Immortal and Martial Dual Cultivation – บทที่ 163 หัวใจต้องโหดเหี้ยม การเคลื่อนไหวต้องดุดัน

อ่านนิยายจีนเรื่อง Immortal and Martial Dual Cultivation ตอนที่ 163 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 163 หัวใจต้องโหดเหี้ยม การเคลื่อนไหวต้องดุดัน

 

ทันใดนั้นหัวของหมูก็ปรากฏขึ้นด้านข้างของเซี่ยวเฉินและพูดด้วยเสียงที่สั่นเทิ้ม “เย่เฉิน ดีที่สุดที่เจ้าจะขอโทษพี่สาวข้า นางรู้ทุกอย่างแล้ว”

 

[TL note: หัวหมู: เป็นคําที่ใช้เรียกพวกโง่เง่า บ้าบอ แต่ในที่นี้น่าจะหมายถึงโดนกระทืบจนหัวบวมเป็นหมูมากกว่า]

 

หัวหมู ที่ปรากฏกะทันหันในค่ำคืนทําให้เซี่ยวเฉินตกใจหลังจากที่มองอย่างระวัง เขารับรู้ได้ว่ามันเป็นเพียงหัวของมนุษย์ที่ถูกทุบตีจนบวมเป่ง

 

เซี่ยวเฉินจ้องมันเป็นเวลานาน แต่เขาไม่สามารถจําคนผู้นั้นได้ “เจ้าเป็นใคร?!”

 

“โอ๊ยย… ข้าคือ… หลิว… สุยเฟิง” หลิวสุยเฟิงพูดติดอ่างเล็กน้อยในขณะที่ปากของเขาบวมเป่งเช่นกัน เขากําลังร้องไห้อยู่ในใจ แม้แต่เซี่ยวเฉินก็จําเขาไม่ได้ เมื่อเขาออกไปข้างนอกพรุ่งนี้ เขาจะต้องจบสิ้นแน่

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกระอายอยู่ในใจ ดังนั้นเขาจึงพยายามอธิบายแทนหลิวสุยเฟิง “พี่สาวหรูเยว่ ที่จริงแล้วมันเป็นเพราะการเก็บบุปผาผลึกน้ำแข็ง ทั้งหมดเป็นความคิดของข้า มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับน้องชายสุยเฟิงเลย”

 

หลิวหรูเยวส่ายหัวของนาง “เจ้าไม่ได้เป็นคนผิด คนที่ผิดคือสุยเฟิง มันเป็นเพราะความสะเพร่าในอดีตของเขา ที่เผยที่อยู่ของตนเอง นอกจากนี้ เขาถึงขนาดนําคนที่ไม่เกี่ยวข้องไปด้วย

 

“การเก็บบุปผาผลึกน้ำแข็งเป็นสิ่งจําเป็น แม้ว่าเราจะต้องบาดหมางกับยอดเขาปี้อวิ๋น โดยการนําบุปผาผลึกน้ำแข็งที่หายไปกลับคืนมา เจ้าไม่ได้ทําอะไรผิดทั้งนั้น ในความเป็นจริง เจ้าได้ทําคุณงามความดีเป็นอย่างมาก”

 

“สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจก็คือเรื่องใหญ่ที่เกิดหลังจากนั้น ทําไมเจ้าไม่บอกข้าในทันที? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงเพียงใด?”

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกผิดและกล่าวด้วยน้ำเสียงเบา “ข้าคิดว่าด้วยการให้เขาทานเม็ดยาและทําลายหลักฐานทุกอย่าง มันจะไม่ทําให้เกิดปัญหาใดๆ”

 

หลิวหรูเยว่หัวเราะอย่างเย็นยะเยือก “วิธีคิดของเจ้าไร้เดียงสาเกินไป เหมือนกับเจ้าปีศาจตัวน้อย เราจะไม่กล่าวถึงว่ามันมียาแก้พิษอะไรหรือไม่ที่ทําให้คนผู้หนึ่งสูญเสียความทรงจําไปทั้งวัน”

 

“แม้ว่าจะไม่มียาแก้พิษ เขาจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เท่านั้น หากเรื่องในวันนี้เป็นสิ่งที่วางแผนไว้ก่อนแล้ว แม้ว่าเขาจะลืมเหตุการณ์ในวันนี้ ยึดตามหลักที่ว่าเขาอยู่ที่ใด เขาจะคาดเดาได้ว่าใครเป็นคนฉวยบุปผาผลึกน้ำแข็งไป”

 

เหงื่อเย็นไหลออกมาจากหลังของเซี่ยวเฉิน ทําไมเขาถึงได้คิดเพียงแค่นี้? ตอนแรกเขาคิดว่ามันจะทําให้เขาลืมเหตุการณ์ในวันนี้ มันจะไม่มีปัญหาใดๆ ดูเหมือนว่าเขาจะคิดมันง่ายเกินไป

 

ที่ยอดของเทือกเขาหลิงหยุน บนยอดเขาปี้อวิ๋น สถานที่ที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นเป็นพิเศษ พื้นที่นี้อยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขาปี้อวิ๋น และเป็นสถานที่ที่พลังวิญญาณรวมตัวกัน มันเป็นหนึ่งในเจ็ดกิ่งของเส้นเลือดจิตวิญญาณใต้ดินของเทือกเขาหลิงหยุน และสามารถกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีพลังงานวิญญาณอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในอาณาจักรต้าฉิน

 

เมื่อบ่มเพาะพลังที่นั่น คนผู้นั้นจะดูดซับพลังวิญญาณได้เร็วกว่าคนปกติถึงสี่หรือห้าเท่า อย่างไรก็ตาม คนที่ได้รับผลประโยชน์จากสถานที่แห่งนี้มีจํากัด

 

ชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่บนโขดหินที่อยู่บนสุดของยอดเขา พลังงานวิญญาณที่อยู่โดยรอบหลั่งไหลเข้าสู่ตัวเขา มีเสาของควันสีเขียวลอยขึ้นมาจากหน้าผากของเขา

 

คนผู้นี้คือเจ้าแห่งยอดเขาของยอดเขาปี้อวิ๋น ซ่งเฉว เขาอยู่ในขอบเขตสูงสุดของกษัตริย์แล้ว และทั้งหมดที่เขาต้องการคือการทะลวงครั้งสุดท้ายเพื่อกลายเป็นขอบเขตยอดกษัตริย์

 

หลังจากที่ผู้อาวุโสทั้งหลายเสียชีวิตไปเมื่อยี่สิบปีก่อน ผู้เชี่ยวชาญอย่างซ่งเฉวจึงได้กลายมาเป็นหนึ่งในสิบผู้แข็งแกร่งที่สุดของศาลากระบี่สวรรค์

 

“ผุบ! ผุล! ผุล!”

 

มันคือเสียงของฝีเท้าเร่งด่วน มีร่างที่กําลังวิ่งขึ้นมาจากด้านใต้ยอดเขา เขาพกกระบี่หนาอยู่ด้านหลัง เมื่อเขาอยู่ห่างจากชายชราประมาณสิบเมตร เขาลดความเร็วเพื่อหยุดลง การแสดงออกบนใบหน้าของเขาเห็นได้ชัดว่ามันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

ซ่งเฉวรู้สึกได้ถึงตัวตนของคนผู้นี้และค่อยๆเปิดตาขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาของเขาประกายออกด้วยรัศมีโชติช่วงขณะที่มองบุคคลผู้นี้และขมวดคิ้ว เขากล่าวด้วยน้ำเสียงไม่มีความสุข “กงหมิง ข้าเชื่อว่าข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่ารบกวนข้าเป็นเวลาครึ่งเดือน?”

 

คนที่ถูกเรียกว่ากงหมิงเป็นหนึ่งในลูกศิษย์คนสุดท้ายของซ่งเฉว แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้สืบทอดที่แท้จริงของยอดเขาปี้อวิ๋น สถานะและตําแหน่งของเขาก็คล้ายคลึงกับผู้สืบทอด

 

ในทั่วยอดเขาปี้อวิ๋นทั้งหมด นอกเหนือจากผู้อาวุโส มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะกล้ามาและแทรกแซงการบ่มเพาะพลังของซ่งเฉว

 

จ้าวกงหมิงรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาในจิตใจขณะกล่าวเสียงเบา “ตอบท่านอาจารย์ มีข่าวคราวจากห้องโถงหลักก่อนหน้านี้ พวกเขากล่าวว่าป้ายพลังชีวิตของน้องเล็กที่ฝากไว้ในห้องโถงหลักมีออร่าที่อ่อนแรงเป็นอย่างมาก มันเหมือนกับว่า… กับว่า…”

 

การแสดงออกของซ่งเฉวกลายเป็นมืดมนขณะที่กล่าวด้วยเสียงไม่พอใจ “ดูเหมือนว่าอะไร?!”

 

จ้าวกงหมิงทําตัวให้กล้าแกร่งและกล่าว “ดูเหมือนว่าเขาตกอยู่ในอันตรายและอาจจะตายลงได้ทุกเวลา!”

 

“ปัง!”

