Immortal and Martial Dual Cultivation – บทที่ 159 การประชดของจิตสังหารอันเย็นยะเยือก
ตอนที่ 159 การประชดของจิตสังหารอันเย็นยะเยือก
“พรึบ!”
เมื่อซ่งเชียนเหอและคนอื่นปรากฏต่อสายตาของเซี่ยวเฉิน เซี่ยวเฉินไม่ลังเลที่ปล่อยลูกศร ลูกศรแสงปราณกลายเป็นลําแสง และลอยไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมแบกจิตสังหารอันไร้สิ้นสุดไปด้วย
ลูกศรนี้ไม่ได้ยิงไปที่ซ่งเชียนเหอ การต่อสู้ครั้งนี้อันตรายเกินไป ดังนั้นเซี่ยวเฉินจึงไม่กล้าคาดหวังมากเกินไป ทําลายภายในหนึ่งศร ศรลูกนี้มุ่งเป้าไปที่คนที่อ่อนแอที่สุด – จางจีน
ในขณะที่ม้าวิ่งออกไปและความมืดปรากฏขึ้นในอากาศ ซ่งเชียนเหอผู้ที่กําลังขี่ม้า ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่เข้ามา เขาเห็นลําแสงเย็นยะเยือกและรีบลงจากม้าและตะโกน “ศัตรูโจมตี! ลงจากม้าเร็วเข้า!”
เซี่ยวเฉินประหลาดใจ โชคดีที่เขาไม่ได้เล็งลูกศรปราณ แสงไปที่คนผู้นี้ มอบเวลาแก้ไขให้แก่เขา มันเป็นไปได้ว่าเขาจะไม่ได้การตอบแทนจากในสิ่งที่เขาลงมือไป
ในขณะที่จางจินอยู่ในระหว่างการลงจากม้า ลูกศรปราณแสงก็มาพร้อมกับเสียง “ฟุบ และเจาะเข้าไปในคอของเขา พลังรุนแรงเบื้องหลังลูกศรทันใดนั้นก็โยนเขาออกจากม้า
จางจินกระเด็นไปด้านหลัง และชนเข้ากับผู้บ่มเพาะคนอื่น ลูกม้าเมฆาเพลิงตกใจ และเริ่มวิ่งไปทั่วอย่างเตลิด เปลี่ยนสถานที่ทั้งหมดกลายเป็นวุ่นวาย
ท่ามกลางความวุ่นวาย ลูกศรปราณแสงอีกอันก็เปล่งประกายแสงและเจาะเข้าที่คอของลูกศิษย์ยอดเขาปื้อวิ๋นอีกคน ตรึงเขาไว้บนพื้นด้วยความตาย
ในพริบตาเดียว สองปรมาจารย์ยุทธก็ถูกสังหาร ความตื่นตนกเกิดขึ้นในกลุ่ม พวกเขาทั้งหมดหลบอยู่ด้านหลังลูกม้าเมฆาเพลิงตัวสูง
เซี่ยวเฉินเห็นว่ามันไม่มีโอกาสอีกแล้วจึงเก็บธนูล่าวิญญาณ เขานํากระบี่เงาจันทร์ออกมาและกล่าว “พวกเราลง มือกันเถอะ เจ้าสองคนต้องช่วยข้าถ่วงเวลาซ่งเชียนเหอ”
เห็นเซี่ยวเฉินวางแผนโจมตีอย่างเด็ดเดี่ยว และสังหารลูกศิษย์ของยอดเขาซื้อปืนในทันที หลิวสุยเฟิงและฉู่ชินอวิ๋นก็อยู่ในสภาวะไม่อยากเชื่อ ถึงอย่างไรพวกมันเป็น เหล่าศิษย์ศาลากระบี่สวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจึงยังมีพื้นที่อยู่ในใจของพวกเขา
หลิวสุยเฟิงเพียงตอบสนองหลังจากเซียวเฉินกล่าว เขากระโดดลงมาจากต้นไม้อย่างรวดเร็ว ฉู่ชินอวิ๋นลังเลชั่วครู่ก่อนจะตามไป
ลําแสงสายฟ้าพุ่งลงมาจากนภาในขณะที่เชี่ยวเฉินตกลงมา และหยุดอยู่เบื้องข้างของซ่งเชียนเหอ
ยืนอยู่ด้านหลังของลูกม้าเมฆาเพลิง ซ่งเชียนเหอเห็นการปรากฏตัวของเซี่ยวเฉินอย่างชัดเจน เขาพูดด้วยความประหลาดใจ “มันเป็นเจ้า ลูกศิษย์ของหลิวหรูเยว่ เจ้ากล้าสังหารผู้คนของยอดเขาซื้อปืน? เจ้ากําลังแสวงหาความตายอย่างแท้จริง”
ทันทีที่เขากล่าว ผู้บ่มเพาะทั้งแปดคนที่เหลือก็แหงนหัวออกมา และเห็นเพียงแค่เซี่ยวเฉิน ความกลัวในตอนแรกของพวกเขาหายไปทันทีขณะที่ใช้ออร่าของพวกเขา กดดันรอบตัวเซี่ยวเฉิน
“เจ้าประเคนตนเองมาให้ข้า ดังนั้นอย่าโทษข้าที่ใช้วิธีการรุนแรง ฆ่ามัน!” การแสดงออกของซ่งเชียนเหอกลายเป็นเย็นยะเยือกขณะเขากล่าว
“ซวบ ชิ้ง ชิ้ง!”
กระบี่มากมายถูกชักออกจากฝักขณะที่กระบี่แสงปรากฏขึ้นบริเวณนั้น มีประกายแสงอันเย็นยะเยือก และลมกรรโชกขณะที่ร่างทั้งแปดวิ่งพุ่งเข้าใส่เซี่ยวเฉิน พร้อมกับจิตสังหารอันไร้สิ้นสุดที่มีศูนย์กลางเป็นเซี่ยวเฉิน
ซ่งเชียนเหอไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง ในสายตาของเขา เซี่ยวเฉินเป็นคนตายที่กําลังยืนอยู่ มันไม่จําเป็นที่เขาจะต้องเคลื่อนไหว
เขามองไปในระยะไกล และเห็นร่างที่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว มุมปากของเขาขดตัวเป็นรอยยิ้มอันเย็นยะเยือก “หลิวสุยเฟิงและฉู่ชินอวิ๋น… แบบนี้ก็เยี่ยมเลย มันเป็นข้ออ้างที่ดี สําหรับข้าที่จะจัดการเจ้า”
“ปีกคู่โผบิน การเต้นรําอลหม่านพันปี!”
เซี่ยวเฉินใช้ออกด้วยการเต้นรําอลหม่านนับพันปีอย่างใจเย็น กระแสลมรุนแรงล้อมรอบตัวเขา เขาขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้าและทําการเปลี่ยนท่าทางอย่างต่อเนื่อง
กระบี่แสงลอยไปทุกที่อย่างวุ่นวาย และมีเสียงโลหะดังเคร้งมากมาย เซี่ยวเฉินทิ้งกลุ่มภาพติดตาเอาไว้ ทันใดนั้นก็ส่งการโจมตีนับไม่ถ้วนออกไป แม้จะโจมตีออกหลังการโจมตีของทั้งแปดคนนั้น การโจมตีของเขามาถึงก่อน
มีภาพติดตาเกิดขึ้นมากมาย และพวกเขาไม่สามารถแยกของจริงและปลอมออกจากกันได้ เหล่าศิษย์ของยอดเขาปื้อวิ๋นมองไปที่ภาพที่อยู่บนท้องนภา ไม่สามารถบอกได้ว่าเซี่ยวเฉินอยู่ที่ใด พวกเขารวมกลุ่มกันป้องกันอย่างอดทนด้วยกระบี่ของพวกเขา ทุกครั้งที่กระบี่แสงบินมาหาพวกเขา
คนทั้งแปดถูกเซี่ยวเฉินสวนกลับในทันที นอกจากนี้ เขาดูเหมือนจะไม่เสียเปรียบแม้แต่น้อย ในความเป็นจริงเขาคือผู้ได้เปรียบ กระบี่แสงที่ไม่มีสิ้นสุดดูเหมือนจะไม่หยุดลง รวมกับภาพติดตานับไม่ถ้วนบนท้องนภา ทําให้พวกเขาอยู่ในความงุนงง
เมื่อการเต้นรําอลหม่านนับพันปีถูกใช้ออกอย่างสมบูรณ์ ร่างกายของเซี่ยวเฉินหยุดกลางเวหา และมังกรฟ้ากระโดดออกมาจากแม่น้ำในร่างกายของเขา การกระทําของเขา เหมือนกับเขากระโดดอยู่กลางอากาศ และล่าถอยกลับอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาลงสู่พื้น ผู้บ่มเพาะทั้งแปดก็ได้รับบาดเจ็บระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็มีบาดแผลเกิดขึ้นหลายแห่ง เอี้ยนเทียนเจิ้ง ผู้ที่อยู่ในฝูงคน ทันใดนั้นก็ตะโกนด้วยความโกรธ “ข้าจะเจ้าจนตาย!”
“หัตถ์จับมังกร!”
ฝ่ามือสีดําขนาดใหญ่ปรากฏบนหัวของเซี่ยวเฉิน ปิดกั้น แสงแดงและปกคลุมทั่วท้องนภา ขณะที่มันลงไปทางเซี่ยวเฉินอย่างรุนแรง
การแสดงออกของเซี่ยวเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดคิดว่าเอี้ยนเทียนเจิ้งจะเป็นคนของตระกูลเอี้ยนด้วยจิตวิญญาณยุทธ์ที่สืบทอดมา เขาผลักเท้าออกจากพื้นและหลบอย่างรวดเร็ว
อีกเจ็ดคนที่เหลือเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง และรีบพุ่งไปทางเซี่ยวเฉิน กระบี่แสงลอยอย่างวุ่นวายจากทุกที่มุ่งตรงไปที่เซี่ยวเฉิน ในขณะที่ทั้งเจ็ดคนใช้ออกทักษะยุทธ์เพื่อโจมตีเซี่ยวเฉิน
เซี่ยวเฉินไม่ได้ตื่นตนกเมื่อเผชิญอันตราย และปลดปล่อยทุกอย่างที่เขาเข้าใจในไม่กี่วันนี้อย่างสมบูรณ์ เขาใช้เพียงทักษะกระบี่พื้นฐาน เพื่อทําลายทักษะยุทธ์เหล่านี้ทีละอย่าง
การเคลื่อนไหวทั้งแปดของกระบี่ การกวาด, การฟัน, การผลัก, การเฉือน, การช้อน, การกวัดแกว่ง, การสับ, และการแทง เมื่อใดก็ตามที่มีช่องว่าง เขาก็จะโจมตีประยุกต์ ใช้ทุกสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มา ในขณะที่ต่อสู้กับคนทั้งเจ็ดในเวลาเดียวกัน
บางครั้ง เขาจะหลบฝ่ามือขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือหัวเขา ทักษะเคลื่อนไหวระดับสวรรค์ ทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยาน ทําให้เซี่ยวเฉินราวกับมังกรพุ่งทะยาน แม้ว่าสถานการณ์จะอันตรายแต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
คนทั้งเจ็ดนี้ล้วนเป็นศิษย์ของยอดเขาซื้อขึ้น พวกเขาฝึกซ้อมร่วมกันบ่อยและต่างร่วมมือกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ เซี่ยวเฉินไม่สามารถหาจุดอ่อนได้ และทําได้เพียงต่อสู้กับพวกเขาในสถานการณ์ที่ไม่คืบหน้า
ในอีกด้าน หลิวสุยเฟิงรับรู้ว่าตัวตนของพวกเขาถูกเปิดเผย ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะชักกระบี่ และเข้าต่อสู้กับซ่งเชียนเหอ พวกเขาทั้งคู่เข้าใจทักษะต่างๆของยอดเขาฉิงหยุน และยอดเขาซื้อขึ้น จึงทําให้การต่อสู้ของพวกเขารุนแรงมาก
อย่างไรก็ตาม ระดับการบ่มเพาะของซ่งเชียนเหอสูงกว่า หลิวสุยเฟิงเล็กน้อย เขาได้รับความได้เปรียบตั้งแต่เริ่ม หากไม่ใช่ฉู่ชินอวิ๋นช่วยเหลือหลิวสุยเฟิงอยู่ด้านข้าง สถานการณ์อันตรายอาจจะเกิดขึ้น
“ฉู่ชินอวิ๋น เจ้าลืมกฎของศาลากระบี่สวรรค์แล้ว?! พวกเขาก่ออาชญากรรมร้ายแรงโดยการโจมตีเพื่อนร่วมนิกาย หากเจ้าช่วยพวกเขา เจ้าจะถูกนับเป็นผู้กระทําผิดเช่นกัน” เมื่อเห็นการต่อสู้ยืดเยื้อ ซ่งเชียนเหอใช้จิตวิทยากับฉู่ชินอวิ๋น
คําพูดเหล่านี้เจาะทะลวงไปที่สมองของฉู่ชินอวิ๋น มือของเธออดไม่ได้ที่จะหยุดชั่วครู่
ซ่งเชียนเหอยิ้มอย่างเย็นยะเยือก และใช้โอกาสนี้ปล่อยภาพติดตาทั้งสาม ร่างของเขาเหมือนนสายน้ำไหล และความเร็วเขาก็เพิ่มเป็นสองเท่า
นี่เป็นมโนภาพสามกระแสเมฆาของยอดเขาปื้อวิ๋น หลิวสุยเฟิงผู้ที่เคยร่วมมือกับฉู่ชินอวิ๋นลดการป้องกัน และถูกโจมตีโดยกระบี่ทั้งสาม บาดแผลเลือดไหลปรากฏบนหน้า อกของเขา และเลือดก็พุ่งออกไปทันที
เมื่อเห็นหลิวสุยเฟิงบาดเจ็บ ฉู่ชินอวิ๋นทันใดนั้นก็รู้สึกตัว นางรีบเคลื่อนไหวและปิดโอกาสในการสังหารของซ่งเชียนเหอ พวกเขาทั้งสองร่วมมือกันอีกครั้งเพื่อป้องกันการโจมตีของซ่งเชียนเหออีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเสียเปรียบ
เซี่ยวเฉินจับกระบี่อย่างชํานิชํานาญ และจัดการกับกระบี่ แสงของทั้งเจ็ด เขาเห็นฉากก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ในเวลาสําคัญเช่นนี้ ฉู่ชินอวิ๋นยังคงอยู่ในความสับสนอย่างแน่แท้ หญิงสาวผู้นี้ไม่น่าไว้วางใจ
“พรึบ!”
สังเกตเห็นเซี่ยวเฉินฟุ้นซ่าน หนึ่งในเจ็ดผู้บ่มเพาะใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มความเร็ว และใช้กระบี่ของเขาผ่าเป็นรอยตัดเล็กน้อยเป็นแขนของเซี่ยวเฉิน
ทั้งกลุ่มเริ่มมีความสุข หลังจากแลกเปลี่ยนกระบวนกันเป็นเวลานาน ในที่สุดพวกเขาก็ทําให้เซี่ยวเฉินบาดเจ็บ กําลังใจของพวกเขาเพิ่มขึ้นในทันที และประกายแสงบนคมกระบี่ของเขาก็กลายมาเป็นคมยิ่งขึ้น
เซี่ยวเฉินยิ้มเล็กน้อยกับตนเอง เขาเหลือมองไปที่ฝ่ามือสีดําที่กําลังตกลงมา และแสร้งทําเป็นเคลื่อนไหวก่อนที่มันจะตบเขาลงไป เขาเดินโซเซและล้มลงก่อนที่จะปีนขึ้นมาด้วยท่าทางน่าอนาถ
กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังเขาทันใดนั้นก็เห็นช่องว่างที่ถูกสร้างขึ้น และใช้กระบี่แสงทั้งหลายฟันไปที่เซี่ยวเฉิน
ในตอนที่เซี่ยวเฉินหันกลับมา ร่างกายเขาเต็มไปด้วยบาดแผล เขาแสดงออกอย่างเจ็บปวดบนใบหน้า ทําให้เขาดูน่าสังเวชเป็นอย่างมาก
“ไม่จําเป็นต้องเสียเวลาแล้ว ใส่ความพยายามให้มากขึ้นและรีบฆ่ามันซะ!” เอี้ยนเทียนเจิ้ง กล่าวอย่างตื่นเต้นขณะส่งฝ่ามือสีดําขนาดใหญ่ออกไป
ลูกศิษย์ทั้งเจ็ดของยอดเขาปื้อวิ๋นเองก็กลายเป็นตื่นเต้นเช่นกัน ใครก็ตามที่เป็นผู้ลงมือสังหารจะเป็นผู้ที่มีผลงานยิ่งใหญ่ที่สุด จากนั้น ซ่งเชียนเหอจะมอบรางวัลให้กับคนผู้นั้นอย่างงาม
พวกเขาใช้ออกพลังปราณจนหมดไปอย่างรวดเร็วในขณะที่ใช้การเคลื่อนไหวทุกประเภทเพื่อสังหาร การประสานงานที่สมบูรณ์แบบในตอนแรกเริ่มกลายเป็นวุ่นวาย ในขณะที่พวกเขาคิดเพียงว่าจะสังหารเซี่ยวเฉินให้เร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาทําได้
อย่างไรก็ตาม คนพวกนี้ไม่ได้สังเกตเห็นว่า แม้เซี่ยวเฉินจะมีบาดแผลมากมาย แต่บาดแผลทั้งหมดก็ไม่ร้ายแรง นอกจากนี้ บาดแผลก็ไม่ลึกมากมายนัก เป็นเพียงแค่รอยขีดข่วนบนผิวหนัง
เขาดูเหมือนเสียโฉมเป็นอย่างมาก แต่ที่จริงแล้วเขาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เขาเสริมพลังร่างกายของเขาตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ตอนนี้มันเป็นเรื่องยากมากสําหรับ การโจมตีธรรมดาที่จะทิ้งบาดแผลสาหัสไว้บนร่างของเขา
เซี่ยวเฉินแสดงท่าทางอันน่าเกลียดเป็นอย่างมากบนใบหน้าขณะที่เขาถอยกลับอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าฝีเท้าของเขาสับสนเหมือนกับเขาสามารถล้มลงได้ทุกเวลาภายในพายุอันรุนแรง เขาหลบหลังต้นไม้ได้อย่างหวุดหวิดและก้าวกระโผกกระเผกไปทางซ้ายและขวาที่ถูกล้อมรอบไปด้วยอันตราย
มันดูราวกับว่าเพียงได้รับการโจมตีเดียว เซี่ยวเฉินก็จะตกตายอย่างน่าสังเวช ในช่วงเวลานี้ เพราะการไล่ล่ารุนแรงเกินไป หนึ่งในศิษย์ของยอดเขาปื้อวิ๋นบุกฝ่าไปลำหน้า ของกลุ่ม
ดวงตาของเซี่ยวเฉินเป็นประกาย เขาหยุดเคลื่อนไหวและเพลิงอันไร้ขอบเขตและไร้สิ้นสุดเริ่มพลุ่งพล่านอยู่ในดวงตาขวาของเขา
เมื่อศิษย์ผู้นั้นเห็นเซี่ยวเฉินหยุดลง เขารู้สึกมีความสุขมาก เขากระโดดขึ้นไปในอากาศและใช้กระบี่ของเขาหมายตัดศีรษะของเซี่ยวเฉิน เมื่อคมกระบี่อยู่ห่างจากหน้าผากของเซี่ยวเฉินหนึ่งนิ้ว เปลวเพลิงหนาแน่นขนาดหนึ่งนิ้วมือทันใดนั้นก็ถูกยิงออกจากดวงตาขวาของเซี่ยวเฉิน ความเร็วของมันรวดเร็วเป็นอย่างมาก และเจาะทะลุหน้าอกของลูกศิษย์ผู้นี้
มีรูปรากฏบนหน้าอกของคนผู้นี้ ความหวาดกลัวอันมากมายรั้งเขาไว้ให้มองไปที่รูที่อยู่บนหน้าอกของเขาที่กําลังขยายใหญ่ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
เขามีท่าทางเหมือนพยายามคว้าบางสิ่ง แต่เขาไม่สามารถหยุดเพลิงที่กําลังแพร่กระจายได้ในไม่ช้า เขาก็กลายเป็นกองขี้เถ้าที่กระจายอยู่บนพื้นดิน
“เสี่ยวจิว!” สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกระทันหันทําให้ เหล่าศิษย์ของยอดเขาป้อวิ่นลดการป้องกัน
[TL note: เสี่ยวในที่นี้ไม่เหมือนกับนามสกุลเซี่ยวของ เซี่ยวเฉินนะครับ เสี่ยวในที่นี้มีความหมายแปลว่าน้อยหรือที่ใช้ในการเรียกอีกคนหนึ่งเป็นชื่อเล่น ในกรณีเสี่ยวจิวหมาย ถึง น้องจิว หรือ จิวน้อยนะครับ]
ผู้บ่มเพาะพลังที่ใกล้ชิดกับเสี่ยวจิวสูญเสียเหตุผลและตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น พวกเขากระโดดขึ้นไปในอากาศและฟันไปที่เชี่ยวเฉินด้วยกระบี่แสงยาว 6.6 เมตร
เซี่ยวเฉินเผยรอยยิ้มดูถูกเหยียดหยาม การโจมตีนี้ของทั้งสามผู้บ่มเพาะพลังที่ไร้สติดูเหมือนจะรุนแรงเป็นอย่างมาก แต่มันเต็มไปด้วยจุดอ่อนด้วยทักษะบางอย่าง เขาสา มารถจัดการกับมันได้อย่างง่ายดาย
เซี่ยวเฉินก้าวถอยกลับมาและเอียงตัวไปเบื้องหน้าเล็กน้อย ในขณะที่เขาใช้ทักษะการผลักของทักษะกระบี่พื้นฐาน มันมีเสียง “เฟี้ยว เคร้ง ออกมาในขณะที่กระบี่เงาจันทร์ปิดกั้นการโจมตีของกระบี่ทั้งสาม
ฝ่ามือสีดําขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าอีกครั้ง เอี้ยนเทียนเฉิงต้องการใช้โอกาสนี้ในการทําลายเซี่ยวเฉินอย่างสมบูรณ์
“เจ้ายังไม่จบอีกหรือ?!”
เซี่ยวเฉินพ่นลมเย็นและชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยมือซ้ายของเขา นิ้วของเขาคล้ายกับดาบขณะเดียวกันก็มีรูปร่างเหมือนฝ่ามือสีดําขนาดใหญ่
ฝ่ามือสีดําขนาดใหญ่ถูกฉายด้วยกระบวนท่าของเซี่ยวเฉิน โดยใช้นิ้วเป็นเหมือนดาบ มันแทงทะลุหัตถ์จับมังกรของเอี้ยนเทียนเจิ้งและทําลายมันลงในทันที
คอมเม้นต์