเติบโตต่อไป มันอาจจะวิวัฒน์ไปจนไม่สามารถควบคุมได้และก่อหายนะอย่างคาดไม่ถึง

แต่ว่า คิดถึงนิทานที่เขาเคยได้ฟังมา เขาจำได้ว่าเคยฟังเรื่องเกี่ยวกับนางไม้ในป่าตะวันตกและภูติดอกไม้ในป่าตะวันออก มันไม่ได้น่าประหลาดใจที่พืชจะพัฒนาความฉลาดขึ้นมาแต่อย่างใด

“นอกจากนี้… มันก็เป็นเรื่องดีที่พวกมันมีความคิดเป็นของตัวเอง!”

ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกายขึ้นมาทันใด

ส่วนสำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของเส้นทางการเป็นเจ้าแห่งฝันคือวางตัวเองเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้!

นี่ล้วนเป็นเพราะความสามารถพื้นฐานที่สุดในการเข้าสู่โลกแห่งความฝัน!

ของทุกอย่างล้วนมีจิตวิญญาณ! ทุกต้นหญ้าและต้นไม้ ดอกไม้หรือก้อนหิน หรือแม้แต่ภูเขาสูงก็ล้วนมีจิตวิญญาณและมีความคิดของตนเองเช่นกัน!

สิ่งที่แตกต่างไปก็คือมันใช้เวลานาน บางทีอาจจะเป็นร้อยปีเพื่อกำเนิดความคิดขึ้นมา ถ้าเจ้าแห่งฝันจู่ ๆ ก็เข้าไปในโลกแห่งความฝันเช่นนั้น ในที่สุดก็จะทำให้ตัวเองตายตกลง!

แต่ถ้ามันเกิดขึ้นหลังจากไปถึงระดับสูงที่สุดแล้วเล่า?

ถ้าแฝงเข้าสู่โลกแห่งฝันระดับเริ่มต้น โครงสร้างและข้อกำหนดของโลกจะเผยออกมาให้เจ้าแห่งความฝันเห็นหรือไม่?

ถึงตอนนี้ มันก็ให้ผลลัพธ์อันมหัศจรรย์!

“วิชาผู้แฝงฝันของข้ายังไม่ได้ลองกับพืชชนิดใด แต่ว่า หญ้าวงเดือนและบุปผากงจักรนั้นเผยความเดือดดาล ความกลัว และอารมณ์อื่น ๆ คล้ายสัตว์ป่าออกมา… นอกจากนี้ จิตใจของพวกมันย่อมบริสุทธิ์กว่าสัตว์ป่าพวกนั้นด้วยซึ่งเป็นสภาวะที่ดีที่สุดสำหรับข้าที่จะโน้มนำพวกมัน…”

ฟางหยวนลุกขึ้นและมองไปที่พรมพืชวิญญาณขณะความคิดต่าง ๆ แล่นไปมาในจิตใจ

“กิกี๊!”

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฮวาหูเตียวที่คอยระวังอยู่ไกล ๆ ก็ดีดตัวขึ้นอย่างตื่นตัวเต็มที่และพุ่งไปที่ต้นไม้ใหญ่ใกล้ ๆ ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความตระหนกและตกใจ

ตรงหน้ามัน ต้นไม้ที่ตายไปแล้วจู่ ๆ ก็มีชีวิตชีวาขึ้น

“ปุ ปุ!”

รากมากมายพุ่งทะลุพื้นดินขึ้นมาและยื่นออกไปราวกับแขนขาของมนุษย์ มันหอบหิ้วต้นหญ้าวงเดือนไปด้วยกันกับพวกมัน และมันก็เริ่มอพยพครั้งใหญ่

พืชวิญญาณทั้งผืนเริ่มขยับออกไป ภาพตรงหน้าช่างผิดปกติไปจนไม่น่าเชื่อและประหลาดมากพอที่จะทำให้ผู้อื่นตัวแข็งด้วยความหวาดกลัว

ผืนดินที่เดิมมีพืชวิญญาณอยู่นั้นไม่ได้อยู่ห่างจากฟางหยวนที่นั่งขัดสมาธิอยู่นัก เขาใช้พลังเวทย์ควบคุมการเคลื่อนที่ของพืชวิญญาณ

“การแฝงเข้าสู่โลกแห่งความฝันในครั้งนี้ของข้าประสบความสำเร็จยิ่งกว่าที่คาดเอาไว้!”

เขาเต็มไปด้วยความดีใจขณะคิด “ไม่น่าเชื่อ มีเพียงบุปผากงจักรต้นเดียวที่วิวัฒน์ไป ต้นอื่น ๆ เติบโตขึ้นขึ้นจากเกสรของต้นเดิมและเชื่อมโยงกันอยู่ ข้าเพียงแค่ควบคุมดอกไม้นั้นและที่เหลือก็ตามไป หญ้าวงเดือนนั้นก็เพียงเติบโตขึ้นโดยรับสารอาหารจากบุปผากงจักรเท่านั้น!”

โลกแห่งความฝันของพืชนั้นบริสุทธิ์และเรียบง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแค่มีปฏิสัมพันธ์ด้วยเล็กน้อย ฟางหยวนก็รู้สึกว่าพืชเหล่านั้นก็สนิทสนมกับเขาและเริ่มเชื่อฟังเขา เขายังสามารถโน้มน้าวให้มันเคลื่อนที่ไปตามที่เขาคิดได้

“อย่างไรก็เป็นเพียงต้นไม้… ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่ได้พัฒนาส่วนสำนึกของเผ่าพันธุ์!”

ฟางหยวนมองเนินเขาว่างเปล่าและออกคำสั่ง “พิรุณพร่ำใบไม้ผลิ จงมา!”

“ซู่ ซู่!”

เมฆขยายตัวออกและรวมตัวกันเกิดเป็นเมฆฝนก้อนใหญ่ก่อนที่จะฝนจะกระหน่ำลงมาบนเนินเขา

นี่เป็นคาถาเวทย์ธาตุไม้ที่บำรุงดินให้เหมาะกับการเติบโตของพืชได้อย่างดีเยี่ยม เขาเรียนรู้มาจากนักพรตมู่หลี่

แต่ว่า คาถาเวทย์นั้นก็ยากอย่างไม่น่าเชื่อ และฟางหยวนก็เพิ่งทำได้หลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง

แต่ว่า เมื่อฟางหยวนเข้าสู่โลกความฝันของบุปผากงจักร เขาก็รู้สึกว่าความเข้าใจในโลกของต้นไม้ของเขานั้นก็ลึกล้ำขึ้น ทำให้เขากระโดดข้ามส่วนที่ยากลำบากในการเรียกใช้คาถาไปได้

“ความสามารถนี้ช่วยสนับสนุนการเติบโตของต้นไม้…”

แม้ว่าพิรุณพร่ำใบไม้ผลิจะเป็นคาถาพื้นฐานให้ศิษย์วิญญาณเรียนรู้ใช้งาน แต่นักพรตมู่หลี่ก็บอกว่าเขาใช้เวลาหนึ่งปีในการฝึกจนใช้งานได้แต่ฟางหยวนกลับใช้เวลาเพียงไม่นาน!

ความแตกต่างนี้เกินจะอธิบายได้แล้ว!

“การฝึกฝนในฝันนั้นช่วงชิงพลังจากฟ้าและดิน ด้วยประโยชน์จากทั้งสามโลก… ไม่น่าเชื่อ! ไม่น่าเชื่อ!”

ฟางหยวนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นซ้ำ ๆ ตอนนี้เขาเข้าใจกระจ่างแล้วว่าทำไมจ้าวแห่งฝันถึงอยู่จุดสูงสุดบนโลกของผู้ฝึกยุทธ์อาณาจักรต้าเฉียน

แม้ว่าจะไม่มีความสามารถในการต่อสู้ จ้าวแห่งฝันก็ยังสามารถเสริมสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งด้วยพลังความช่วยเหลืออันร้ายกาจซึ่งเป็นสิ่งที่มีคนทำได้เพียงไม่มาก

“ไปกันเถอะ!”

ฟางหยวนลุกขึ้นและนำฮวาหูเตียวออกจากยอดเขาชอุ่มดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังอยู่ภายในระยะป้องกันของหมอกสะกด

“ซ่า ซ่า!”

บุปผากงจักรหลายต้นและหญ้าวงเดือนขยับไป ตามแผนการของเขา พวกมันหยั่งรากลงที่ตำแหน่งที่เขาได้เลือกเอาไว้และเกิดเป็นแนวป้องกันใหม่ขึ้นมา

“ดูเหมือนต่อให้อู่จงจะพยายามผ่านเข้ามา เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับหมอกสะกดเป็นอย่างแรกและถูกจู่โจมโดยพืชวิญญาณ นี่เป็นอุปสรรคมากพอที่จะรั้งเขาไว้ ผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาที่พยายามจะฝ่าเข้ามาก็จะกลายเป็นปุ๋ยให้พืชวิญญาณพวกนี้…”

ฟางหยวนพยักหน้าอย่างพอใจ ยอดเขาชอุ่มดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขาปลอดภัยมากขึ้นแล้ว

 

 

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด