Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 149

อ่านนิยายจีนเรื่อง Carefree Path of Dreams ตอนที่ 149 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เป็นวันที่สิบห้าเดือนเจ็ดตามปฏิทินของประเทศเซี่ย เป็นวันมงคล เหมาะสำหรับการเริ่มค้าขายหรือเดินทางไกล

อากาศยังสบาย และมีลมอ่อน ๆ พัดโชย

ในอี้ซานฝู แต่ละบ้านนำผ้าขาวที่ผูกไว้เพื่อไว้อาลัยให้หลิวเอี๋ยนลง และเปลี่ยนเป็นผ้าสีแดงเพื่อฉลองการรับตำแหน่งของเจ้าเมืองคนใหม่แทน

ฟางหยวนเลือกวันนี้จัดพิธีขึ้นรับตำแหน่ง

เมื่อหลายวันก่อน จอมยุทธ์และเจ้าสำนักจากทั่วทั้งอี้ซานฝูก็มาถึง ทำให้ที่นี่มีชีวิตชีวามากกว่าเดิม

เมื่อประตูของคฤหาสน์เจ้าเมืองเปิดออก แขกและผู้มาเยือนทั้งหลายก็หลั่งไหลเข้ามา

“เจ้ามณฑลเลี่ยหยางมาถึงแล้ว!”

“เจ้าสำนักห้าผีมาถึงแล้ว!”

“เจ้ามณฑลซางอีมาถึงแล้ว!”

ขณะที่รายชื่อถูกประกาศ ผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่งในอี้ซานฝูก็รวมตัวกันอยู่ในห้องโถงหลัก

อวี้ซินโหลวและพวกใช้ความพยายามไปกับพิธีการนี้เป็นอย่างมาก ตั้งแต่รายละเอียดยิบย่อยในการต้อนรับแขกแต่ละคน ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี แสดงถึงความสำคัญเป็นที่สุดของพิธีการ

“นายท่านขึ้นรับตำแหน่งเจ้าเมืองเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ!”

จากที่ไกล ๆ ฟางหยวนจับตามองเงียบ ๆ และที่ด้านหลังเขาก็คือจางชิงเฟิงที่พึมพำออกมา

“ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ!”

ฟางหยวนอยู่ในชุดผ้าไหมภูมิฐานสวมมงกุฎ เขาดูเป็นสุภาพบุรุษที่ดีงามและยังมีประกายของความมีอำนาจ

ในพิธีรับตำแหน่งของเขานี้ ทุกคนล้วนยินดี ไม่มีใครมีความคิดตรงข้าม

อย่างแรกเลย เป็นเพราะว่าทุกคนตระหนักถึงการบุกรุกเข้ามาของประเทศอู่ ไม่สำคัญว่าชายหนุ่มผู้นี้จะสามารถเพียงใด เขาก็พ่ายแพ้อย่างแน่นอน

อย่างที่สอง การรับตำแหน่งของฟางหยวนนั้นเป็นทางการ

มีข้อตกลงระบุไว้อยู่แล้วว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในรัฐย่อมได้ขึ้นเป็นเจ้าเมือง

ตามความสามารถแล้ว ใครเล่าจะสามารถต่อกรกับจอมยุทธ์และนักรบศักดิ์สิทธิ์ในตัวคนเดียวกันแบบฟางหยวนได้?

ในด้านของอิทธิพล เขาก็ได้รับความภักดีจากกองทัพอี้ซานฝูเรียบร้อยแล้ว และยังฐานที่มั่นเดิมของเขาในมณฑลชิงเหอ เมืองชิงเย่ พร้อมกับการสนับสนุนจากหนิวติ้งเทียนและเซียงจื่อหลงเมื่อทั้งคู่กลับมา ไม่มีใครสามารถแย่งตำแหน่งนี้กับเขาได้

เขามีความสามารถและทุกอย่าง ก็ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะได้ขึ้นเป็นเจ้าเมือง

แน่นอนว่า การรับตำแหน่งย่อมมาพร้อมความรับผิดชอบ

“ได้เวลามงคลแล้ว!”

พร้อมกับพลุไฟ เสียงของเจ้าพิธีการก็ดังขึ้น

“ไปกันเถิด!”

ฟางหยวนหยิบเสื้อคลุมสีทองขึ้นมาคลุมร่างของเขาเอาไว้ พร้อมด้วยบรรยากาศแบบผู้มีอำนาจ เขาเดินเข้าไปในห้องโถงหลัก

“คารวะท่านเจ้าเมือง!”

แขกทั้งหมดทักทายเขาพร้อมรอยยิ้มเมื่อเขาเดินผ่านไป

ถ้าไม่เพราะการฝึกตนเป็นจ้าวแห่งความฝันและพลังเวทย์อันน่าตระหนกของเขา เขาคงจะไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของแขกเหล่านี้ได้

“สงสัย.. เกรงกลัว… หวาดกลัว… มีเพียงไม่กี่คนที่ภักดีอย่างแท้จริง!”

จิตใจของเขาเย็นเยียบแต่เขาก็รักษาสีหน้ายินดีเอาไว้

เสียงฝีเท้าของเขาเงียบลงเมื่อเขาเดินขึ้นไปบนบัลลังก์ ที่ด้านข้างด้านหนึ่ง จางชิงเฟิงมีสีหน้าจริงจัง ขณะถือถาดที่มีผนึกสีดำวางเอาไว้ มันคือผนึกอี้ซานฝู

อันที่จริง ปลายทางทุกอย่างล้วนถูกผูกเข้าด้วยกัน ก็ด้วยพิธีการนี้

“ท่านเจ้าเมือง ได้โปรดรับผนึกอี้ซานฝูเอาไว้!”

ขณะที่เสียงกลองดังมาให้ได้ยิน จางชิงเฟิงก็คุกเข่าลงส่งผนึกให้เขา

“อืม!”

ฟางหยวนถือผนึกเอาไว้ในมือและเดินขึ้นไปนั่งบนที่นั่งตำแหน่งเจ้าเมือง เขานั่งลงและมีท่าทางสงบ

“ท่านเจ้าเมืองรับตำแหน่งแล้ว ทุกคนคารวะ!”

ขณะที่เจ้าพิธีการพูดออกมา แม้แต่คนใต้บัญชาที่เจ้าแผนการที่สุดก็ยังต้องทำตามคนหมู่มาก คุกเข่าลงและคารวะสามครั้งด้วยความเคารพ

‘คือเป็นความพึงพอใจของบุรุษส่วนมากสินะ!’

เห็นคนจำนวนมากคุกเข่าลงต่อหน้าเขา ฟางหยวนรู้สึกราวกับว่าเขาครอบครองพลังอันมหาศาลไว้ แต่เขาปัดมันทิ้งไปอย่างง่าย ๆ

ฟางหยวนก็คือฟางหยวน เขาสามารถรู้ตนตื่นจากภวังค์ใด ๆ ได้อย่างง่ายดายหลังจากการฝึกฝนในความฝันมานับไม่ถ้วน

เพียงแค่คิดเขาก็เข้าใจได้ชัดเจน

ไม่ว่าเขาจะขึ้นครองเมืองชิงเย่หรือว่าควบคุมทั้งอี้ซานฝู มันก็เป็นแค่การรับมือกับผู้อื่น

เมื่อถึงเวลาต้องยอมวางมือ เขาก็ทำได้โดยง่าย ไม่ยึดติดกับพลังอำนาจแม้แต่นิดเดียว

“ชีวิตก็เหมือนหมากรุก และผู้อื่นแต่ละคนก็เหมือนตัวหมาก ในฐานะเจ้าเมือง ข้าจำต้องเล่นหมากกระดานนี้กับประเทศรอบ ๆ ให้ดี!”

ด้วยความคิดนี้ ฟางหยวนรู้สึกเหมือนจะตีความการฝึกตนเป็นเจ้าแห่งความฝันของตนได้ลึกซึ้งมากขึ้น

ประสบการณ์ในโลกแห่งความของเขานั้นเป็นของปลอมอย่างที่สุด แต่ว่ามันก็มีส่วนช่วยอย่างมากในด้านโอกาสการฝึกฝนจิตใจของเขาในโลกความจริง

ขณะที่เขายังรักษาท่าทางสงบเอาไว้ เสียงดังฟังชัดเจนก็ก้องไปทั่วทั้งห้องโถง

“ทุกคน ลุกขึ้นเถิด… ในฐานะเจ้าเมืองคนใหม่ที่เพิ่งรับตำแหน่ง พวกเรายังมีงานการคั่งค้างอยู่อีกมากมาย และข้าหวังว่าทุกคนจะร่วมมือกัน!”

ทุกคนลุกขึ้นยืนและมองหน้ากัน และเห็นเจ้าเมืองที่ยังอายุน้อยและสง่างาม ทุกคนก็รู้สึกสะดุ้งในใจ

“ราชทูตจากประเทศอู่มาถึงแล้ว!”

ในตอนนี้เอง ประตูด้านนอกก็สะเทือน และความลังเลในน้ำเสียงของเจ้าพิธีการก็สามารถฟังออกได้

“ท่านเจ้าเมือง?”

หนิวติ้งเทียนก้าวออกมา

เขาเป็นคนหยาบกระด้างและได้สาบานตนภักดีต่อฟางหยวนหลังจากได้รู้แผนการของหลิวเอี๋ยนตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่

ฟางหยวนใช้งานแต่เฉพาะผู้ที่เขาเชื่อถือ ให้ได้รับหน้าที่สำคัญ

เช่นเดียวกับเซียงจื่อหลง ที่ยังอยู่ในช่วงพักฟื้นจากการบาดเจ็บ

หนิวติ้งเทียนรู้สึกว่าราชทูตนั้นเป็นศัตรู “ท่านต้องการให้ข้าไล่เขาออกไปหรือไม่?”

“วันนี้เป็นวันมงคล และแขกทุกท่านย่อมนับเป็นแขก เชิญเขาเข้ามา!”

ฟางหยวนส่ายหน้าและสั่งลงไป

ไม่นานหลังจากนั้น ชายร่างผอมในชุดสีน้ำตาลที่ดูคล้ายเป็นนักพรตก็เดินเข้ามา จับจ้องฟางหยวนเขม็ง

“ข้าคือซวนเชิง และข้ามาที่นี่เพื่อยินดีกับการรับตำแหน่งของท่านเจ้าเมืองในนามของประเทศอู่!”

นักพรตชราซวนเชิงประสานหมัดแต่ดูปราศจากความเคารพและพูดต่อ “ข้านำทองหนึ่งร้อยตำลึง หยกหรูอี้หนึ่งคู่ และราชสาสน์มาด้วย!”

“ราชสาสน์?”

ฟางหยวนถอนหายใจ “เขียนว่าอย่างไร?”

ซวนเชิงลูบเคราของตนเองตามยาว ดูไม่สนใจว่าตนกำลังอยู่ในพื้นที่ของศัตรู ดูเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ราชสาสน์ลงนามโดยราชครูของประเทศเซี่ย ระบุว่าบัดนี้ พื้นที่ทั้งอี้ซานฝูอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศอู่!”

“อะไรนะ?”

ด้วยข่าวนี้ ทั้งห้องโถงก็ตกตะลึง

แม้ว่าเขาจะได้ยินข่าวว่าประเทศเซี่ยยอมแบ่งดินแดนให้ประเทศอู่ เขาก็ไม่ได้คิดว่าคนเหล่านั้นจะบ้าคลั่งถึงขนาดยอมยกทั้งรัฐให้ประเทศข้างเคียง!

เกิดเสียงพึมพำวุ่นวายขึ้นในห้องโถง

“เงียบ!”

ฟางหยวนยังดูสงบขณะยกมือขวาขึ้น

“!”

พลังรุนแรงแผ่ออกไปทั่วทั้งห้องโถง ราวกับลำคอของทุกคนถูกกอบกุมเอาไว้ และความวุ่นวายก็หยุดลง

หลายคนที่เห็นภาพนี้ก็มีเหงื่อเย็น ๆ ไหลโทรมกาย

ความหวาดกลัวในตัวเจ้าเมืองคนใหม่นี้ไม่น้อยเลยเมื่อเทียบกับหลิวเอี๋ยน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ

“…ตามราชสาสน์แล้ว บัดนี้อี้ซานฝูนับเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอู่ และตำแหน่งเจ้าเมืองของท่านก็ต้องได้รับการรับรองจากประเทศของเราและออกเป็นคำสั่งลงมาจึงจะนับได้ว่าเป็นทางการ!”

ซวนเชิงยังพล่ามต่อ “ราชาของประเทศของข้าชื่นชมผู้มีพรสวรรค์ ถ้าท่านเตรียมของขวัญใหญ่โตสักชิ้นให้และตามข้าไปพบราชาของประเทศของข้า จะยังมีใครกล้าคว้าตำแหน่งนี้ไปจากท่านได้กัน?”

เขาพยายามกระตุ้นฟางหยวน และแม้แต่หนิวติ้งเทียนก็เริ่มไม่ชอบใจ

ซวนเชิงรออย่างอดทนและคาดหวัง

‘เมื่อฟางหยวนตกลง เขาก็เท่ากับยอมรับและอี้ซานฝูก็จะล่มสลายไปแม้จะไม่ถูกรุกราน… ต่อให้เขาตัดสินใจไม่ได้ ถ้าเขาเต็มใจเข้าร่วมกับประเทศอู่ เขาก็จะตกลงในกับดักของพวกเรา และผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังคงดีมากเช่นกัน!’

ขณะที่เขาคิดถึงความเป็นไปได้ ซวนเชิงก็มองฟางหยวน ดวงตาของเขาเปล่งประกายสว่างวูบ

‘เอ๋? นักพรตชราผู้นี้มีจิตใจประสงค์ร้ายและยังพยายามทำให้แก่นวิญญาณข้าสับสน?’

ขณะที่เขาสบตากับซวนเชิง เขาก็สัมผัสได้ว่าจิตเหนือสำนึกของเขาถูกกระแทก และเกือบจะตอบตกลงไปโดยไม่รู้ตัว

แต่เขาคือใครกัน?

เมื่อพลังธาตุความฝันของเขาเคลื่อนไหว เขาก็หลุดออกจากภวังค์และโมโหมาก “เหอเหอ… ผู้ใดจะไปสนใจราชสาสน์จากประเทศเซี่ยกัน?”

“อะไรนะ?”

สีหน้าของซวนเชิงเปลี่ยนไป “ชายหนุ่มผู้นี้ยังอายุน้อยและครอบครองพลังเวทย์ระดับสูง เขาหลุดออกจากเนตรหกวิญญาณของข้าได้อย่างไร… ศัตรูแข็งแกร่ง! ถ้าเขายังพัฒนาต่อไป เขาจะกลายเป็นศัตรูอันร้ายกาจของประเทศอู่!”

ถึงตอนนี้เขาก็รู้สึกได้ว่าคอของตนแข็งเกร็ง เขาไม่สามารถหลบสายตาของฟางหยวนได้ ราวกับได้กลายเป็นตุ๊กตาหุ่นเชิดไป ไม่สามารถขยับตัวได้ “เวทย์สะท้อนกลับ!”

แม้ว่าเนตรหกวิญญาณของเขาจะแข็งแกร่ง แต่ถ้าเป้าหมายของเขาร้ายกาจกว่าตัวเขาเอง ก็จะเกิดเวทย์สะท้อนกลับ และการสะท้อนกลับนี้อาจจะฆ่าเขาได้

ฟางหยวนไม่ได้ให้ความสนใจใดกับซวนเชิง “ประเทศอู่บ้าคลั่งนัก! ราชาของประเทศอู่ก็ละโมบและเหี้ยมโหด เจ้าเมืองคนก่อนตายตกในมือพวกเจ้าและตอนนี้เจ้ายังพยายามโน้มน้าวข้า?”

“อี้ซานฝูของข้าสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง เหตุใดจึงต้องให้คนนอกพยายามกดข่มเราเอาไว้? ส่วนราชาของประเทศเซี่ย การยอมละทิ้งดินแดนของตนนั้นเป็นการกระทำอันน่าละอายและไร้ซึ่งคุณธรรม ข้าจะสอบถามเขาเป็นการส่วนตัวในครั้งหน้า!”

“อ๊าก!”

เมื่อเขาพูดจบ นักพรตชราซวนเชิงก็กระอักเลือดออกมา

และไม่เพียงแค่นั้น

เขายกมือขึ้นปิดตาขณะร้องโหยหวน ตอนที่เขายืนขึ้น ลูกตาคู่หนึ่งก็หลุดออกมา เหลือไว้เพียงกระบอกตากลวง ๆ ที่เต็มไปด้วยเลือด ก่อให้เกิดความกลัวกับทุกผู้คนที่มองเห็นเขา

“ดี… ดี…”

นักพรตชราซวนเชิงหน้าซีดเผือดขณะเขาหัวเราะ “ข้ามันตาไร้แววและสมควรเป็นเช่นนี้แล้ว! แต่ท่านเจ้าเมือง อย่าได้มั่นใจเกินไป… ราชาของประเทศอู่ของข้านั้นเตรียมกองทัพทหารหนึ่งแสนนายเอาไว้ที่ชายแดนรัฐของท่าน รอคำสั่งบุกเข้ามา เมื่อคำสั่งถูกถ่ายทอดไป รัฐเล็ก ๆ ของท่านก็จะเหลือเพียงเถ้าถ่าน!”

นี่เป็นคำพูดข่มขู่ครั้งใหญ่ และหลายคนที่ได้ยินก็ตระหนกแทบตาย

“ท่านเจ้าเมือง… ผู้ใดจะรู้ว่า…”

หนิวติ้งเทียนเองก็ตกใจกับคำพูดนั่น และแทบพูดอะไรออกมาไม่ได้เมื่อมองไปที่ฟางหยวน

เขารู้ว่านักพรตชราผู้นี้มีความสามารถสูงส่ง และเทียบได้กับนักรบศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีเขาก็กังวลว่าฟางหยวนจะเสียเปรียบ

แต่ดูสิ เพียงแค่เหลือบมองเขา กระทั่งดวงตาของเขายังหลุดออกมา?

กระบวนท่าน่ากลัวนี้ยังแข็งแกร่งกว่าคาถาเวทย์ของหลิวเอี๋ยนเสียอีก

“ดีมาก เช่นนั้นก็นำคำของข้ากลับไปให้ราชาของเจ้า!”

เผชิญหน้ากับคำข่มขู่ ฟางหยวนหัวเราะ “บอกเขา ข้าจะรอเขามาและตายตกลงที่นี่!”

 

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด