Immortal and Martial Dual Cultivation – บทที่ 167 ระฆังจักรพรรดิตะวันออกอันแข็งแกร่ง

อ่านนิยายจีนเรื่อง Immortal and Martial Dual Cultivation ตอนที่ 167 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

 

Immortal and Martial Dual Cultivation ตอนที่ 167 ระฆังจักรพรรดิตะวันออกอันแข็งแกร่ง

 

ทันใดนั้นระฆังจักรพรรดิตะวันตกก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า เซี่ยวเฉินจับไปที่ก้นของระฆังและร้องตะโกนขึ้น,พุ่งเข้าใส่ซ่งเฉวที่กําบังใกล้เข้ามา

 

ซ่งเฉวรู้สึกตกตะลึงในใจ เขาได้โจมตีใส่ระฆังจักรพรรดิตะวันออก และเขาเห็นว่าเซี่ยวเฉินไม่ได้ตอบสนองอะไร เขาคิดกับตัวเองว่าเพียงแค่ข้าโจมตีอีกหนึ่งครั้งข้าก็จะสามารถลากตัวเซี่ยวเฉินออกมาได้แล้ว

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่คาดคิดว่าเซี่ยวเฉินจะยกระฆังขึ้น และพุ่งตรงเข้าใส่เขาก่อนที่ร่างที่ดึงลงมาอย่างรวดเร็วของเขาจะได้ตอบสนอง,เขาถูกอัดโดยเซี่ยวเฉินเกิดเสียงดังปัง

 

แรงดีดกลับมหาศาลทําให้ซ่งเฉวถูกตบราวกับแมลงวัน เขากระอักเลือดออกมาเต็มปากและร่วงลงไปที่พื้น 

 

ศิษย์ชั้นในที่ได้ยินเสียงสั่นระฆังต่างตรงเข้ามาและเห็นฉากไม่น่าเชื่อเมื่อพวกเขามาถึง

 

ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้นสามารถกดดันขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดให้ถอยกลับและกระอักเลือดออกมานี้ มันเป็นฉากที่ไม่อาจจินตนาการถึง เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่

 

เลือดที่เต็มปากแท้จริงนั้นคือฉีและโลหิตที่เขาระงับเอาไว้ ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่การโจมตีครั้งแรก,ซ่งเฉวไม่อาจขับสลาย พลังที่มาจากการสะท้อนกลับของระฆังจักรพรรดิตะวันออก

 

ซ่งเฉวพึ่งการบ่มเพาะพลังของเขาฝืนระงับมันเอาไว้ เขาได้ชัดเข้าใส่ระฆังจักรพรรดิตะวันตกหลายร้อยครั้ง:พลังที่เขาระงับเอาไว้ได้มาถึงระดับที่น่ากลัว

 

หากเขายังฝืนระงับเอาไว้เป็นเวลานาน,มันอาจจะสร้างความเสียหายแฝงในร่างกายของเขา ดังนั้น เขาจึงกระอักเอาเลือดออกมา ตามจริง ซ่งเฉวในตอนนี้รู้สึกดีและสบายตัวอย่างมาก

 

อย่างไรก็ตาม แม้ร่างกายของเขาในตอนนี้จะเบาสบาย,หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความแตกหัก ซ่งเฉวมองเห็นผู้ชนที่ตรงเข้ามาอย่างไม่ขาดสายและรู้สึกราวกับหัวใจของเขาถูกสับเป็นชิ้น เขากล่าวกับตัวเอง,ดูเหมือนข้าจะได้สูญเสียชื่อเสียงไปแล้วในครั้งนี้

 

ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธเช่นข้าถูกไล่ต้อนอยู่ในสภาพหน้าสมเพชโดยรุ่นเยาว์ ช่างน่าขบขัน!

 

เป็นที่เรื่องลือกันไป เขาตัดสินใจที่จะทุบหม้อร้าวให้แตก ซ่งเฉวในที่สุดก็สงบลงได้อย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาสู่สภาพเช่นนี้ ตราบใดที่เขาสามารถสังหารมันผู้นี้ได้ไม่จําเป็นต้องสนหลักการอะไรอีกต่อไป

 

TL-ทุบหม้อร้าวให้แตกะหมายถึงเมื่อมันร้าวเสียหายไป แล้วก็ทุบมันทิ้งไปเสียเลย (จริงๆมันไม่ได้ใช่คํานี้นะครับแต่ แปลแล้วงงๆเลยใช้คําที่ใกล้เคียงแทน)

 

ซ่งเฉวเห็นเซี่ยวเฉินพุ่งตรงเข้ามาพร้อมกับระฆัง เขาได้รู้ถึงลักษณะเฉพาะของระฆังจักรพรรดิตะวันออก ตั้งแต่ที่เขาได้สูญเสียงชื่อเสียงของเขาไป เขาไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ดังนั้น เขาไม่เลือกที่จะเข้าปะทะ

 

ซ่งเฉวใช้ความได้เปรียบเรื่องความเร็วและหลบหลีกการโจมตีของเซี่ยวเฉินอย่างรวดเร็ว ดังนั้นผู้ชนจึงได้เห็นฉากไม่น่าเชื่ออีกครั้ง

 

ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้นกําลังถือสมบัติลับที่เสียหายไล่ทุบขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดหนีไปทั่วทิศทาง มันช่างเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่เหลือใจ

 

แม้ว่าจะมีผู้คนมากมายชี้ไปที่เขา,ซ่งเฉวยังรักษาสีหน้าได้ อารมณ์เขาเพียงมองไปที่เซี่ยวเฉินอย่างเย็นชาปราศจากอารมณ์พร้อมกับหลบเลี่ยงการโจมตีของเซี่ยวเฉินอย่างเรียบง่าย

 

เซี่ยวเฉินรับรู้เช่นกันว่าซ่งเฉวกําลังคิดอะไร ซ่งเฉวอยาก จะรอให้พลังปราณของเขาถูกเผาผลาญจนหมดก่อนที่จะจัดการโจมตีครั้งสุดท้าย

 

ตั้งแต่ที่เซี่ยวเฉินโยนความระมัดระวังทิ้งไปตามลม,เซี่ยวเฉินรู้ว่าจุดจบเช่นไรกําลังรอคอยเขาอยู่ เขาถือระฆังจักรพรรดิตะวันออกพร้อมไล่ตาม เซี่ยวเฉินหัวเราะขึ้น “ซ่งเฉว, พ่อของเจ้าช่างรอบรู้ว่าจะตั้งชื่อเช่นไร เขารู้ว่าเจ้านั้นจะขาดแคลนคุณธรรม,ขาดแคลนจิตวิญญาณ,และขาดแคลนแคลเซียม ดังนั้น ข้าจึงส่งให้เจ้าสักเล็กน้อย”

 

TL เฉว แปลว่าขาดแคลนหรือบกพร่อง

 

“เจ้าวิ่งหนีทําไม? ท่านเจ้ายอดเขาเช่นเจ้าเกรงกลัวที่จะต่อสู้อย่างเปิดเผยกับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้นตัวกระจ้อยเช่นข้า?”

 

“ไม่ใช่ว่าเจ้าช่างเกรียงไกรและทรงพลังเมื่อก่อนหน้านี้? ทําไมตอนนี้เจ้าทําตัวเหมือนกับเต่าหดหัว? เจ้าจะวิ่งหนีหลบซ่อนไปอีกนานถึงเพียงใด?”

 

ข้าจะอดทน มาดูกันว่าเจ้าจะเย้ยหยันข้าไปได้นานถึงเพียงใด,ซ่งเฉวคิดอย่างมืดมัว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้หลงลูกไม้ของเซี่ยวเฉิน มันเป็นเวลาให้เขารอลงมือ

 

เมื่อซ่งเฉวเห็นเซี่ยวเฉินยกระฆังจักรพรรดิตะวันออกขึ้นเหนือหัวของเขา เขาพยายามคิดหาทางอื่น หากระฆังจักรพรรดิตะวันออกทุบลงมาโดน,มันจะได้ไม่คุ้มเสีย,และมันคงจะต้องเสียเวลาไปมากกว่าเดิม

 

ข้าคงต้องปล่อยให้เขาเคลื่อนไหวไปก่อน เมื่อพลังปราณของเขาหมดลง,ข้าสามารถทรมานเขา,บังคับให้เขาคุกเข่าต่อหน้าข้าร้องหาความเมตตา และทําให้แน่ใจว่าเขาจะต้องอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่

 

“เจ้าหมอนั้นคือใครกัน!? ทําไมเขาถึงดุร้ายถึงเพียงนี้? เขากล้ากล่าวกับซ่งเฉวเช่นนั้น”

 

“เจ้าหนนั้นดูเหมือนจะเป็นศิษย์คนใหม่ของหลิวหรูเยว่ เขาชื่อเย่เฉินหรืออะไรสักอย่างเป็นเพียงแค่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น”

 

“หลิวหรูเยว่ก็ดุร้ายพออยู่แล้ว พอคิดว่าเจ้าหมอนี้ดุร้ายเสียยิ่งกว่านาง เป็นศิษย์อาจารย์กันอย่างแท้จริง”

 

เหล่าสานุศิษย์ชั้นในของศาลากระบี่สวรรค์ล้วนมีความคิด พวกเขาไม่ได้โง่เง่าพอที่จะคิดว่าเซี่ยวเฉินนั้นจะสามารถไล่ต้อนซ่งเฉวได้ด้วยความแข็งแกร่งของตัวเอง

 

จะต้องมีเหตุผลบางอย่างที่พวกเขายังไม่รู้ นอกจากนั้น,ซ่งเฉวหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย เขาไม่ได้เคร่งเครียดแม้แต่น้อย ถึงกระนั้น,ฝูงชนก็เคารพในความกล้าหาญ ของเซี่ยวเฉิน

 

“หากเจ้าหมอนี้สามารถรอดไปได้ในวันนี้, ชื่อของเขาจะต้องขยายไปทั่วศาลากระบี่สวรรค์ ดูเหมือนศาลากระบี่สวรรค์จะมีชีวิตชีวาหลังจากเงียบเหงามาเป็นเวลานานแล้ว”

 

“แน่นอน,ศิษย์ที่เข้ามาได้เพียงไม่กี่เดือนหาญกล้าต่อว่าท่านเจ้ายอดเขา ในประวัติศาสตร์ของศาลากระบีสวรรค์ไม่มีใครทําเช่นนี้มาก่อนและไม่แม้แต่จะมีทีท่าว่าจะเกิดขึ้น”

 

แม้ว่าระฆังจักรพรรดิตะวันออกจะได้รับความเสียหาย,มันก็ยังคงเป็นสมบัติลับชั้นยอดแห่งมวลมนุษย์ชาติ เซี่ยวเฉินเผาผลาญพลังปราณของเขาไปอย่างรวดเร็วเมื่อเขาควบคุมระฆังจักรพรรดิตะวันออก

 

แม่น้ําในจุดตันเที่ยนของเซี่ยวเฉินเริ่มที่จะเดือดแห้ง เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง, ข้าไม่สามารถวิ่งเล่นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ได้เวาลาหนี แม้ว่าด้วยความแข็งแกร่งของศาลากระสวรรค์มันจะเป็นการยากที่จะหลบหนีเซี่ยวเฉินก็อยากจะลองดู เขาไม่สามารถนั่งรอความตายอยู่ที่นี่ได้

 

เซี่ยวเฉินกําลังเตรียมจะใช้ระฆังจักรพรรดิตะวันออก เพื่อปูทางหลบหนีทันใดนั้นระฆังจักรพรรดิตะวันออก ในมือของเขาสั่นเพิ่มและกลับกลายไปเป็นระฆังทองแดงชิ้นเล็กก่อนที่จะตกลงสู่มือของเซี่ยวเฉิน

 

มันเป็นเช่นนี้ในช่วงเวลาสําคัญอีกแล้ว เซี่ยวเฉินรู้สึกอยากกระทืบระฆังจักรพรรดิตะวันออกชิ้นนี้

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันเป็นเช่นนี้ ทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นในช่วงเวลาวิกฤตทุกครั้งไป ทุกทุกครั้งที่เป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย

 

มองดูระฆังจักรพรรดิตะวันออกที่จู่ๆก็หายไป,ซ่งเฉวนิ่งอึ้งในทันที เขาคิดว่าเซี่ยวเฉินกําลังเล่นลูกไม้อีกครั้ง เมื่อเห็นเซี่ยวเฉินถอยหนีเขาจึงคืนสติกลับมา

 

ในที่สุดเขาก็ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป! ซ่งเฉวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังขึ้นไปบนฟ้า “ไอ้สารเลวตัวน้อย! มาดูกันว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้!”

 

เซี่ยวเฉินใช้ออกทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยานถึงขีดสุด ร่างของเขาดูราวกับกลายไปเป็นมังกรโผทะยาน, บินลาดไปตามพื้นดิน น่าเสียดาย,ระยะห่างของขอบเขตพลังนั้นมากเกินไป แม้ว่าเขาจะมีทักษะเคลื่อนไหวระดับสวรรค์,ความเร็วของเขาก็ไม่อาจเทียบได้กับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุด

 

มีแสงสีขาววูบผ่านและซ่งเฉวก็ปรากฏขึ้นข้างหลังของเซี่ยวเฉิน,ยกเท้าขึ้นเพื่อเตะออก มันทะลุผ่านอากาศ,เกิดเสียงระเบิดหนาแน่น,ลงไปที่หลังของเซี่ยวเฉินอย่างรุนแรง

 

เซี่ยวเฉินกระอักเลือดออกมาและตกลงไปที่พื้นหัวลงดิน ร่างของเขาลากไปกับพื้นอย่างต่อเนื่อง

 

ซ่งเฉวได้ควบคุมความแข็งแกร่งของลูกเตะให้เหมาะสมเขาไม่อยากให้เซี่ยวเฉินตายเร็วเกินไปนัก มิฉะนั้นลูกเตะนี้สามารถทําลายอวัยวะภายในของเซี่ยวเฉิน แหลกเหลวได้ในทันที

 

“วิ่งปวิ่งต่อไป! วิ่งให้ข้าดู!” ความโกรธของซ่งเฉวที่เก็บกดมาตลอดเมื่อครู่ตอนนี้ถูกปลดปล่อยระเบิดออกมา เขามีสีหน้าชั่วร้ายบนใบหน้าพร้อมกับเดินตรงไปที่เซี่ยวเฉินอย่างไม่รีบร้อน

 

ในสายตาของเขา, เซี่ยวเฉิน ผู้ที่สูญเสียระฆังจักรพรรดิตะวันออกไปแล้วก็ราวกับมดปลวก เขาจะเล่นกับเขาเช่นใดก็ได้ที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถหนักมือเกินไปนัก มิฉะนั้นเจ้ามดตัวนี้จะถูกเขาจนตาย 

 

รู้สึกดีเป็นที่สุด,ซึ่งเฉวอดหัวเราะออกมาเสียงดังไม่ได้ เขาหัวเราะออกมาราวกับถูกผีเข้าสิง

 

อย่างไรก็ตามในจังหวะนั้นเองหลิวหรูเยวผู้ที่อยู่ห่างออกไป จับมันไปที่กระบี่เงาจันทร์ มันดูเหมือนกับว่านางได้ทําพิธีอะไรบางอย่างเสร็จสิ้น ร่างกายของนางที่อ่อนแออยู่ แล้วกลายเป็นหนักกว่าเดิม

 

หลังจากที่พิธีนี้เสร็จสิ้น,กระบี่เงาจันทร์ในมือของนางส่งแสงสว่างจ้าออกมา,ราวกับว่ามันเป็นดวงอาทิตย์ขนาดย่อส่วน หลังจากที่มันดิ้นอยู่ครู่หนึ่ง มันลอยไปทางเซี่ยวเฉินอย่างรวดเร็ว เซี่ยวเฉินผู้นอนอยู่ตรงพื้นยื่นมือไปจับที่ด้านของกระบี่

 

แสงเรืองบนตัวกระบี่จางหายไปและกลับกลายเป็นปกติอีกครั้ง เมื่อซ่งเฉวเห็นสถานการณ์,เขาขวัญหายอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกลายเป็นสงบนิ่ง

 

“เจ้านายขยะ! ผ่านมาก็นานแล้ว! เจ้าก็ยังคงเป็นขยะเช่นเดิม!”

 

เสียงที่คุ้นเคยทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของเซี่ยวเฉิน เซี่ยวเฉินกลายเป็นตื่นเต้นและลืมซึ่งความเจ็บปวดไปในทันที เขาอุทานขึ้นอย่างตกตะลึง “อ่วเจียว,นั้นคือ เจ้า? นั้นเป็นเจ้า? นั้นเป็นเจ้าจริงๆ?”

 

เซี่ยวเฉินถามนางซ้ําถึงสามครั้งมันเห็นชัดว่าเขาตื่นเต้นถึงเพียงใด เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาอีกครั้ง “มันผ่านมาเพียง ไม่นานและเจ้าก็ได้ลืมน้ําเสียงของข้าไปแล้ว? เจ็บปวดเหลือเกิน”

 

“นอกจากนั้นผู้ที่ปลุกข้าขึ้นมาแท้จริงเป็นหญิงน้อยผู้นั้น พอคิดว่าข้าจะได้เจอเจ้าทันทีที่ข้าตื่นขึ้นมา”

 

ได้รับการยืนยันอย่างไม่ต้องสงสัย เซียวเฉินเป็นสุขอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้ยินเสียงอ่วเจียว,มีคําถามผุดขึ้นมาในทันที “ทําไมเจ้าต้องผนึกตัวเองในครั้งก่อน? เจ้ารู้ไหมว่าข้า”

 

ก่อนที่เซียวเฉินจะได้พูดจบ,เขาถูกขัดโดยอ่วเจียว “เจ้าปรารถนาในอาวุธกึ่งศักดิ์สิทธิ์หรือไม่? ข้าจะไม่เสียเวลาไปเพื่ออธิบายให้เจ้าฟัง ข้ามีเวลาไม่มาก ให้ข้าฝั่งตาแก่นี่เสียก่อน”

 

“ให้ข้ายืมร่างของเจ้า,อย่าได้ต่อต้าน”

 

หลังจากที่นางพูดจบ,เซี่ยวเฉินรู้สึกรู้ว่ามีพลังจิตวิญญาณอันกล้าแกร่งปรากฏขึ้นในทะเลจิตสํานึกของเขา รับรู้ได้ว่าคืออ่วเจียว,เซี่ยวเฉินไม่ได้ต่อต้านและยื่นการควบคุมร่างกายของเขาให้

 

ไม่ช้า, เซี่ยวเฉินได้เข้าสู่สภาวะแปลกประหลาด จิตใจของเขาโล่งโปร่ง,และเขาสามารถมองเห็นฉากด้านนอกได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม,เขาไม่สามารถขยับได้

 

ซ่งเฉวเห็นเซี่ยวเฉินค่อยๆปืนขึ้นมา และเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังและเสริฟ์ลูกเตะให้เซี่ยวเฉิน เกิดเสียงระเบิดขึ้นอีกครั้งในอากาศ

 

เซี่ยวเฉินเผยรอยยิ้มแบบหญิงสาว,ไม่ ถ้าจะให้ชัดเจน มันจะต้องเป็นอ่วเจียวในตอนนี้ เมื่อรอยยิ้มนี้ปรากฏบนบุรุษ, มันช่างดูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง

 

อ่วเจียวยึดร่างกายของเซี่ยวเฉินและใช้มือซ้ายของเขาขึ้นมาปัดป้อง,จับไปที่ลูกเตะของซ่งเฉวที่รวดเร็วยิ่งกว่าเสียงจากนั้นก็ยกร่างของเขาและซ่งเฉวก็ถูกยกขึ้นไปในอากาศ

 

เกิดอะไรขึ้น? ซึ่งเฉวรู้สึกหวาดกลัวในใจ เซี่ยวเฉินสามารถป้องกันการโจมตีของเขาได้จริง ไม่เพียงแค่เซี่ยวเฉินจะป้องกันได้ เขาแม้แต่ยกตัวเขาขึ้น ช่างไม่อยากจะเชื่อ 

 

ซ่งเฉวสงบสติลงและสูดหายใจเข้าลึก ร่างกายท่อนบนของเขาทําท่ายากกลางอากาศ,คล้ายกับท่าลุกนั่งกระบี่เล่มหนาในมือของเขาฟันไปที่หัวของเซี่ยวเฉินอย่างรุนแรง

 

TLเผื่องงนะครับ ซ่งเฉวถูกจับขาห้อยหัวอยู่แล้วมันงอตัว เหมือนทางลุกนั่งอ่ะครับแล้วฟันใส่เซี่ยวเฉิน

 

อ่วเจียวออกฝามือจู่โจมไปที่ข้อมือของซ่งเฉว ซึ่งเฉวรู้สึกได้ถึงความชาที่มือและกระบี่เล่มหนาตกลงไปที่พื้น

 

“แปะ!”

 

อ่วเจียวใช้มือขวาตบซ่งเฉวผู้ที่กําลังทําลุกนั่งอยู่กลางอ กาศ ลูกตบนี้แบกพลังมหาศาลเอาไว้ ร่างกายของซ่งเฉวลักถอยหลังในทันทีและเกิดเป็นรอยห้านิ้วเด่นชัดบนแก้มซ้ายของเขา

 

ลูกตบนี้ดังกึกก้องอย่างไม่น่าเชื่อไม่ได้มีเพียงสานุศิษย์ศ ลากระบี่สวรรค์ที่อยู่โดยรอบเท่านั้นที่ได้ยินมัน,มันทําซ่งเฉวงุนงงอย่างสมบูรณ์

 

เกิดอะไรขึ้น? ข้าได้อดทนมาเป็นเวลานานหลังจากรอให พลังปราณของมันเดือดแห้ง,ข้าสามารถเป็นสุขไปกับการทรมานเขา

 

ทําไมในตอนที่ข้าเริ่มจะเป็นสุขหลังจากได้เตะเขาสถานการณ์ก็พลิกกลับอีกครั้ง เขาเป็นเพียงแค่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธตัวจ้อย,ตอนนี้เขาสามารถยกข้าขึ้นมาตบ

 

ข้าเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุด! นี่มันเป็นไปไม่ได้!

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด