Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 161
“เจ้าจะทำอะไร จางเฟิง หลี่กุ้ย? กลับมานี่!”
อวี้เฟยฉุยตะโกน
ขณะที่อินทรีดำหางเหล็กต่อสู้กับเหล่าลูกเรือ เขาก็สั่งให้ลูกน้องที่ภักดีที่สุด ‘ช่วยเขา’
ในเวลาเดียวกัน เมื่อมองที่เจ้านกยักษ์ อวี้เฟยฉุยก็มัวแต่ครุ่นคิด
เขาคิดว่าเขาประเมินฟางหยวนสูงแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่ากระทั่งสัตว์เลี้ยงของเขาก็มีความสามารถในระดับเดียวกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 4 ประตูสวรรค์!
แม้ว่าเขาจะควบคุมความวุ่นวายบนเรือของเขาได้ เรือก็ยังคงถูกดึงเข้าไปในน้ำวนอยู่ดี และทุกคนบนเรือก็รู้สึกหมดหวัง
ดูเหมือนสถานการณ์จะถูกกำหนดเอาไว้เสียแล้ว!
“ไป!”
ฟางหยวนหัวเราะขณะกระโดดขึ้นหลังอินทรี
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
อินทรีดำหางเหล็กลอยขึ้นฟ้า
“ผู้อาวุโส…”
อวี้เฟยฉุยรู้สึกหมดหวัง เขาคิดว่าฟางหยวนต้องการหนีไปคนเดียว
แต่ครู่ต่อมา เขาก็ต้องอุทานอย่างประหลาดใจ
บนฟ้า อินทรีดำหางเหล็กกรีดร้องยาวและบินควับลงมาราวกับสายฟ้าสีดำตรงเข้าไปที่ใจกลางน้ำวน
“ซ่า!”
ราชาปลาวิญญาณนั้นราวกับมังกรแท้ ๆ ท่ามกลางปลานับร้อย จู่ ๆ มันก็สัมผัสได้ถึงอันตรายและมองขึ้นไปที่บุคคลลึกลับด้านบน
“ซู่! ซู่!”
มันว่ายน้ำกลับขึ้นมาบนผิวน้ำและพ่นน้ำสีขาวประกายเข้าใส่เจ้านกอินทรี
ที่ด้านหลังมันมีปลาวิญญาณนับสิบตัวพ่นน้ำออกมาในเวลาเดียวกันเกิดเป็นตาข่ายน้ำปากหนึ่ง
“หลบ!”
ฟางหยวนหลับตาและเคาะลงบนหัวของอินทรี
ด้วยพลังเวทย์ของเขา อินทรีดำหางเหล็กดูจะรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นและหลบน้ำที่ราชาปลาวิญญาณพ่นออกมาได้อย่างชาญฉลาด
ส่วนน้ำที่พ่นออกมาจากปลาวิญญาณอื่น ๆ? อย่างมากก็แค่ขนไม่กี่เส้น ไม่สำคัญอะไร
“เจ้าสัตว์ร้ายนี่!”
อินทรีดำหางเหล็กมาถึงใจกลางน้ำวน และก็มีเสียงดังมาจากบนหลังของมัน
“ฝุบ!”
เงาร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ และขณะที่แขนขวาของเขาเหยียดออกไป ฝ่ามือขนาดมโหฬารก็ปรากฏขึ้น กดลงบนผิวน้ำ
“ซ่า!”
ผิวน้ำทั้งหมดถูกกดลงไปหลายนิ้วและน้ำวนก็หยุดไปครู่หนึ่ง
ท่ามกลางคลื่นสั่นระริก ร่างใหญ่โตของราชาปลาวิญญาณก็เผยออกมา!
“นี่…”
บนเรือเหาะโลหะ อวี้เฟยฉุยและพวกถึงกับพูดไม่ออก
“แผ่พลังธาตุออกมาแล้วก่อเกิดรูปแบบที่นอกร่างกาย กดทะเลสาบเอาไว้ด้วยฝ่ามือเดียว…”
อวี้เฟยฉุยมองภาพนี้ และความตื่นเต้นก็ปรากฏเต็มดวงตาของเขา “นี่มันพลังธาตุ! อู่จง!”
แม้ว่าเขาจะคาดเดาตัวตนของฟางหยวนได้นานแล้ว แต่เขาก็เพิ่งจะยืนยันได้ตอนนี้นี่เอง
“ท่านปู่… ผู้อาวุโสท่านนี้จะจัดการกับราชาปลาวิญญาณได้หรือไม่?”
อีกด้านหนึ่ง อวี้เสี่ยวหงมือกำหางเปียตัวเองมองแผ่นหลังฟางหยวนอย่างคาดหวัง
“แม้ว่าเขาจะจัดการมันไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ไล่มันไปได้!”
รอยย่นบนใบหน้าของอวี้เฟยฉุยหายไปเมื่อเขาฉีกยิ้มปากแทบถึงใบหู เขามั่นใจในตัวจอมยุทธ์ระดับใช้พลังธาตุผู้นี้เป็นอย่างมาก!
…
“ผัวะ!”
ท่ามกลางคลื่นน้ำ ราชาปลาวิญญาณปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและสะบัดหาง
น้ำก่อตัวเป็นเม็ดขนาดเท่าไข่มุกสีฟ้าใสสามเม็ดพุ่งไปทางฟางหยวน เกิดเสียงแหวกอากาศอื้ออึง
ที่ด้านข้าง ปลาวิญญาณหลายตัวร่วมมือ เพิ่มความร้ายกาจของการจู่โจมออก
“อืม? ตอบโต้รึ? ไม่เลวนี่!”
ฟางหยวนเปลี่ยนฝ่ามือของเขาเป็นกรงเล็บและตวัดลงน้ำ
“ปัง! ปัง!”
ลูกแก้วน้ำแตกลงในกรงเล็บของฟางหยวน เกิดเสียงระเบิดดังลั่น มันทำให้ฟางหยวนเปียกโชค แต่นอกเหนือจากนั้นมันก็ไม่ได้มีผลอะไรต่อเขา
“ขึ้น…มา!”
หลังจากหนึ่งกระบวนท่า ฟางหยวนก็ตะโกน และปล่อยพลังธาตุอันละเอียดจากปลายนิ้วชี้ลงไปในทะเลสาบ เขาคำรามออกมาอีกครั้ง
“ซ่า!”
เสียงน้ำแตกออกโครมใหญ่ ร่างมหึมาของราชาปลาวิญญาณถูกฟางหยวนลากขึ้นมา
“ไป!”
เขาบี่อยู่บนหลังอินทรีดำหางเหล็กและตรงไปที่เรือโลหะ ด้วยการพลิกข้อมือครั้งหนึ่ง ราชาปลาวิญญาณขนาดมหึมาก็หล่นลงที่กราบเรือ สะบัดหางไปมา
ลูกเรือผู้กล้าหาญหลายคนตรงเข้าไปจับมันไว้แต่กลับถูกมันพ่นน้ำใส่ฉีกร่างของพวกเขาออกเป็นสองส่วนตายตกลงอย่างอนาถ
“ราชาปลาวิญญาณนี่เก่งกาจนัก ข้าจะเอามันมาเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า!”
สายลมหอบใหญ่พัดมาขณะอินทรีดำหางเหล็กร่อนลงบนกราบเรือ
ฟางหยวนดึงสายเบ็ดมาและสะบัดมันออกไปอีกครั้ง
“ซ่า!”
ไม่นานนัก ปลาวิญญาณ 6 ตัวก็ถูกดึงขึ้นมาบนกราบเรือ “นี่เป็นของขวัญให้เจ้า!”
“อ่า… พวกเราจะรับไว้ได้อย่างไรกัน?”
อวี้เฟยฉุยถูมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน ปลาวิญญาณหนึ่งตัวสามารถเพิ่มความเร็วการฝึกฝนของผู้ฝึกยุทธ์สองคนได้ “ข้าไม่สมควรรับความชอบนี้!”
