Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 139
“ข้าเข้าใจเคล็ดฝึกจิตซวนหยินนี่แล้ว!”
กลับมาที่สำนักใหญ่ชั่วคราวของสำนักห้าผี
ตั้งแต่ฟางหยวนแสดงวิทยายุทธ์เป็นคำเตือน ทุกคำร้องขอ ของเขากุยอู๋หุนก็ยอมทำตามทั้งหมด ต่อให้ฟางหยวนต้องการรู้ความลับเบื้องหลังเคล็ดวิชา กุยอู๋หุนก็ไม่กล้าไม่เชื่อฟัง
“ก่อนหน้านี้ เคล็ดฝึกจิตซวนหยินจากผู้อาวุโสฮั่นนั้นเพียงประกอบด้วย 12 ประตูทองและวิธีการทะลวงผ่านสู่อู่จง แต่ว่า นั่นไม่ใช่ฉบับที่แท้จริง… ความลับนี้รู้กันเฉพาะผู้อาวุโสของสำนักและผู้สืบทอดของผู้อาวุโส”
เมื่อฟางหยวนได้รับตำราฝึกจิตซวนหยินมาจากผู้อาวุโสฮั่น ฟางหยวนไม่เชื่อเขา และยังพบปัญหาบางอย่างของเคล็ดวิชานี้เมื่อเขาลองฝึกในโลกแห่งความฝัน มันดูเหมือนว่าเขาจะคิดถูกเรื่องจุดผิดพลาดของเคล็ดวิชานี้
“หลังจาก 4 ประตูสวรรค์ ตำราฝึกจิตซวนหยินที่ข้ามีอยู่นี้ต่างไปจากเล่มจริง เล่มที่ข้ามีนี้มีธรรมชาติเป็นวิชามาร… พลังธาตุก่อกำเนิดที่ข้าฝึกได้นั้นจะถูกควบคุมเอาไว้เมื่อข้าฝึกเล่มจริง นี่เป็นความลับที่สำนักห้าผีใช้ในการควบคุมผู้อาวุโสและศิษย์ทั้งหลาย!”
เล่มจริงของเคล็ดวิชานี้ถูกส่งต่อแบบปากต่อปาก
โชคดี กุยอู๋หุนนั้นเป็นผู้อาวุโสที่ได้รับสืบทอดมาและฟางหยวนจึงได้รู้ความลับเบื้องหลังเคล็ดวิชานี้
“เคล็ดวิชานี้ไม่ควรเรียกเป็นเคล็ดฝึกจิตซวนหยิน มันควรเรียกใหม่เป็น… เคล็ดร่างพิสุทธิ์ซวนหยิน! ผู้ฝึกยุทธ์ที่ขึ้นถึงระดับสูงสุดของประตูทองที่ 12 สามารถใช้เคล็ดนี้ขัดเกลาร่างกายให้เป็นร่างโลหะซวนหยิน พลังที่ได้นั้นก็เทียบเท่ากับอู่จงที่มีพลังธาตุ!”
แน่นอนว่า สำนักห้าผีไม่มีผู้ฝึกยุทธ์คนใดที่อยู่ระดับสูงสุดของประตูทองที่ 12 มาก่อน หรือไม่อย่างนั้น สถานการณ์ก็จะต่างออกไปหากมีผู้ฝึกระดับร่างโลหะซวนหยินในสำนักห้าผี
“วิทยายุทธ์นี้… ก่อนหน้านี้เป็นคาถาวิญญาณรูปแบบหนึ่ง จากนั้นมันก็ถูกใครบางคนดัดแปลงเป็นตำราฝึกจิต และคนผู้นั้นยังจัดการแทรกเคล็ดการควบคุมอันยอดเยี่ยมเอาไว้ คนผู้นั้นเป็นผู้มีพรสวรรค์ผู้หนึ่ง!”
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฟางหยวนก็ถอนหายใจ
โชคดีที่เขาหลีกเลี่ยงหนทางมารได้แม้ว่าจะได้อ่านเคล็ดร่างพิสุทธิ์ซวนหยินจนแจ้งแล้ว เขาพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งของหยินของเขาจากเคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กและจัดการหลีกเลี่ยงอันตรายของระดับนั้นไปแล้ว
ตอนนี้ เขายังได้ตำราเล่มเต็มของเคล็ดร่างพิสุทธิ์ซวนหยินมาแล้ว หากไม่มีเคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กฉบับสมบูรณ์ของเขาและคาถาวิญญาณอีกเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่มีผู้อื่นใช้มันได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม บันทึกและข้อความของเจ้าสำนักห้าผีที่เก็บรักษาเอาไว้โดยผู้อาวุโสที่เป็นผู้สืบทอดก็ทำให้ฟางหยวนตกตะลึงไปเล็กน้อย
“จากคำอธิบาย บรรพบุรุษของเขามีพลังเวทย์สูงมาก…”
ฟางหยวนอ่านหน้าหนึ่งแล้วก็ส่ายหน้า
แม้ว่าในบันทึกจะระบุไว้ตามแต่ละคนจะเขียน และยังมีข้อผิดพลาดตรงนั้นตรงนี้ แต่เนื้อหาส่วนใหญ่แล้วล้วนถูกต้อง
“มันบอกว่าบรรพบุรุษผู้นี้มีพลังเวทย์สูงและเคล็ดวิชาที่เขาส่งต่อเอาไว้ก็ช่างน่าตื่นตะลึง เงื่อนไขการเรียนรู้นั้นสูงมากและศิษย์เอกทั้งสามคนของเขาก็ไม่สามารถรับสืบทอดเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อเวลาผ่านไป เคล็ดวิชาจึงสูญหายไป แต่เคล็ดร่างพิสุทธิ์ซวนหยินกลายมาเป็นที่รู้จักและเป็นวิชาเฉพาะของสำนักห้าผีไป!”
“โชคร้ายนัก แผนที่สมบัติเดิม 3 ชิ้นนั้น 2 ชิ้นอยู่ในประเทศเซี่ยและถูกฉวยเอาไปโดยเจ้าสำนักห้าผี อีกชิ้นสุดท้ายนั้นหายไปและน่าจะถูกนำไปที่ประเทศอื่นแล้ว…”
ฟางหยวนลูบหน้าผาก รู้สึกปวดศีรษะขึ้นเล็กน้อย
ถ้าชิ้นสุดท้ายอยู่ในอี้ซานฝูหรืออยู่ที่ไหนสักที่ในประเทศเซี่ย ก็ยังมีความหวังแม้ว่ามันจะยากที่จะหาชิ้นสุดท้ายพบก็ตาม อย่างไรเขาก็ไม่จำเป็นต้องไปตามหามันเอง เขาสามารถให้คนของเขาช่วยหาได้
แต่ว่า ถ้าชิ้นสุดท้ายนั้นไปตกอยู่ในมือของผู้มีอำนาจที่นอกประเทศเซี่ยจริง ๆ ผลที่ตามมาก็สาหัสยิ่งแล้ว
“ฮู่…”
ขณะที่เขาวางตำราเล่มสุดท้ายกลับเข้าชั้นหนังสือ ฟางหยวนก็ลุกขึ้นเหยียดตัว “บางทีข้าอาจจะวางเรื่องนี้ไว้ก่อนและตั้งใจมองหาที่พำนักลับของลู่เหรินเจียแทน….”
เขาหวังว่าจะได้สำรวจสภาพที่พักที่จ้าวแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเคยอาศัยอยู่
ฟางหยวนตอนนี้นั้นอยู่ในห้องเล็กปิดประตูมิดชิด ไม่มีแสงลอดเข้ามาในห้องและแหล่งแสงเดียวนั้นมาจากตะเกียงที่บนโต๊ะ
ทั้งสำนักยุทธ์แห่งนี้ ที่นี่นั้นได้รับการเดินยามแน่นหนาที่สุด อย่างไรเสีย สมบัติตกทอดสุดท้ายของสำนักห้าผีก็ถูกเก็บไว้ที่นี่
“ท่านพบอะไรหรือไม่?”
เมื่อฟางหยวนเดินออกมาจากห้องหนังสือ เขาก็พบผู้อาวุโสกุยอู๋หุนที่ถามเขาอย่างเคารพ
“พบ!”
ฟางหยวนหยักหน้า
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พวกเราช่วยท่านได้!”
กุยอู๋หุนยิ้มจนหน้าย่นและพูดต่อ “สภาเมืองมณฑลเลี่ยหยางรู้แล้วว่าท่านอยู่ที่นี่และมาถึงที่นี่เพื่อขอพบท่าน เขารออยู่ที่โถงรับแขก…”
เขามองฟางหยวนด้วยสายตาคาดหวัง
ถ้าตามความตั้งใจของเขาเองแล้ว เขาย่อมปฏิเสธที่จะพบสภาเมือง
แต่ว่าเขาเพิ่งรบกวนกุยอู๋หุนเรื่องตำราลับและตอนนี้กุยอู๋หุนเพียงต้องการให้เขาพบหน้ากับสภาเมืองเท่านั้น นี่เป็นคำขอร้องเล็กน้อยและฟางหยวนก็รู้สึกว่ามันหยาบคายเกินไปหากจะปฏิเสธ ดังนั้น เขาจึงตอบ “ได้แน่นอน โปรดนำทาง!”
“ขอรับท่าน!”
กุยอู๋หุนยินดีนัก
เขาแก่และมีประสบการณ์ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าสภาเมืองมณฑลเลี่ยหยางนั้นมีอิทธิพลเพียงใด แต่เขาตั้งใจที่จะไม่หว่านเมล็ดความบาดหมาง โดยไม่ลังเลเลย เขาต้องการช่วยให้สำนักมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฟางหยวน
และฟางหยวนก็มาอยู่ตรงนี้แล้ว
ด้วยสถานะตอนนี้ของฟางหยวนในอี้ซานฝู ฟางหยวนไม่ต้องพูดสักคน แค่มีเขา ชีวิตของสำนักห้าผีในมณฑเลี่ยหยางก็จะดีกว่าก่อนหน้านี้แล้ว
…
สามวันให้หลัง บนยอดเขาหลอมตะวัน
ที่นี่เป็นตำแหน่งสำคัญอันมีชื่อเสียงของมณฑลเลี่ยหยาง แต่ชื่อกลับฟังเฉียบขาดนัก!
ยอดเขาหลอมตะวันนั้นเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ดังนั้น ภายในรัศมีหลายพันหลาล้วนไม่มีพืชเติบโต
และภูเขาไฟลูกนี้ยังปล่อยไอพิษออกมา มนุษย์ธรรมดาอาจจะตายได้หากหายใจเอาไอพิษเข้าไป!
ดังนั้นที่นี่จึงเป็นสถานที่ขุดแร่ที่ดีมากแต่ไม่ค่อยมีผู้ใดกล้าเสี่ยงชีวิตมาขุดแร่ที่นี่ ที่นี่จึงถูกรักษาเอาไว้ในสภาพเดิม
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
ในตอนนี้เอง เงาของอินทรีดำตัวหนึ่งร่อนอยู่เหนือยอดเขาหลอมตะวันและส่งเสียงร้องแหลม
“ไปต่อ อย่าหยุด!”
บนหลังอินทรี มีคนผู้หนึ่งอยู่ ก็คือฟางหยวนที่มาที่นี่เพื่อมองหาที่พำนักลับของลู่เหรินเจีย!
เขาขี่อยู่บนหลังอินทรีดำหางเหล็กและบินวนรอบ ๆ อยู่หลายรอบ จากนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้น “ที่นั่น ร่อนลงตรงนั้น!”
“แกว๊ก!”
อินทรีกระพือปีกและลมหอบใหญ่ก็พัดเอาไอพิษกระจายออกไป
ถึงแม้ไอพิษจะรุนแรงกว่านี้อีกสิบเท่าก็ไม่สามารถทำอันตรายต่อฟางหยวนและอินทรีดำหางเหล็กได้
“ลู่เหรินเจียเดินทางท่องเที่ยวมากมายนักตั้งแต่ยังเยาว์ และยังพักอยู่ในมณฑเลี่ยหยางอยู่ระยะหนึ่ง เขายังกระทั่งสร้างที่พำนักลับเอาไว้เผื่อตกอยู่ในอันตราย… น่าเสียดาย มันไร้ประโยชน์แล้ว!”
ฟางหยวน ที่เก็บเกี่ยวความทรงจำจากหลิงอิ๋นมา ระบุตำแหน่งของที่พำนักลับนี้ได้อย่างยากลำบาก
เขามาถึงที่นี่หลังจากข้ามทะเลสาบกว้างใหญ่ที่เกิดจากหินหนืดมา
“ตามแผนที่แล้ว ที่ริมทะเลสาบ ทางเข้าที่พันำจะอยู่บนผนังหน้าผา…”
ฟางหยวนพบหน้าผานั่นและแตะมือลงไป
หินดูต่างไปจากบริเวณอื่น ก้อนหินตรงนี้อุ่นกว่า
และตรงนี้ยังมีพืชปรากฏอยู่
มีเถาวัลย์สีแดงเส้นหนามีหนามแหลม และยังเติบโตกินพื้นที่ไปครึ่งหน้าผา มันดูน่ากลัวสำหรับบางคน
“ที่นี่ถูกซ่อนเอาไว้อย่างดี!”
เขาปล่อยพลังเวทย์บางส่วนของตัวเองออกไป แต่ไม่พบอะไร ฟางหยวนจึงได้รู้ว่าลู่เหรินเจียได้ใช้วิธีพิเศษติดตั้งเอาไว้ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจเบา ๆ ปลายเท้าแตะลงบนก้อนหินที่ยื่นออกมาเบา ๆ และทั้งร่างก็ลอยขึ้นราวกับปุยเมฆ
วิชาตัวเบาของเขาดีมากและสามารถกระโดดขึ้นไประยะหลายหลาถึงตรงกลางหน้าผา
“ก้อนหินสามก้อนที่ยืนออกมาเป็นที่หยั่งเท้าได้พอดี ที่นี่แน่นอน!”
เมื่อเขาเห็นสัญลักษณ์ที่เหมือนกับหนึ่งในตำราลับ เขาก็รู้สึกดีใจและคว้าผนังเอาไว้ด้วยปลายนิ้ว
“ชี่! ชี่!”
เคล็ดกรงเล็บอินทรีของเขาแข็งแกร่งเพียงไหน? เถาวัลย์พวกนี้มีหนามคมกริบ แต่นิ้วของเขาก็ทะลวงผ่านไปได้ เถาวัลย์ฉีกออกเป็นชิ้น ๆ และเผยให้เห็นแผ่นหินเล็ก ๆ ที่ยื่นออกมา
แผ่นหินนั้นเล็กมากและพอสำหรับแค่คนเดียวยืน
ฟางหยวนพุ่งขึ้นไปบนหน้าผาและเห็นตะไคร่น้ำสีแดงปกคลุมเหนือหน้าผา มันดูแปลก และฟางหยวนก็เดินไปดูใกล้ ๆ แต่เขาก็ไม่พบอะไรที่เป็นประโยชน์และเหมือนว่าเขาจะถึงทางตันแล้ว
“ของดีนี่นา!”
ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นและพูด “แม้ว่าตะไคร่น้ำพวกนี้จะไม่ใช่พืชวิญญาณโดยตัวเอง แต่มันก็ต้องพิเศษทีเดียว ข้าไม่แน่ใจว่าจะสามารถย้ายมันไปที่อื่นได้หรือไม่…”
พืชพิเศษที่สามารถเติบโตได้ที่นี่ที่มีภูมิประเทศอันเฉพาะ แม้ว่าฟางหยวนอยากจะย้ายมันไปที่อื่น เขาก็ไม่มีความมั่นใจพอที่จะทำ
จากนั้นก็มีเสียงสะท้อนหลังจากเขาเคาะไปบนกำแพงหน้าผา เขาสำรวจอยู่ครู่หนึ่งและพบกลไกที่ด้านหลังมันจนได้
“แกร่ก!”
พร้อมกับเสียงลั่น ฝุ่นจากก้อนหินก็ตกลงมาและหน้าผาที่ตรงหน้าฟางหยวนก็เริ่มขยับเผยให้เห็นอุโมงค์สายหนึ่ง ที่ปลายอุโมงค์มีแสงสีแดงส่องสว่างอยู่
“ชู่! ชู่!”
ลมบาง ๆ พัดออกมาจากอุโมงค์และการหมุนเวียนของลมก็บอกว่าอุโมงค์นี้เชื่อมต่อกับสถานที่อื่น ไม่มีไอพิษ
“น่าสนใจ! นี่น่าสนใจนัก!”
ฟางหยวนนั้นกล้านัก และที่นี่ยังถูกสร้างขึ้นเป็นที่หลบภัยของลู่เหรินเจีย ดังนั้นน่าจะไม่ได้มีการติดตั้งอะไรที่อาจจะทำร้ายชีวิตของตัวลู่เหรินเจียและศิษย์ของเขา ที่นี่จึงไม่อันตรายและฟางหยวนก็ตรงเข้าไป
ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็มาถึงปลายอุโมงค์ และก็มีห้องแปรธาตุหน้าตาแปลก ๆ อยู่ตรงหน้าฟางหยวน
“นี่…”
สิ่งที่เขาเห็นก็คือถ้ำนี้ไม่เล็กนัก ที่ด้านข้างยังมีแอ่งหินหนืดเล็ก ๆ เดือดปุดอยู่
ในหินหนืดเหล่านั้น ยังมีเตาหลอมขนาดใหญ่และที่ผิวมีเส้นสายมากมาย วัสดุดูจะทำจากทองคำหรือหินที่มีสีทึบ และยังมีเส้นสีแดงวิบวับผ่านไปมาด้วย
“เตาหลอมธาตุที่ใช้ความร้อนของหินหนืด? นี่เป็นสถานที่สำหรับฝึกแปรธาตุที่ดีมาก!”
ฟางหยวนถอนหายใจเมื่อเห็น
ถ้าห้องนี้ถูกพบโดยหวงฝูเหรินเหอ เขาคงจะไม่ยอมออกไปอีกเลยเมื่อได้เข้ามา
อย่างไรเสีย เมื่อคนผู้หนึ่งฝึกแปรธาตุอยู่ในนี้ มันก็สะดวกมากเมื่อมีความร้อนจากใต้ดินคอยช่วย
นอกจากเตาหลอมธาตุแล้ว ก็ยังมีตู้อีกหลายใบอยู่ที่ด้านข้าง พวกมันสะท้อนประกายแบบโลหะ ขวดหยกถูกวางเอาไว้บนชั้นและให้ความรู้สึกเย็นเมื่อสัมผัส
“ถ้าคนผู้หนึ่งต้องการเก็บเม็ดยาเอาไว้ที่นี่ เม็ดยาย่อมต้องเก็บรักษาเอาไว้ในสถานที่พิเศษ คนผู้นี้ช่างร่ำรวยพอที่จะใช้ขวดหยกเก็บยาเอาไว้…”
ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความอิจฉา และตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุผู้นี้ร่ำรวยถึงเพียงใด
เขารู้สึกดีใจขณะตรวจนับสิ่งของที่เขาได้รับในครั้งนี้ที่มีมูลค่ามหาศาล
คอมเม้นต์