 

ซ่งเฉวยืนขึ้นทันทีและก้อนหินที่เขานั่งก็แตกเป็นเศษหินจํานวนมากนับไม่ถ้วน ลมพัดมาที่พวกมัน และมันก็กลายเป็นฝุ่นผงลอยไปพร้อมกับสายลม

 

จิตสังหารที่สั่นสะเทือนโลกาประกายในดวงตาของเขา ดังนั้นซ่งเฉวจึงใจเย็นลงและกล่าว “เรื่องนี้เกิดเมื่อไร? เชียนเหอไปที่ไหน? เขาไปกับใคร? บอกรายละเอียดข้ามาให้หมด”

 

ก่อนที่เขาจะมา จ้าวกงหมิงได้รวบรวมข้อมูลเอาไว้หมดแล้ว เขาเริ่มอธิบายอย่างเป็นระเบียบโดยกล่าวข้อมูลทั้งหมดออกไป “เมื่อวานนี้ น้องเล็กนําลูกศิษย์ยอดเขา ปี้อวิ๋นทั้งหกคนไปยังหุบเขาสายลมอสูร พวกเขาทั้งหมดเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นกลางและสูงกว่านั้น

 

“ข่าวที่ศิษย์ได้รับคือหลิวหรูเยว่ต้องการบุปผาผลึกน้ำแข็งจากหุบเขาอสูรเพื่อสร้างยารักษาช่วยใครบางคน ข้าไม่ทราบว่าน้องเล็กได้ยินข่าวนี้อย่างไร แต่เขานํากลุ่มผู้คนพุ่งเข้าสู่หุบเขาสายลมอสูรก่อนพวกเขา ตั้งแต่นั้น ก็ไม่มีข่าวเกี่ยวกับพวกเขาอีกเลย”

 

แสดงหนาวเหน็บประกายขึ้นในดวงตาของซ่งเฉว เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “หลิวหรูเยว่? นางควรจะภาวนาไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา มิฉะนั้น ข้าจะสังหารทุกคนบนยอดเขานิ่งหยุนโดยไม่มีการละเว้น”

 

“มา รีบไปเมืองกระบี่”

 

ภายในบ้านของเจ้าเมืองในเมืองกระบี่ เก่อหยุนปินฟังเรื่องราวอย่างระวังของจ้าวกงหมิงก่อนจะกล่าวกับซ่งเฉว “พี่ชายซ่ง อย่ากังวล ข้าจะส่งคนไปตามหาลูกชายท่านในทันที”

 

ซ่งเฉวป้องมือของเขาและกล่าว “ท่านเจ้าเมือง ขอบคุณสําหรับความช่วยเหลือ

 

มีสายลับอยู่ทุกที่ในระยะหลายร้อยกิโลเมตรของเมืองกระบี่ กําลังไปที่หุบเขาสายลมอสูรเพื่อที่จะตามหาคนผู้หนึ่งซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสําหรับเก่อหยุนปิน

 

หลังผ่านไปสองชั่วโมงก็มีข่าวคราว ศิษย์ชั้นนอกผู้หนึ่งรีบเข้ามาและรายงาน รายงานท่านเจ้าเมือง เราพบพี่ชายช่งในเทือกเขาสายลมอสูรแล้ว เราควรส่งใครไปนําเขากลับมาหรือไม่?”

 

ซ่งเฉวกล่าว “ไม่จําเป็น นําทางข้าไปทันที ข้าอยากจะเห็นว่าใครมันกล้าพอที่จะทําเรื่องนี้”

 

ภายในหุบเขาสายลมอสูร ซ่งเฉวเห็นคนผู้หนึ่งกําลังแบกซ่งเชียนเหอลงมาจากต้นไม้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ใบหน้าของซ่งเชียนเหอเต็มไปด้วยรอยเท้า เขาถูกทุบตีจนไม่เหมือนมนุษย์อีกต่อไปแล้ว

 

ลูกศิษย์ไม่กี่คนของยอดเขาปี้อวิ๋นไม่กี่คนที่ตามมาอย่างรวดเร็วเช็ดเลือดทั้งหมดที่อยู่บนตัวของซ่งเชียนเหอ ป้อนเม็ดยารักษาหลายเม็ดให้เขา พันแผลให้เขา และใช้พลังปราณของพวกเขารักษาอาการบาดเจ็บภายในให้เขา

 

จากนั้นไม่นาน ซ่งเชียนเหอค่อยๆฟื้นขึ้น เห็นผู้คนที่อยู่ด้านหน้าเขา เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาถามด้วยท่าทางประหลาด “ พ่อ พี่ใหญ่ ทําไมท่านอยู่ที่นี่? ข้าอยู่ที่ไหน?”

 

“โธ่เว้ย ทําไมเจ็บโคตรเลย!” หลังจากเขากล่าว เขาค้นพบว่าปากของเขารู้สึกเจ็บเป็นอย่างมาก นั้นคือตอนที่เขาพบว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และทั่วตัวถูกปกคลุมไปด้วยผ้าพันแผล

 

“เกิดอะไรขึ้น? เสี่ยวจิวกับพรรคพวกอยู่ไหน? ทําไมข้าถึงกลายเป็นแบบนี้? ใครเป็นคนทํา?!” ซ่งเชียนเหอพยายามนึกเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่สามารถนึกอะไรได้เลย ข้าจบลงด้วยสภาพเช่นนี้อย่างไร?

 

เม็ดยาลืมกังวล!

 

เก่อหยุนปินแลกเปลี่ยนสายตากับซ่งเฉว พวกเขาทั้งคู่มีคําตอบอยู่ในใจ พวกเขาสองคนเดินไปด้านหลังของซ่งเชียนเหอ และยื่นมือขวาออกไป ปราณบริสุทธิ์พลุ่งพล่านถูกส่งเข้าไปในร่างของซ่งเชียนเหอ

 

“ปุ!”

 

พลังปราณแหวกว่ายไปในร่างกายของซ่งเชียนเหออย่างรวดเร็ว ไม่นาน มันก็พบพลังงานของเม็ดยาอยู่ในตันเถียนของเขา พวกเขาทั้งสองก็ใช้ออกด้วยพลังพร้อมกัน ซึ่งเชียนเหออ้าปาก และอาเจียนของเหลวสีเขียวอ่อนลงบนพื้น

 

เก่อหยุนปินชักมือของเขากลับและกล่าว “หากผ่านไปอีกวันหนึ่ง พลังงานของเม็ดยาลืมกังวลจะถูกซึมซับอย่างสมบูรณ์ ถึงตอนนั้น แม้จะเป็นขอบเขตนักปราชญ์มาเอง มันก็ไร้ประโยชน์”

 

“เนื่องจากลูกชายของท่านปลอดภัยแล้ว ข้าก็ควรจะจากไปก่อน”

 

มีเพียงคนผู้เดียวในศาลากระบี่สวรรค์ที่ครอบครองเม็ดยาลืมกังวล เรื่องราวที่ซ่งเชียนเหอถูกจู่โจมนั้นซับซ้อนเป็นอย่างมาก มันเกี่ยวข้องกับการเมืองภายในของศาลากระบี่สวรรค์

 

เก่อหยุนปินไม่ต้องการมีส่วนร่วมกับเรื่องดังกล่าว และจากไปในทันที ซ่งเฉวไม่ได้หยุดเขา เขากล่าว “ข้าเป็นหนี้บุญคุณท่านเจ้าเมืองแล้ว ข้าจะตอบแทนเรื่องนี้ในอนาคต”

 

หลังจากเก่อหยุนปินนําผู้คนของเมืองกระบี่จากไป ซ่งเชียนเหอก็จดจําเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ได้ ดวงตาของเขาเผาไหม้ด้วยความเกลียดชังและกล่าว “เย่เฉิน ข้าจะทําให้มั่นใจว่าชีวิตของเจ้าเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย”

 

ภายในยอดเขาฉิงหยุน ตั้งแต่เซี่ยวเฉินตื่นขึ้นมาในตอนกลางคืน เขาไม่ได้นอนต่ออีกเลย ด้านข้างของเขามีหลิวสุยเฟิงที่มีหัวหมูอยู่บนบ่า “พี่สาว มันไม่ร้ายแรงอย่างที่ท่านคิด!”

 

หลิวหรูเยว่หัวเราะเย็นยะเยือก “ข้าคิดว่าเจ้าหลงสเน่ห์ผู้หญิงคนนั้นและสูญเสียความฉลาดไปหมดแล้ว เพียงแค่รอ ก่อนที่วันนี้จะสิ้นสุด ผู้คนของยอดเขาปี้อวิ๋นจะต้องมาอย่างแน่นอน”

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกกังวลเล็กน้อย ยังไงซะ ส่วนใหญ่ก็เป็นความคิดของเขา เขากล่าว “พี่สาวหรูเยว่ ถ้าคนพวกนั้นมาจริงๆ เพียงแค่โยนความผิดทั้งหมดมาให้ข้า หากมันเลวร้ายจนถึงที่สุด ข้าจะออกจากศาลากระบี่สวรรค์และหนีไป”

 

หลิวหรูเยว่ยิ้มเมื่อนางได้ยินเรื่องนี้ ใบหน้าอันทรงสเน่ห์ของนางเผยท่าทางอบอุ่น “ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการเรียนรู้ ฟังเสียงดาบและสื่อสารกับมันหรือ?”

 

เซี่ยวเฉินตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ในช่วงไม่กี่วันมานี้ เมื่อเขาว่าง เขาจะถามไปทั่วศาลากระบี่สวรรค์ และได้รับความเข้าใจมากขึ้นของการฟังเสียงดาบและสื่อสารกับมัน เขาค้นพบว่าถ้าเขาต้องการเรียนรู้การฟังเสียงดาบและสื่อสารกับมันโดยมิได้ครอบครองมันตั้งแต่เกิด มันเกือบจะเป็นไปไม่ได้เลย

 

หลิวหรูเยว่หยิบกระบี่เงาจันทร์จากมือของเซี่ยวเฉิน และวาดมันด้วยเสียง “ฟึ่บ” มีประกายหนาวเหน็บอยู่บนกระบี่และเส้นสายกระแสไฟฟ้าก็กระโจนออกมาปกคลุมมัน

 

นางกระบี่ขึ้นบนท้องฟ้า และแสงอาทิตย์ส่องลงบนคมกระบี่ แสงกําลังไหลอย่างเชื่องช้าและคล่องแคล่วไปบนร่างของคมกระบี่ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความงามอันไร้สิ้นสุด

 

หลิวหรูเยวมองมันอย่างจริงจัง พึมพัมกับตนเอง “มันจะต้องเป็นเพราะกระบี่เล่มนี้! เจ้ากําลังจะจากไปและยอมแพ้ที่จะปลดผนึกกระบี่เล่มนี้”

 

เซี่ยวเฉินนึกถึงอําวเจียวที่ถูกผนึกไว้ในกระบี่ เขารู้สึกท้อแท้เล็กน้อย หากเขาไม่ได้เรียนรู้การฟังเสียงดาบและสื่อสารกับมัน มันเป็นไปได้ว่าเขาจะไม่สามารถปลดปล่อยอ่วเจียวออกมาจากผนึกได้

 

“เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับยอดเขาปี้อวิ๋น ข้าได้กล่าวก่อนหน้านี้แล้ว คนที่ผิดคือสุยเฟิงไม่ใช่เจ้า เจ้าได้ช่วยเหลือเป็นอย่างมาก ข้าเพียงแค่โกรธเจ้าที่ไม่แม้จะสนใจบอกกล่าวเรื่องราวกับข้าหลังจากที่เกิดเรื่องใหญ่”

 

“พี่สาวหรูเยว่ ข้า…” เซี่ยวเฉินรู้สึกคําพูดติดอยู่ในลําคอ เขาไม่สามารถพูดในสิ่งที่อยากจะพูด

 

หลิวหรูเยว่ยิ้มอย่างสดใส ใบหน้างดงามของเธอราวกับดอกไม้ นางเสมือนเทพธิดาในหุบเขา ที่เต็มไปด้วยสเน่ห์อย่างมาก “หยุดพูด ข้ายกโทษให้เจ้าแล้ว จําไว้ว่าอย่าทําเช่นนี้อีก ข้าขอยืมกระบี่เงาจันทร์ของเจ้าวันหนึ่ง”

 

“หึ่ง!”

 

หลิวหรูเยว่กวัดแกว่งกระบี่เงาจันทร์ในอากาศ และกระบี่ก็เริ่มส่งเสียงหึงไม่หยุด ทันใดนั้น มันก็ปล่อยแสงไฟฟ้าอันเข้มข้นออกมา มันสว่างจ้าราวกับดวงอาทิตย์และทําให้ตาพร่าเป็นอย่างมาก

 

แก่นปีศาจวิหคอัสนี้ระดับหก ที่อยู่ในกระบีทะลวงผ่านข้อจํากัดในทันที ออร่าเทียบกับขั้นสูงสุดขอบเขตกษัตริย์ขยายออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง

 

สายฟ้าทรงกลมอันเฉียบคมออกมาจากกระบี่ ราวกับว่ามีวิหคอัสนีออกมาจากกระบี่ ร้องออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวระลอกคลื่นที่มองเห็นกระจายออกไปทั่วอากาศ

 

เซี่ยวเฉินและหลิวสุยเฟิง ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของหลิวหรูเยว่สามารถรู้สึกได้ถึงแรงกดดันขนาดใหญ่ มันรู้สึกเหมือนมีตุ้มน้ำหนักหมื่นตันอยู่บนบ่าของเขา – มันเจ็บปวดจนไม่น่าเชื่อ

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด