Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 189
ตอนที่ 189 จื่อเมิ่ง
ราชวังของประเทศหยวนนั้นงดงาม ผสมผสานกันระหว่างกระโจมและตําหนักต่างๆ ราชาจากประเทศอื่นๆ คงจะรู้สึกสุนงงเมื่อเห็นเช่นนี้
ถึงตอนนี้ ฟางหยวนนั้นอยู่ในกระโจมหลังหนึ่งในราชวังนี้
ใช้พลังเวทย์ของตนตรวจสอบ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงทุกอย่างในกระโจม จมูกของเขาได้กลิ่นอ่อนจางๆที่แฝงอยู่ทําให้เขานึกภาพของหญิงสาวงดงามน่าตะลึงได้
แม้ว่าใบหน้าของนางจะถูกปิดเอาไว้ ฟางหยวนก็ยังสามารถบ่งบอกหน้าตาของนางได้
“ งดงามจริง แต่…”
มีสีหน้าสงสัยบนใบหน้าของเขา “พลังเช่นนี้…จ้าวแห่งฝัน? ไม่! แค่คล้าย!”
“ฮ่า!”
ฟางหยวนมีสีหน้าจริงจัง ทันใดนั้นมือของเขาก็ขยับและพลังเวทย์สายหนึ่งก็แผ่พุ่งออกจากกระโจม
หมอผีที่ยืนสํารวมอยู่ด้านหนึ่ง เขารู้ว่านี้คือหมอผีจากทางใต้พยายามตรวจหาร่องรอยพลังเวทย์ของฆาตกร และส่ายหน้าเงียบๆ
ด้วยความสามารถของประเทศหยวน มีหมอผีตั้งเท่าไหร่ที่คอยรับใช้พวกเขา?
การตายขององค์ราชาและการหายตัวไปของชื่อเพิ่งนําทุกคนมาถึงที่นี่และใช้ความสามารถของพวกเขา
แต่ว่า แม้จะเป็นนายพรานมือฉมังหรือผู้เชียวชาญวิชาเวทย์ต่างๆ ไม่มีใครประสบความสําเร็จเลย แม้ว่านักรบศักดิ์สิทธิ์จํานวนมากจะมาจากทางใต้ก็ยังไม่มีวิธีการจัดการกับหมอผีที่นี่
ฉิวเท่อเก๋อจากทางใต้ผู้นี้ ว่ากันว่าสามารถค้นพบเส้นทางถัดจากอู่จงได้ และยังเป็นที่รู้จักว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ผู้หนึ่ง แต่ว่าใครจะรู้ว่าเขาครอบครองเคล็ดวิชาเวทย์ใดบ้าง?
เพียงครู่ต่อมาเขาก็ต้องตกใจ
มีหมอกขั้นหนึ่งปรากฏขึ้นในกระโจม และก็มีประกายแสงสีม่วงแฝงอยู่ให้เห็น
พอสีผสมเข้าด้วยกัน หมอกก็ขยับไปทางกระจกแก้ว และเงาสีม่วงก็หนาขึ้น
“เป็นลูกเล่นของจ้าวแห่งฝันจริงๆ แต่เหตุใดเขาจึงไม่แม้แต่จะปิดบังจากข้าฯ
เพียงแค่โบกแขนเสื้อ ประกายแสงสีม่วงก็หายไปและฟางหยวนก็ยังเงียบอยู่
“ท่านขอรับ?”
หมอผีรออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปหาเขา
“เจ้าออกไปได้ ไม่ต้องตามข้ามา!”
“ฟุ่บ!”
ที่เหลืออยู่เป็นเพียงเงาของฟางหยวน คําพูดนั้นของเขาตั้งมาจากที่ไกลๆ เป็นหลักฐานว่าเขาได้จากไปตั้งนานแล้ว
เห็นเช่นนี้ หมอฝึกใบหน้าซีดเผือดไป
…
บนถนน
มองหมอกสีม่วงที่ลอยอยู่ตรงหน้าเขา ฟางหยวนตามมันไปติดๆ ขณะที่มันดูเหมือนจะมุ่งหน้าไปทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน
“เหอะ การตามรอยพลังเวทย์ของนางด้วยวิธีเช่นนี้ถือว่าใช้การได้เลยทีเดียว!”
เขาได้เรียนเคล็ดวิชานี้มาตอนที่เขาเป็นนายกองอินทรีในความฝันของหยวงฟาน ตอนนั้น เขาใช้สถานะของตัวเองอ่านเคล็ดวิชาพวกนี้จากหอตําราของทางการ วิชานี้เคยถูกใช้อย่างแพร่หลาย ในกลุ่มหัวขโมยและโจรสลัดในสมัยก่อน
เมื่อลองใช้งานจริงก็ทําให้เขาตระหนักได้ว่ามันใช้การได้ดีทีเดียว
องค์หญิงจื่อเมิ่งที่ทําให้หมอผีและนักรบจากประเทศหยวนจนปัญญานั้นก็ได้เผยร่องรอยของตนออกมาในทันที
“นางต้องกล้าหาญมากทีเดียวจึงได้ยังอยู่ในเมืองหลงเชิงเช่นนี้”
ยามร่องรอยของพลังเวทย์ไป ฟางหยวนก็มาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่หลังหนึ่ง หลังจากเดินวนรอบๆหนึ่งรอบ เขาก็ยิ้มกับตัวเองก่อนจะบุกเข้าไป
“เจ้ากล้าที่อย่างไร! เจ้าไม่รู้หรือว่านี่คือคฤหาสน์ของเยสู่ปู้ฮวา?”
คนผู้หนึ่งที่น่าจะเป็นพ่อบ้านเดินออกมาพร้อมกับแส์ในมือเส้นหนึ่ง เขามองฟางหยวนแล้วก็ต้องตกใจ “เจ้าคนทางใต้
“ไปให้พ้น!”
โดยไม่เสียสายตามองด้วยซ้ํา ฟางหยวนสะบัดแขนเสื้อและคนผู้นั้นก็ล้มกลิ้งไปบนพื้น
“เจ้าพยายามจะสังหารข้างั้นรึ?”
“กล้านัก!”
หลังจากตะโกนสองสามคํา ก็มีผู้อื่นอีกหลายคนพุ่งออกมาพร้อมกันชนูในมือ พวกมันมีสีหน้าดุร้าย
เมื่อเกิดเสียงเอะอะ ทหารที่ลาดตระเวนอยู่บนถนนก็รีบมาที่นี่และล้อมคฤหาสน์เอาไว้
“พวกเจ้าไม่ใช่นาง!”
ฟางหยวนกวาดตามองรอบๆ ด้วยหมอกสีม่วงเกาะกันเป็นลูกกลมบนฝ่ามือของเขา เขาบุกรุกเข้าไปที่สวนด้านหลัง
“ผับ ผับ!”
ลูกธนูโปรยปรายลงมาราวกับเม็ดฝน แต่ไม่มีตอกไหนสามารถสัมผัสถูกฟางหยวนได้เลย
ภายใต้ความตกใจของทุกคน ฟางหยวนกระโดดขึ้นอย่างแผ่วเบาและพลิกตัวข้ามกําแพงไปถึงสวนด้านหลัง
นี่ทําให้เกิดความวุ่นวายขึ้นและมีเสียงกรีดร้องของผู้หญิงหลายคนดังออกมา
ฮูหยินหลายคนกรีดร้องขณะวิ่งหนีออกไป แต่ทุกคนดูธรรมดา ฟางหยวนส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ
“พวกเจ้าทั้งหมดก็ยังไม่ใช่นาง!”
เขามองไปรอบๆ และพบจุดที่น่าสงสัย
“ออกมา!”
เพียงแต่ตวัดฝามือ หน้าต่างไม้บานหนึ่งก็แตกออกเป็นชิ้นๆ ปลิวว่อนไปทั่ว
“เจ้ากล้าดีอย่างไร? เจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงกล้าบุกรุกเข้ามาในบ้านของข้า?”
แม่ทัพผู้หนึ่งเดินออกมาจากห้อง ดวงตาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด และที่ด้านหลังเขาเป็นแม่นางอายุประมาณยี่สิบปีที่มีรูปโฉมงดงาม
“องค์หญิงจื่อเมิ่ง เลิกซ่อนตัวได้แล้ว!
ฟางหยวนปล่อยหมอกสีม่วงลูกกลมออกไปพร้อมกับหัวเราะคิกคัก มันระเบิดออกแล้วเปลี่ยนรูปร่างเป็นงูตัวเล็กๆ มากมายทําให้แม่นางผู้นั้นกรีดร้อง
“พ่อ พ่อ!”
แต่ว่า งูตัวเล็กๆ เหล่านั้นพลันเปลี่ยนทิศทางพุ่งไปหาแม่ทัพผู้นั้นแทน
“เฮอะ..”
แม่ทัพผู้นั้นถอนหายใจแผ่วเบาแต่ครั้งนี้ เสียงของเขาย่างไป มันหวานและเย้ายวน แต่เมื่อเทียบกับรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว มันน่ากลัวมาก
“ที่นี่เป็นที่ซ่อนตัวที่ดี เหตุใดท่านจึงต้องการเปิดเผยตัวตนของข้า?”
เสียงของผู้หญิงดังออกมาจากปากของแม่ทัพผู้นั้น ราวกับเป็นภาพที่ออกมาจากฝันร้าย แม่นางที่อยู่ใกล้ๆ นั้นมีสีหน้าปนเป ทั้งอับอายและโกรธเกรี้ยว ก่อนที่จะหมดสติไปตรงนั้น
“ท่านไม่ได้มาจากประเทศหยวน!”
แม่ทัพผู้นั้น ผู้ซึ่งครอบครองตัวตนของเยสู่ปู้ฮวาเอาไว้ มองฟางหยวนก่อนจะสรุปด้วยความมั่นใจ
“องค์หญิงจื่อเมิ่ง!”
ฟางหยวนขนลุกขัน
อย่างไรเสีย ผู้ขายสูงเจ็ดสื่อจู่ๆ ก็มีท่าทางอ่อนโยนแบบหญิงสาว เพียงแค่มองก็ทําให้ทุกคนขนลุกพองได้ “วิชาแปลงกาย! ไม่ทราบข้าจะมีเกียรติพอที่จะได้พบตัวจริงของเจ้าหรือไม่?”
“ท่านต้องการเห็นรูปลักษณ์แท้จริงของข้าว”
“เย่ลู่ปู้ฮวา” ส่ายหน้า เขาตอบด้วยน้ําเสียงนุ่มนวลชัดเจน “นี่ง่ายมาก! แต่เหตุใดท่านจึงมาในตอนนี้และยังขัดขวางเเผนการแก้แค้นของข้า ?”
ชัดเจนว่า “แม่ทัพ” ผู้นี้นั้นเป็นคนสําคัญของเมืองหลงเชิงนี้ และยังมีอิทธิพลในระดับหนึ่ง
ในเวลาสําคัญที่เหล่าองค์ชายต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์ การสร้างปัญหาขึ้นมาย่อมทําให้พวกเขาทั้งหมดล้ําบากเป็นที่สุดแล้ว
“อ๋า!”
“ท่านแม่ทัพ?”
“ไม่ เขาไม่ใช่ท่านแม่ทัพ เป็นนางปีศาจ!”
ทหารที่ได้เห็นเหตุการณ์ในที่สุดก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และทั้งหมดก็เคลื่อนไหว
ท่านแม่ทัพของพวกมันถูกเปลี่ยนตัว? นี้เป็นสิ่งที่มันน่าจะเกิดได้เพียงแคในความฝันของพวกมันเท่านั้นนะ!
“เคล็ดแปลงกายนี้ไม่ได้พิเศษอะไร”
องค์หญิงจื่อเมิ่งถอนหายใจเบาๆ “ส่วนที่ยากคือการเรียนรู้การแสดงออกทางสีหน้า อุปนิสัย และกริยาของเขา! ทั้งหมดต้องขอบคุณท่าน ความพยายามของข้าถูกท่านทําลายไปหมดแล้ว! ท่านคิดจะชดเชยให้ข้าเยี่ยงไร?”
“นี่สินะตัวตนที่แท้จริงของท่าน เช่นนั้นข้าคงต้องคิดให้รอบคอบ แต่ตอนนี้
ฟางหยวนยิ้ม
“เหอเหอ ข้ารู้ว่าท่านมีความคิดอื่นอยู่ในใจ ท่านคงไม่ปล่อยข้าไปหากไม่ได้เห็นใบหน้าของข้า!”
องค์หญิงจื่อเมิ่งยิ้ม และทันใดนั้น นางก็ลอกผิวของตนออก
แสงสีขาวพร่างวาบผ่าน!
สิ่งอันไม่ปกติก็เกิดขึ้น
นางลอกใบหน้าทั้งหน้าของเย่ลู่ปู้ฮวาออก รวมถึงสําคอ หน้าอก ขาและเสื้อของเขาด้วย หลังจากทั้งหมดถูกนําออกไปแล้ว มันก็เหมือนว่านางสวมไว้เพียงแค่เสื้อคลุมตัวนอกของเยสู่ปู่ฮวา เท่านั้น
หลังจากเสื้อคลุมตัวนอกถูกถอดออก มันก็สว่างขึ้นและกลายเป็นผ่านกระดาษสีขาวบางๆแผ่นหนึ่ง บนนั้นเป็นรูปของเย่ลู่ปู้ฮวา กระดาษนั่นลอยลงไปที่พื้น
หญิงงามผู้หนึ่งที่มีดวงตาเป็นประกาย มีรอยยิ้มทรงเสน่ห์ยืนอยู่ตรงที่เดิม นางงดงามอย่างที่สุดจริงๆ
“ข้าได้ฟังเรื่องของสาวงามทางเหนือ เมื่อเจ้ามองไปที่เหล่าทหาร พวกเขาก็จะหลงลืมหน้าที่ ถ้าเจ้ามองไปที่องค์ราชา เขาจะหลงลื้มแผ่นดิน จื่อเมิ่ง โอ้ ความฝันอันเย้ายวน! งดงามจริงๆ เจ้างดงามราวความฝัน!”
ฟางหยวนปรบมือและถอนหายใจ
กระทั่งฟางหยวนยังงุนงงไปชั่วขณะ ทหารรอบๆ ล้วนหลงลืมตัว
“ท่านเป็นคนแรกที่สามารถรู้ตนตื่นขึ้นจากรูปลักษณ์ดั่งมนตร์สะกดของข้า!”
คิ้วงามของจื่อเมิ่งขมวด “ท่านทําให้ข้ารู้สึกแตกต่างเมื่อเทียบกับชายอื่น ข้าไม่ต้องการ…”
ตอนที่นางอยู่ในคราบของเย่ลู่ปู้ฮวา กริยางดงามของนางดูน่าขยะแขยง
แต่ตอนนี้ ทุกการเคลื่อนไหวของนางนั้นล้วนแต่เน้นย้ําความงามอันเย้ายวน ความงามแต่กําเนิดของนางเป็นอาวุธที่ดีที่สุดที่นางมี
“เจ้าไม่ต้องการอะไร?”
ฟางหยวนถูกรูปลักษณ์ของนางทําให้หันเหไปเล็กน้อยก่อนจะสาวเท้าขึ้นหน้าไปก้าวหนึ่ง
“ไม่ต้องการ สังหารท่านลงเช่นนี้”
ขณะที่นางพูด เสียงของนางยังคงหยาดเยิ้มราวกับนางต้องการชักนําเขาเข้าสู่ความฝันอันแสนหวาน
“ฟุบ!”
ในเวลาเดียวกัน ร่างของนางก็หายวับไปและเพียงแค่เสี้ยวพริบตา นางก็ไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าฟางหยวน! นางกางนิ้วทั้งห้าตวัดใส่เขา
นิ้วของนางขาวเรียบและยาวเรียวราวกับหยกขาว
แต่ว่า มันกลายเป็นกรงเล็บมรณะ ปลายเล็บของนางโตฝ่าอากาศ
ถ้าหากฟางหยวนเพิ่งขึ้นเป็นอู่จง เขาก็คงถูกกรงเล็บมรณะของนางทะลวงไปแล้ว!
แต่ฟางหยวนไม่ใช่อู่จงหน้าใหม่อย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว
ตัวตนของเขาในตอนนี้ จะเทียบกับตัวตนของเขาก่อนหน้านี้ได้อย่างไร?
“เหตุใดหญิงงามอย่างเจ้าถึงอยากจะเป็นโจรขโมยเยี่ยงนี้”
ทันใดนั้น สีหน้าขององค์หญิงจื่อเมิ่งก็เปลี่ยนไป นางรู้สึกว่าข้อมือของนางถูกรัดไว้ด้วยโลหะ นางขยับไม่ได้เลยสักนิด
“เจ้า…ปล่อยข้า!”
ใบหน้าของนางขึ้นสีเรื่อ แม้จะเกรี้ยวโกรธ แต่ทุกคนที่ได้เห็นนางล้วนแต่ยอมเชื่อฟังนาง
“คาถาลวงตาจริงเสียด้วย!”
ฟางหยวนยิ้มอย่างมั่นใจ “เล็กพยายามได้แล้ว ภาพลวงตาเช่นนี้ใช้กับข้าไม่ได้ผล! ไม่ต้องเป็นห่วงข้าจะไม่สังหารเจ้า และข้าก็จะไม่ส่งตัวเจ้าให้ประเทศหยวนเช่นกัน ข้าเพียงแค่สงสัยในตัวเจ้าเท่านั้น!
“เจ้า…เจ้าเป็น…”
สีหน้าของจื่อเมิ่งกลายเป็นประหลาดไปในทันที
มันเหมือนกับนางได้ประสบกับความกลัว ความตกใจและความสงสัยในคราวเดียวกัน ทุกอย่างแวบผ่านเข้ามาในตวงยาของนาง แต่จู่ๆดวงตาของนางก็เปลี่ยนไปเป็นตัดสินใจแน่วแน่
“วิ่ง”
สัญลักษณ์เวทย์เริ่มปรากฏขึ้นทั่วร่างของนางราวกับดอกไม้สีม่วงคลี่บาน ทันใดนั้นพวกมันก็ระเบิดออก
“นี่มัน ค่ายกลวิเศษ? ไม่! เจ้าเป็น…”
ฟางหยวนงุนงงไปและปล่อยมือออกจากนางก่อนจะถอยออกมา
“ครืน!”
จนกระทั่งออกมาจากคฤหาสน์ เขาจึงได้หันกลับไปมอง ทั้งหมดที่เขาเห็นก็คือแสงสีม่วงสายหนึ่งพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า กินพื้นที่ทั้งคฤหาสน์เยสู่ปู่ฮวา
“ค่ายกล?!”
เขาส่ายหน้า “ไม่ สิ่งที่สําคัญที่สุดยังคงเป็นตัวตนของนาง! ใครจะคิดเล่าว่านางจะเป็น..”
ฟางหยวนพึมพําหลายคํา มองเมืองหลงเชิงที่วุ่นวายขึ้นกว่าเดิม และกองทหารที่ตรงมา เขารีบจากที่นั้นมา
เขามีความรู้สึกรุนแรงว่าเขาจะได้พบองค์หญิงจื่อเมิ่งอีกครั้งในอนาคต
“จื่อเมิ่ง แปลว่า ความฝันสีม่วง
คอมเม้นต์