Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 172
“ฝุ่บ!”
เพลิงสีมรกตจากชิงกุ่ยเผาผลาญทุกอย่างที่ขวางทาง ความรุนแรงนั้นเกินเปรียบ กำแพงดินถูกไฟลุกท่วมเมื่อสัมผัสกับเปลวเพลิง
“ดีมาก! อีกครั้ง!”
ลมหายใจของฟางหยวนกระชั้น และขณะที่เขาวิ่ง เขาก็สร้างฝุ่นคลุ้งที่ด้านหลัง จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าหาชิงกุ่ย
“ครืน! ครืน!”
เปลวเพลิงลุกโหมแรงขึ้น และผู้อาวุโสชิงกุ่ยก็เริ่มตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “ออกมา!!!”
ชิงกุ่ยผู้เกรี้ยวกราดเริ่มสงบลงเองหลังจากนั้นครู่หนึ่ง และที่ใจกลางเปลวเพลิง ไฟเริ่มมอดลงอย่างช้า ๆ
“ไป!”
เห็นเช่นนี้ ฟางหยวนก็ไม่โจมตีใส่ชิงกุ่ยต่อ เขาคว้าตัวนักพรตเฟยซยงไว้และหนีออกมาด้วยก้าวมายา
“เปรี๊ยะ!”
เพียงแวบเดียว
ชิงกุ่ย ที่มีไฟลุกท่วม จู่ ๆ ก็เปลี่ยนร่างเป็นลูกศรดอกหนึ่งและพุ่งตรงไปตรงที่ที่ฟางหยวนและเฟยซยงยืนอยู่ก่อนหน้านี้ ครอบคลุมพื้นที่บริเวณนั้นด้วยทะเลเพลิง
“ข้า… จะไม่ปล่อยเจ้าทั้งสองคนไป!”
ท่ามกลางเปลวไฟสีเขียวโชติช่วง ชิงกุ่ยท่องคำสาปแช่งขณะที่เสียงของเขาค่อย ๆ แผ่วลงเรื่อย ๆ
“เขาตายแน่แล้วคราวนี้!”
ฟางหยวนค่อย ๆ ให้ความเห็นเมื่อเห็นเปลวเพลิงมอดไปและผู้คนรวมทั้งนายตรวจใกล้เข้ามา
“อืม… โชคไม่ดี นี่ยังแค่ร่างจำแลงเท่านั้น พวกเราท้าทายปิศาจชิงกุ่ยเข้าแล้ว และคงจะมีผลร้ายตามมา…”
นักพรตเฟยซยงมองฟางหยวนด้วยสีหน้าทะมึน “เจ้าคือ… หยางฟาน ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดในการสอบราชการ? สมาชิกของตระกูลหยางยอดเยี่ยมเสียจริง!”
ฟางหยวนหัวเราะในใจ
นักพรตเฟยซยงรู้จักตระกูลของเขาและคิดว่าความสามารถของเขาในการควบคุมพลังธาตุทั้งในด้านวิทยายุทธ์และเคล็ดวิญญาณนั้นได้มาจากตระกูลของเขา นี่อาจจะเป็นความลับของตระกูลหยาง
แต่ว่า ฟางหยวนก็ไม่ได้คิดจะเปิดเผยออกไปและมองเขาด้วยสายตาสงสัย “ท่านคือ…”
“ข้าเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลการบังคับใช้กฎหมายของมณฑลนี้ และชื่อทางเต๋าของข้าคือเฟยซยง! ในเมื่อท่านเองก็เป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน เช่นนั้นระหว่างเราก็ไม่จำเป็นต้องมากพิธีเพียงนั้น ไม่อย่างนั้นอีกร้อยปีข้างหน้า ก็จะทำให้รุ่นหลังสับสนกับความอาวุโสระหว่างเราแล้ว?”
“พี่เฟยซยง!”
ฟางหยวนพยักหน้า
“ดี!”
นักพรตเฟยซยงมีสีหน้ายินดี และรู้สึกใกล้ชิดกับฟางหยวนมากขึ้น “น้องหยาง วิทยายุทธ์ที่เจ้าฝึกนั้นมีความสามารถซ่อนเอาไว้อย่างมาก มันเทียบได้กับเคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุน และข้าก็เดาว่าเจ้าน่าจะอยู่ที่พลังธาตุระดับที่สอง? มิเช่นนั้น เจ้าคงไม่สามารถดับไฟจากชิงกุ่ยได้ง่ายเพียงนั้น…”
พลังธาตุระดับแรกคือพลังเต็มที่ของผู้ฝึกยุทธ์ที่เพิ่งทะลวงฝ่าระดับและได้รับพลังธาตุมา การบอกว่าฟางหยวนนั้นมีพลังธาตุระดับที่สอง นั่นหมายความว่าเขามีพลังเทียบเท่ากับอู่จงหรือนักรบศักดิ์สิทธิ์สองคน
‘เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กของข้านั้นด้อยกว่าเคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุนเล็กน้อย แต่ด้วยความช่วยเหลือของพลังธาตุฝันที่ระดับสูงสุดของขอบเขตรวมธาตุ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดจึงเทียบได้กับอู่จง 2 คน!’
ฟางหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งและยิ้มโดยไม่พูดอะไร ท่าทางเช่นนี้ยิ่งเพิ่มความสงสัยให้นักพรตเฟยซยง
‘ข้ารู้จักผู้มีพรสวรรค์จากตระกูลหยางเพียงสองคน หยางหลงและหยางหลิง พวกเขาทั้งคู่เป็นศิษย์ของนักรบศักดิ์สิทธิ์และยังมีอนาคตอันสดใสรออยู่ แต่ว่า ทั้งคู่ก็ยังเป็นแค่ศิษย์วิญญาณ…’
ดวงตาของนักพรตเฟยซยงเป็นประกายและจู่ ๆ เขาก็ถาม “น้องฟาง เจ้ารู้จักหยางหลงและหยางหลิงหรือไม่? ว่ากันว่าทั้งคู่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่อายุน้อยที่สุดและยังเก่งกาจที่สุดในตระกูลหยาง แต่ว่า เมื่อเทียบกับเจ้าแล้ว ก็ยังต่างกันมากนัก…”
ระหว่างประโยคของเขา แอบซ่อนนัยยะเอาไว้หลายอย่าง
“ข้าบอกท่าน ข้ามีความสัมพันธ์กับคนทั้งคู่นี้…”
ฟางหยวนตอบอย่างกำกวมและนี่ทำให้นักพรตเฟยซยงถอนหายใจมากขึ้นอีก “ตระกูลหยางเต็มไปด้วยผู้มีพรสวรรค์จริง ๆ หยางซิงเลี่ยเป็นชายผู้โชคดีจริง ๆ…”
เมื่อเขาได้ยิน ฟางหยวนก็นิ่งงันไป
“ท่านคือใครกันแน่?”
ในตอนนั้นเอง ทหารมากมายก็เข้ามาล้อมเขาไว้และยังมีอู่จงอีกสองสามคนเป็นผู้นำพวกมันมา
หากพูดว่าการต่อสู้ระหว่างฟางหยวนและชิงกุ่ยก่อนหน้านั้นยังมีการออมฝีมือเอาไว้ การต่อสู้ครั้งหลังที่มีนักพรตผู้นี้เข้ามาร่วมด้วยนั้นกลับไม่มีการออมฝีมือแล้ว ทั้งถนนตอนนี้นั้นเละเทะและการต่อสู้ยังกระทบไปถึงผู้บริสุทธ์อีกด้วย มีหลายคนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ข้าเอง!”
นักพรตเฟยซยงตะโกนและก้าวออกมา อู่จงทั้งสามคนรีบคารวะเขาทันที “ท่านเฟยซยง!”
“ร่างจำแลงของชิงกุ่ยเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายนี้ น้องหยางฟานเพียงพบเข้าโดยบังเอิญและช่วยหยุดการกระทำของชิงกุ่ยผู้ชั่วร้าย ข้าสามารถเป็นพยานให้ได้…”
นักพรตเฟยซยงมือลูบเคราและพูด “แล้วก็… คนผู้นั้น ผู้ที่มีคะแนนสูงสุดเป็นลำดับที่สองในการสอบราชการ เซียวมู่จากตระกูลเซียว นั้นโชคร้ายตายตกลงในกำมือของชิงกุ่ย พวกเจ้าเอาข่าวนี้ไปรายงานด้วย!”
“ขอรับท่าน!”
อู่จงสองสามคนนั้นมองหน้ากัน จากนั้นก็คารวะลงและจากไป
“ขอบคุณท่าน!”
ฟางหยวนขอบคุณนักพรตเฟยซยง เขารู้ว่านักพรตเฟยซยงผู้นี้พยายามสร้างความสัมพันธ์ดีกับตระกูลของเขาอยู่
“เรื่องเล็กน้อย! น้องหยาง เจ้ามีพรสวรรค์ขนาดนี้แล้วยังเลือกที่จะเข้ารับราชการ พวกเราโชคดีมากที่มีเจ้าอยู่ในมณฑลนี้!”
นักพรตเฟยซยงยิ้มกว้างและพูดต่อ “แม้ว่าเจ้าจะได้คะแนนสูงสุดในการสอบ เจ้าก็เพียงสามารถเริ่มจากตำแหน่งเจ้าหน้าที่ทั่วไปเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าหน้าที่เช่นนั้นจะไม่เหมาะสมกับเจ้า อย่างไรให้ข้าเป็นผู้ยืนยันตนให้เจ้าเพื่อเข้ารับตำแหน่งผ่านการประลองยุทธ์ดีหรือไม่?”
ข้อมูลนี้จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นในความทรงจำของฟางหยวน
แม้ว่าอาณาจักรต้าเฉียนจะเป็นอาณาจักรที่มีอำนาจ แต่ก็ยังคงต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับรวมธาตุและเหนือกว่า
ผู้ที่มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับรวมธาตุรับรองสามารถเข้ารับตำแหน่งนายกองอินทรีระดับ 8 ได้ในทันที
อย่างไร นี่ก็เป็นโลกที่เหนือธรรมดา! แม้ว่าจะเป็นอาณาจักรต้าเฉียนที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ก็ยังต้องอ่อนน้อมเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีกับผู้ฝึกยุทธ์ที่เก่งกาจ
“การประลองยุทธ์… ยังมิได้จัดขึ้นตอนนี้มิใช่หรือ?”
ใบหน้าของฟางหยวนเปลี่ยนไปขณะเขาเริ่มมีความคิดคร่าว ๆ
โลกนี้เป็นเพียงโลกแห่งความฝันและไม่ใช่ความจริง จะเข้ารับตำแหน่งสูงเพียงนั้นเพื่ออะไรกัน?
“ข้าอาจจะรับข้อเสนอนี้หากว่าราชาแห่งอาณาจักรต้าเฉียนจะอนุญาตให้ข้าอ่านตำรายุทธ์ในหอตำราได้ แต่ว่า ใครเล่าจะรู้ว่าหอตำรายุทธ์จะมีอยู่จริงหรือไม่!”
โลกแห่งความฝันนี้สร้างขึ้นบนประสบการณ์ของหยางฟาน ผู้ที่ต่อไปแล้วได้กลายเป็นจ้าวแห่งฝัน
มันไม่ใช่เพราะได้รับเคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุนจากหยางฉิง อย่างไร หยางฟานก็มาจากตระกูลหยางและดูเหมือนว่าในอนาคต เขาจะประสบความสำเร็จในการหลอมรวมพลังชีพจรศักดิ์สิทธิ์และได้รับร่างศักดิ์สิทธิ์
แต่ว่า ไม่มีใครรู้ว่ามีสมบัติล้ำค่าซ่อนเอาไว้ในโลกแห่งความฝันในรูปของหอตำราแห่งต้าเฉียนมากเพียงใด
‘นี่อาจจะเพราะความรู้อันจำกัดของหยางฟาน…. แต่ว่า มีโอกาสที่ข้าจะสามารถมองเห็นภาพรวมทั้งหมดได้… อย่างไร เส้นทางของจ้าวแห่งฝันนั้นก็มหัศจรรย์และลึกลับ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดอะไรขึ้นก็ได้’
“ท่านคิดอย่างไร?”
นักพรตเฟยซยงมองฟางหยวนอย่างมีความหวัง เขาไม่รู้ความคิดวุ่นวายที่วิ่งผ่านเข้าไปในใจของฟางหยวน
“นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการ ข้าคงไม่สามารถเรียกร้องมากกว่านี้ได้แล้ว!”
ฟางหยวนยอมรับข้อเสนอและพูดด้วยสีหน้าอึมครึม “แต่ว่า ข้าได้ล่วงเกินชิงกุ่ยเข้าแล้ว…”
“อืม!”
จู่ ๆ สีหน้าของนักพรตเฟยซยงก็เปลี่ยนไป และเขาก็พูด “ท่านพูดถูก… ผู้อาวุโสชิงกุ่ยนั้นเป็นทายาทสืบเชื้อสายของจ้าวแห่งฝันผู้โหดเหี้ยม วิธีการของเขานั้นอันตรายและยังมีข่าวลือว่าเขาเข้าสู่ระดับสวรรค์มายาระดับสูงสุด นักรบวิญญาณระดับแยกธาตุและอู่จงระดับเปิดชีพจรนั้นไม่ใช่คู่มือของเขา ตระกูลหยางไม่สามารถปกป้องท่านจากเขาได้ แต่ว่าราชสำนักทำได้!”
เขาสรุปอย่างภาคภูมิใจ ทำให้ชิงกุ่ยฟังดูราวกับเป็นมดที่จัดการได้อย่างง่ายดาย ซึ่งอันที่จริงแล้วก็จริง! ถ้าราชสำนักสามารถส่งผู้ที่มีพลังที่สุดไปจัดการกับเขา การเอาชนะชิงกุ่ยนั้นก็เป็นเรื่องง่ายดายมาก
เฟยซยงรู้สึกว่าวิธีที่หยางฟานใช้เพื่อหลบออกจากเรื่องราวนั้นได้คิดเอาไว้อย่างดีแล้ว
“ดี! ดี! ดี!”
ดึงเอาเด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์มาทำงานให้ราชสำนัก นักพรตเฟยซยงเองก็ได้หน้าไปด้วย สีหน้าของเขานุ่มนวลขึ้น “ถ้าอย่างนั้น นายกองหยาง ท่านก็เข้าร่วมกํบราชสำนักและเป็นหนึ่งในพวกเราแล้ว หลังจากนี้ข้าจะนำท่านไปที่ว่าการเพื่อรับตราประจำตัว!”
“ขอบคุณมาก รบกวนท่านชี้แนะข้าด้วยระหว่างนี้!”
ฟางหยวนนั้นคุ้นเคยกับความเป็นทางการของราชสำนัก ยิ่งมีท่าทีอ่อนน้อม เขาก็ยิ่งได้รับความนิยมชมชอบจากนักพรตเฟยซยง
เมื่อมีผลประโยชน์ ฟางหยวนก็ปรับตัวได้อย่างง่ายและเต็มใจจะทำตัวอ่อนน้อมเพื่อไม่ให้มีใครคาดเดาเขาได้
ในเมื่อตอนนี้ฟางหยวนก็เป็นหนึ่งในพวกเขาแล้ว ย่อมไม่ต้องพูดอะไรมาก
ฟางหยวนตามนักพรตเฟยซยงไปพบท่านข้าหลวงทันที
ข้าหลวงนั้นเป็นคนดี เขาตกใจเมื่อได้ยินว่าหยางฟานนั้นไม่เพียงเป็นผู้ที่สอบได้คะแนนสูงสุด แต่ยังเป็นอู่จงและนักรบศักดิ์สิทธิ์ ข้าหลวงจัดการกับตราประจำตัวและมอบหมายหน้าที่ให้เขาอย่างยินดี
หลังจากนั้น หยางฟานก็เป็นนายกองอินทรีระดับ 8 เขายังได้รับการปกป้องจากราชสำนักและยังได้รับความสะดวกในการจัดการกับเรื่องต่าง ๆ ในมณฑล
โดยไม่รั้งรอ ฟางหยวนใช้ตำแหน่งของเขาฉวยโอกาสรวบรวมตำรายุทธ์และเคล็ดวิญญาณจำนวนมากที่เกี่ยวข้องมาอ่าน
ในเรื่องนี้ เขายอมรับทุกเงื่อนไขที่ตั้งขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นอะไรยกเว้นส่งตัวเขาไกล
“ท่านทั้งสองไม่ต้องส่งข้าแล้ว ข้าจะกลับบ้านเกิดของข้า!”
เส้นตาย 1 เดือนนั้นจวนจะหมดแล้วและฟางหยวนก็โบกมือลานักพรตเฟยซยง
ที่เหนือกำแพงมณฑล นักพรตเฟยซยงดูจะคิดอะไรอยู่ขณะมองฟางหยวนจากไป
“ทำไม? เจ้ากังวลว่าเขาจะทรยศพวกเรา? หรือว่าเขาจะหักหลังความกรุณาของพวกเรา?”
ท่านข้าหลวงปรากฏตัวขึ้นด้านหลังนักพรตเฟยซยงและถาม ไม่รู้ว่าเขากำลังยิ้มอยู่หรือไม่
“เขาจะกลับมาใช่หรือไม่?”
นักพรตเฟยซยงตอบโดยไม่กันหน้าไปหาข้าหลวง “เขาเป็นเจ้าหน้าที่ของทางการแล้ว และชื่อของเขาก็เข้าไปอยู่ในระบบ ใครกันที่จะเปลี่ยนเรื่องนั้นได้ ต่อให้เอกสารก่อนหน้าของเขานั้นจะเป็นของปลอม ทุกอย่างนับว่าจริงหมดแล้วตอนนี้! นอกเสียจากเขาอยากจะถูกทางการไล่ล่า!”
“ท่านพูดถูก!”
ได้ฟังข้าหลวง เขาก็พยักหน้าเห็นด้วย
“นอกจากนี้ ข้ายังได้ไปรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับหยางฟาน และมันก็น่าสนใจมากที่ได้รู้!”
นักพรตเฟยซยงมีท่าทางลึกลับขึ้นมาทันที
“จากที่ข้าเห็น หยางฟานนั้นคงไม่ได้กลับไปแบ่งปันข่าวดีและชัยชนะ เขากลับไปเพื่อแก้แค้น!”
“อะไรนะ?”
ข้าหลวงตะลึงไปและส่ายหน้า “เพราะเหตุใด?”
ข้าหลวงรู้สึกว่าทุกคนที่มีพรสวรรค์ ไม่ว่าจะมีพื้นฐานทางบ้านอย่างไรล้วนเติบโตมาอย่างดี
“ข้าเชื่อว่านี่เป็นเพราะเบื้องหลังของเขา มารดาของเขา… เหอเหอ…”
นักพรตเฟยซยงหยุดกลางคัน ราวกับคิดว่ามันไม่สมควร
ข้าหลวงตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง เต็มไปด้วยความคาดหวัง “แม้ว่าจะมีความเกลียดชัง แต่กลับไปตอนนี้ฉลาดแล้วหรือ? ไม่ว่าตระกูลหยางจะอ่อนแออย่างไร พวกเขาก็ยังมีนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับแยกธาตุและอู่จงระดับเปิดชีพจร นอกจากนี้ ตระกูลของพวกเขายังมีเคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุนอันร้ายกาจ!”
“นั่นก็จริง…”
นักพรตเฟยซยงดูจะมั่นใจและมีท่าทางเจ้าเล่ห์ “นั่นเป็นเหตุให้ข้าส่งคำร้องขอให้หัวหน้าหน่วยอินทรีส่งคนตามเขาไปอย่างลับ ๆ และให้ความช่วยเหลือหากจำเป็น นี่เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะปลอดภัย! ไม่ว่าผลของการแก้แค้นของเขาจะออกมาอย่างไร หยางฟานก็จะไม่มีที่ไปและทำได้เพียงทำงานให้ราชสำนักอย่างเต็มอกเต็มใจเท่านั้น!”
คอมเม้นต์