“ข้ามีเรื่องใช้เจ้า ห้ามทำอะไรกับปลาวิญญาณที่เหลือรวมทั้งลูกปลา ข้าต้องการให้พวกมันมีชีวิตอยู่!”
ฟางหยวนมองฝูงปลาไร้ผู้นำที่ว่ายไปมาอย่างไร้ทิศทาง น้ำวนก็สงบลง
“ผู้อาวุโส ท่านต้องการ… เก็บพวกมันไปเป็นสัตว์เลี้ยง?”
ดวงตาของอวี้เฟยฉุยเป็นประกาย แต่หลังจากนั้นเขาก็ส่ายหน้าและหัวเราะออกมา “มันเป็นไปไม่ได้… ตั้งหลายปีแล้วที่มีเทศกาลจันทราเมามายและปลาวิญญาณมากมายถูกจับขึ้นมาได้ แต่ไม่มีใครสามารถขยายพันธุ์มันได้ นอกจากนี้ น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ก็ต่างไปจากน้ำที่อื่น แม้ว่ามันจะสามารถขยายพันธุ์ได้ พลังของปลาเหล่านี้ก็จะค่อย ๆ สลายไปอย่างช้า ๆ…”
ปัจจัยสำคัญในการมีชีวิตอยู่ของปลาวิญญาณก็คือเทศกาลจันทราเมามายและทุกคนก็รู้เรื่องนี้
นอกจากนี้ ทุกคนล้วนเดาว่าความลับของทะเลสาบจันทราเมามายนั้นอยู่ที่หมอกปริศนานั่น โชคร้าย หมอกนั่นร้ายกาจเกินไปและผู้ใดที่ล่วงเข้าไปล้วนไม่กลับมา
“ข้าอยากลองดู เจ้าพักอยู่ที่ไหน? ข้าจะไปก่อน แล้วจากนั้นจะไปหาเจ้าอีกที”
ฟางหยวนเหลือบมองอวี้เฟยฉุย
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ข่มขู่อวี้เฟยฉุย เขาก็ยังไม่กล้าไม่ซื่อสัตย์กับฟางหยวนที่เผยความสามารถออกมา
นอกจากนี้ ราชาปลาวิญญาณยังไม่ได้สำคัญเท่าเป้าหมายของตัวเขาเอง
“อ่า… ข้าเป็นจ้าวสำนักมังกรทอง ถ้าท่านต้องการหาข้า ก็เพียงไปที่เทือกเขาสำนักมังกรทอง!”
อวี้เฟยฉุยรู้สึกกดดัน
เขาเองก็มีชื่อเสียง แต่เมื่อเปิดเผยสถานะของตนออกไป อีกฝ่ายกลับไม่สนใจ ทำให้เขารู้สึกราวกับฟางหยวนนั้นเป็นเพียงกบในบ่อน้ำ
‘ขยายพันธุ์ปลาวิญญาณ?’
อวี้เฟยฉุยคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดต่อ “ถ้าปลาวิญญาณเหล่านี้ต้องการมีชีวิตอยู่ ตำนานบอกว่ามันต้องไม่ไปจากสุราวสันต์ ถ้าท่านสามารถระบุแหล่งกำเนิดสุราวสันต์ได้ ท่านก็อาจจะสามารถขยายพันธุ์ราชาปลาวิญญาณได้”
“ผัวะ!”
ถึงตอนนี้ ราชาปลาวิญญาณก็ลงมืออีกครั้ง สะบัดหางเข้าใส่ลูกเรือร่างใหญ่คนหนึ่ง มันดิ้นไปมาจนถึงขอบของกราบเรือ
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
โชคร้ายของมัน อินทรีดำหางเหล็กรออยู่ตรงนั้นแล้ว มันเกาะกราบเรือไว้แน่นด้วยกรงเล็บของมัน
ราชาปลาวิญญาณนี้อาจจะเทียบได้กับมังกรเมื่ออยู่ในทะเลสาบ และกระทั่งอินทรีดำหางเหล็กก็ยังสู้มันไม่ได้ แต่เมื่อไม่มีน้ำ มันก็ไม่สามารถใช้ฝีมือของมันได้และถูกจับเอาไว้
“แหล่งกำเนิดสุราวสันต์… ข่าวลือบอกว่าแหล่งกำเนิดนี้มีการเคลื่อนไหวเฉพาะช่วงเทศกาลจันทราเมามายและกระจายไปหลายลี้ กลิ่นสุราปกคลุมไปทั่วทั้งทะเลสาบ ข้าต้องเห็นมันด้วยตัวข้าเอง…”
ฟางหยวนมองอวี้เฟยฉุย จากนั้นก็มองราชาปลาวิญญาณ “ดูแลมันให้ดี และเตรียมห้องให้ข้าด้วย!”
…
ในความฝันของเขา เม็ดฝนตกกระทบใบบัว หยดฝนกลิ้งไปมาราวเม็ดมุก
ปลาเงินซ่อนอยู่ที่รากของดอกบัว แหวกว่ายน้ำเล่น
ทันใดนั้น หมอกปริศนาก็ปรากฏขึ้น ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ และยังนำเอากลิ่นเฉพาะลอยมา
ปลาเงินไม่รู้เรื่องรู้ราวและไหลตามกระแสน้ำไป มันไม่รู้ว่ามันว่ายน้ำมาไกลเพียงใดแล้ว แต่มันก็มาถึงถ้ำใต้น้ำแห่งหนึ่ง
มีแสงไฟอ่อนจางออกมาจากในน้ำ และกลิ่นของสุราก็เกินจะทนรับไหว มันไม่สามารถต้านทานความยั่วยวนนั้นได้และพุ่งตรงเข้าไปหามัน
เมื่อมันว่ายลึกเข้าไป ในที่สุดมันก็ไปถึงสุดปลายถ้ำนั้นและเห็นดวงตาวสันต์…
…
“ฟู่…”
ในห้องหนึ่งบนเรือ ฟางหยวนลืมตาขึ้นและพ่นลมออกจากปาก
ตรงหน้าเขา ราชาปลาวิญญาณถูกขังเอาไว้ในถังใบใหญ่ มันสร้างขึ้นจากโลหะทั้งใบและยังแข็งแรงมาก แต่มันก็ค่อนข้างเล็กแคบและยากแก่การที่เจ้าปลาจะขยับตัวไปมาในนั้นได้อย่างอิสระ
ฟางหยวนรู้สึกพอใจมาก อย่างไรเสีย นี่ก็อยู่บนเรือ และเขาก็เรียกร้องมากนักไม่ได้
“เป็นปลาวิญญาณที่มีความทรงจำอันสมบูรณ์นัก…”
ฟางหยวนพอใจเป็นที่สุดกับผลลัพธ์ของการแฝงฝันครั้งนี้
“อันที่จริง ราชาปลาวิญญาณนี้นับว่าได้รับความช่วยเหลือจากแหล่งกำเนิดสุราวสันต์มันจึงกลายมาเป็นเช่นนี้ได้ ถ้ำใต้น้ำนั่นน่าจะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน แต่ว่า… มีดวงตาวสันต์เพียงหนึ่งเดียว และยังอยู่ภายในหมอกปริศนา”
ฟางหยวนนั้นไม่ประหลาดใจกับผลลัพธ์ที่ได้ กลับกัน เขาได้คาดเดาเอาไว้ก่อนแล้ว
แม้ว่าอวี้เฟยฉุยจะรู้ความลับของหมอกปริศนา แต่เขาก็ไม่มีความสามารถพอที่จะสำรวจต่อไปได้
ผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่พยายามค้นหาความลับของทะเลสาบจันทราเมามาย แต่ก็ล้วนพบกับเคราะห์ร้ายเมื่อเข้าไปในหมอกปริศนา พวกมันไม่มีความหวังเลยสักนิด
แต่ว่า นี่ต่างไปจากฟางหยวนนัก!
“หมอกปริศนาที่คล้ายเป็นกำแพง มนุษย์เข้าไปไม่ได้ แต่สัตว์เข้าไปได้… เทียบกับรอบ ๆ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยอดเขาชอุ่มแล้ว อาจารย์เองก็ใช้การป้องกันแบบเดียวกัน นี่เป็นกลยุทธ์ของจ้าวแห่งความฝัน…”
เขาผ่อนลมหายใจยาว ดวงตาเป็นประกาย
เขาแน่ใจว่า ‘ท่านผู้นั้น’ ที่หนีมาจากอาณาจักรต้าเฉียนเป็นผู้สร้างหมอกป้องกันไว้ในทะเลสาบจันทราเมามายและยังตั้งสำนักห้าผีขึ้นมานั้นเป็นจ้าวแห่งความฝันผู้หนึ่งเช่นกัน!
ในฐานะที่เขาเองก็เป็นจ้าวแห่งความฝัน ฟางหยวนนั้นยิ่งสนใจและถูกดวงตานั่นดึงดูดยิ่งขึ้น
“ตามตำนาน แหล่งกำเนิดสุราวสันต์นั้นเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมีบางคนนำมันมาไว้ที่นั่นกันแน่?”
ด้วยความสงสัยนี้ ฟางหยวนเปิดประตูห้องออกมาและเดินไปที่กราบเรือ
“ผู้อาวุโสนั่งสมาธิเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ?”
เขาเห็นอวี้เสี่ยวหงรออยู่สักพักแล้ว ขณะที่นางนำน้ำแกงปลาถ้วยหนึ่งมาให้ “เชิญรับน้ำแกงก่อนเจ้าค่ะ”
“อืม”
ฟางหยวนพบว่าน้ำแกงนั้นเป็นสีขาวบริสุทธิ์และยังมีกลิ่นหอมแรง รสชาติยังสดใหม่ และก็ยิ้มออกมา “นี่เจ้าทำเองหรือ?”
อวี้เสี่ยวหงหน้าแดง “ใช่เจ้าค่ะ เป็นฝีมืออันต่ำต้อยของข้าน้อยเอง”
“ไม่เลย! นี่เทียบได้กับอาหารที่ตำหนักจันทร์เคลื่อนคล้อย!”
น้ำแกงปลาถ้วยน้ำมิได้เติมสิ่งปรุงรสอื่นเพิ่ม เป็นรสชาติตามธรรมชาติของเนื้อปลาสด
อวี้เฟยฉุยเห็นภาพตรงหน้าก็ยินดียิ่งนัก “ถ้าผู้อาวุโสพอใจ เหตุใดจึงไม่พักอีกสักหลายวัน สำนักมังกรทองจะรับรองท่านอย่างดี…”
“ไม่เป็นไร พวกเราล้วนมีหน้าที่ต้องทำ จะชักช้าได้อย่างไร?”
ฟางหยวนส่ายหน้า “อีกสองสามวัน ข้าจะไปที่สำนักของเจ้า ลาก่อนแล้ว!”
โดยไม่ร่ำไร ฟางหยวนกระโดดขึ้นหลังอินทรีดำหางเหล็กและพุ่งขึ้นฟ้าไป
“ท่านปู่…”
อวี้เสี่ยวหงมองอินทรีที่ค่อย ๆ กลายเป็นจุดดำเล็ก ๆ ไปช้า ๆ และเงียบไป ทันใดนั้นนางก็ถาม “เป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้อาวุโสท่านนี้ไม่ชอบข้า?”
“เอ่อ…”
อวี้เฟยฉุยมองหลานสาวของตน นอกจากความชื่นชมแล้ว เขายังมองเห็นความเห็นแก่ตัวในดวงตาของนางและไม่รู้จะทำอย่างไรดี
คอมเม้นต์