Immortal and Martial Dual Cultivation – บทที่ 160 ช่องว่าง

อ่านนิยายจีนเรื่อง Immortal and Martial Dual Cultivation ตอนที่ 160 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 160 ช่องว่าง

 

สีหน้าของเซี่ยวเฉินไม่ได้เปลี่ยนแปลงพร้อมกับกางนิ้วมือของเขาออก กําปั้นยักษ์สีดําเลียนแบบท่าทางของเขาและกลายมาเป็นฝ่ามือ

 

“มันเป็นไปได้เยี่ยงไร? ปราศจากจิตวิญญาณยุทธสืบทอดของตระกูลเจี้ยน,มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ออกหัตถ์จับมังกร เขาร่ำเรียนมันได้เยี่ยงไร?”

 

ภายใต้สายตาไม่อยากจะเชื่อของเอี้ยนเทียนเจิ้ง,มือยักษ์ตบลงมาที่เขา,กดเขาลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง เขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก

 

เซี่ยวเฉินมองกลับไป,และมังกรฟ้าที่จุดตันเที่ยนของเขา ร้องคํารามอย่างเกรี้ยวกราด พลังปราณไร้ขอบเขตไหลตรงไปที่มือขวาของเขา และเขาก็ซัดกระบี่เงาจันทร์ออกไป เกิดเป็นสายลมแรงขณะที่เขาผลักคนสามคนลอยไปในอากาศ

 

เส้นสายฟ้าร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า,กระบี่เงาจันทร์ยกขึ้นพร้อมกับประกายแสงรุ่งโรจน์ เซี่ยวเฉินใช้ออกวาดกระบี่อย่างรวดเร็ว นี่คือทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันที่เกือบจะถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

 

การจู่โจมนี้รวดเร็วราวกับสายฟ้า มันนําพาสายวายุเย็นพร้อมกับสับลงไปยังคนที่เตรียมจะลอบโจมตีเขาจากด้านหลังขาดครึ่ง

 

เมื่อเหล่าศิษย์ยอดเขาปี้อวิ๋นสามคนเห็นสหายของพวกเขาถูกสับขาดครึ่งโดยเซี่ยวเฉิน, พวกเขารู้สึกหนาวเหน็บในใจไปกับฉากตรงหน้า

 

พวกเขาตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่พวกเขาจะกํากระบี่ของพวกเขาไว้แน่นและพุ่งเข้ามา เซี่ยวเฉินยิ้มบางๆ และก้าวขึ้นหน้าไปสายฟ้าอีกเส้นวูบไหวบนท้องฟ้าพร้อมกับความเร็วของเซี่ยวเฉินที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น

 

เผชิญหน้ากับสามศิษย์ของยอดเขาปี้อวิ๋นที่พุ่งตรงเข้ามา,เซี่ยวเฉินกุมด้ามกระบี่ของเขาไว้แน่น เขากวาดมันออกไปอย่างสบายๆ และประกายแสงรุ่งโรจน์ปรากฏขึ้น

 

“ปัง!” เซี่ยวเฉินตะโกนขึ้น และประกายแสงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

 

มันส่งเสียงดังและก่อกําเนิดคลื่นกระแทกหนาแน่นระเบิดออกมา สามนักบ่มเพาะพลังถูกผลักถอยไปในทันที

 

มีเสียงฝีเท้ากําลังเข้ามาที่ด้านหลังของเขานักบ่มเพาะพลังที่เหลืออีกสามคนกําลังเข้ามาจากด้านหลังของเขา เซี่ยวเฉินเมินพวกเขาไปและเขาก็ทะยานขึ้นไปในอากาศ,มาพร้อมกับเสียงเสียงฟ้าปะทุคําราม

 

เซี่ยวเฉินได้ใช้สายฟ้าผ่าสวรรค์ออกมาสมบูรณ์แบบ ร่างของเขาราวกับฉีกทะลุผ่านมิติ,ก่อเกิดเป็นแสงสีรุ้ง 

 

แสงสีรุ่งจางหายไปในทันที หลังจากเสียงเงียบหายไปนานเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น มันเจาะทะลุร่างของผู้บ่มเพาะพลังคนนั้นและระเบิดร่างของเขากลายเป็นเศษเนื้อ

 

เซี่ยวเฉินไปหยุดอยู่ที่กลางอากาศ,กําลังยืนอยู่บนความ ว่างเปล่า เสียงสายฟ้ายังคงปะทุต่อเนื่องเบื้องหลังของเขา เสียงคลื่นสะท้อนไปทั่วภายในบริเวณ เป็นผลให้ใบของต้นไม้ ที่หนาแน่นอยู่ในปาร่วงโรย

 

เป็นเพราะเขาไม่อยากวอกแวก,ซ่งเชียนเหอจึงไม่ได้ไปสนใจการต่อสู้ของอีกด้านหนึ่ง ตอนนี้เซี่ยวเฉินนั้นได้สร้างความปั่นป่วน,เขาต้องหันไปมองดูอย่างช่วยไม่ได้

 

ท้ายที่สุด เมื่อเขาหันไปมองดู,ซ่งเชียนเหอกลายเป็นหน้าซีด แต่เดิมนั้นเขาคิดว่าเขาสามารถจัดการเซี่ยวเฉินได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามเซี่ยวเฉินได้สังหารศิษย์ของยอดเขา ปิ้อวิ๋นไปถึงสามคนและเป็นฝ่ายคุมสถานการณ์

 

หลิวสุยเฟิงและฉู่ชินอวิ๋นตกตะลึงในความแข็งแกร่งของเซี่ยวเฉินด้วยเช่นกัน พวกเขารีบขัดขวางซ่งเชียนเหอ,ปิดกั้นไม่ให้เขาปลีกตัวไปช่วยเหลือ การต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสามกลายเป็นดุเดือดยิ่งขึ้น

 

ซ่งเชียนเหอกลายเป็นกังวลหนักกว่าเดิมะเขาระเบิดพลังหนักยิ่งขึ้น ทําให้ทั้งสองคนต้องถอยกลับ อย่างไรก็ตาม,หลังจากที่ฉู่ชินอวิ๋นเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนาง,ไม่มีปัญหาที่จะรับมือกับการโจมตีของซ่งเชียนเหอ

 

“อัสนี้ฟาดฟัน!”

 

เซี่ยวเฉินตะโกนขึ้นเบาๆ และกระบี่ก็ระเบิดแสงออกมาเขาราวเส้นสายฟ้า,ตกลงมาจากฟากฟ้าและลงจอดบนหัวของศิษย์ยอดเขาปี้อวิ๋น กระบี่เงาจันทร์สับลงเกิดเป็นเสียง “เคร้ง เคร้ง!”

 

อาวุธวิญญาณที่ผู้บ่มเพาะพลังคนนั้นยกขึ้นมาปัดป้องแตกสลายเป็นชิ้นในทันที กระบี่เงาจันทร์ยังไม่หยุด ลงเพียงเท่านั้น มันผ่าร่างของผู้บ่มเพาะพลังคนนั้นออกเป็นสองซีก, จากแนวตั้งลงไปข้างล่าง

 

มองดูสองคนที่อยู่ด้านข้าง,เซี่ยวเฉินยังไม่หยุดพัก เชื่อมต่อท่วงท่าได้อย่างลื่นไหวดุจสายน้ำเขาใช้ออกอัสนีฟาดฟันผ่าพันธนาการสอง

 

ความรวดเร็วของเซี่ยวเฉินถูกเร่งขึ้นมาถึงขีดสุด สัมผัสที่เขาปลดปล่อยออกมามันราวกับเทพเจ้าสายฟ้า

 

ด้วยความรวดเร็วที่สะสมมาจากสี่ท่วงท่าก่อนหน้านี้, ตัวกระบี่ในตอนนี้แบกพลังอํานาจมหาศาลเอาไว้ มันยังรวดเร็วถึงขีดสุดมันไม่อาจหยุดยั้งได้

 

“เหลืออีกสาม” เซี่ยวเฉินถอนกระบี่กลับมาและยืนตัวตรง, ความรวดเร็วที่เขาสะสมมาค่อยๆจางหายไป 

 

นักบ่มเพาะพลังอีกสามคนที่เหลือในตอนนี้หวาดกลัวอย่างสมบูรณ์,พวกเขาอยากจะวิ่งหนีไปแต่ก็ไม่อาจทําได้ พวกเขาเกรงว่าซ่งเชียนเหอจะนําปัญหามาสู่พวกเขาหากพวกเขาทําเช่นนั้น หากมันเป็นเช่นนั้น, พวกเขาจะประสบช่วงเวลายากลําบากในยอดเขาปี้อวิ๋น

 

“พลังปราณของเขาน่าจะเหือดแห้งเกือบหมดแล้ว:ไม่มีอะไรต้องไปกลัว!”

 

พวกเขาทั้งสามปลอบโยนกันและกันพร้อมกับพุ่งเข้าใส่เซี่ยวเฉิน เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบาพร้อมกับทันใดนั้นก็กลายเป็นเลือนลาง กระบี่เงาจันทร์กลายเป็นสาม,และความเร็วของเขากลายเป็นสองเท่า

 

“นี่มันมโนภาพสามกระแสเมฆา:เขาร่ำเรียนมันได้เยี่ยงไร?!”

 

นี่เป็นทักษะลับที่มีเพียงผู้สืบทอดของยอดเขาปี้อวิ๋นที่แท้จริงเท่านั้นสามารถร่ำเรียนได้ หลังจากที่มันขึ้นไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม,มันจะเทียบเท่าได้กับทักษะต่อสู้ระดับปฐพี พวกเขาทั้งสามไม่อาจเข้าใจได้ว่าเซี่ยวเฉินใช้ออกได้อย่างไร

 

พวกเขาทั้งสามลดการป้องกันลงขณะที่เซี่ยวเฉินเคลื่อนผ่านพวกเขาไปอย่างไหลลื่น,ทิ้งบาดแผลน่ากลัวไว้บนร่างของพวกเขาเลือดสาดกระเซ็นไม่หยุดหย่อน

 

“น่าสนใจ” เซี่ยวเฉินพึมพํากับตัวเอง เขาไม่คาดคิดว่ามโนภาพสามกระแสเมฆาจะทรงพลังถึงเพียงนี้ในครั้งแรกที่เขาใช้รูปแบบแปรลักษณ์ของต้นกําเนิดปัญญายุทธลอกเลียนใช้มันออกมา

 

มันทั้งนุ่มนวลและเงียบเชียบราวกับสายน้ำไหล แต่ทั้งนั้น มันยังทรงพลังราวกับแม่น้ำพลุ่งพล่าน:พลุ่งพล่านไม่หยุดยั้ง แต่กลับเคลื่อนไหวได้ดั่งใจ

 

เป็นผลให้ผู้นั้นไม่อาจมองตามได้ด้วยตาเปล่านี้เป็นแก่นแท้ของมโนภาพสามกระแสเมฆา

 

หลังจากที่เขาใช้ออกมโนภาพสามกระแสเมฆา,เซี่ยวเฉินก็ได้ประสบกับความเข้าใจฉับพลัน นี้คือสภาวะอภินิหารมันเป็นบางสิ่งที่สามารถประสบพบได้โดยไม่ร้องขอ

 

เซี่ยวเฉินลืมถึงสถานการณ์โดยรอบ:เขาถูกฝังอยู่ในสภาวะอภินิหาร

 

รูปแบบแปรลักษณ์ของต้นกําเนิดปัญญายุทธจําลองแบบทักษะมโนภาพสามกระแสเมฆาอย่างต่อเนื่อง ทั่วทั้งร่างของเซี่ยวเฉินราวกับธารเล็กๆ ไหลไปอย่างต่อเนื่อง

 

ธารน้ำค่อยๆไหลหลากรุนแรงและกลายเป็นแม่น้ำที่พลุ่งพล่าน มันเพิ่มระดับขึ้นและเชี่ยวกราก,สร้างคลื่นสาดกระเซ็น

 

ไม่,นั้นมันไม่ถูกต้องนี่มันไม่ใช่สัมผัสของมโนภาพสามก ระแสเมฆา,เซี่ยวเฉินคิดกับตัวเองพร้อมกับเปลี่ยนรูปแบบ การเคลื่อนไหวเท้าของเขา

 

แม่น้ำไหลหลากค่อยๆสงบลงและเปลี่ยนไปเป็นผืนทะเลสงบนิ่ง

 

ไม่มีคลื่นบนพื้นทะเละพื้นผิวของมันราวกับกระจก เมฆไหลเวียนไปบนพื้นผิวอย่างรวดเร็ว,ราวกับเป็นท้องฟ้าอีกผืนห

 

กระแสน้ำไหลเบาใต้พื้นผิวภายใต้กระแสน้ำเงียบเชียบและไหลเคลื่อนไม่หยุดยั้ง,ก้อนหิน,ขนาดใหญ่โตเท่าภูเขา,ก็กลายเป็นราบเรียบเช่นพื้นดินได้

 

ทันใดนั้นเซี่ยวเฉินตื่นขึ้น เขาตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเขามองไปบริเวณโดยรอบเขาได้เดินมาเป็นระยะทางกว่าหนึ่งรอยเมตรโดยไม่รู้ตัว

 

สามศิษย์ยอดเขาปี้อวิ๋นถูกเขาลากติดมาด้วยเช่นกัน ร่างของพวกเขาเต็มไปด้วยบาดแผล,แต่ละแผลบาดลงไปลึกพวกเขาราวกับพร้อมจะตกตายได้ทุกเมื่อ

 

พื้นที่เซี่ยวเฉินเดินผ่านมีรอยแยกลึกกว่าหนึ่งเมตร:ราวกับเป็นทางน้ำไหลผ่านมันไป;มันช่างเรียบเนียนไร้ซึ่งหลุมบ่อ 

 

ซ่งเชียนเหอจ้องมองอย่างตกตะลึงดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขาพึมพํากับตัวเอง “นี่คือสภาวะสมบูรณ์ดุจสายน้ำ แม้แต่พ่อของข้ายังไม่สําเร็จถึงขั้นนี้”

 

คว้าโอกาสในตอนที่ซ่งเชียนเหอกําลังวอกแวก,หลิวสุยเฟิงร้องตะโกนขึ้น,และทันใดนั้นแสงกระบี่ก็ปรากฏขึ้นบนตัวกระบี่ของเขา พร้อมกับกระบี่แสงที่กดตรงไปข้างหน้า,ซ่งเชียนเหอสัมผัสได้ถึงอันตราย เขารีบหันความสนใจของเขากลับมาและปัดป้องการโจมตี

 

ขณะที่เซี่ยวเฉินเดินเข้ามาเขาจ้องมองไปที่ซ่งเชียนเหอ.ผู้ที่กําลังต่อสู้ติดพัน เอี้ยนเทียนเจิ้ง ผู้ที่อยู่ด้านข้าง,ค่อยๆฟื้นสติขึ้นมา,ดิ้นรนพยายามจะลุกขึ้นยืน

 

“หัตถ์จับมังกร!” เซี่ยวเฉินไม่แม้แต่จะชายตามองเขาเมื่อยักษ์สีดําปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและห่อเป็นกําปั้น ปฐพีสั่นสะเทือน,เอี้ยนเทียนเจิ้งถูกบดกลายเป็นชิ้นเนื้อ

 

เซี่ยวเฉินสวมรอยยิ้มบางๆพร้อมกับเดินเข้าไปหาซ่งเชียนเหออย่างช้าๆ เขาสําแดงสัมผัสวิญญาณของเขาไปเป็นเทพในอากาศ

 

เทพนั้นลืมตาขึ้น สายตาของมันส่องสว่างราวกับคบเพลิงเส้นแสงนั้นแทงทะลุไปในอากาศ,ฉายไปที่ซ่งเชียนเหอ นี่เป็นเทพที่นักปราชญ์โบราณจําลองเลียนแบบขึ้นมา สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินไม่ได้แข็งแกร่งดั่งเช่นนักปราชญ์โบราณ,แต่มันเพียงพอที่จะจัดการกับซ่งเชียนเหอ 

 

ซ่งเชียนเหอ.ผู้ที่กําลังต่อสู้ติดพันกับหลิวสุยเฟิงและฉู่ชินอวิ๋น รู้สึกถึงแรงกดที่ไร้รูปร่าง มันราวกับดวงตาคู่หนึ่งเจาะทะลุมิติและกาลเวลา,จ้องมองไปในจิตใจของเขา 

 

ยิ่งเซี่ยวเฉินเข้าใกล้แรงกดดันยิ่งหนักขึ้น เขารู้สึกราวกับจังหวะหัวใจของเขาตรงกันกับจังหวะฝีเท้าของเซี่ยวเฉิน

 

“ปัง! ปัง! ปัง!”

 

จังหวะเต้นหัวใจของเขากลายเป็นหนักขึ้นและหนักขึ้น,ราวกับว่ามันสามารถกระโดดออกมาจากหน้าอกของเขา ซ่งเชียนเหอครุ่นคิด เกิดอะไรขึ้น?ไอ้คนผู้นี้อยู่เพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น ไม่เห็นมีอะไรให้ตื่นกลัว ข้าจะต้องใจเย็น

 

แม้ว่าซ่งดชียนเหอจะพยายามอย่างที่สุดเพื่อให้ใจเย็น,แต่แขนและขาของเขาราวกับยอมแพ้แล้ว เขาเผยจุดอ่อนออกมาในทันทีหลิวสุยเฟิงคว้าโอากาสนั้นและสร้างบาดแผลมากมายปรากฎบนร่างของเขา

 

เซี่ยวเฉินไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเขาเพียงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ, จดจ่อสัมผัสวิญญาณของเขาไปที่องค์เทพอย่างต่อเนื่อง แสงสีทองปรากฏขึ้นเบื้องหลังของเทพล่องหน;แสงสีทองนี้ช่างรุ่งโรจน์แพรวพราว

 

ทันใดนั้นมีแสงสีทองยิงออกมาจากดวงตาของเทพ แสงสีทองเจาะทะลุวิญญาณของซ่งเชียนเหอ ซ่งเชียนเหอสั่นเทิ้มขณะที่ดวงตาของเขาเปิดกว้าง,ร่างของเขาถูกตรึงไว้ชั่วคราวด้วยพลังที่มองไม่เห็น

 

หลังจากที่เทพยิงแสงสีทองออกไป,มันก็แตกสลายไปในทันที เซี่ยวเฉินคว้าโอกาสนี้และใช้ออกทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยาน เขาดูราวกับแปลงไปเป็นมังกรพุ่งทะยานและผงาดขึ้นไปในอากาศ

 

เมฆควันถูกตบขึ้นมาขณะที่เซี่ยวเฉินเคลื่อนผ่านหลิวสุยเฟิงและฉู่ชินอวิ๋น เขาได้มาถึงเบื้องหน้าซ่งเชียนเหอในทันทีและใช้กระบี่ของเขาฟันลงไปที่หน้าอก

 

“บูม!”

 

เกิดเสียงเหล็กกระทบเหล็ก ไอ้หมอนี่สวมชุดเกราะศึกระดับปฐพีขั้นสูงเอาไว้ การโจมตีของเซี่ยวเฉินไม่อาจสังหารเขาได้ในครั้งเดียว

 

อย่างไรก็ตาม,พลังมหาศาลที่รวบรวมอยู่ในกระบีผลักเขาลอยถอยหลังไป มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขามันชัดเจนว่าเขาก็ได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อย

 

ซ่งเชียนเหอตื่นคืนสู่ความเป็นจริงเขาเห็นว่าเขาเสียความได้เปรียบไปแล้ว และเขากหันหลังเพื่อจากไปอย่างรวดเร็ว

 

“คิดหนี? ทิ้งบุปผาผลึกน้ำแข็งเอาไว้ซะ!” หลิวสุยเฟิงตะโกนอย่างดุดัน เขากระโดดขึ้นจากพื้นและเขาก็เริ่มหมุนฝ่ามือของเขา

 

หลิวสุยเฟิงรีบโยนกระบี่ที่หมุนวนอย่างรวดเร็วออกไปเกิดเป็นพายุหมุนหนาแน่น ทันใดนั้นพายุหมุนก็พันรอบซ่งเชียนเหอและดึงเขาลอยขึ้นไปในอากาศ:เกิดเป็นเสียงร้องโหยหวนดังมาจากภายใน

 

เมื่อในที่สุดมันก็หยุดลง,ซ่งเชียนเหอเต็มไปด้วยบาดแผลและร่วงลงจากท้องฟ้ากระแทกพื้นอย่างหนัก เซี่ยวเฉินเดินตรงเข้าไปและปลดเอาแหวนห้วงมิติของเขาออกมา

 

เทสิ่งของทุกอย่างออกมา,หินวิญญาณระดับตําร่วงลงมากองพะเนินที่พื้น,ตลอดจนเม็ดยาคุณภาพดีและตั๋วเงิน

 

เซี่ยวเฉินหยิบเอาบุปผาผลึกน้ำแข็งออกมาจากกองข้าวของและยื่นให้กับหลิวสุยเฟิง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิวสุยเฟิงพร้อมกับรับมันเอาไว้

 

มองดูกองหินวิญญาณระดับต่ำอย่างน้อยหนึ่งร้อยก้อน,หลิวสุยเฟิงกลายเป็นยิ้มกว้าง เขาถามเซี่ยวเฉิน “พวกเราจะทําอย่าไรกับหินวิญญาณพวกนี้?”

 

เจตนาของเขาชัดเจน, พวกเขาจะแบ่งของกัน? อย่างไรก็ตาม,ต่อหน้าฉู่ชินอวิ๋น,หลิวสุยเฟิงไม่อาจเผยความคิดเช่นนี้ออกมาได้เขาอยากให้เซี่ยวเฉินเป็นคนเปิดหัวข้อนี้ขึ้นมา

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด