Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 174 เม็ดยาบํารุงโฉม
ตอนที่ 174 เม็ดยาบํารุงโฉม
เซี่ยวเฉินทําตามขั้นตอนและค่อยๆเทของเหลวยาลงในหม้อปรุงยา เมื่อของเหลวยาทั้งหมดถูกเทลงไป,กลิ่นหอมของยาก็ลอยเข้ามาแตะจมูกของเขา และกระจายไปทั่วห้อง
เซี่ยวเฉินควบคุมเพลิงแท้อัสนีม่วงอย่างระมัดระวังและหลอมรวมของเหลวยาเข้าด้วยกัน สิ่งเจือปนที่เกินความจําเป็นลอยออกมาจากหม้อปรุงยามังกรฟ้า
แม้ว่าวิธีการสกัดเม็ดยาบํารุงโฉมจะซับซ้อน,มันก็ไม่ได้ยากจนเกินไป ถึงอย่างไร มันก็ไม่ได้เป็นเม็ดยาระดับสูง เพียงแต่มันต้องใช้เวลานานในการสกัดออกมา
“ซี่ ซี่!”
หลังจากเผาไหม้มาเป็นเวลานาน,เม็ดยาก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาในที่สุด เซี่ยวเฉินเริ่มลดความร้อนของเปลวเพลิงลงและเข้าสู่ขั้นตอนที่สาม การใช้เพลิงอุ่นเพื่อทําให้เม็ดยาเสร็จสมบูรณ์
การก่อตัวของรูปทรงของเม็ดยาเป็นขั้นตอนที่สําคัญที่สุดในการสกัดเม็ดยาเพื่อกําหนดคุณภาพของเม็ดยา ดังนั้น เซี่ยวเฉินไม่กล้าที่จะประมาท
ภายใต้การควบคุมเปลวเพลิงสีม่วงของเซี่ยวเฉิน,ก้อนอ่อนของเม็ดยาก็ค่อยๆกลายเป็นผิวแข็งและราบเรียบ ในที่สุด,มันก็กลายเป็นเม็ดยาเปล่งแสงสีสว่างออกมา
เซี่ยวเฉินเผยรอยยิ้มพึงพอใจ หลังจากที่ถึงขั้นตอนสุดท้าย วงแสงสีสว่างปรากฏขึ้นบนผิวเม็ดยา
จากนั้นเม็ดยาที่สกัดแล้วก็พุ่งออกมา,ตกลงในขวดลายคราม เซี่ยวเฉินหยิบมันขึ้นมาสูดดม เขารู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจมันสําเร็จเรียบร้อย!
เขาทําสําเร็จในครั้งแรกที่สกัดมันขึ้นมา นี้เป็นสัญญาณที่ดี สีหน้าของเซี่ยวเฉินเป็นสุข
มีส่วนผสมอีกสี่ชุด เขาไม่สามารถปล่อยให้พวกมันเสียเปล่า,ดังนั้นเขาจึงสกัดเม็ดยาต่อไป อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้โชคดีเหมือนในครั้งแรก อัตราความสําเร็จของเขาอยู่ที่ครึ่ง-ครึ่ง จากความพยายามอีกสี่ครั้งเขาล้มเหลวไปสองครั้ง ถึงกระนั้น, อัตราความสําเร็จก็ถือว่าไม่ได้ต่ำ เซี่ยวเฉินเก็บเม็ดยาบํารุงโฉมทั้งสามเม็ดและมุ่งหน้าตรงไปที่ลานบ้านของหลิวหรูเยว่
ในไม่ช้าเขาก็มาถึงที่ประตูลานบ้านของหลิวหรูเยว่ ในขณะที่เขากําลังจะเคาะประตู ประตูก็เปิดออก,ปรากฏเป็นสีหน้าตกตะลึงของหลิวหรูเยว่
เลือดโลหิตถูกชะล้างออกจากเรือนร่างของนางอย่างหมดจด ในตอนนี้นางสวมชุดที่นางใส่อยู่เป็นประจํา ชุดนักบ่มเพาะพลังรัดรูป สีหน้าของนางดูดีขึ้นมากแล้ว
อย่างไรก็ตามเมีรอยแผลเป็นบางๆอยู่บนใบหน้าของนางที่ไม่ได้เลือนหายไป สําหรับหญิงสาว,มันเป็นมลทินที่ส่งผลต่อความงามของพวกนาง อย่างไรก็ตาม,มันปรากฏว่าหลิวหรูเยว่นั้นดูไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก
“เจ้ามาหาข้าทําไม?” หลิวหรูเยว่ถามขึ้น
เซี่ยวเฉินฟื้นคืนสติและพยักหน้า จากนั้นเขาก็ยื่นเม็ดยาบํารุงโฉมให้กับหลิวหรูเยว่ “พี่สาวหรูเยว่ นี่คือเม็ดยาบํารุงโฉมที่ข้าสกัดขึ้นมา มันสามารถลบรอยแผลเป็นบนร่างกายของเจ้าออกไป,พร้อมกับบํารุงผิวพรรณของเจ้าด้วยเช่นกัน”
เมื่อหลิวหรูเยว่ได้ยินดังนั้น,นางก็ยิ้มขึ้น นางรู้สึกเป็นสุขในใจ,หญิงสาวทุกนางล้วนรักสวยรักงามเป็นปกติ,หลิวหรูเยว่ก็ไม่มีข้อยกเว้น อย่างไรก็ตาม,นางก็ไม่ได้คาดหวังเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้
“เจ้ากําลังจะพยายามติดสินบนอาจารย์ของเจ้า?” หลิวหรูเยว่หยอกล้อพร้อมกับรับเม็ดยามา
เซี่ยวเฉินยิ้มขึ้น “พี่สาวหรูเยว่,ข้ากําลังจะเตรียมตัวไปที่โถงคุณความชอบสักระยะ ข้าอาจจะไม่กลับมาที่ยอดเขาฉิงหยุนเป็นเวลาหนึ่งเดือน”
“โถงคุณความชอบ?” หลิวหรูเยส่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น,นางก็พูดขึ้น “ดีแล้ว หลายทักษะต่อสู้ชั้นยอดของยอดเขาฉิงหยุนต้องการแต้มสะสมเพื่อที่จะได้รับมันมา”
“มากับข้า ทักษะกระบี่พื้นฐานของเจ้าในตอนนี้ได้ฝึกฝนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น ก่อนที่เจ้าจะไปให้ข้าได้สอนเจ้าถึงทักษะลับของยอดเขาฉิงหยุน”
เซี่ยวเฉินสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย “พี่สาวหรูเยว่,อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่ฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์ เจ้าไม่สามารถหมุนเวียนพลังปราณได้ รอจนกว่าข้าจะกลับมา!”
แม้ว่าเซี่ยวเฉินอยากที่จะเรียนทักษะลับของยอดเขาฉิงหยุน,แต่ด้วยสภาพในปัจจุบันของหลิวหรูเยว่ มันไม่ใช่ช่วงเวลาเหมาะสมที่นางจะถ่ายทอดทักษะวิชา หากนางหมุนเวียนพลังปราณขณะที่กําลังฟื้นตัว, มันจะสร้างความเสียหายต่อร่างกายของนาง”
หลิวหรูเยว่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่มีปัญหา, ข้ารู้จักร่างกายของข้าดี”
ยอดเขาฉิงหยุน พื้นที่ประลอง
หลิวหรูเยว่ยืนอยู่ตรงข้ามกับเซี่ยวเฉินและพูดขึ้น “ทั้งเจ็ดยอดเขาแห่งศาลากระบีสวรรค์มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป เอกลักษณ์ของทักษะกระบีแห่งยอดเขาฉิงหยุนก็คือความรวดเร็ว-กระบี่ที่รวดเร็วกว่าสายลม”
“ดังนั้น ทักษะกระบี่ของยอดเขาฉิงหยุนทั้งหมดสัมพันธ์กับความเร็ว ยอดเขาฉิงหยุนมีทักษะลับทั้งหมดเจ็ดทักษะด้วยรูปแบบของกระบี่เงาจันทร์,มีเพียงหนึ่งทักษะที่เหมาะสมกับเจ้า–สับวายุใส!”
สับวายุใส? เซี่ยวเฉินนึกขึ้นได้ว่าเขาเคยได้รับตําราทักษะสับวายุใส เขาอดไม่ได้ที่จะคุ้ยดูในแหวนห้วงจักรวาลของเขา หลังจากนั้นครู่หนึ่ง,เขาก็หยิบเอาตําราทักษะออกมาและยื่นให้กับหลิวหรูเยว่ “นี่คือตําราทักษะที่ข้าได้รับมาในอดีต มันคืออันเดียวกันใช่หรือไม่?”
หลิวหรูเยว่รู้สึกประหลาดใจ นางรับเอามันมามองดู,ภายใต้สายตาตกตะลึงของเซี่ยวเฉิน,นางโยนมันขึ้นไปในอากาศ ชักกระบี่ของนางออกมา และสร้างแสงขึ้นในอากาศติดกันต่อเนื่องฉีกเฉือนตําราทักษะสับวายุใส
“ชัว! ชัว!”
เสียงสายลมดังก้อง แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะยืนอยู่ตรงข้ามมัน,เขาสัมผัสได้ถึงสายลมไหลรุนแรง สายลมทําให้เสื้อผ้าของเขาปลิวไหวอย่างต่อเนื่อง
ตําราสั่นสะเทือนอยู่กลางอากาศ แต่ละหน้าของมันแยกออกและฉีกขาด จากนั้น พวกมันก็ลอยลงมาทีละหน้าทีละหน้า พวกมันทั้งหมดลอยลงบนพื้นอย่างเรียบร้อย,ซ้อนทับลงทีละแผ่น
เมื่อกระบี่เล็กได้กลับเข้าฝัก,หน้ากระดาษทุกใบแยกออกจากกันอย่างสมบูรณ์ ที่น่าตกใจก็คือทุกหน้ากระดาษลงมาซ้อนทับกันอย่างเป็นระเบียบ:หน้าบนสุดก็เป็นปกของตํารา
หากเซี่ยวเฉินไม่ได้เห็นมันกับตาของตัวเองเขาจะต้องคิดว่ามันคือตําราที่วางอยู่บนพื้นในสภาพดีเยี่ยมมันช่างเป็นระเบียบ
“มันคือตําราฉบับไม่สมบูรณ์ที่รั่วไหลออกไปมันไร้ค่า ที่ข้าได้แสดงไปคือสับวายุใส เจ้าเห็นมันได้ชัดเจนหรือไม่?” หลิวหรูเยว่อธิบายให้เซี่ยวเฉิน
ไร้สาระ,เพียงครั้งเดียว? ข้าจะเห็นมันได้อย่างชัดเจนได้เช่นไร? เซี่ยวเฉินส่ายหัวอย่างซื่อตรง
เมื่อหลิวหรูเยว่เห็นดังนั้น,นางก็กล่าวขึ้น “มันไม่สําคัญว่าเจ้าจะไม่เห็นมันอย่างชัดเจน เจ้าเพียงแค่ต้องจดจําหัวใจหลักของสับวายุใส วายุใส,สายลมเย็น… เจ้าเห็นเพียงสายลมเย็นไหลผ่านแต่มิใช่ตัวกระบี่”
เจ้าเห็นเพียงสายลมเย็นไหลผ่านแต่มิใช่ตัวกระบี่ เซี่ยวเฉินทวนประโยคนี้ในใจสองสามครั้ง จากนั้น ทันใดนั้นเขาก็ได้บรรลุ เมื่อหลิวหรูเยวชักกระบี่ของนางเมื่อครู่ คมกระบี่ตัดผ่านอากาศ,ก่อเกิดสายลมเย็น
มันคือสายลมเย็นที่เกิดจากกระบี่ อย่างไรก็ตาม,ตามการรับรู้ของเขา เขารู้สึกถึงสายลมเย็นได้อย่างชัดเจน แต่ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงคมกระบี่
มองดูเซี่ยวเฉินที่ดูเหมือนจะบรรลุได้,หลิวหรูเยว่กล่าวต่อ “ความหมายของประโยคนี้ก็คือเปิดซ่อนเจตนาฆ่าฟันท่ามกลางสายลมเย็น,ดังนั้นคู่ต่อสู้ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงคมกระบี่ เช่นนั้นพวกเขาไม่สามารถตัดสินได้ว่าคมกระบี่จะมาจากทางไหน”
หลังจากที่หลิวหรูเยวพูดจบ,นางก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าวและชักกระบี่ของนางออกมาอีกครั้ง อากาศหนาแน่นรวมตัวก่อเกิดเป็นสายลมเย็นที่ไม่สิ้นสุด
เซี่ยวเฉินพล่ามัวเขาเหมือนจะเห็นมือของหลิวหรูเยว่จางหายไปในอากาศ แม้ว่าเขาไม่อาจสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟัน,เขารู้สึกได้จากสัญชาตญาณภายในร่างของเขา
เขารีบถอยกลับหลังไปสองก้าว ในจังหวะที่เท้าของเขาสัมผัสพื้น,กระบี่เล็กปรากฏออกมาจากสายลมบางเฉีกเสื้อของเขาบริเวณหน้าอก
หลิวหรูเยวถอนกระบี่กลับและโยนตําราเล่มหนึ่งให้กับเซี่ยวเฉิน “นี่เป็นสําเนาคัดมือของสับวายุใส แม้ว่ามันจะเป็ สําเนาคัดมือ,มันก็เป็นสําเนาฉบับสมบูรณ์ สําเนาที่เจ้ามีมันเทียบไม่ได้กับฉบับนี้ จบแล้วเจ้าไปได้แล้วตอนนี้”
เซี่ยวเฉินมองกวาดไปที่ทักษะลับในมือของเขาและเก็บมันเข้าไป เขาถามขึ้น “เพียงแค่นี้? ข้าดูเหมือนไม่ได้เรียนอะไรสักอย่าง”
หลิวหรูเยว่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา นางใช้ฝึกกระบี่เคาะไปที่หัวของเซี่ยวเฉิน “เจ้าอยากจะได้อะไรอีก? นี่คือแก่นแท้ที่ข้าได้บรรลุมา มันเพียงพอที่จะไม่ทําให้เจ้าเดินไปผิดทาง แค่จําประโยคที่ข้าได้บอกเจ้า เจ้าสามารถมองเห็นเพียงสายลมเย็นแต่มิใช่ตัวกระบี่”
“ใช่แล้ว อย่าได้รับภารกิจที่อันตรายเกินไป หลังจากที่เจ้ากลับมา ข้าจะหาเวลาเพื่อสอนเจ้าถึงฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมัน”
เซี่ยวเฉินไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปเช่นไร เขารู้สึกว่าความเมตตาของหลิวหรูเยวมันไม่อาจจะรับได้มันมากล้นจนเกินไป
หลิวหรูเยวพูดขึ้น “เจ้าไม่ต้องไปคิดให้มาก แม้ว่าข้าจะไม่ได้แก่ไปกว่าเจ้านัก,พวกเราก็ยังเป็นศิษย์กับอาจารย์ ถ่ายทอดทักษะวรยุทธก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ของข้า นอกจากนั้น,ช่วยเหลือเจ้าก็เท่ากับช่วยเหลือข้า”
เซี่ยวเฉินโค้งคํานับให้กับหลิวหรูเยว่ จากนั้นเขาก็หันหลังและออกจากพื้นที่ประลองไป เขาไปเตรียมตัวเพื่อที่จะลงจากยอดเขาฉิงหยุนและมุ่งหน้าไปที่ฐานส่องสวรรค์ หลังจากที่เซี่ยวเฉินได้จากไปไกล,หลิวหรูเยว่ก็ไอออกมาสองสามครั้งนางไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป
โถงคุณความชอบ,ซึ่งเป็นผู้ออกภารกิจของนิกาย ตั้งอยู่ในฐานส่องสวรรค์ที่จอแจ นี่คือสิ่งที่เซี่ยวเฉินได้ยินมาจากผู้อื่นตลอดทาง
หลังจากที่เซี่ยวเฉินลงมาจากยอดเขาฉิงหยุน,เขามุ่งหน้ามาไปยังฐานส่องสวรรค์ในทันที่อย่างเร่งรีบ ภายในเทือกเขาหลิงหยุน,ฐานส่องสวรรค์ช่างดูเตะตาเป็นอย่างมากฐานขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้จากทั่วทุกมุม,ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ไกลถึงเพียงใด
มีคําพูดที่ว่าะภูเขาปรากฏใกล้เมื่อจ้องมอง,แต่เดินไปหาช่างยากเย็น ฐานส่องสวรรค์มองเห็นได้อย่างง่ายดายจากยอดเขาฉิงหยุนแต่มันใช้เวลาถึงสองชั่วโมงในการมาถึงตีนเขาถึงแม้ว่าเซี่ยวเฉินจะวิ่งด้วยกําลังทั้งหมดของเขา
ครั้งสุดท้ายที่เขามายังฐานส่องสวรรค์ เขานั่งเรือหยกของเก่อหยุนปินมา มันช่างสะดวกสบาย ไม่เหมือนปัญหาที่เขาต้องเจอมาตลอดทั้งวันนี้ เมื่อเขาได้มาถึงตีนเขา,เขามองไปยังฐานส่องสวรรค์ที่ตั้งตระหง่าน เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัวเมื่อเขานึกถึงในตอนที่เขาต้องปีนขึ้นไปตลอดทาง
“น้องชายกําลังจะขึ้นไปบนฐานส่องสวรรค์ ใช่หรือไม่? เจ้าขี่สัตว์อสูรวิญญาณของข้าขึ้นไปเป็นไง? เจ้าต้องจ่ายเพียงหินวิญญาณระดับต่ำสองก้อน”
“น้องชายตัวน้อยไปกับข้า ข้าคิดเจ้าเพียงหนึ่งหินวิญญาณระดับต่ำ นอกจากนั้น,สัตว์อสูรวิญญาณของข้ายังรวดเร็วกว่าของเขา”
ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังเตรียมตัวที่จะปีนขึ้นไป,ทันใดนั้นก็มีกลุ่มคนมาล้อมตัวเขา ที่ด้านหลังของทุกคนมีสัตว์อสูรวิญญาณประเภทปีกะดูเหมือนพวกเขาจะเปิดกิจการแท็กซี่
อย่างไรก็ตาม,ราคาช่างสั่นสะเทือนแผ่นดิน เพียงรอบเดียวต้องใช้หินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งก้อนมันแพงยิ่งกว่านั่งเครื่องบินเสียอีก
ในท้ายที่สุด เซี่ยวเฉินก็จ่ายหินวิญญาณระดับต่ำไปหนึ่งก้อนและจ้างสัตว์อสูรวิญญาณขึ้นไปส่งเขาบนภูเขา ด้วยความเร็วของเขา เขาประมาณการณ์ว่ากว่าเขาจะขึ้นไปถึงฐานส่องสวรรค์,มันจะมืดค่ำกันพอดี
มันไม่คุ้มที่จะเสียเวลา นอกจากนั้นเขาก็ไม่ได้ขัดสนหินวิญญาณเขาเพิ่งได้รับมันมากองโตเมื่อก่อนหน้านี้ มีหินวิญญาณจํานวนมหาศาลอยู่ในแหวนห้วงจักรวาลของเขาตอนนี้ ดังนั้น เขาไม่ได้ติดใจอะไรนักหากจะหยิบออกมาใช้
คนผู้นั้นรับหินวิญญาณของเซี่ยวเฉินไปและรับเซี่ยวเฉินขึ้นมาบนสัตว์อสูรวิญญาณของเขาทันที สัตว์อสูรวิญญาณของเขานั้นค่อนข้างพิเศษมันเป็นวิหคธาตุลม
มันกระพือปีก,ตบฝุ่นควันก้อนใหญ่ลอยขึ้น และทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า มันมุ่งหน้าไปที่ฐานส่องสวรรค์ด้วยความรวดเร็ว:เป็นไปตามคําของคนผู้นี้
เซี่ยวเฉินรู้สึกว่ามันแปลกประหลาดที่มีหลายคนครอบครองสัตว์อสูรวิญญาณประเภทปีก พวกเขาได้รับมันมาได้อย่างไร? จากสัตว์อสูรวิญญาณที่สามารถฝึกได้ทั้งหมด สัตว์อสูรวิญญาณประเภทปีกมีมูลค่าสูงที่สุด นั้นเป็นเพราะมันฝึกได้ยากที่สุด
เจ้าของสัตว์อสูรวิญญาณมองเห็นความสับสนของเซี่ยวเฉิน เขายิ้มขึ้นพร้อมกับอธิบาย “พวกเราได้พวกมันมาจากการแลกแต้มสะสมของนิกาย พวกมันสามารถไปรับได้ที่โถงสัตว์อสูรวิญญาณของนิกาย อย่างไรก็ตาม,ระดับของสัตว์อสูรวิญญาณพวกนี้ค่อนข้างต่ำ และพวกมันไม่ได้มีประโยคมากนัก
เซี่ยวเฉินรู้สึกว่านั้นมันแปลกประหลาด เขาถามขึ้น “เจ้าหมายความว่าเช่นไร?”
คนผู้นั้นอธิบาย “มันไม่มีหยกวิญญาณสีเลือด,และพวกมันก็ไม่ได้ถูกจับมาตั้งแต่ยังเยาว์ ดังนั้น, สัตว์อสูรวิญญาณที่สามารถซื้อได้จะไม่เกินระดับ 2″
“เจ้าสามารถจินตนาการได้ถึงความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 2 มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอามาใช้ในการต่อสู้ มันคงจะเป็นปาฏิหาริย์หากว่ามันสามารถระวังหลังให้เจ้าได้ ดังนั้นมันจึงสามารถนํามาใช้ได้เพียงแค่เครื่องมือเดินทางเท่านั้น”
คอมเม้นต์