Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 168

อ่านนิยายจีนเรื่อง Carefree Path of Dreams ตอนที่ 168 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ที่กลางสนามสอบ เป็นอาคารสูง

ที่นั่นมีทัศนวิสัยที่ดี สามารถมองเห็นบัณฑิตทุกคนได้

เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งที่สวมเสื้อปักลายนกวิญญาณยิ้ม “วันนี้พวกเรามีผู้สมัคร 3112 คน ซึ่งมากกว่าปีก่อนถึงสามส่วน แสดงถึงระดับการศึกษาของมณฑลของเรา

เขาเป็นข้าหลวงผู้ดูแลมณฑลนี้ เจ้าหน้าที่อีกสองคนเห็นเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางพื้นอารมณ์ดี พวกเขาก็ยินดีไปด้วย

แต่ว่า ยังมีนักพรตถือพัดขนนกผู้หนึ่งมองสนามสอบแล้วรู้สึกไม่สบายใจนัก

“นักพรตเฟยซยง เกิดอะไรขึ้นรึ?”

เมื่อข้าหลวงผู้นี้เห็นเข้า เขาก็เริ่มวิตก “หรือว่าค่ายกลสัตว์เนตรทิพย์จะมีปัญหา?”

สัตว์เนตรทิพย์นั้นมีไว้เพื่อตรวจจับผู้ทุจริต แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีช่องโหว่

“ไม่มีอะไร!”

นักพรตเฟยซยงกลับไปยืนตำแหน่งเดิม ที่ตรงหน้าเขา มีค่ายกลเล็ก ๆ ติดตั้งเอาไว้ มีสัตว์เนตรทิพย์จำลองตัวเล็กที่ดูราวกับมีชีวิต ดวงตาเป็นประกาย

“พลังในค่ายกลนั้นปกติดีและยังสามารถกรองเอาผู้เข้าสอบ 32 คนออกไปได้ วางใจได้ คนพวกนั้นไม่มีทางเล็ดลอดไปได้เด็ดขาด!”

นักพรตเฟยซยงสัญญา

“ดีมาก!”

ข้าหลวงผู้นั้นถอนหายใจและไม่ได้สังเกตเห็นความสงสัยในสายตาของนักพรตเฟยซยง

“ที่แปลกก็คือเมื่อสักครู่นี้ ดวงตาของสัตว์เนตรทิพย์นั้นกระพริบอยู่ครู่หนึ่ง และมันบ่งบอกว่าถูกรบกวนโดยผู้ที่มีความสามารถสูง แต่ว่า หลังจากตรวจสอบทั้งสนามสอบแล้ว พวกเราไม่พบอะไร… มีที่น่าสงสัยเพียงผู้เดียวเท่านั้น”

นักพรตเฟยซยงลูบเครา ในใจมีความคิดต่าง ๆ เต็มไปหมด “ดูเหมือนว่าท่ามกลางผู้เข้าสอบเหล่านี้ มีบุคคลลึกลับผู้หนึ่ง!”

ด้วยเคล็ดวิญญาณของเขา ดวงตาของเขาเป็นสีแดงสว่าง ไม่ต่างไปจากดวงตาของสัตว์เนตรทิพย์

ตรงหน้าเขา มีประกายจาง ๆ ปรากฏขึ้นและลอยไปอยู่ตรงหน้าผู้เข้าสอบคนสุดท้าย

ผู้เข้าสอบคนนั้นผิวซีดเผือดและเข่าอ่อน จะเป็นใครไปได้นอกจากเซียวมู่?

ในสนามสอบ

ผู้เข้าสอบทุกคนถูกแยกออกจากกันด้วยคอกไม้และโต๊ะไม้ที่อยู่ตรงหน้า แค่จะแทรกตัวไประหว่างแต่ละคอกกั้นก็ยังทำได้ยากมาก ฟางหยวนมุ่งไปที่เก้าอี้ของเขาและยิ้มในใจ “เจ้ากล้าสร้างปัญหาให้ข้า ข้าจะทำให้เจ้าไม่มีเวลาว่างเลยคอยดู!”

ค่ายกลในสัตว์เนตรทิพย์นั้นไม่สามารถตรวจจับเขาได้ มันถูกหลอกให้คิดว่าเขาเป็นคนธรรมดาผู้หนึ่ง

เซียวมู่นั้นไม่โชคดีเช่นนั้น

แม้ว่าเขาจะเก็บซ่อนพลังเวทย์เอาไว้ เล่ห์กลของฟางหยวนก็ยังเผยตัวเขาออกมา

และตอนนี้ เขากำลังถูกจับตามองจากเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด

ด้วยความสนุกจากการก่อกวนสำเร็จ ฟางหยวนเปิดข้อสอบขึ้นมาและเริ่มอ่านอย่างมีความสุข

แม้ว่าการทดสอบครั้งนี้จะยาวแค่วันเดียว แต่ก็มีการทดสอบในหลายอย่าง

คำถามแรกนั้นเกี่ยวกับการศึกษาแนวทางของลัทธิขงจื๊อ

มันเป็นการตอบแบบบรรยาย แต่ว่า ไม่ได้ทดสอบขงจื๊อดั้งเดิม แต่เป็น ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์กายภาพ และภูมิศาสตร์มนุษย์

นี่ไม่เพียงทดสอบประสบการณ์ของผู้เข้าสอบเท่านั้น แต่ยังทดสอบความรู้ทางภาษาและความคิดของผู้เข้าสอบด้วย

อย่างไรเสีย กระดาษคำตอบก็ไม่อนุญาตให้มีการแก้ไขหรือลบ และคาดหวังในตัวผู้เข้าสอบอย่างสูง

หลังจากคำสอนของลัทธิขงจื๊อแล้ว ก็เป็นการคำนวณ สำหรับการคัดเลือกเสมียนของอาณาจักรต้าเฉียน พวกเขาต้องการนักคำนวณที่มีความสามารถและยังเชี่ยวชาญในตำราคำนวณทั้งแปด

พวกเขายังต้องสามารถคำนวณพื้นที่ ปริมาตร และรูปทรงอันซับซ้อน ทำให้ฟางหยวนนึกถึงชีวิตอื่นของเขา

โชคดี การศึกษาลัทธิขงจื๊อนั้นเป็นพื้นฐานของหยางฟาน และเขาสามารถตอบได้ทั้งหมด

ส่วนปัญหาเรื่องการคำนวณ ด้วยระดับพลังเวทย์สูงส่งของเขา ทักษะโดยรวมของสมองของเขานั้นก็ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ เขายังได้เรียนพื้นฐานการคำนวณมาในชีวิตอื่น ๆ และดังนั้น จึงสามารถตอบคำถามที่ผ่านเข้ามาได้ทั้งหมด

หลังจากคำนวณแล้วและแน่ใจว่าเขาไม่ได้เผอเรอทำผิดพลาดที่ตรงไหน เขาก็เขียนคำตอบลงไป

การคัดลายมือนั้นไม่ใช่ความถนัดของฟางหยวน แต่ด้วยความสามารถในการควบคุมแรง ทุกเส้นที่ตวัดออกมาของเขาแม้ไม่ใช่ลายมือที่งดงามสมบูรณ์ แต่ก็ดีพอให้อ่านเข้าใจได้

ในเมื่อเขาเข้าใจดีถึงธรรมชาติของการสอบ แล้วเหตุใดฟางหยวนจึงจะไม่รู้จุดสำคัญของมัน?

พวกเขาไม่ได้ต้องการลายมือที่สวยงามสมบูรณ์แบบ แค่อ่านเข้าใจก็พอแล้ว

โดยไม่รู้ตัว ครึ่งวันก็ผ่านไป ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแล้ว

เขาไม่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมา เสียงแกรกกรากที่ด้านข้างก็บอกเขาทั้งหมด

‘ตอนนี้พวกเขาส่วนมากกำลังทำส่วนคำนวณอยู่ แต่มีบางคนเพิ่งตอบส่วนขงจื๊อเสร็จ’

ฟางหยวนส่ายหน้า วางพู่กันลงและพักดื่มน้ำสองอึกใหญ่

“ส่วนของคำนวณนั้นทดสอบความอดทนของผู้เข้าสอบ หากไม่มีความอดทนเพียงพอ จะทนอยู่ได้นานเพียงใดเชียว? ข้าเกรงว่าพวกเขาคงจะกระอักเลือดจากความเหนื่อยล้าถึงขีดสุด!”

ขณะที่เขามัวแต่คิด ก็มีการเคลื่อนไหววุ่นวายอยู่ทางตะวันออก ทหารสองคนแบกผู้เข้าสอบคนหนึ่งออกไป เสื้อผ้าของคนผู้นั้นมีรอยเปื้อนเลือด

บัณฑิตที่สองข้างของฟางหยวนก็เห็นภาพนั้นและหมดคำจะพูด

ฟางหยวนนั้นตรงกันข้าม ไม่ได้สนใจเลยสักนิดและพลิกหน้าคำถามสุดท้าย

มันเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและการใช้งานจริง คำถามอยู่ในรูปของคดีและต้องการให้ผู้เข้าสอบใช้กฏหมายพื้นฐานในการตัดสินคดี มันค่อนข้างต้องใช้ความคิดของตนเองและยังเป็นกับดักสำหรับผู้เข้าสอบส่วนมาก

ถ้าผู้เข้าสอบนั้นเพียงแค่ศึกษาจากในตำราเท่านั้น ย่อมถูกคำถามเช่นนี้ดักเอาไว้

โดยไม่ลังเล ฟางหยวนหยิบพู่กันและเริ่มเขียน

ต่อให้เขาไม่รู้หลักการกำหนดนโยบาย แต่ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นเจ้าเมืองและมีประสบการณ์

เมื่อเขาทำข้อสอบเสร็จ เขาก็ยังมีเวลาเหลืออีกถึงสองชั่วยาม

แน่นอนว่าฟางหยวนไม่รอนานไปกว่านี้ เขาเรียกเจ้าหน้าที่และส่งกระดาษคำตอบก่อนที่จะออกไปที่ห้องรอเพื่อดื่มชา หลังจากมีบัณฑิตเข้ามาในห้องรอมากขึ้น ทหารก็นำเอาคนชุดแรกออกไป

“ถ้าไม่เกิดเรื่องแปลก ๆ ขึ้น เช่นนั้นข้าก็น่าจะได้ตำแหน่งแล้ว!”

เมื่อเขาออกจากสนามสอบ ฟางหยวนก็เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

“แล้วหลังจากนั้น ข้าก็จะรู้ว่าความปรารถนาที่แท้จริงของหยางฟานคืออะไร…”

“พี่หยาง!”

อีกด้านหนึ่ง ผู้เข้าสอบผิวซีดร้องออกมาอย่างดีใจและมาถึงตรงหน้าฟางหยวน “ใครจะคิดว่าพี่หยางก็ทำข้อสอบเสร็จแล้ว! ไปดื่มกันหน่อยไหม ข้าเลี้ยงเอง?”

“ได้!”

มองเซียวมู่ที่ผอมแห้งแล้วฟางหยวนก็พยักหน้า และมองที่คอของเขาโดยไม่รู้ตัว

‘แม้ว่าเจ้าจะมีตราประทับของจ้าวแห่งฝัน มาหาข้าก็เท่ากับมาหาความตายแล้วไหม?’

แน่นอนว่าเซียวมู่นั้นไม่สามารถตรวจพบอะไรที่ผิดปกติได้เลย

แม้กระทั่งตอนที่เขาอยู่ในสนามสอบและถูกตรวจโดยเจ้าหน้าที่ เขาก็คิดว่าเขานั้นเพียงปกปิดตัวตนได้ไม่ดีพอเท่านั้น เขาปฏิบัติกับฟางหยวนราวกับเป็นบิดาและดึงเขาไปที่ร้านอาหาร นั่งลงและเริ่มดื่มด้วยกัน

“พี่เซียวมาจากที่ไหนรึ? หรือว่าจะเป็นตระกูลเซียวในมณฑลนี้?”

ฟางหยวนถือถ้วยเหล้าเอาไว้ ใบหน้าแดงเรื่อ

“ข้าให้ท่านรู้ก็ได้ ข้าเป็นสมาชิกตระกูลเซียวจริง ๆ นั่นแหละ แต่บรรพบุรุษของข้าน่ะเป็นเจ้าคนไร้ประโยชน์ เพราะอย่างนั้นตอนนี้พวกเราก็เป็นแค่ตระกูลธรรมดาตระกูลหนึ่ง…”

ถึงตอนนี้ เซียวมู่ก็ถอนหายใจและสัมผัสความเกลียดชังได้นิด ๆ

“มา สุรานี่ดีมาก ดื่มอีกสักหลาย ๆ ถ้วย!”

ขณะเล่าเรื่อง เขาก็สนับสนุนให้ฟางหยวนดื่มเหล้าให้มาก ฟางหยวนก็ยกถ้วยขึ้นดื่มและในที่สุดก็เมามายไป จากนั้นเขาก็ถูกพากลับไปที่โรงพักแรม

“มา… พี่เซียว ดื่มอีก!”

ฟางหยวนนอนลงบนเตียง เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า เขาพึมพำสองสามประโยคก่อนที่จะหลับลึกไป

“โอกาสดี!”

สีหน้าของเซียวมู่เปลี่ยนไปและไม่ได้ดูเมามายอีกต่อไป

เขามองฟางหยวนแล้วกล้ามเนื้อบนใบหน้าก็บิดเบี้ยวขึ้น ทันใดนั้น เขาก็กระชากเสื้อตัวเองขาดออก เผยให้เห็นประทับวิญญาณที่บนคอ ก่อขึ้นมาเป็นรูปของกะโหลกผีสีเขียว

“เห็นหรือยัง? ที่คือผู้ที่รบกวนท่านอยู่!”

คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความล่อลวง ขณะพูดกับภูตผีนั่น “ไปหาเขา! ไม่ต้องมายุ่งกับข้าอีก! ไป!”

พร้อมกับเสียงของเขา รอยสักบนคอของเขาก็เริ่มเปล่งประกายและหมุนราวกับมันมีชีวิตขึ้นมา มันสั่นเบา ๆ และช้าลง

“เด็กดี ไป…ไปหาเขา อย่ามารบกวนข้าอีก!”

เซียวมู่ดูบ้าคลั่งขณะวางมือลงบนร่างฟางหยวน รอยสักค่อย ๆ ขยับมาที่ข้อศอกเขาช้า ๆ และในที่สุดก็หยุดอยู่ที่นั่น

“ไปสิ…ไป…ทำไมถึงหยุดล่ะ? ทำไมถึงอยากวุ่นวายกับข้านัก?”

หลังจากพยายามพูดให้มันไปอยู่หลายครั้ง เซียวมู่แทบจะเป็นบ้าไป เขาตะโกนออกมามีความเสียใจแทรกในน้ำเสียง “ไปซะ! ข้าหาเหยื่อให้เจ้าแล้ว เพราะงั้นก็เลิกยุ่งกับข้าได้แล้ว!”

“เคี้ยก เคี้ยก!”

เสียงหัวเราะของเจ้าผีนั่นล่องลอยอยู่ในห้องเงียบ ๆ

แม้ว่ามันไม่สามารถพูดได้ เซียวมู่ก็ดูจะเข้าใจมัน “เจ้าทำไม่ได้…ในตอนนี้? เจ้าต้องการเวลาสามคืนเพื่อ…แทรกซึมเข้าไป? อยู่ใกล้ ๆ… ห้ามไปไหน?”

“แปะ!”

เขาประกบมือ “ได้ ข้าจะดูว่าควรทำอย่างไร!”

มองฟางหยวน เขาก็รู้สึกไม่เต็มใจอยู่บ้างแต่ในที่สุดก็ตัดสินใจ “พี่ฟาง อย่าโทษข้าเลย! ถ้าจะโทษ ก็โทษที่พวกเราเป็นคนแบบเดียวกัน และถูกเจ้าสิ่งงี่เง่านี่ข่มเอา!”

เซียวมู่ตัดสินใจแล้ว เขารีบลงไปข้างล่างและหาคนดูแลเพื่อจองห้อง

บนเตียง ฟางหยวนที่ควรจะเมาอยู่ก็ลืมตาขึ้น “รอยประทับนี่… ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาแล้ว…”

เขาทำท่าอ่อนแอเพื่อให้เซียวมู่ลดการระวังตัวลงและเผยธาตุแท้ออกมา

แต่ว่า รอยประทับของเจ้าแห่งฝันเช่นนี้ก็ยากที่จะพบได้ มันเหมือนมีชีวิต ทำให้ฟางหยวนรู้สึกงุนงง

“จากปฏิกิริยาของเซียวมู่ ดูเหมือนว่าเขาจะทรมานจากรอยประทับนี้มาก นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องพื้น ๆ เช่นจ้าวแห่งฝันมองหาคนรับใช้ก็เป็นได้…”

ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกายขึ้น

หลังจากหลายชั่วโมง

เขาก็แกล้งทำเป็นสร่างเมาและเห็นเซียวมู่ตอนที่เขาลงบันไดมา

“พี่หยาง ท่านตื่นแล้ว! ข้าขอให้ห้องครัวเตรียมน้ำแกงสร่างเมาให้ท่านเป็นพิเศษเลย!”

เขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เหมือนเป็นโรคติดต่อ “หลังจากได้คุยกับท่าน ข้ารู้สึกเหมือนได้เรียนรู้จากความรู้ในโลกนี้ของท่าน ข้าอยากจะอยู่เรียนรู้จากท่านให้ได้ทั้งวัน ข้าก็เลยย้ายมาอยู่ห้องติดกันกับท่าน ข้าหวังว่าท่านจะไม่ว่าอะไร!”

“ในเมื่อที่นี่คือโรงพักแรม ทุกคนที่นี่ก็เป็นแขกผู้หนึ่ง! ท่านไม่ต้องคิดมากเกินไป!”

ฟางหยวนยิ้ม “ดีที่ข้าไม่มีธุระอะไรในช่วงหลายวันนี้และต้องรอให้ทางเมืองประกาศผลสอบ ข้ายังคิดอยู่ว่าจะใช้เวลาทำอะไรดี!”

“ถ้าพี่หยางไม่ว่าอะไร ข้าอยากจะพาท่านเดินดูรอบเมือง!”

เซียวมู่ยินดีมาก หมอกในดวงตาของเขาขยายกว้างขึ้น…

เที่ยงคืนแล้ว และทุกคนก็เหน็ดเหนื่อยและกำลังพักผ่อน

“มาสิ!”

ฟางหยวนจุดเทียนและนั่งขัดสมาธิลงบนเตียง เขาพบหมอกสะกดสีเขียวจาง ๆ จากห้องติดกันกับเขาและหัวเราะออกมา “ข้าก็อยากจะเห็นว่าคือตัวอะไรกันแน่!”

เขาเพิ่งสมาธิและโบกมือ หมอกสะกดสีขาวปรากฏขึ้น ขวางหมอกสีเขียวเอาไว้ เขาแยกหมอกสีเขียวออกมาเล็กน้อยแล้วปล่อยให้มันล้อมอยู่รอบฝ่ามือของเขา ราวกับงูเขียวตัวเล็กเลื้อยวนไปรอบ ๆ นิ้วของเขา

 

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด