Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 152
“พี่เซียง ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะเป็นคนแบบนี้!”
เสียงของหนิวติ้งเทียนต่ำและเต็มไปด้วยความตกใจ
เซียงจื่อหลงรู้ว่าเขาคงหนีไม่รอดแล้ว เขาเดินไปที่ทางเข้าพร้อมกับนายกองหลายคนนั้น คบไฟของพวกเขาส่องทางสว่าง พวกเขาเห็นฟางหยวน หนิวติ้งเทียน จางชิงเฟิง และทหารอีกหลายคนล้อมรอบที่นี่อยู่แล้ว
หนิวติ้งเทียนที่อยู่หน้าสุดก็ยังดูไม่อยากเชื่อ “ทำไมท่านถึงทำเช่นนี้ พี่เซียง?”
“เหอเหอ… ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร ในเมื่อข้าแพ้ ข้าจะยังพูดอะไรได้อีก?”
เซียงจื่อหลงยิ้มเย็นมองฟางหยวน “แต่ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้า? ช่วยบอกให้ข้ารู้ทีเถิดท่านเจ้าเมือง ข้าจะได้นอนตายตาหลับ!”
“แผนการของเจ้านั้นสมบูรณ์แบบ แต่ข้าสงสัยเจ้าอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว!”
ฟางหยวนส่ายหน้าและพูดต่อ “สถานการณ์ในเซี่ยหยางฝูนั้นอันตรายมาก แต่เจ้าสองอู่จงกลับหนีออกมาได้ ช่างโชคดีนัก!”
อันที่จริงแล้ว มันเป็นเพียงข้ออ้างที่ฟางหยวนใช้เพื่ออธิบายความสงสัยที่มีต่อเซียงจื่อหลง
เหตุผลแท้จริงแล้วก็คือเขาเป็นจ้าวแห่งความฝันและสามารถสัมผัสความชั่วร้ายในตัวเซียงจื่อหลงได้
“เพียงเพราะเรื่องนั้น?”
เซียงจื่อหลงไม่อยากเชื่อ
เขาภักดีต่อหลิวเอี๋ยนเสมอมาและไม่เคยมีความคิดทรยศตลอดเวลาที่อยู่ที่เซี่ยหยางฝู ดังนั้น เขาเชื่อไม่ได้จริง ๆ ว่าฟางหยวนจะสามารถมองเขาออก
“ใช่ เป็นเพราะเช่นนั้น… แล้วก็…”
ฟางหยวนหัวเราะและพูดต่อ “ในเมื่อข้าเป็นเจ้าเมืองแล้ว ยังต้องมีเหตุผลอะไรเพื่อสงสัยเจ้าอีก? โอ้… ข้ายังต้องขอบคุณเจ้าที่ส่งข้อมูลไปให้ศัตรู ด้วยความซาบซึ้งนี้ ข้าจะให้เจ้าตายเร็วหน่อยก็แล้วกัน!”
“เจ้า…”
เซียงจื่อหลงเหงื่อกาฬแตกซ่าน
เขาไม่คิดว่าฟางหยวน เจ้าเมืองหนุ่มจะมีความคิดลึกซึ้งเพียงนี้!
ฟางหยวนรู้ว่าเขาเป็นหนอนบ่อนไส้ แต่ก็เก็บเงียบไว้ ทำเหมือนไม่รู้อะไรทั้งนั้น และยังให้เขาแพร่ข้อมูลเท็จไปให้ประเทศอู่!
หมาจนตรอกย่อมทำอะไรก็ได้เพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง
นายกองหลายคนนั้นดูหมดหวัง แต่เซียงจื่อหลงต่างออกไป เขามองไปรอบ ๆ ตัวอย่างรวดเร็ว เขาเตรียมจะหนีออกจากที่นี่!
อย่างไรเสียเขาก็เป็นอู่จงผู้หนึ่ง และสามารถไปที่ใดก็ได้หากเขาต้องการจะไป ถ้าเขาสามารถหนีไปถึงค่ายของศัตรูได้ เขาสามารถใช้ชีวิตที่นั่นได้อย่างสบายตลอดชีวิตที่เหลือ เหตุใดเขาจึงต้องยอมตายอยู่ที่นี่ด้วย?
ขณะที่ความคิดนั้นผ่านเข้ามาในใจ ก็มีการเปลี่ยนแปลงกะทันหันขึ้น!
“ฝุบ!”
ฟางหยวนขยับตัวอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดและเพียงแค่พริบตาเขาก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเซียงจื่อหลงและจับตัวเขาเอาไว้!
“ชี่! ชี่!”
บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนเป็นตึงเครียด และขณะที่ฟางหยวนเริ่มตะปบตัวเขาเอาไว้ อากาศโดยรอบก็ราวกับเปลี่ยนไปเป็นโซ่หลายเส้นพันรอบตัวเซียงจื่อหลงเอาไว้
แม้เขาจะรู้ว่านี่น่าจะเป็นภาพมายา แต่มันก็ทำให้เซียงจื่อหลงตระหนกเป็นที่สุด
เจ้าเมืองคนใหม่ช่างเก่งกาจนัก!
“อ๊า!”
ใบหน้าของเซียงจื่อหลงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำและเส้นเลือดของเขาก็ราวกับจะระเบิดออก ระหว่างความเป็นและความตาย เขาปลดปล่อยความสามารถและหลุดออกจากกรงเล็บของฟางหยวนที่กุมรอบคอเขาเอาไว้ ทันใดนั้นเขาก็ถอยหลังไปสิบหลาก่อนที่จะพุ่งไปข้างหน้า เงาเท้าของเขาพรมลงมาราวกับห่าฝน
“ท่าเท้าสยบมังกร!”
เซียงจื่อหลงเองก็เป็นอู่จงผู้หนึ่งและมีประสบการณ์มาก เขายังรู้ว่าเขาอาจจะตายต่อให้เลือกที่จะหนี หนทางเดียวก็คือเอาชนะคนผู้นี้
ดังนั้นเขาเลือกที่จะโจมตีก่อนและกระบวนท่าแรกเขาก็ใช้วิชาที่ร้ายกาจที่สุดของตัวเอง
“เปาะ!”
เงาขานั่นมาถึงตัวฟางหยวนและส่งเสียงราวกับฝนหล่นกระทบใบไม้ แต่ว่าฟางหยวนไม่ได้ให้ความสนใจกับกระบวนท่าของศัตรูราวกับเป็นสายลมบางเบา เขาพุ่งออกไปและตวัดกรงเล็บออก!
“เคล็ดกำลังภายนอก? วิชาของเจ้ายังน่ากลัวกว่าของหนิวติ้งเทียนเสียอีก!”
ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจเซียงจื่อหลง เสียงแกรบดังมาและเขาก็ล้มลงพื้นร้องออกมาเสียงดัง
“ผลัวะ!”
เลือดสาดกระจายไปทุกแห่ง
มีเพียงตอนนี้ที่ผู้อื่นถึงได้เห็นว่าขาของเซียงจื่อหลงถูกฟางหยวนตะปบและกระชากขาดออก และขาข้างนั้นก็หล่นลงพื้น
เพียงแค่ไม่กี่กระบวนท่า เซียงจื่อหลง ที่โด่งดังทั่วอี้ซานฝูและเป็นแม่ทัพของกองทัพแห่งอี้ซานฝูก็พ่ายแพ้?
ไม่เพียงแค่พ่ายแพ้ แต่ยังพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย?
หนิวติ้งเทียนลืมตากลมกว้างและตบหน้าตัวเองหลายที เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่เพิ่งเห็นกับตา
“พาชายผู้นี้ไปขังเอาไว้!”
ฟางหยวนดึงผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาเช็ดรอยเลือดบนมือออกขณะออกคำสั่ง
“เจ้าเมือง แล้วนายกองพวกนี้?”
ตอนนี้ จางชิงเฟิงนั้นจัดการกับนายกองหลายคนนั้นไปแล้วและคุกเข่าลงขอคำชี้แนะ
“คนทรยศพวกนี้? ยังต้องให้ข้าพูดอีกหรือ? ก็สังหารพวกมันไปสิ!”
ดวงตาของหนิวติ้งเทียนเต็มไปด้วยความโกรธ เขาไม่พอใจเซียงจื่อหลงและนายกองพวกนี้
“แม้ว่าคนพวกนี้จะเป็นพวกไร้ประโยชน์ แต่ก็ยังมีวิธีการใช้งานพวกเขา!”
จากนั้นฟางหยวนก็คิด “เซียงจื่อหลงนั้นต้องการหักหลังพวกเราคืนนี้ ข้าจะใช้พวกเขาเป็นเหยื่อล่อทหารของประเทศอู่ออกมา…”
“ท่านเจ้าเมือง! ได้โปรดให้พวกเราทำหน้าที่นี้ให้ท่านเพื่อชดใช้ความผิดของพวกเรา!”
เมื่อพวกมันพบว่ายังพอมีความหวังที่จะรอดชีวิต นายกองหลายคนนั้นก็รีบลงไปคุกเข่าและก้มกราบ
….
เที่ยงคืน
นอกประตูเมือง
ทหารกองหนึ่งแอบเข้ามาถึงประตูเมืองพร้อมกับหน้ากากสีดำและอาวุธ
หลังจากพวกมันทำเสียงร้องแบบหนูสามครั้ง พวกมันก็ได้ยินเสียงบางอย่างผ่านกำแพงเมืองมา และมีเสียงวุ่นวายเล็กน้อย ประตูเมืองแง้มออกเป็นช่องเล็ก ๆ และนายกองผู้หนึ่งก็โผล่ออกมาจากด้านหลังช่อง “ทำไมพวกแกถึงช้านัก?”
“พวกเราต้องเตรียมการล่วงหน้าเผื่อเอาไว้!”
หัวหน้ากลุ่มทหารกระซิบ “สถานการณ์ข้างในเป็นอย่างไรบ้าง?”
“นายกองที่ดูแลประตูถูกพวกเราจัดการไปแล้ว พวกมันที่เหลือล้วนเป็นฝ่ายเรา ตามข้ามา!”
ประตูเมืองเปิดออกช้า ๆ และมีความตื่นเต้นอยู่ในดวงตาของนายทหารหัวหน้า จากนั้นเขาก็นำกลุ่มทหารลอบเข้าไปในเมือง
ขณะที่พวกมันผ่านประตูเมืองเก่าคร่ำมา พวกมันก็ยังไม่ทันเข้าไปในเมือง พวกมันยังต้องเปลี่ยนไปเส้นทางอื่น ซึ่งมีชื่อเรียกเล่น ๆ ว่าเมืองสุสาน
“ไม่ถูกต้องแล้ว!”
ภายในสุสาน คนที่ด้านข้างหัวหน้าร้องออกมาเสียงดัง “ถอย นี่เป็นกับดัก!”
“ปิดประตูเมือง!”
“ผลัวะ! ผัวะ!”
หลังจากเสียงดังสองสามครั้ง ประตูเมืองก็ปิดสนิทลงและโดยรอบก็สว่างขึ้นทันที มือธนูหลายคนน้าวสายและเล็งไปที่ทหารและเริ่มยิงลูกศรออกไป
“หืม? มีนักรบศักดิ์สิทธิ์อยู่ในนี้ด้วย? ในเมื่อเขามาที่นี่แล้ว คิดหรือว่าจะยังหนีออกไปได้?”
ทหารในกลุ่มส่วนมากไม่บาดเจ็บก็เสียชีวิตจากห่าธนู ดวงตาของฟางหยวนสว่างวูบและพุ่งออกไป เขาสั่งให้หนิวติ้งเทียนตามมาอย่างใกล้ชิด
…
“บ้าชะมัด! พวกเราติดกับดักแล้ว!”
ที่ด้านนอกเมือง กองทัพประเทศอู่ที่มารวมกันอยู่เงียบลง นักพรตชราซวนเชิงประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงดังและเสียงร้องจากเมืองสุสาน
“ศัตรูตั้งรับอยู่ที่นั่นด้วย พวกเราต้องถอย!”
แม่ทัพเฟยหลงมองไปที่กำแพงเมืองและได้ยินเสียงตะโกนสองสามคำและเสียงฆ่าฟัน ใบหน้าของเขาตึงเครียดขึ้นมา
“ดูเหมือนเสียงนั่นจะไม่ได้มาจากการกบฏสำเร็จของเซียงจื่อหลง แต่เป็นพวกมันถูกเผยตัวและถูกจัดการ!”
อู่อู๋เต๋าไม่พอใจ
หนึ่งในทหารพวกนั้นเป็นศิษย์ผู้หนึ่งของเขาที่เขาฟูมฟักมาอย่างทุ่มเทจิตใจและวิญญาณเพื่อให้ขึ้นถึงระดับนักรบศักดิ์สิทธิ์!
แต่ว่า ตอนนี้ศิษย์ของเขาติดกับดักอยู่ในเมือง
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงอยากจะนำทหารกล้าที่เหลือบุกฝ่ากำแพงเมืองเข้าไปเพื่อช่วยศิษย์รักของเขา
โชคร้าย อาวุธวิเศษของเขา ใบไม้เหาะ ถูกทำลายไปแล้วและเขาก็มองแม่ทัพเฟยหลงที่มีสีหน้าไร้ความรู้สึกและนักพรตชราตาบอดซวนเชิง เขากัดฟัน
ใครจะรู้ว่าการระวังไว้ก่อนครั้งนี้กลับนำมาซึ่งความตายของศิษย์ของเขา!
“นี่แปลกนัก!”
หลังจากนักพรตชราซวนเชิงสงบใจลงได้ เขาก็มีคำถามเดียวกันนี้ในใจ “ในฐานะนักรบศักดิ์สิทธิ์ เหตุใดเขาจึงไม่รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไปก่อนที่จะเข้าไปในเมือง?”
ตั้งแต่พวกเขาตั้งตนเป็นศัตรูกับเจ้าเมืองคนใหม่ของอี้ซานฝู พวกเขาก็รู้สึกเหมือนถูกขวางมือขวางเท้าอยู่ตลอดเวลาและไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด
ความรู้สึกเช่นนี้ทรมานนัก
แม่ทัพของประเทศอู่ไม่รู้ว่าฟางหยวนเป็นจ้าวแห่งความฝันและยังนับเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการตบตาและมายา นอกจากนี้ เขายังติดตั้งกับดักเหล่านี้ด้วยตัวเอง ดังนั้น มันคงน่าตลกที่ผู้ที่เพิ่งได้เป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์จะมองผ่านกับดักพวกนี้ได้
“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป พวกเราจะกลับไปที่ค่ายและลงมือใหม่พรุ่งนี้!”
แม่ทัพเฟยหลงออกคำสั่งให้ทหารของเขากลับไปตั้งหลัก ก่อนที่เขาจะออกมา เขามองเข้าไปในเมืองและรู้สึกไม่ค่อยดีนัก
…
“พวกมันไม่ลงมือ?”
เหนือกำแพงเมือง ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็นขณะมองทหารจากประเทศอู่กลับไปที่ค่ายของพวกมัน “พวกมันไม่สามารถเสี่ยงได้จริง ๆ นั่นแหละ แต่ว่า… พวกมันก็ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแล้ว!”
“ถ้าพวกเราไม่ตอบโต้พวกมันคืนนี้ ก็ยังมีพรุ่งนี้เหมือนกัน!”
เขายืนอยู่บนกำแพงเมือง พยายามคิด
“ตอบโต้ศัตรูพรุ่งนี้?”
หนิวติ้งเทียนและจางชิงเฟิงอยู่ข้างหลังฟางหยวน แม้ว่าพวกมันจะเชื่อในความสามารถของเขา แต่ก็ยังอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินฟางหยวนพูดเช่นนั้นออกมา
“ถูกต้อง ถ่ายทอดคำสั่งลงไปให้เพิ่มเนื้อสำหรับอาหารมื้อเช้าพรุ่งนี้ ให้ทหารทั้งหมดของเราได้กินอาหารดี ๆ มื้อหนึ่งก่อนที่จะเตรียมลงมือ!”
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มลึกลับ
ที่ด้านล่างเขา มีเสียงวุ่นวายอยู่ที่ใต้กำแพงเมือง…
…
เป็นวันที่สอง พระอาทิตย์ลอยขึ้นสูงบนฟ้า
“ทหารของข้า ข้าตัดหัวของเซียงจื่อหลงและนักรบศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้เป็นบัดพลีแก่เทพเจ้า!”
โดยไม่ลังเล ฟางหยวนตัดศีรษะของจอมยุทธ์ผู้ใช้พลังธาตุทั้งสองออกอย่างไม่ต้องใช้ความพยายามและโยนหัวของพวกมันทั้งคู่ทิ้งลงมาจากกำแพงเมือง
เมื่อเห็น อู่อู๋เต๋าก็ผงะขณะที่แม่ทัพเฟยหลงถอนหายใจแรง โดยไม่ต้องรั้งรอ แม่ทัพเฟยหลงสั่งให้ทหารโจมตีเมืองด้วยความสามารถทั้งหมด
แม้ว่าจะประสบความล้มเหลวมาก่อน แม่ทัพก็ยังคงเชื่อในกลยุทธ์ของตน
ความสามารถของเขานั้นยังเหนือกว่าศัตรู เขาสามารถข่มศัตรูเอาไว้ได้โดยตรงโดยไม่ต้องหวาดกลัวอะไรทั้งนั้น ประเทศอู่ชนะสงครามอย่างแน่นอน
“โครม!”
“โครม!”
เมื่อเครื่องยิงหินเริ่มทำงาน ทหารของประเทศอู่ก็พุ่งตรงเข้าใส่กำแพงเมืองอย่างไม่กลัวตาย
ไม่ช้า กำแพงเมืองก็กลายเป็นเหมือนเครื่องบดเนื้อ ทั้งสองฝ่ายสูญเสียอย่างหนัก เลือดและเนื้อกองทับถมจนพูน กำแพงเมืองเปลี่ยนเป็นสีแดงจากเลือด
“รายงาน! สถานการณ์ที่ประตูตะวันตกวิกฤตแล้วขอรับ ศัตรูขึ้นมาถึงบนกำแพงเมืองแล้ว!”
“รายงาน! สถานการณ์วิกฤตที่ประตูตะวันออก มีการสูญเสียเป็นอย่างมาก พวกเราต้องการกำลังสนับสนุนเดี๋ยวนี้!”
…
รายงานจากแต่ละส่วนมาถึงราวกับหิมะโปรยปราย นี่เป็นสิ่งที่จะเกิดตามมาเมื่อมีทหารน้อยกว่า และยังรอยแตกไปทั่วกำแพงเมือง
“เจ้าเมือง ให้พวกเราไปช่วยเถิด!”
หนิวติ้งเทียนและจางชิงเฟิงคุกเข่าลงขออนุญาตเข้าร่วมรบ
“ไม่จำเป็น!”
ฟางหยวนโบกมือและพูด “สั่งให้ทหารถอยและร่นลงมารบบนถนน!”
“อะไรนะขอรับ?”
ทุกคนตะลึงเมื่อได้ยินคำสั่งนั้น เมื่อทหารถอย มันก็เหมือนกับพวกเขาแพ้ในการต่อสู้ ไม่ต้องพูดถึงการตอบโต้กลับเลย?
“นี่เป็นคำสั่ง!”
ฟางหยวนเหลือบตามองพวกเขา
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังสนั่นมาจากประตูตะวันออก จากนั้น ก็มีเสียงตะโกนอย่างยินดีมากมายว่า ‘พวกเราพังเข้าไปได้แล้ว’ ดังมา ทหารจากประเทศอู่ทะลักเข้าไปในถนนในเมือง
“กองทัพของอี้ซานฝูใช้การไม่ได้ยิ่งกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก… ไม่เป็นไร เป็นแบบนี้ดีกว่า นี่จะยิ่งดูน่าเชื่อถือ…”
ฟางหยวนพยักหน้าขณะมองทหารจากประเทศอู่ที่ได้รับคำสั่งย้ำหลายครั้งว่าให้จัดการกับศัตรูให้สำเร็จ ฟางหยวนยิ้มและยกมือขวาขึ้น
“ฝุบ!”
ทุกมุมของกำแพงเมือง พื้นดินแตกออก ดอกไม้มากมายปรากฏขึ้น และมีแสงสะท้อนจากคมมีด ภายในวินาทีเดียว ทหารประเทศอู่ที่อยู่ใกล้ที่สุดนั้นงงงวยอยู่และไม่ช้าก็ถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ
ที่ด้านนอกเมือง แม่ทัพเฟยหลงอึ้งไป ไม่ช้า เขาเห็นทั้งเมืองซางชานเปลี่ยนไปเป็นเมืองดอกไม้ภายในไม่กี่วินาที…
คอมเม้นต์